ตอนที่ 36
ตอนที่ 36
วันที่ 100 หลังจากที่ผมกลายเป็นจอมมาร
ผมใช้ทุกๆวันอย่างขยันขันแข็งเพื่อเตรียมรับมือกับการมาของเหล่าผู้กล้า
“เอาจริงๆนะ ไม่ใช่ว่าฝ่ายมนุษย์น่ะได้เปรียบมากเกินไปไม่ใช่หรือ ?
ฝ่า 【โกลาหล 】 เนี่ยเสียเปรียบสุดๆเลยล่ะ?” (ชิออน)
“อะไรเหรอคะ ทำไมอยู่ๆมาพูดเรื่องนี้ ?” (คาน่อน)
ผมบ่นไม่หยุดหลังจากเปิดเน็ตดูข่าว ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันของผม
“เธอเห็น SNSของนาย ‘เย้ ฮ่าฮ่า’ ไหม? เจ้าหมอนั่นเลเวล 13 แล้วนะ รู้ไหม?” (ชิออน)
“นายเย้ ฮ่าฮ่า ...คุณหมายถึง 『ผู้กล้าเงิน 』 สินะคะ ? แต่เมื่อหลายวันก่อนคุณก็เลเวล 4 แล้วไม่ใช่หรือคะ คุณชิออน ?” (คาน่อน)
นาย เย้ ฮ่าฮ่า มักจะอัพเดท SNS ตัวอย่างอยู่บ่อยครั้ง และมักจะโพสเกี่ยวกับเลเวล และความคืบหน้าในการบุกโดเมนอีกด้วย
“ไม่สิ มันไม่ใช่แบบนั้น ลองดูสิ มันไม่ได้ต่างกันระดับสองเท่า… แต่เลเวลต่างกันถึงสามเท่า (ชิออน)
“ก็คงอย่างนั้นแหละค่ะ เลเวลของมนุษย์มันขึ้นง่ายกว่ามาก ~” (คาน่อน)
“ว่าแต่ว่า แล้วเลเวลของเธอล่ะ เลเวลเท่าไหร่, คาน่อน?” (ชิออน)
พอผมถามเธอเรื่องเลเวล เธอก็เบือนหน้าหนี
― ถลกระโปรงขึ้น
“กรี๊ด !? เอ๋ !? ดะ-เดี๋ยวค่ะ …ฉันจะบอกละค่ะ ! บอกแล้วจริงๆค่ะ กรุณาหยุดเถอะค่ะ !!” (คาน่อน)
คาน่อนกรีดร้องออกมาขณะม้วนกระโปรงขึ้นด้วยใบหน้าที่แดงเขิน
“อ่ะ แล้วเท่าไหร่ล่ะ ?” (ชิออน)
“ก็ในเมื่อคุณก็สามารถตรวจสอบเลเวลของลูกน้องตัวเอง ――” (คาน่อน)
―ถลกกระโปรงขึ้น
“อ๊ายย , บอกละค่ะ บอกแล้ว ! 9ค่ะ ! เลเวล 9ค่ะ !! ขอร้องเถอะค่ะ ยกเลิกคำสั่งด้วยค่ะ” (คาน่อน)
คาน่อนบอกเลเวลให้ผมทราบทั้งที่มือยังยกกระโปรงขึ้นอยู่
“เกินสองเท่าของข้าสินะ …?” (ชิออน)
ทำเอาผมหดหู่ไปเลยที่ได้รู้ว่า ลูกน้องผมเนี่ยเลเวลอัพง่ายกว่าผมมาก
“นั่นก็เป็นผลจากการเคี่ยวกรำของคุณชิออนแหละค่ะ … อ่า อันที่จริงก็เพราะเป็นจอมมารแหละค่ะ เลยเลเวลขึ้นยากมากแบบที่เลี่ยงไม่ได้” (คาน่อน)
“เรื่องนั้นข้าพอรู้อยู่แล้วล่ะว่าแต่…คาน่อน, เธอกำจัดมอนสนเตอร์เท่าจำนวนที่ข้ากำจัดไปเหมือนไม่ใช่เหรอ ?
นี่เธอไม่คิดว่า มันไม่แฟร์บ้างหรือไง ?” (ชิออน)
“ถึงคุณจะพูดอย่างนั้นก็เถอะค่ะ แต่ฉันกับพวกมนุษย์ …จะได้ 1 BPต่อหนึ่งครั้งที่เลเวลอัพนะคะ
ส่วนท่านก็ได้ 5 BP เพราะเป็นจอมมารไม่ใช่เหรอคะ ?” (คาน่อน)
พอผมมาคิดๆดูเรื่องนั้น ถ้าแปลงค่าเลเวลของผมเทียบกับมนุษย์ก็เลเวล 20 เลยน่ะสิ ใช่ไหม?
