ตอนที่แล้วบทที่ 28 เชิญท่านปรมาจารย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 30 เชิญท่านปรมาจารย์น้อย

บทที่ 29 พวกนี้ไม่ได้เรื่องซักคน


โรงเรียนโล่งเบา ผู้อำนวยการหวังชิงเฟิงพาปรมาจารย์ทั้งห้ามาเดินดูรอบโรงเรียน รองอาจารย์ใหญ่คอยพาครูสักสิบกว่าคนเดินตามหลัง พลางคุยกันเสียงแผ่วเป็นระยะ "ฉันว่าทิวทัศน์ในโรงเรียนเราดีมากนะ ไม่เห็นเหมือนฮวงจุ้ยไม่ดีเลย"

"ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีคนพูดบ่อยๆ หรอกหรือ ว่าที่เอามาสร้างโรงเรียนเนี่ยเป็นสุสานเก่า จะได้ให้พลังหยางของนักเรียนไปกดพลังหยินข้างล่าง นี่สงสัยจังว่าใต้โรงเรียนของเราจะเป็นสุสานมั้ย"

"ไม่หรอก ตำแหน่งโรงเรียนเรานี่เมื่อก่อนเป็นโรงงานนะ ไม่เคยได้ยินเรื่องสุสานเลย"

"ว่าแต่ ฮวงจุ้ยนี่เชื่อถือได้แค่ไหนเนี่ย ฉันรู้สึกเหมือนเป็นการหลอกคนอ่ะ!"

...

พวกอาจารย์ด้านหลังยิ่งคุยกันได้ใจ เหล่าปรมาจารย์ข้างหน้าก็ยิ่งเดินช้าลง หวังจะหาแนวทางจากการสนทนาข้างหลัง เพื่อเอาไปหลอกใส่ผู้อำนวยการได้

เดินอยู่เต็มชั่วโมงกว่าจะรอบโรงเรียนได้หมด หวังชิงเฟิงพากลุ่มคนมานั่งที่ระเบียงแดดในสนามหญ้าข้างๆ อ้วนหวังนั่งลงบนม้านั่งด้วยความเมื่อยล้า รับน้ำแร่ขวดหนึ่งแล้วดื่มรวดเดียวครึ่งขวด

แบ่งน้ำกันเรียบร้อย หวังชิงเฟิงค่อยๆ มองหน้าทุกคนแล้วถามอย่างระมัดระวัง "ท่านปรมาจารย์ทั้งหลาย ฮวงจุ้ยโรงเรียนเราจริงๆ แล้วเป็นยังไงบ้างครับ?"

จางหยุนเจ้าของร้านอี้จิง และจูเจิ้นเฟิงที่ไปดูสุสานตามต่างจังหวัด ต่างก้มหน้าดื่มน้ำแร่ไม่พูดอะไร ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากพูด แต่พูดจริงๆ ก็ไม่รู้จะพูดอะไร

ก่อนมา พวกเขายังเปิดหนังสือฮวงจุ้ยเกี่ยวกับโรงเรียนมาดูเป็นพิเศษเลย แต่พอมาถึงแล้วกลับไม่เห็นสิ่งไหนบรรยายตรงกับความเป็นจริง ก็ไม่เห็นชะตาหรือโชคลาภอะไร สู้ปิดปากเงียบไว้ก่อน ฟังคนอื่นว่าไง แล้วค่อยพูดคล้อยตามซักสองประโยค จะได้ผ่านๆ ไป อย่างไรเสียพวกเขาก็มากันเพื่อค่าเดินทางสองพันนั่นแหละ ส่วนเรื่องแก้ฮวงจุ้ยนี่ต้องบอกเลยว่า เกินความสามารถที่จะทำได้จริงๆ

ท่านเต๋าจางชินดูเป็นคนซื่อสัตย์ เขาถือเข็มทิศเดินดูมาตลอดทาง ตอนนี้ก็ยังนั่งคำนวณอะไรบางอย่างในสมุดอยู่ ท่าทางเคร่งเครียดมากจนผู้อำนวยการหวังไม่กล้าไปรบกวนความคิดเขา

หวังชิงเฟิงเห็นท่านเต๋าจางชินยังคิดไม่เสร็จ ก็หันไปถามอ้วนหวัง "ท่านปรมาจารย์หวัง ฮวงจุ้ยโรงเรียนพวกเราเป็นยังไงบ้างครับ?"

