ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2 ไม่มีครอบครัวอีกต่อไป

ตอนที่ 1 คนเดินทางข้ามเวลาที่โชคร้ายที่สุด


ตอนที่ 1 คนเดินทางข้ามเวลาที่โชคร้ายที่สุด

ลั่วหลานคิดว่าตนคือคนเดินทางข้ามเวลา ที่น่าสงสารที่สุดในประวัติศาสตร์!

ขณะนี้นางนั่งอยู่ริมแม่น้ำเว่ยที่พรากชีวิตเจ้าของร่างเดิมของนาง อากาศช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงนี้ ทำให้คนตัวเปียกเช่นนางตัวสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บ เมื่อนึกถึงการกระทำอันไร้มนุษยธรรม ที่ทำให้เจ้าของร่างเดิมต้องทนทุกข์ทรมาน นางก็อกสั่นขวัญหาย

ปีนี้สุ่ยลั่วหลาน เจ้าของร่างเดิมอายุครบสิบเจ็ดปี เมื่อสิบเจ็ดปีที่แล้ว อาของนางพบนางที่ยังเป็นทารก ขณะขึ้นภูเขาไปตัดฟืน เมื่อเขาเห็นว่านางน่าสงสารเพียงใด จึงเก็บนางไปเลี้ยง แต่หลังจากสุ่ยชุนฮวา น้องสาวของนางลืมตาดูโลก อาสะใภ้ก็เริ่มเมินนาง

เท่าที่จำความได้ นางได้กินเฉพาะอาหารเหลือจากคนในครอบครัวเท่านั้น ซ้ำยังต้องรับผิดชอบหน้าที่ซักผ้าและทำอาหารที่บ้านอีกด้วย น้องสาวของนางที่อายุน้อยกว่านางหนึ่งปี สามารถไปเรียนอ่านเขียนที่โรงเรียนได้ แต่นางทำได้เพียงแบกตะกร้าไม้ไผ่ไว้บนหลัง แล้วขึ้นภูเขาไปเก็บหญ้ามาให้หมูแต่เช้า

แม้ว่านางจะทำงานหนัก แต่อาสะใภ้ก็ยังไม่ชอบนาง

เมื่อวานนี้จู่ ๆ อาสะใภ้ของนางก็ใจดีกับนางอย่างไม่มีสาเหตุ ไม่เพียงแต่ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้นางเท่านั้น แต่ยังซื้อสีเครื่องประทินโฉมให้ด้วย เป็นเวลาสิบเจ็ดปีแล้ว ที่หญิงสาวร่างผอมเช่นนาง ต้องสวมใส่เสื้อผ้าเก่าของน้องสาวมาโดยตลอด นางมีความสุขมาก เมื่อได้สวมเสื้อผ้าใหม่เป็นครั้งแรก และอาสะใภ้ของนางก็เอ่ยชมนางไม่ขาดปาก

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น ลั่วหลานก็ขอบตาร้อนผ่าว น้ำตาพลันไหลอาบแก้ม

“หลานเอ๋อร์ เหตุใดอาสะใภ้ไม่สังเกตเห็นก่อนหน้านี้นะ? เจ้ามีรูปโฉมงดงามนัก หากได้แต่งงานกับใครสักคน ชีวิตจะมีความสุขแน่นอน”

นี่เป็นครั้งแรกที่อาสะใภ้ของนางเอ่ยชมนางเช่นนี้ ในเวลานั้นลั่วหลานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุข นางมีความสุขมากจนรู้สึกว่าอาสะใภ้ใจดีกับนางแล้ว ชีวิตในอนาคตของนางคงจะหอมหวาน

ตอนเย็นนางถอดเสื้อผ้าใหม่ที่อาสะใภ้ซื้อมาให้ แล้วเก็บไว้อย่างทะนุถนอม เปลี่ยนเป็นชุดทำงานปกติ เตรียมต้มน้ำให้อาสะใภ้ล้างเท้า นี่เป็นงานที่นางต้องทำทุกวัน

ขณะที่เดินผ่านห้องของอาสะใภ้ นางได้ยินบทสนทนาระหว่างอากับอาสะใภ้

“ไม่ได้” เสียงของอาดังขึ้นทันที

แต่นางรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับนางเป็นแน่ นางจึงนั่งยอง ๆ หน้าประตูเพื่อแอบฟัง

อาสะใภ้รีบขัดจังหวะเขา “เจ้าเบาเสียงลงหน่อยได้หรือไม่? เจ้าก็รู้ดีว่าเราเลี้ยงนางมาสิบเจ็ดปีแล้ว ถึงเวลาที่นางจะต้องทำบางอย่างเพื่อตอบแทนครอบครัวแล้ว”

“ท่านอ๋ององค์นั้นกำลังจะตาย หากเจ้าให้หลานเอ๋อร์แต่งงานกับเขา ก็ไม่ต่างจากการส่งนางไปตาย”

“ท่านอ๋องคงไม่ตายในเร็ว ๆ นี้หรอก ถ้านางแต่งงาน นางจะเป็นถึงพระชายาในราชวงศ์ แล้วนั่นก็เป็นเงินหนึ่งพันตำลึง มันเพียงพอที่จะทำให้ครอบครัวเราอยู่สุขสบายไปได้ครึ่งชีวิต”

“ข้าไม่ทำ ข้าปฏิเสธ เหตุใดเจ้าไม่ให้ชุนฮวาไปล่ะ ข้าบอกไว้เลยว่า ถ้าเจ้าพยายามจะใช้ประโยชน์จากหลานเอ๋อร์อีกครั้ง ระวังข้าจะทุบตีเจ้า”

หลังจากที่อาพูดเช่นนี้ เขาก็เดินด้วยก้าวหนัก ๆ ไปที่ประตู

ลั่วหลานกลัวว่าอาจะรู้ว่านางกำลังแอบฟังอยู่ นางจึงวิ่งกลับไปยังโรงเก็บฟืนที่นางอาศัยอยู่มานานกว่าสิบปี

นางนั่งน้ำตาไหลรินอยู่บนเตียงไม้ ปรากฏว่านั่นคือเหตุผลที่ทำให้จู่ ๆ อาสะใภ้ก็ใจดีกับนาง นางเคยได้ยินมาก่อนว่า มีท่านอ๋ององค์หนึ่งในเมืองหลวงป่วยหนักใกล้ตาย ไม่นานพระมารดาของเขา ฉางกุ้ยเฟย ก็อยากให้เขาได้แต่งงานก่อนตาย แน่นอนว่าตามกฎของอาณาจักรต้าหนิง หลังจากที่ท่านอ๋องสิ้นพระชนม์แล้ว พระชายาที่เพิ่งแต่งงานใหม่ ก็ต้องถูกฝังไปกับเขาด้วย

แน่นอนว่าบรรดาสตรีในราชสำนักย่อมไม่ยอมยุ่งกับเรื่องเช่นนี้ ฉางกุ้ยเฟยจึงออกคำสั่งให้ติดประกาศหลวง ทั้งในเมืองหลวงและชนบทใกล้เคียง ตามหาใครก็ตามที่ยินดีส่งลูกสาวเข้าวังหลวง แล้วจะมอบเงินหนึ่งพันตำลึงให้

แม้ว่าสถานะของท่านอ๋องจะสูงส่ง แต่ไม่มีพ่อแม่คนใดยอมส่งลูกสาวไปตาย ประกาศหลวงถูกติดมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว แม้ว่าจะมีสตรีที่ทะเยอทะยานและปรารถนาความรุ่งโรจน์ ไปที่ตำหนักของท่านอ๋องแล้วหลายคน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกนางต้องเปลี่ยนใจกันทุกคนเมื่อเข้าไปในตำหนัก ดังนั้นจึงยังมีประกาศหลวงติดอยู่เหมือนเดิม ไม่มีใครสนใจอีก

เมื่อวานอาสะใภ้ของลั่วหลานเข้าไปขายไข่ในเมือง แล้วได้ยินเรื่องนี้ จึงเกิดความคิดว่าจะส่งลั่วหลานไป

เจ้าของร่างเดิมลั่วหลาน นั่งอยู่ในโรงเก็บฟืนทั้งคืน เมื่อคิดว่าต้องถูกฝังไปกับคนที่กำลังจะตาย หัวใจนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และเกิดความคิดว่าถ้าได้ตายอย่างมีความสุข ก็คงจะดีกว่า

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ขณะที่ทุกคนยังคงหลับใหล นางก็สวมเสื้อผ้าใหม่ กระโดดลงไปในแม่น้ำเว่ยที่ลึกจนไม่เห็นก้นแม่น้ำ

ขณะเดียวกัน ลั่วหลานที่เกิดในศตวรรษที่ยี่สิบห้า เสียชีวิตกะทันหันขณะทำงานในห้องปฏิบัติการวิจัย เป็นเวลาสามวันสามคืนติด วิญญาณของนางจึงเข้ามาติดอยู่ในร่างของลั่วหลาน แห่งอาณาจักรต้าหนิงที่เสียชีวิตไปแล้ว

โชคดีที่นางว่ายน้ำเป็น ไม่เช่นนั้นนางคงจมน้ำตายทันทีที่ข้ามเวลามา

นางนั่งอยู่ริมตลิ่ง สัมผัสบาดแผลบนร่างกายเบา ๆ แล้วรู้สึกเจ็บปวดในใจ

บาดแผลทั้งหมดนี้เกิดจากอาสะใภ้แอบใช้เข็มทิ่มแทง ตอนที่อาของเจ้าของร่างเดิมไม่อยู่ บางครั้งก็ใช้แส้ตีด้วย อาสะใภ้มักจะบอกเสมอว่านางขโมยของกิน แต่ความจริงแล้วกระเพาะของนางมีปัญหา เพราะต้องกินอาหารเย็นชืดตลอด นางอยากจะเข้าครัวตอนกลางคืน เพื่อไปต้มน้ำร้อนดื่ม แต่อาสะใภ้ของนางเข้าใจผิดว่านางแอบเข้าไปกินข้าว

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เจ้าของร่างเดิมมีนิสัยขี้ขลาด ดังนั้นแม้ว่าอาสะใภ้จะตบตีนาง นางก็จะไม่อธิบายหรือขัดขืนเลย แค่ปล่อยให้อาสะใภ้ใช้แส้ตี...

เมื่อรู้เรื่องทั้งหมดนี้แล้ว นางก็อดบ่นกับตัวเองไม่ได้

“โธ่ เกิดผิดเวลาจริง ๆ ชาติที่แล้ว ข้าเป็นหมออัจฉริยะที่หลายคนตั้งตารอ แต่ชาตินี้กลับกลายเป็นเด็กผู้หญิงยากจน เนื้อตัวมีแต่บาดแผล ไม่มีแม้แต่ครีมหงซวงสักกระปุก”

ครีมหงซวงเป็นยาที่นางคิดค้นขึ้นในชาติก่อน มันมีประสิทธิภาพมาก ในการรักษาแผลที่ผิวหนังประเภทนี้ ดังนั้นในเวลานี้ นางจึงคิดถึงครีมหงซวงมาก

ทันทีที่นางพูดจบ วงแสงสีเงินพลันปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตานาง นางมองวงแสงนั้นด้วยความประหลาดใจ ข้างในนั้นกลายเป็นห้องทดลองและห้องผ่าตัดของนางในชาติที่แล้ว พร้อมด้วยยารักษาโรคชนิดต่าง ๆ หลากหลายประเภท และเครื่องมือแพทย์ขั้นสูงที่นางเป็นผู้คิดค้นขึ้น...

คุณพระ!

เมื่อเห็นเช่นนี้ นางก็รู้สึกดีใจขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าสวรรค์จะทรงเมตตานางแล้ว เพราะนางสามารถนำผลงานทั้งหมดจากการทำงานในชาติก่อน มาใช้ที่นี่ได้จริง ๆ

ด้วยสิ่งเหล่านี้ นางสามารถมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองในชาตินี้ได้

ขณะที่นางกำลังจะทาครีมลงบนบาดแผล นางได้ยินเสียงใครบางคนเรียกนาง

“หลานเอ๋อร์... หลานเอ๋อร์...”

นี่คือเสียงของอาของนาง หากยังมีใครในโลกนี้ที่คู่ควรกับความคิดถึงของเจ้าของร่างเดิม คงเหลือเพียงอาคนนี้เท่านั้น เขาคือคนช่วยชีวิตนางในตอนนั้น และทะเลาะกับอาสะใภ้ของนางมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา

สาเหตุที่เจ้าของร่างเดิมไม่เต็มใจจะบอกอา ถึงสิ่งที่อาสะใภ้ของนางทำกับนาง เพราะการมาถึงของนางได้นำภาระมาสู่ครอบครัวที่ยากจนนี้ และนางไม่อาจปล่อยให้อากับอาสะใภ้ของนาง มีความขัดแย้งกันรุนแรงเพราะนางได้

ขณะคิดเรื่องนี้ นางก็โบกมือ วงแสงสีเงินนั้นพลันหายไป แต่ครีมหงซวงยังคงอยู่ในมือนาง

อาของนางวิ่งมาหานาง แล้วนั่งยอง ๆ กับพื้นแล้วมองนาง เขาหายใจหอบ ขณะถามอย่างกังวลใจ:

“หลานเอ๋อร์ เจ้ามาทำอันใดที่นี่แต่เช้าตรู่? เหตุใดตัวเจ้าถึงเปียกไปหมด?”

เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของอา ลั่วหลานก็ยิ้มและเช็ดคราบน้ำบนใบหน้า “ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ ข้าแค่อยากจับปลาในแม่น้ำ แต่ข้าจับปลาไม่ได้เลย เสื้อผ้าเลยเปียกไปหมดแล้วเจ้าค่ะ”

อาถอนหายใจ “โอ้! มันเป็นความผิดของอาเอง ไม่มีเงินซื้อปลาด้วยซ้ำ หลานเอ๋อร์อยากกินปลาก็บอกอาสิ ตอนบ่ายอาจะไปจับมาให้จากทะเลสาบ น้ำที่นี่ลึกมาก จะจับปลาได้อย่างไร?”

ลั่วหลานไม่อาจบอกอาของนางได้ว่านางมาเพื่อฆ่าตัวตาย ไม่เช่นนั้นเขาจะกังวล เนื่องจากนางได้ยึดครองร่างของเจ้าของร่างเดิมแล้ว นางจึงรู้สึกว่าตนสามารถทำให้อามีชีวิตที่ดีขึ้นได้ด้วยมือของนางเอง

นางกับอาตัดสินใจเดินกลับบ้าน

แต่ก่อนจะถึงประตูบ้าน ก็ได้ยินเสียงด่าทอของอาสะใภ้

“ให้ตายเถอะ ข้าจะไม่อยู่กับเจ้าแล้ว เจ้าอยู่ไปคนเดียวเลย ล่าสัตว์หาฟืนไปวัน ๆ ไม่ช้าก็เร็วข้ากับลูกคงต้องอดตายกันหมด เจ้ายังจะไม่ยอมหาสามีให้นังเด็กไร้ประโยชน์คนนี้อีก จะเลี้ยงดูนางไปตลอดชีวิตเลยหรือ?”

............................................................................................