“ที่เธอพูดมามันก็ถูกเลยล่ะ
นี่ยังไม่นับปัจจัยในการเติบโตที่มันแตกต่างกันอีก” (ชิออน)
ผมรู้สึกดีขึ้น
“เอ้ะ!? หรือคุณหมายถึง อบิลิตี้พิเศษหรือคะ ? คุณชิออนคะ , ความชำนาญหอกของคุณแร๊งเท่าไหร่แล้วคะ ?” (คาน่อน)
“E, ล่ะมั้ง ” (ชิออน)
เร็วๆนี้ผมได้รับ อบิลิตี้พิเศษที่เกี่ยวกับอาวุธอย่างเช่น ความชำนาญหอกที่เติบโตขึ้นผ่านการฝึกฝน
ผลจากการฝึกมาต่อเนื่อง ผมก็ได้รับ 『ชำนาญหอก (E)』 ได้โดยไม่ต้องเอาอบลิตี้ของใครผ่านการ 『ดูดกลืน 』
“แร๊ง E, เหรอคะ? ดูเหมือนว่าคุณจะได้อบิลิตี้พิเศษใหม่ถ้าอบิลิตี้นั้นไปถึงแร๊ง C ” (คาน่อน)
“เอ้า ? จริงหรือ ?” (ชิออน)
“จริงค่ะ ฉันไม่เคยบอกคุณเหรอคะ ?” (คาน่อน)
คาน่อน – ที่อ้างตัวว่าเป็นนักยุทธศาสตร์ แต่ผมก็เรียกเธอว่า 『กูเกิ้ลจัง 』 – มีค่าความรู้ที่สูงมากๆ
ถึงแม้เธอรู้อะไรในสิ่งที่ผมไม่รู้มากมาย แต่เธอก็เปิดเผยมันทีละน้อย ทีละน้อย หลังจากที่บังเอิญคุยกันในหัวข้อแบบนี้
“ไม่เคยแน่ๆ เอาเถอะ ไม่เป็นไร
อย่างไรเสีย จากSNSของนาย เย้ฮ่าฮ่า ดูเหมือนหลังจากปลดปล่อยโดเมนได้แล้ว เป็นไปได้สูงมากที่เจ้าพวกนั้นจะเดินหน้าลุยดะต่อ ” (ชิออน)
กลุ่มของนาย เย้ฮ่าฮ่า ― ปาร์ตี้ผู้กล้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งคาเนซาวะ ได้รับความสำเร็จจากการปลดปล่อยโดเมน 3 แห่ง
“นี่ก็หมายความว่า …” (คาน่อน)
คาน่อนกลืนน้ำลายและพูดกับตัวเอง
“นั่นก็หมายความว่า เร็วๆนี้ปาร์ตี้ผู้กล้าจะบุกเข้าดันเจี้ยนข้า” (ชิออน)
ปาร์ตี้ผู้กล้าประกาศว่า จะปลดปล่อยโดเมนของผมหลังจากปลดปล่อย สามโดเมนก่อนหน้าได้แล้ว
ถ้าหากเป็นไปได้ ผมก็อยากทำให้ตัวเองเลเวล 5 ก่อนพวกเขาบุกเข้ามา … แต่ผมไม่แน่ใจว่า มันจะเป็นไปได้ไหม ?
“ให้ตายเถอะ , น่ารำคาญชะมัด” (ชิออน)
ขณะที่ผมบ่นเรื่องการที่พวกปาร์ตี้ผู้กล้าปลดปล่อยโดเมนด้วยความเร็วเกินกว่าที่คาดไว้ ผมจึงต้องออกไปกำจัดมนุษย์ทั้งหลายตอนนี้เลย ตั้งแต่ตอนที่ผมยังทำได้
◆
โดยเฉลี่ยนแล้วใน 5 ปาร์ตี้ของพวกมนุษย์ที่บุกเข้ามาจะมี ปาร์ตี้หนึ่งตายยกปาร์ตี้
พวกปาร์ตี้ที่ตายถือว่าโชคร้ายที่มาเจอกับผม
แต่เดิมแล้วผมไม่คิดจะปล่อยให้มนุษย์ที่เห็นหน้าค่าตาผมรอดกลับไปเป็นๆได้อยู่แล้ว
ในสังคมสมัยใหม่ ยุคที่ข้อมูลแพร่กระจายไปไหนต่อไหนผ่านทางเน็ตได้โดยง่าย ข้อมูลที่รั่วไหลออกไปแม้เพียงน้อยนิดก็ถึงแก่ความตายได้
หากคุณเก็บสั่งสมข้อมูลที่กระจัดกระจายอยู่ในเน็ตเข้าหมวดรวมกัน คุณก็จะพบจุดอ่อนของจอมมาร (แวมไพร์ )ทันที
มันมีไอ้จอมมาร (แวมไพร์ ) โง่ๆตัวหนึ่งดันออกไปสู้ในพื้นที่ที่เป็นเวลากลางวัน และก็พ่ายแพ้ยับเยิน
แล้วทำไมต้องไปสู่นอกพื้นที่ที่ตัวเองได้เปรียบด้วยล่ะ ? ทำตัวเป็นเด็กดี ถนอมเนื้อถนอมตัวอยู่ในห้องเฉยๆไม่เป็นหรือไง …สุดท้าย เจ้าพวกมนุษย์ก็สังเกตเห็นว่า เจ้าหมอนั่นมันเป็นแวมไพร์ก็เลยทำการทดสอบ อาวุธที่ทำมาจากเงิน แล้วก็พบว่า นั่นเป็นจุดอ่อนถึงตายของแวมไพร์
1 ใน 5 ปาร์ตี้ที่บุกโดเมนผมโดนฆ่าเรียบ
หรือต่อให้มีมนุษย์ที่รอดพ้นจากการฆ่าล้างได้ อัตราการรวมชีวิตก็ยังอยู่ที่ 70%
หรือจะบอกว่า การบุกเข้าโดเมนผมเป็นการท้าทายที่เสี่ยงอันตรายก็ว่าได้
ถึงญี่ปุ่นจะผ่านช่วงยุคสมัยสงครามแบบเซนโกคุมานานแล้ว แต่คุณค่าของชีวิตก็ยังมีค่าน้อยอยู่ดี
แล้วยิ่งเป็นในตอนนี้ โลกที่พังพินาศไป … คุณค่าของชีวิตก็ยิ่งๆดิ่งลงเหว
โอ๊ะโอ , ผมคิดไว้แล้วล่ะว่า เจ้าพวกผู้บุกรุกมันต้องเข้ามาตอนนี้
พวกผู้บุกรุกโผล่มาที่หน้าบันไดทางไปชั้น 3 ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผมรอเจ้าพวกนั้นมาหา
ผมสั่งให้ลูกน้องเล่นงานเบาะๆเบาๆกับ ผู้บุกรุกทั้ง 12 คนอย่าให้ถึงตายนะ
“ยินดีต้อนรับสู่ โดเมนของข้า” (ชิออน)
ผมคลาย 【ผ้าคลุมมืด 】 ออกและทักทายเหล่าผู้บุกรุกมันไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษหรอก แค่เป็นการแสดงเฉยๆ
“――!?”
พวกผู้บุกรุกถึงกับอึ้งในทันทีที่เห็นบุคคลปริศนาปรากฏกายขึ้นมา
“และ ―― ขอลาก่อน ” (ชิออน)
― ธนูมืด !
ตอนนั้นเองที่ผมสะบัดมือลงจากเหนือหัว สสารที่เป็นเหมือนฝูงธนูสีดำสนิทพุ่งพรวดเข้าใส่เหล่าผู้บุกรุก
ต่อจากนั้น เหล่าลูกน้องของผมที่รั้งสายธนูรออยู่แนวหลัง ก็ปล่อยธนูออกจากแล่ง
สำหรับผู้บุกรุกที่มาหาผมที่โดเมน เป้าหมายของพวกเขาคือการหาตัง พวกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะมาปลดปล่อยหรอก
ผลจากการเชื่อข้อมูลที่อยู่บนเน็ต ทำให้พวกเขาเข้ามาเก็บเกี่ยวค่าประสบการณ์ และถ้าอะไรๆราบรื่น ก็แอบหวัง ไอเทมระดับสูงด้วย
พวกนั้นจะทำอะไรได้ หากอยู่ๆก็มีศัตรูที่ไม่เคยมีมาก่อนในข้อมูลที่อ่านมา โผล่มาอยู่ตรงหน้า ?
พวกนั้นจะทำอะไรได้หากถูกศัตรูจำนวนมากเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ล้อมโจมตี ?
คำตอบดังกล่าว ―― ก็คือ ภาพโศกนาฏกรรมที่อยู่ตรงหน้าผมนี่ไง
“อ๊ากกกกกกก !?”
“นะ-นี่มันเกิดอะไร !?”
“ไอ้นั่น …ไอ้นั่นมันใครกัน !?”