"ก็ดีนะ!" อ้วนหวังทำหน้ายิ้มแย้มผ่องใส "สิ่งแวดล้อมบริสุทธิ์ดี เป็นโรงเรียนที่ดีมาก"

หวังชิงเฟิงนึกถึงการรังแกกันในโรงเรียนที่แพร่หลายไปทั่ว รู้สึกผิดจนต้องกระแอมเบาๆ สองที แล้วหันไปถามจางหยุนกับจูเจิ้นเฟิง ทั้งสองทุ่มเทหาวลีลึกลับจากหนังสือฮวงจุ้ยมาจดจำ สุดท้ายก็บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร

อย่างไรเสียถ้ามีปัญหาพวกเขาก็มองไม่ออก แถมคิดหาวิธีแก้ไขไม่ได้ด้วย ดังนั้นการไม่มีปัญหาจึงเป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบที่สุด

สองคนนี้พูดเสร็จ ท่านเต๋าจางชินก็คิดคำนวณเสร็จพอดี หวังชิงเฟิงถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบถามออกไปทันที "ท่านเต๋าจางชิน ท่านว่าฮวงจุ้ยโรงเรียนพวกเรามีปัญหาอะไรไหมครับ?"

ท่านเต๋าจางชินมองตัวเลขบนสมุดด้วยความลังเล "ฮวงจุ้ยโรงเรียนพวกท่านดีมากจริงๆ เหมือนที่ท่านปรมาจารย์หวังบอกเลย สิ่งแวดล้อมบริสุทธิ์มาก ถ้ามีคนที่ละทิ้งความดีงามเข้ามาโรงเรียนพวกท่าน ต้องมีชีวิตอยู่ไม่เกินสามวันแน่นอน!"

หวังชิงเฟิงแทบจะร้องไห้ออกมา เปิดโรงเรียนมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่รู้ว่าโรงเรียนของตัวเองมีบุคลิกขนาดนี้

อ้วนหวังได้ยินก็ชื่นชมท่านเต๋าจางชินเป็นพิเศษ ดูท่าในกลุ่มคนพวกนี้ มีแต่ท่านเต๋าจางชินที่พอจะรู้เรื่องจริงๆ คนอื่นๆ น่าจะมากันเพื่อเงินสองพันนั่นแหละ

"ท่านเต๋าจางชิน โรงเรียนพวกเราก่อนหน้านี้ก็ไม่มีอะไรพิเศษ พอเปิดเทอมเดือนกันยายน จู่ๆ ก็มีนักเรียนกลุ่มหนึ่งเกิดเรื่องเจ็บตัวเข้าโรงพยาบาลเป็นพรวน ส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอนอย่างมาก ไม่ทราบว่าท่านจะมีวิธีไหนให้โรงเรียนเรา ไม่ค่อยจะ... เอ่อ..."

