ตอนที่แล้วแก่นเวทย์ และ จุดเริ่มต้นของเรื่องราว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปมุ่งหน้าเข้าเมือง ข้อสงสัย

ยุคของผู้ปลุกพลัง มอนสเตอร์รุกราน


“หลังจากหอคอยชั้นแรกทั่วทั้งโลกได้เปิดออก ก็ได้เปิดเหตุการณ์มอนสเตอร์บุกจู่โจม! พวกมันถูกส่งออกมาจากประตูมิติที่เปิดออกแบบสุ่มทั่วทุกมุมโลก ทำให้บ้านเมืองหลายแห่งถูกทำลาย มนุษย์ถูกเข่นฆ่านับล้าน” หญิงสาวกล่าวออกมา ใส่อารมณ์ลงไปเล็กน้อย

“เหล่ามอนสเตอร์ค่อย ๆ รุกคืบบุกรุกโลกมาขึ้นเรื่อย ๆ จนมันบุกมาได้ถึงประมาณ 20% ของพื้นที่บนโลก ทุกคนบนโลกก็พากันตื่นตะหนกกันหมด เพราะอาวุธต่าง ๆ ของโลกใช้ต่อกรกับพวกมันได้ยากมาก ขนาดเรื่องบินทิ้งจรวดยังทำได้แค่สร้างบาดแผลให้มอนสเตอร์ระดับหนึ่งได้เพียงเท่านั้นเอง”

“แต่เหมือนพระเจ้าจะทรงเมตตา เพราะหลังจากหอคอยถูกเปิดออกทุกแห่ง แท่นปลุกพลังก็สามารถใช้งานได้! มนุษย์คนใดที่ขึ้นไปยืนบนแท่นแห่งนั้น ถ้าเป็นผู้ถูกเลือกก็จะได้รับพลังบางอย่างกลับมา โดยพวกเขาจะได้รับอาชีพจากสิ่งที่เรียกว่าระบบผู้พิชิต ซึ่งอาชีพก็จะถูกสุ่มให้ตามศักยภาพของคนนั้น ๆ มีทั้งอาชีพสายก่อสร้าง สายผลิต สายสนับสนัน สายต่อสู้ มากมายจนนับไม่ถ้วน” ในที่สุดก็ถึงเรื่องราวสำคัญ ทำให้หญิงสาวเล่าออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่รู้ตัว

“ดูเหมือนจะได้รับโชคดี ในความโชคร้ายสินะ” ชายหนุ่มที่ได้ยินก็กล่าวออกมา

“ใช่ มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ นั่นแหละ” หญิงสาวตอบกลับไป

“แล้วหลังจากนั้นเป็นยังไงต่อล่ะ” ชายหนุ่มกล่าวออกมา ทำให้หญิงสาวได้เล่าต่อถึงช่วงสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น

“มันทำให้เกิดยุคของผู้ปลุกพลังยังไงล่ะ นอกจากอาชีพที่ได้รับแล้ว แต่ละคนจะยังได้รับคุณสมบัติเสริมอีกด้วย ส่วนใหญ่ก็ได้รับแค่หนึ่งถึงสองอย่าง ถ้าเป็นผู้มากพรสวรรค์ที่ถูกยกย่องก็จะได้รับสามถึงสี่อย่างเลยล่ะ”

“อย่างของฉันก็ได้อาชีพเป็นนักดาบ คุณสมบัติเสริมเป็นผู้ใช้ไฟ กับ เพิ่มความแข็งแกร่งเมื่อใช้อาวุธระยะประชิดน่ะ” หญิงสาวกล่าวออกมาพลางเรียกไฟออกมาให้ดู

“ด้วยการมีอยู่ของผู้ปลุกพลังเหล่านี้ทำให้มนุษยชาติทำการกำจัดมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ออกไปได้ พวกเขาร่วมกันก่อตั้งสมาคมผู้ปลุกพลังขึ้นยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก และทุกประเทศที่ไม่มีหอคอยก็จะส่งสมาชิกของประเทศตนไปลองปลุกพลังยังประเทศใกล้เคียงที่มีแท่นปลุกพลังโดยแลกกับสิ่งตอบแทน”

“มนุษย์เผชิญกับสถานการณ์ถูกบุกโจมตีบ่อยเข้าก็เริ่มเคยชิน ถึงจะไม่สามารถกำจัดมอนสเตอร์จนหมดทั้งโลกได้ แต่ก็พลักดันพวกมันไปอยู่กระจุกรวมกันยังพื้นที่ซึ่งถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ได้ ทำให้อัตราส่วนของพื้นที่ซึ่งมอนสเตอร์ยึดครองไปถูกหยุดอยู่ที่ 35% ของโลกใบนี้มาเป็นเวลาห้าปีแล้ว”

“หลังจากมนุษย์สามารถปลุกพลังได้ พวกเขาก็ส่งผู้ปลุกพลังที่ได้อาชีพเกี่ยวกับการต่อสู้ เข้าลุยแท่นวาร์ปในหอคอย ทำให้พบว่ามอนสเตอร์ในนั้นก็เป็นประเภทเดียวกันกับโลกภายนอก แต่ต่างกันตรงที่เมื่อกำจัดมอนสเตอร์ในหอคอยได้ พวกมันจะถูกแปรเป็นพลังงานบางอย่างไหลเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ช่วยเพิ่มความสามารถต่าง ๆ ให้ผู้ปลุกพลัง”

“แต่กับเหล่ามอนสเตอร์ที่บุกโลกภายนอก เมื่อพวกมันตายจะไม่มีสิ่งใดมอบให้นอกจากเลเวล ความชำนาญของทักษะ และซากศพรวมถึงแก่นเวทย์ของพวกมัน ซึ่งของเหล่านี้นี่แหละที่นำมาใช้สร้างอาวุธ ชุดเกราะ สิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ของเหล่าผู้ปลุกพลังสายผลิต และสายสนับสนุน”

“นอกจากนี้ก็ยังมีข่าวลือว่า มีเหล่าเทพเจ้าหรือสิ่งมีชีวิตระดับสูงคอยจับตามองเหล่าผู้ปลุกพลังอยู่ หากผู้ใดที่ไปเข้าตาเทพเหล่านั้นเข้า ก็จะได้รับข้อเสนอเพื่อแลกเปลี่ยนกับบางอย่าง ทำให้พวกเขาเก่งกาจมากขึ้นไปกว่าเดิม” หญิงสาวเล่าจบก็ดื่มน้ำเข้าไปต่อ นับว่าที่นางเล่าก็คือเรื่องราวเกือบทุกอย่างแล้ว ที่เกิดขึ้นในโลกนี้

“ทำไมข้าถึงไม่รู้สึกถึงพลังเวทย์ล่ะ รวมถึงใช้มันไม่ได้ด้วย ?” ชายหนุ่มกล่าวถามสิ่งที่เขาคาใจอยู่ตั้งแต่แรก

ครึ่งหลัง

“นายจะต้องไปปลุกพลังก่อน เมื่อได้รับการปลุกพลังแล้ว มนุษย์ที่ถูกเลือกจะใช้พลังเวทย์ได้ รวมถึงจะได้มิติเก็บของมาใช้งานด้วย” หญิงสาวกล่าวตอบพลางเรียกของออกมาจากมิติเก็บของให้ชายหนุ่มดู

“และถ้าปลุกพลังได้แล้วนายก็จะสามารถเรียกดูค่าสเตตัชของตัวเองได้ เพื่อตรวจสอบความแข็งแกร่งของตัวเองแบบคร่าว ๆ” หญิงสาวกล่าวเสริม

“ดูเหมือนจะมีเรื่องน่าประหลาดใจเกิดขึ้นมากมายเลยนะ” ชายหนุ่มกล่าวตอบ เขารู้สึกว่าเรื่องราวที่ได้ยินค่อนข้างจะ เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเขา

ในโลกของเขาถึงแม้จะไม่ได้เกิดเหตุการณ์ทุกอย่างแบบโลกใบนี้ แต่ก็มีบางสิ่งที่เกิดขึ้นคล้ายคลึงกัน นั่นก็คือการถูกบุกจู่โจมจากเหล่ามอนสเตอร์ แต่น่าเสียดายที่โลกของเขาไม่มีเหล่าผู้ปลุกพลัง ไม่มีทักษะพิเศษ มีเพียงวิทยาการที่ก้าวหน้า ชุดเกราะแห่งอนาคต พลังแห่งวิทยาศาสตร์ ที่ดัดแปลงแก่นเวทย์ของพวกมันเข้ามาร่วมด้วย ถึงยืนหยัดต่อสู้กับพวกมันมาได้เกือบร้อยปี ก่อนที่โลกของเขาจะดับสิ้นลง

“ฉันว่าหลังจากนี้ฉันจะกลับเมืองเพื่อรายงานภารกิจ แล้วนายมีแผนจะทำอะไรต่อหลังจากนี้ล่ะ ?” หญิงสาวกล่าวถามออกมา