พวกผู้บุกรุกตายขณะที่กำลังลนลานแตกตื่น หรือหากโชคร้ายกว่านั้นก็ตายทั้งที่ยังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่า มันเกิดอะไรขึ้น
ผมเตรียมหอกสีฟ้าสว่างเปล่งประกายอยู่ในมือ หอกมิทธิลนั่นเอง ผมพุ่งเข้าไปยังผู้บุกรุกคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสุดของกลุ่ม
เป้าหมายของผมก็คือ เหยื่อที่เตรียมโล่ขึ้นมาตั้งกันไว้ด้วยสัญชาตญาณ แต่หอกมิทธิลเองก็ทะลวงทะลุผ่านโล่ไปอย่างไร้ปรานี
ผมตั้งใจที่จะลดจำนวนให้เหลือสักครึ่งหนึ่งก่อน ที่พวกนั้นจะได้ทันตั้งตัว
ต่อเจอเหยื่อตัวต่อไปแล้วผมก็เตรียมหอกมิทธิลให้พร้อม
10 ต่อมา
ผู้บุกรุก11 คนต่างตอนตายเป็นศพไม่พูดไม่จาอะไร
ผมเดินเข้าไปหาผู้บุกรุกคนสุดท้ายที่เป็นผู้หญิง
“เธออยากอยู่รอดปลอดภัยไหม ?” (ชิออน)
ผมมองกวาดต่ำลงไปยังผู้หญิงที่ทรุดลง และตัวสั่น จากนั้นก็เรียกเธอ
“หากเธออยากปลอดภัย ก็จงดื่มของในจอก ――” (ชิออน)
“มะ…ม่ายยยยยยยยยยยยยยย !?”
เฮ้ย ระวังหน่อยสิวะ!
ผมคว้า 【จอกเลือด 】 ที่เกือบหล่นลงพื้นเพราะแม่นี่อาละวาดขึ้นมา
เกือบจะทำให้ 500 CP ที่เสียไปนี่สูญเปล่าแล้ว
“หากเจ้าอยากที่จะปลอด――” (ชิออน)
“ม่ายยยยยยยยยยยย !?”
เปล่าประโยชน์สินะ เฮ่อ…?
ผมก็เลยแทงผู้หญิงที่เอาแต่กรีดร้องนั่นด้วยหอกมิทธิล
ครั้งนี้ก็ล้มเหลวอีกเคย มันยากกว่าที่คิดไว้จริงๆนะ ไอ้การเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นผู้ร่วมสายเลือดเนี่ย
การจะบอกให้เจ้าพวกนั้นมันดื่ม 【จอกเลือด 】 เนี่ยมันเป็นไปไม่ได้เลยหรือยังไงกันนะ ?
ผมสั่งยกเลิก 【จอกเลือด 】 เปลี่ยนมันกลับให้เป็น CP
จากนั้นก็สั่งให้ลูกน้อง เก็บข้าวของมาจากร่างผู้บุกรุก ส่วนผมก็กลับห้อง
◆
ช่วงดึง ของอีกสามวันต่อมา
นายเย้ ฮ่าฮ่า ก็โพสหัวข้อที่น่าดูลงบน SNS นั่นคือ “วันพรุ่งนี้ พวกเราจะไปปลดปล่อยโดเมน”
พรุ่งนี้สินะ เฮ่อ?
คิดว่า จะปล่อยให้ผมได้พักอีกสักวันด้วยการมาบุกบ้านผในวันมะรืนเสียอีก
สุดท้ายแล้วผมก็ยังเลเวล 4 อยู่
เอาจริงๆการที่ยังมีศัตรูอย่างนาย เย้ ฮ่าฮ่าอยู่นั้นเป็นอะไรที่สะดวกสบายดีจริงๆนะ
ถ้าหากเป็นไปได้ ผมก็ไม่อยากฆ่าเขาเลย แต่คงไม่มีทางอื่นแล้ว เนื่องจากเข้าตั้งใจจะมาบุกโดเมนของผม
คิดมากไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไรแล้ว ผมเตรียมการต้อนรับพวกเขากันดีกว่า
― โคลอี การสำรวจจบลงแล้ว กลับมาได้
ผมเรียกผู้ร่วมสายเลือด คนหนึ่งที่ออกไปด้านนอก ให้กลับมารวมตัวกับกองกำลังส่วนตัวของผม
แม้จะไม่มีเสียงตอบรับกลับมา แต่ผมแน่ใจว่ามันส่งไปถึงเธอแน่ๆ
มันคงจะไกลน่าดูเพราะว่า พวกนั้นจะกลับมาก็กินเวลา ไป 6 ชั่วโมง
จากนั้นผมก็ตรวจสอบชนิดและจำนวนของลูกน้อง คำนวนค่า CPและทำการแปรธาตุไอเทมไว้
“คุณชิออนคะ, ตอนนี้ได้เวลาแล้วใช่ไหมคะ ?” (คาน่อน)
“ใช่แล้วล่ะ ” (ชิออน)
ผมตอบคาน่อนที่กำลังตื่นเต้น และเตรียมของต่างๆไว้ต้อนรับปาร์ตี้ผู้กล้า