หวังชิงเฟิงคิดอยู่นานก็นึกคำที่ไม่ทำลายภาพลักษณ์คนดีของตัวเองไม่ออก กลุ้มใจจนผมหลุดอีกสองสามเส้น "ผมหวังว่าฮวงจุ้ยโรงเรียนเราจะอ่อนโยนลงบ้าง ตรงๆ นะ ระยะนี้โรงเรียนเกิดเรื่องเยอะเหลือเกิน มีนักเรียนผู้หญิงไปโดนกำแพงข้างนอกล้มทับจนกระดูกหักหลายคน คนที่หนักที่สุดตอนนี้พันผ้าพันแผลรอบหัว หน้าบวมเป่ง กระดูกซี่โครงยังหักอีกต่างหาก มีอีกคนโดนรั้วข้างถนนทับตอนล้มลง ค่าเสียหายรั้วนั่นไม่ต้องพูดถึง แรงกระแทกแทบจะทำให้เขาพิการ แล้วยังมีนักเรียนผู้ชายสองคนที่เจ็บพลิกบั้นเอว เพราะเดินท่าทางแปลกๆ หน่อย พอกลับบ้านก็โดนพวกเบี่ยงเบนทางเพศคุกคาม ไม่เท่าไหร่เกือบจะไม่บริสุทธิ์แล้ว ไหนจะโดนต่อยซะยับเยินอีก ตอนนี้ไปนอนห้องเดียวกับเด็กผู้หญิงที่กระดูกซี่โครงหัก..."

จางหยุนรู้สึกสงสัยขึ้นมา "แต่เรื่องพวกนี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับโรงเรียนพวกคุณนี่นา!"

ผู้อำนวยการหวังถอนหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย "ถ้ามีแค่หนึ่งสองคนผมก็คงไม่คิดอะไรมาก แต่นี่มีเป็นหลายร้อยคน ผมรู้สึกว่ามันต้องเกี่ยวกับฮวงจุ้ยของโรงเรียนแน่ๆ แต่ก่อนหน้านี้โรงเรียนเราไม่เคยมีเหตุการณ์ที่นักเรียนบาดเจ็บกันเยอะแบบนี้เลยนะ"

"ฮวงจุ้ยเปลี่ยนแปลงกะทันหันเหรอ?" ท่านเต๋าจางชินมองเข็มทิศอยู่ครู่ใหญ่ แล้วส่ายหน้าแน่วแน่ "เป็นไปไม่ได้ โรงเรียนพวกคุณไม่มีเครื่องมือวิเศษที่ส่งผลต่อสนามแม่เหล็กเลยสักชิ้น ดังนั้นต้องไม่ใช่ฝีมือมนุษย์ที่ทำขึ้นในภายหลังแน่นอน ผมว่าแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว"

หวังชิงเฟิงถอนหายใจอย่างกังวล ดูเหมือนคนที่เชิญมาครั้งนี้คงช่วยรักษาผมบนหัวเขาไม่ได้แล้ว ถ้าไม่ได้จริงๆ คงต้องไปโกนหัวล้านซะแล้วกัน

หวังจินหางที่เพิ่งจบใหม่ ยืนเงียบๆ มานาน พอเห็นผู้อำนวยการหวังถามคนอื่นจนครบแล้ว ดันไม่ถามตน ก็รู้สึกไม่พอใจ คิดว่าอีกฝ่ายดูถูกตัวเอง พร้อมๆ กันนั้นก็รู้สึกว่า 4 คนที่มาด้วยกันไร้สายตาผู้ประกอบการสุดๆ ผู้อำนวยการหวังเชิญปรมาจารย์ฮวงจุ้ยมาชัดๆ ก็เพื่อให้ช่วยหาข้อบกพร่อง แต่ทุกคนพากันบอกว่าดีหมด พวกเขาไม่อยากรับเงินกันหรือไง!

"ผมไม่เห็นด้วยกับความเห็นพวกเขานะ ผมว่าฮวงจุ้ยโรงเรียนคุณมีปัญหามากๆ!" หวังจินหางลุกขึ้นยืน มองสี่คนที่นั่งรวมกันอย่างดูถูก "ผมไม่เหมือนพวกเขาที่พึ่งแค่ท่องจำคำพูดในหนังสือฮวงจุ้ยที่ไม่รู้แท้จริงเท็จจริงยังไง แล้วมาหลอกคน ผมศึกษามาจริงๆ นะ!"

หวังจินหางลุกขึ้นยืน เดินวนไปมาพลางชี้นิ้วไปรอบๆ "ผมว่าปัญหาฮวงจุ้ยในโรงเรียนคุณส่วนใหญ่มาจากตึกแลปทางทิศตะวันออกที่สูงกว่าตึกเรียน 3-4 ชั้น! นักเรียนคืออะไรล่ะ ก็เป็นดอกไม้ที่กำลังผลิบาน ความหวังของประเทศชาติ สิ่งที่ต้องการที่สุดก็คือการหล่อเลี้ยงด้วยแสงตะวันและน้ำค้าง! ดวงอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันออก แต่ตึกแลปดันไปบังแสงอาทิตย์ยามเช้าพอดี ในขณะที่ตึกเรียนกลับไม่โดนแสงเลยสักนิด ดอกไม้ไม่ได้รับแสงอาทิตย์จะดีได้ยังไง?"

หวังชิงเฟิงยืนงงเต็มที "แต่ว่า..."

"ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร! คุณจะบอกว่าตอนเที่ยงพระอาทิตย์เคลื่อนมาก็ส่องถึงตึกเรียนได้แล้วใช่ไหม แต่ทางทิศใต้ห้องสมุดก็สูงกว่าตึกเรียนอีกนะ! ส่วนทางตะวันตกก็ไม่มีอะไรบังจริงๆ แต่แสงยามเย็นแทนความหมายของอะไรล่ะ? ความชรา! ความสิ้นสุด! นอกจากจะหล่อเลี้ยงนักเรียนไม่ได้ ยังทำให้นักเรียนได้รับผลกระทบด้านลบอีกต่างหาก" หวังจินหางใช้พัดปัดมือ "การออกแบบวางผังโรงเรียนพวกคุณมีปัญหาใหญ่มาก!"

อ้วนหวังเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดครึ้มไร้แสงตะวัน แล้วลุกขึ้นมาตบบ่าหวังจินหาง "น้องชาย คราวหน้าถ้าเจอวันที่ฟ้ามืดไม่มีแดด อย่าลืมพกเข็มทิศติดตัวไปด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวจะหลงทางนะ"

หวังจินหางปัดมืออ้วนหวังออก มองอีกฝ่ายอย่างระแวดระวัง "นี่คุณหมายความว่ายังไง?"

"ยังจะถามผมอีกเหรอ นายไม่รู้หรือไงว่านายเดินหลง?" อ้วนหวังชี้ไปที่ตึกแลป "นั่นคือทางทิศตะวันตก ห้องสมุดก็อยู่ทางเหนือของตึกเรียน ตึกสองหลังนี้ไม่ได้บังแดดตึกเรียนซักนิดเดียว!"

หวังจินหางโต้แย้งอย่างอัตโนมัติ "ไม่น่าจะใช่ ประตูโรงเรียนไม่ได้อยู่ทางใต้หรอกเหรอ พอพวกเราเดินเข้ามาก็ตรงไปทางตะวันออกเลย ผมยังถามผู้อำนวยการด้วยซ้ำว่าทางนั้นคือทิศตะวันออกไช่มั้ย พอเดินไปไม่ไกลก็เจอตึกแลปแล้ว แล้วทำไมพอคุณพูดมันกลายเป็นทิศตะวันตกไปได้?"

อ้วนหวังกลั้นหัวเราะแทบแย่ "พวกเราเดินเข้ามาในโรงเรียนเลี้ยวขวาไปที่สวนเล็กๆ ทางทิศตะวันออก เดินวนรอบแล้วออกประตูทางตะวันตก นายคงจะเดินหลงตั้งแต่ตอนนั้นแหละ"

เห็นท่าทางงงของหวังจินหาง จางหยุนกับจูเจิ้นเฟิงก็หัวเราะจนปวดท้อง แม้แต่ท่านเต๋าจางชินยังพยายามกลั้นมุมปากสุดฤทธิ์ กลัวจะเสียภาพลักษณ์

จูเจิ้นเฟิงที่โดนจ้องมาตลอดทางถึงกับอดหัวเราะเยาะไม่ได้ "ทิศทางพื้นฐานที่สุดยังแยกไม่ออก แล้วมาดูฮวงจุ้ยอะไรกัน เก่งจริงๆ เลยนะเนี่ย พูดเหลวไหลเก่งซะขนาดนั้น!"

จางหยุนก็ขำตาม "ทิศทางยังทำผิด จะดูอะไรอีกล่ะ นายลองเดินเองสักรอบแล้วค่อยมาอธิบายใหม่ไหม!"

"พูดบ้าอะไรของนาย คนอย่างเขาถ้าเดินหลงขึ้นมาจะทำไงกัน!" อ้วนหวังพยักเพยิดไปที่ท่านเต๋าจางชิน "ท่านเต๋า ขอยืมเข็มทิศให้เขาใช้หน่อยสิ ถือเข็มทิศไว้จะได้ไม่หลงง่ายๆ!"

ท่านเต๋าจางชินคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยื่นเข็มทิศในมือให้อย่างระมัดระวัง "เธออ่านเข็มทิศออกหรือเปล่า จะให้ฉันสอนวิธีใช้ไหม"

หวังจินหางหน้าแดงก่ำ จ้องมองพวกนั้นด้วยสายตาดุดัน "พวกคุณนี่มันอิจฉาคนมีความสามารถ! ใจคับแคบ! ทนไม่ได้ที่เห็นคนเก่งกว่า! พวกคุณจะเชิญใครก็เชิญไปเลย ผมไม่อยากดูแล้ว!"

อ้วนหวังมองทิศทางที่หวังจินหางหมุนตัวเดินกลับ ก็หัวเราะตบขาดังๆ "เดินผิดแล้วๆ ประตูอยู่ข้างหลังนาย ฟังคำสั่งฉันนะ หันหลังกลับ!"

ก้าวเท้าที่เดินอย่างเร็วของหวังจินหางหยุดฉับพลัน พุ่งตัววิ่งกลับมา ดูจากท่าทางปาดตาเหมือนจะร้องไห้อยู่แล้ว

ท่านเต๋าจางชินรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย เก็บเข็มทิศใส่กระเป๋า พลางถามอย่างสงสัย "เมื่อกี้ประโยคที่ผมถามไปมันไม่ถูกต้องหรือเปล่า ทำให้เขาโกรธรึเปล่า"

"ไม่ใช่ๆ เป็นผมเองแหละที่ยั่วโมโหเขา" อ้วนหวังรีบขอโทษหวังชิงเฟิง "ขอโทษนะท่านผู้อำนวยการ คนที่ท่านเชิญมา ผมไปทำให้เขาโกรธหนีไปซะแล้ว"

หวังชิงเฟิงเหนื่อยหน่ายโบกมือ "ไปก็ไปเถอะ ทิศทางยังจำไม่ได้ ฮวงจุ้ยก็คงไม่ได้ดูดีเท่าไหร่หรอก ตอนนี้ความหวังสำคัญยังเหลืออยู่ที่สี่ท่านนี้"

"ท่านปรมาจารย์ทั้งสี่ พวกท่านมีแนวทางอะไรที่จะแก้ฮวงจุ้ยในโรงเรียนพวกเราไหม" หวังชิงเฟิงถามด้วยสีหน้ากังวลใจ "พวกเราก็ไม่ได้หวังฮวงจุ้ยที่ดีขนาดนั้นหรอก แค่ธรรมดาที่สุด ปกติที่สุดก็พอแล้ว"