“คิดว่าคงจะไปทดลองปลุกพลังดังเช่นที่เจ้าว่า ถ้ายังไงรบกวนเจ้าพาข้าไปด้วยจะได้หรือไม่ ?” ชายหนุ่มได้ยินสิ่งที่หญิงสาวกล่าวถามเขาจึงตอบเป้าหมายของเขาไป

เขาวางแผนไว้ว่าจะตามหาปริศนาของเรื่องราวต่าง ๆ แต่ในตอนนี้คงต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองเสียก่อน เมื่อเขาแข็งแกร่งแล้วการจะทำอะไรก็ย่อมง่ายดายตามไปด้วย

“ได้สิ พวกเราเข้าเมืองด้วยกันเลยจะได้ปลอดภัย” หญิงสาวกล่าวออกมาอย่างยินดี เธอยังคิดอยู่เลยว่าถ้าต้องเดินทางกลับคนเดียวจะรอดไหม แต่ในเมื่อชายหนุ่มกล่าวขึ้นมาเช่นนี้ก็หมดปัญหาไปได้เรื่องหนึ่ง

“ข้ามีคำถาม ในเมื่อมนุษย์สามารถปลุกพลังและขับไล่มอนสเตอร์ได้แล้ว ทำไมไม่บุกกำจัดจุดที่มอนสเตอร์รวมตัวกันล่ะ เพราะพื้นที่ถูกมอนสเตอร์เข้ายึดครองถึง 35% ก็ไม่ใช่จำนวนที่น้อยเอาเสียเลย” ชายหนุ่มถามถึงจุดที่เขามองว่ามันแปลกออกมา

“นั่นก็เพราะตามที่เหล่านั้น ไม่ว่าจะส่งผู้ปลุกพลังเข้าไปมากเพียงใด ก็ล้วนไม่ได้กลับมาน่ะสิ ถึงขนาดที่ว่าเคยมีนักผจญภัยแรงค์ S ได้ลองลอบเข้าไป แต่ก็ได้รับบาดเจ็บกลับมา เขากลับมาเล่าว่ามันมีมอนสเตอร์ที่มีสติปัญญาแฝงอยู่ในนั้น แต่พวกมันเหมือนจะติดม่านพลังบางอย่างทำให้ถูกจำกัดพื้นที่เอาไว้ ส่งออกมาได้แต่มอนสเตอร์ระดับหนึ่งถึงสี่ ที่ไร้สติปัญญาทั่วไป” หญิงสาวตอบข้อสงสัยของชายหนุ่ม

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” ชายหนุ่มกล่าวออกมา เขาเริ่มเข้าใจเรื่องราวมากขึ้นแล้ว

“เมืองอยู่ห่างจากที่นี่ไกลแค่ไหน ?” ชายหนุ่มถามออกมา เขาอยากจะเข้าเมืองให้เร็วที่สุด

“ก็อีกประมาณ...” หญิงสาวกล่าวออกมาค้างไว้ ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูตำแหน่งปัจจุบัน

“300 กิโลเมตร” เธอดูระยะทางคร่าว ๆ แล้วตอบกลับไป

“ถ้าวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่ คงใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็น่าจะไปถึงสินะ” ชายหนุ่มลองคำนวณอยู่ในใจก่อนจะพึมพำออกมา ทำให้อีกฝ่ายที่ได้ยินทำหน้าตาแปลก ๆ

“เอ่อ ฉันเดินทางได้อย่างมากก็วันละ 100 กิโลเมตรเท่านั้นแหละ ไหนเราจะต้องระวังมอนสเตอร์ตามทางอีก มันต้องค่อย ๆ ไปนะ” เธอรีบกล่าวออกมาก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้าใจผิดว่า ทุกคนจะต้องเก่งกาจดุจสัตว์ประหลาดแบบตัวเขา

“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้ามีแผนอยู่ พวกเราคงกลับถึงเมืองภายในเวลาไม่นานเท่านั้นแหละ” ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ซึ่งนับว่าหาได้ยากมากที่เขาจะแสดงอาการออกมาบนใบหน้า

“นายแน่ใจใช่ไหม ว่าแผนที่ว่ามันจะใช้ได้ ?” หญิงสาวกล่าวถามด้วยความลังเล

“แน่นอน กินให้เสร็จแล้วเรารีบออกเดินทางกันเลยดีกว่า” ว่าแล้วเขาก็หยิบเนื้อหมูป่าขึ้นมากัดกินต่อทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด