ตอนที่แล้วตอนที่ 7 แสดงอำนาจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9 อับอายขายหน้าแทบตาย

ตอนที่ 8 สั่งสอนผู้ใต้บัญชา


ตอนที่ 8 สั่งสอนผู้ใต้บัญชา

เขาเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วมากดังที่คาดไว้ ลั่วหลานเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา จากนั้นก็ขมวดคิ้วดุ:

“พ่อบ้านสวีช่างทะนงตนนัก วันนี้เป็นวันแรกที่ข้าเข้ารับตำแหน่ง เจ้ายังต้องการให้ข้าเชิญเจ้าสามครั้งก่อน จึงจะสามารถมาได้หรือ?”

“ข้าน้อยไม่บังอาจพ่ะย่ะค่ะ”

พ่อบ้านสวีแอบกลอกตาด้วยความดูถูก แม้ว่าเขาจะไม่พอใจ แต่ไม่ได้แสดงออกผ่านทางสีหน้า

“ไม่บังอาจหรือ?”

จู่ ๆ ลั่วหลานก็ยกแส้ขึ้นฟาดพื้นตรงหน้าเขาเสียงดัง “เพียะ” ขณะที่ฝุ่นลอยฟุ้งขึ้นมา พ่อบ้านสวีก็ตกใจมากจนถอยหลังหนี

นางขึ้นเสียงพูดอย่างเย็นชา:

“รากไม่ตรง ลำต้นก็พลอยคดไปด้วย พ่อบ้านสวีไม่ได้สนใจเคารพข้านัก ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนรับใช้เหล่านี้ถึงกำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ ข้าเพิ่งได้ตำแหน่งวันนี้ และข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับพวกเจ้า แต่พวกเจ้าทุกคนจงจำไว้ว่า คราวหน้าหากข้าเรียกหา อย่าได้มัวชักช้าอีก ไม่เช่นนั้นก็อย่ามาโทษว่าแส้ของข้าไม่มีตา”

หลังจากได้ฟังคำพูดของนาง ทุกคนมองหน้ากันด้วยความสับสน รวมถึงแม่ครัวทั้งสองที่คิดว่าตนเป็นผู้อาวุโสก็ตกตะลึงเช่นกัน

พวกนางยังสงสัยด้วยว่าสถานะของพระชายาองค์ใหม่นี้คงไม่ธรรมดา ไม่อย่างนั้นนางจะกล้าปฏิบัติต่อพวกนางเช่นนี้ในตำหนักได้อย่างไร

ลั่วหลานหันไปหาพ่อบ้านสวี แล้วพูดว่า:

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อาหารของท่านอ๋องจะเป็นไปตามสูตรอาหารของข้า ไม่อนุญาตให้ทำผิดสูตร”

พ่อบ้านสวีมองแส้ในมือของนาง แล้วพยักหน้าด้วยความตกใจ “ข้าน้อยรับทราบพ่ะย่ะค่ะ”

นางมองแม่ครัวสองคนอีกครั้ง “พวกเจ้าสองคน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อาหารของท่านอ๋องจะต้องมีจางลง ใส่เกลือและน้ำมันให้น้อยลง แต่รสชาติต้องไม่แย่ลงแม้แต่น้อย”

แม้ว่าแม่ครัวทั้งสองจะไม่เต็มใจจะทำเช่นนั้น แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับ

จากนั้นนางมองหรูอี้กับสาวใช้อีกสามคน “ส่วนพวกเจ้า ต้องทำความสะอาดห้องทุกห้องในตำหนักแห่งนี้ นับจากนี้เป็นต้นไป จะต้องทำความสะอาดทุกวัน จะได้ไม่จ่ายค่าจ้างให้พวกเจ้าเสียเปล่า”

สาวใช้คนหนึ่งได้ยินดังนั้นก็บ่นพึมพำ:

“ใครจะทำความสะอาดห้องในตำหนักมากมายถึงเพียงนั้น? ต่อให้ทำความสะอาดเสร็จแล้ว ก็ไม่มีใครเข้าไปอาศัยอยู่เสียหน่อย!”

ลั่วหลานขมวดคิ้วมองนางทันใด ก่อนจะฟาดแส้ในมือลงพื้น แล้วมองนางด้วยความโกรธ

“หากมีเรื่องจะพูดก็พูดเสียงดังมาเลย ให้ทุกคนได้ยิน ไม่ต้องกระซิบกับตัวเอง”

สาวใช้คนนั้นรีบปิดปาก ก้มหน้าลง ไม่กล้าพูดอีก

ลั่วหลานเหลือบมองคนรับใช้อีกครั้ง ก่อนเลิกคิ้วสั่งต่อทันที:

“ไม่เห็นหรือว่าตำหนักสกปรกทั้งภายในและภายนอกเพียงใด? ข้าไม่สนใจว่าปกติพวกเจ้าทำอันใดกัน เริ่มตั้งแต่วันนี้ไป พวกเจ้าต้องทำความสะอาดในตำหนักทุกวัน อย่าให้ข้าเห็นฝุ่นหรือขยะอีกแม้แต่น้อย”

คนรับใช้ไม่กี่คนเหล่านี้ค่อนข้างซื่อ แม้ว่าจะไม่มีใครเต็มใจทำ แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยคัดค้าน

ลั่วหลานเงยหน้าขึ้นมองทุกคนอีกครั้ง แม้ว่าคนเหล่านี้จะฟังคำพูดของนาง แต่ก็ไม่รู้ว่าภายในใจกำลังเคียดแค้นนางเพียงใด เพราทุกคนรู้สึกว่านางเป็นพระชายาที่จะอยู่ได้อีกไม่นาน คงต้องตายตามท่านอ๋องไปเร็ว ๆ นี้ พวกนางจึงตั้งตารอดูละครแสนสนุกเช่นนั้น

นึกถึงเรื่องนี้ ขณะเดินถือแส้ไปมาต่อหน้าคนเหล่านี้ นางก็พูดเสียงดังอีกครั้ง

“พวกเจ้าควรรู้ไว้ด้วยว่าท่านอ๋องประชวรหนัก อีกไม่นานอาจสิ้นพระชนม์ไป ข้าคนนี้มาที่นี่เพราะเงินตอบแทน ย่อมเป็นคนที่ต้องตายตามไปด้วย ดังนั้น ข้าจึงเป็นคนไม่สนใจความเป็นความตาย แต่ต่อให้ข้าจะได้เป็นพระชายาเพียงวันเดียว ข้าก็ยังมีสถานะเป็นพระชายา หากพวกเจ้าคนใดไม่พอใจ ก็ต้องเก็บเอาไว้ในใจ อย่าให้ข้าเห็นเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าจะใช้ สิทธิ์ในฐานะพระชายาลงโทษอย่างหนักแน่นอน ข้าเป็นคนใจแข็ง ใครกล้ายั่วยุข้าก่อน ข้าก็กล้าสังหารคนผู้นั้น อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”

ทุกคนได้ฟังดังนั้นก็สูดหายใจเข้า สุดท้ายผู้หญิงตรงหน้าพวกเขาก็เป็นพระชายา ไม่ว่านางจะอยู่ในสถานะใด และไม่ว่านางจะมีชีวิตอยู่ได้นานเพียงใด นางก็ยังเป็นพระชายาที่ฉางกุ้ยเฟยยอมรับ

ทุกคนจึงจำต้องโค้งคำนับ แม้ไม่เต็มใจก็ตาม “น้อมรับพระบัญชาพระชายา”

ความดูถูกฉายแววในดวงตาของพ่อบ้านสวี เขาดูแลตำหนักแห่งนี้มาสามปีแล้ว ประหนึ่งว่าเป็นเจ้าของคนเดียวมาสามปี ตอนนี้สตรีผู้นี้เข้ามายึดครองแล้ว เขาย่อมไม่พอใจ แต่เขารอได้ เมื่อนางตายตกไปตามท่านอ๋องที่กำลังจะตาย เมื่อนั้นทุกอย่างจะยังอยู่ใต้การควบคุมของเขา

ขณะที่เขากำลังคิดอยู่ ทันใดนั้นสายตาคมกริบของลั่วหลานก็หันมามองเขา “พ่อบ้านสวี กลับไปเอาบัญชีของตำหนักมาให้ข้าดู เจ้าทำงานหนักในฐานะพ่อบ้านมายาวนาน ในฐานะพระชายา ข้าควรแบ่งเบาภาระของเจ้าบ้าง”

ได้ฟังเช่นนั้น พ่อบ้านสวีก็ตื่นตระหนกทันที เขาจะไปเอาบัญชีมาจากไหน? หลังจากอาศัยอยู่ในตำหนักอย่างสุขสบายมานาน เงินเดือนส่วนใหญ่ที่ราชสำนักจัดสรรให้ตำหนัก ก็ถูกเขาเก็บเข้ากระเป๋าตัวเองไปหมดแล้ว เหลือเพียงส่วนเล็ก ๆ ไว้ใช้จ่ายในตำหนัก ไม่อย่างนั้นในตำหนักนี้จะเหลือแต่คนรับใช้ ที่เหมาะกับจริตของเขาเพียงไม่กี่คนได้อย่างไร

เมื่อเห็นว่าเขาก้มหน้านิ่งเงียบ ลั่วหลานจึงพูดอีกครั้งว่า “อันใดกัน? พ่อบ้านสวีมีปัญหาอันใดหรือเปล่า? หรือว่าไม่มีบัญชีตำหนัก?”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอ่านความคิดของตนได้ พ่อบ้านสวีก็รีบก้มหน้าลง แล้วกำหมัดแน่นขณะตอบว่า:

“พระชายาช่างล้อเล่นเสียจริง จะไม่มีบัญชีตำหนักได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ มันค่อนข้างยุ่งเหยิงนิดหน่อย ข้าน้อยต้องกลับไปจัดการก่อนจะมอบให้พระชายา ไม่เช่นนั้น ข้าเกรงว่าพระชายาจะไม่เข้าใจพ่ะย่ะค่ะ”

แม้ว่าลั่วหลานจะรู้ว่านี่ต้องเป็นข้ออ้างถ่วงเวลาของเขา แต่นางก็รอได้ นางจะไม่ตายภายในสามถึงห้าวัน อย่างที่พวกคนใต้บัญชาเหล่านี้คิดหรอก

นางจึงเลิกคิ้วแล้วกระซิบว่า “ได้ เช่นนั้นให้เวลาพ่อบ้านสวีสิบวัน แค่ตรวจสอบบัญชีหรือจะทำใหม่หมดอีกครั้งก็ได้”

สิบวันหรือ?

พ่อบ้านสวีแอบดีใจ นางจะมีชีวิตอยู่ถึงสิบวันหรือ?

เขารีบตอบตกลงทันที

นางไม่สนใจจะพูดคุยกับคนที่ชอบดูหมิ่นคนอื่นเหล่านี้ หลังจากบอกว่าท่านอ๋องต้องกินอันใดเป็นมื้อกลางวันแล้ว นางก็หันหลังเดินจากไป

หลังจากที่ลั่วหลานจากไป คนรับใช้เหล่านี้ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที

เหล่าสาวใช้รีบเดินไปหาพ่อบ้านสวีเพื่อบ่น

“พ่อบ้านสวีดูสิ ข้ามีรอยแส้บนแขนด้วย ท่านต้องช่วยตัดสินให้เราสิเจ้าคะ!”

“ถูกต้อง นางเป็นเพียงผู้หญิงบ้านนอกที่ฉางกุ้ยเฟยซื้อเข้ามาในตำหนัก เหตุใดต้องทำตัวเย่อหยิ่งกับพวกเราถึงเพียงนี้ด้วย?”

“พวกเรามีกันตั้งหลายคน ยังต้องกลัวนางอยู่อีกหรือ? พ่อบ้านสวี ท่านต้องตัดสินใจให้ดีนะเจ้าคะ!”

“ใช่แล้ว! ไม่เช่นนั้นพวกเราก็ก่อกบฏกับนางเลย!”

พ่อบ้านสวียังคงคิดอยู่ว่าเขาจะจัดการบัญชีให้เสร็จภายในสิบวันได้อย่างไร ดังนั้นเสียงจู้จี้จุกจิกของผู้หญิงเหล่านี้ จึงทำให้เขาโบกมือด้วยความรังเกียจ

“พวกเจ้าหยุดวุ่นวายได้แล้ว ครั้งสุดท้ายที่หมอหลวงมาตรวจก็เห็นแล้ว อีกไม่นานท่านอ๋องต้องสิ้นพระชนม์ ถึงตอนนั้นนางจะเป็นเพียงเครื่องสังเวยหลุมศพ เหตุใดพวกเจ้าต้องรีบร้อนด้วย ไปทำงานกันได้แล้ว!”

หลังจากทิ้งคำพูดนี้ไว้ เขาก็รีบหันหลังเดินจากไป

แม้ว่าเขาจะไม่กลัวพระชายาองค์ใหม่ แต่เขากลัวว่าสิ่งที่เขาทำในตำหนักจะถูกนางเปิดโปง

ทุกสองสามวันจะมีหมอหลวงหรือขันทีมาตรวจอาการของท่านอ๋องในตำหนัก หากสตรีผู้นี้กล่าวหาเขา วันชื่นคืนสุขของเขาอาจจะจบลง!

เมื่อเห็นพ่อบ้านสวีเดินจากไป หรูอี้ที่นิ่งเงียบอยู่ก็พูดขึ้นว่า

“พวกเรามีกันตั้งหลายคน ยังต้องกลัวผู้หญิงคนเดียวกับคนใกล้ตายอยู่หรือ?”

....................................................................................................