พอได้ยินประโยคนี้ จางหยุนกับจูเจิ้นเฟิงก็ประสานกันก้มหน้าอย่างเข้าใจกันดี เงียบๆ ไปแกะฉลากน้ำแร่แทน

หวังชิงเฟิงเป็นคนทำงานด้านการศึกษา และเคยเป็นอาจารย์มาก่อน แค่มองปราดเดียวก็รู้ สองคนนี้ไม่มีความรู้แน่นอน ถ้าเป็นนักเรียนก็ต้องติดกลุ่มอ่อนที่สุดแหง ๆ

เขาจึงมองหวังใดๆ ไปที่ท่านเต๋าจางชินและอ้วนหวัง "สองท่านมีไอเดียอะไรบ้างครับ"

ท่านเต๋าจางชินส่ายหน้า "ต้นไม้ใบหญ้าในโรงเรียนนี้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะแก้ไขจุดไหนก็จะทำลายความสมดุลและสนามแม่เหล็กของที่นี่ หากทำไปลุ่มๆ ดอนๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดผลตรงกันข้ามก็ได้ ฝีมือผมไม่ถึงขนาดนั้น"

อ้วนหวังลูบคางป่องๆ ของตัวเอง ถามด้วยความสงสัย "ท่านผู้อำนวยการ ตามฮวงจุ้ยโรงเรียนของท่าน มีแต่คนทำชั่วเท่านั้นที่จะโชคร้าย แต่ถ้าคนใจบุญมาที่นี่กลับจะเพิ่มโชคลาภด้วยซ้ำ ฮวงจุ้ยดีขนาดนี้แล้ว ท่านจะแก้ไขอะไรอีกล่ะ"

หวังชิงเฟิงยิ้มขื่นๆ "ช่วงนี้มีคนบาดเจ็บเยอะเกินไป ถ้าปล่อยไปแบบนี้ต่อ ต้องกระทบการรับสมัครแน่ๆ ชื่อเสียงโรงเรียนก็จะเสียหายไปด้วย"

ท่านเต๋าจางชินเก็บเข็มทิศพร้อมส่ายหน้าอย่างซื่อตรง "เรื่องนี้ผมช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ"

จางหยุนกับจูเจิ้นเฟิงเห็นดังนั้นก็โล่งอก พากันแสดงท่าทีว่าพวกตนก็ช่วยอะไรไม่ได้เช่นกัน

เหลือก็แต่อ้วนหวัง หวังชิงเฟิงจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาอ้อนวอน อ้วนหวังคิดแล้วก็บอกว่า "จริงๆ แล้ว เรื่องนี้ก็ไม่ใช่แก้ไม่ได้ เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลา แค่ท่านรอไปก่อนก็พอ"

หวังชิงเฟิงมองอ้วนหวังด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง "ต้องรอถึงเมื่อไหร่"

"ยังต้องถามอีกเหรอ" อ้วนหวังกล่าวอย่างเต็มเสียง "ก็ต้องรอจนกว่านักเรียนที่ทำชั่วในโรงเรียนจะได้รับการลงโทษกันจนหมดสิถึงจะถึงเวลา"

หวังชิงเฟิงกัดฟัน "งั้นขอให้การลงโทษมาเร็วๆ หน่อยได้ไหม เอาให้จบๆ ไปซะที ตอนนี้ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังทีไร หัวใจน้อยๆ ของผมแทบทนไม่ไหวแล้ว!"

อ้วนหวังครุ่นคิดอยู่ครู่ก่อนจะส่ายหน้า "ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีที่สุด!"

หวังชิงเฟิงเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนหันไปถามรองอาจารย์ใหญ่ "ท่านปรมาจารย์น้อยที่ทรงอานุภาพมากๆ ที่คุณแม่เธอเคยพูดถึงน่ะ ติดต่อเขาได้หรือยัง"

เขาพบว่าคนที่เชิญมาวันนี้ ไว้ใจพึ่งพาไม่ได้เลยซักคน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด