ตอนที่แล้วบทที่ 17 (ต่อ)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18 (ต่อ)

บทที่ 18 โดนจับได้


แม่ของหลินชิงอิ่นกังวลใจตอนกลับมา แต่แค่พอเปิดประตูเข้ามาเห็นว่าสองหนุ่มที่มาหานั้นกำลังเรียนหนังสือกับลูกสาวจริงๆ เธอก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที ยิ้มระรื่นจนแทบจะเรียกว่ารอยยิ้มแสนสดใส

หลินชิงอิ่นกับเจียงเว่ยเห็นแม่ของนางกลับมาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ยังคงเป็นอ้วนหวังเจ้าเล่ห์ที่คิดออก ฉวยโอกาสตอนคุยเพื่อชมเจียงเว่ยเต็มที่ "นี่คือหัวกะทิการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเมืองเรานะ" จากนั้นยังเปิดข่าวเก่าๆ ในมือถือให้แม่หลินชิงอิ่นดู "ตอนนี้เป็นนักศึกษาเก่งคณะคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชิงต้า ปีนี้ก็จะสอบเข้าโทแล้ว"

ถ้าจะบอกว่าก่อนหน้านี้แม่หลินชิงอิ่นแค่อบอุ่นใจกับพวกเขาสองคน ตอนนี้สายตาที่มองเจียงเว่ยนั้นแทบจะเปล่งประกายเลยทีเดียว "ที่ 1 การสอบเข้ามหาวิทยาลัย! แถมยังอยู่มหาวิทยาลัยในเมืองหลวง โอ้โห!" ตบมือที่ตื่นเต้นจนวางไม่ลง แม่หลินชิงอิ่นไม่รู้จะพูดอะไรดี "ป้าจะทำอาหารเลี้ยงหนูเอง!"

หลินชิงอิ่นที่กำลังหั่นแตงโมเพลินๆ ได้ยินประโยคนี้ก็รีบทิ้งแตงที่อยู่ในมือ กระโจนเข้าไปทันที "แม่ๆ แม่ทำอาหารควันเยอะ กลิ่นฉุนเกินไป อย่าทำเลยนะ"

หลินชิงอิ่นคิดว่าแม่ของตนเองนั้นมีจุดบอดและมองในแง่ดีกับฝีมือทำอาหารของตัวเองจริงๆ ต้องมีความมั่นใจแบบไหนกัน ถึงจะกล้าโชว์ฝีมือต่อหน้าคนอื่นกันนะ!

"ควันมันเยอะเหรอ" แม่หลินชิงอิ่นหันไปมองครัว ครัวบ้านหลินนั้นอยู่ที่ระเบียงหันหน้าไปทางเหนือ กับห้องรับแขกคั่นด้วยประตูเลื่อนแบบเก่าๆ เพราะใช้งานมานานแล้ว ประตูเลื่อนได้แค่ครึ่งเดียว ปกติตอนทำอาหารกลิ่นจะลอยเข้ามาในห้องบ่อยๆ

คิดถึงตัวดูดควันเก่าๆ ในบ้านที่ส่งเสียงดังและดูดควันได้ไม่ดี แล้วก็มองหนังสือกับสมุดแบบฝึกหัดบนโต๊ะ แม่หลินชิงอิ่นก็เลิกคิดจะอวดฝีมือเสียที "หลินชิงอิ่นพูดถูก ทำอาหารจะไปรบกวนเวลาอ่านหนังสือ อืม งั้นเดี๋ยวป้าพาไปกินข้างนอกนะ" แม่ประเมินเงินในกระเป๋าอย่างรวดเร็วแล้วยิ้ม "ร้านอาหารนอกหมู่บ้านของเรา รสชาติค่อนข้างดีนะ"

อ้วนหวังรีบขวางทันที "ไม่ต้องๆ! คุณพี่ พวกเราไม่ใช่คนนอก เรากับหลินชิงอิ่นสนิทกันดี คุณไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอก หลินชิงอิ่นบอกว่ากลางวันไปกินข้างนอกจะกวนเวลาเรียน เลยสั่งอาหารมาแล้ว" เขาเปิดแอปสั่งอาหารให้แม่ของหลินชิงอิ่นดู "อีกยี่สิบนาทีก็มาส่งแล้ว"

แม่หลินชิงอิ่นก็แค่อาศัยพักเที่ยงขอลาล่วงหน้ากลับมาบ้านชั่วโมงเดียว ในเมื่อพวกเขาสั่งอาหารแล้ว แถมที่บ้านก็ไม่มีอะไรด้วย แม่หลินชิงอิ่นเลยตัดสินใจกลับไปทำงานดีกว่า จะได้ไปขอยกเลิกการลาที่เหลือ ไม่งั้นครั้งหน้าอาจจะขอลายากขึ้น

เห็นบนโต๊ะกินแตงโมกันเกือบหมดแล้ว แม่หลินชิงอิ่นเก็บให้เรียบร้อยเผื่อพวกเขามาทำความสะอาด "ป้าแค่กลับมาให้ผลไม้พวกหนูเท่านั้นแหละ ครั้งหน้าอยากกินอะไรก็บอกป้า ทำไมจะให้พวกหนูสอนพิเศษหลินชิงอิ่น แล้วยังต้องเอาผลไม้มาเองด้วยล่ะ"

เจียงเว่ยลูบผมยิ้มเขินๆ "ป้าอย่าเกรงใจเลยครับ พวกเราไม่ใช่คนอื่น ท่านอา.. เอ่อ หลินชิงอิ่นเคยช่วยผมไว้ ป้าอย่าเกรงใจผมเลยนะครับ"

หลินชิงอิ่นพยักหน้าเออออไปด้วย "ใช่ๆ แค่ช่วยนิดหน่อยเอง"

อ้วนหวังกุมหน้าผากอย่างอ่อนแรง รีบยิ้มแป้นช่วยทั้งสองอีกแรง "หลินชิงอิ่นชอบช่วยเหลือผู้อื่นเป็นนิสัย"

แม่หลินชิงอิ่น: "..."

พูดยิ่งมากเท่าไร ป้าก็ยิ่งรู้สึกว่าการช่วยเหลือนี่มันไม่ธรรมดาซะแล้ว

แต่เนื่องจากมีคนอื่นอยู่ด้วย แม่หลินชิงอิ่นก็ไม่กล้าถามรายละเอียด หลังจากพูดจาสุภาพอีกสองสามคำ เธอก็คว้ากระเป๋าเตรียมกลับไปทำงาน "งั้นพวกหนูเรียนต่อกันเถอะ ป้าต้องรีบกลับที่ทำงานแล้ว" แม่หลินชิงอิ่นโบกมือ "วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ป้าจะเลี้ยงข้าวพวกหนูเอง ขอบคุณพวกหนูมากๆ นะ"

อ้วนหวังยิ้มแย้มส่งแม่หลินชิงอิ่นไปจนถึงหน้าประตู พอปิดประตูเสร็จก็ถอนใจเหนื่อยใจยิ่ง

หมุนตัวกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่น เห็นเจียงเว่ยเตรียมตัวสอนต่อแล้ว อ้วนหวังรีบแทรกตัวเข้าไประหว่างทั้งคู่ ยิงคำถามเข้าไปทันที "ท่านปรมาจารย์น้อย พ่อแม่ท่านรู้ไหมว่าท่านออกไปดูดวงให้คน"

"ก็ไม่รู้อยู่แล้ว!" หลินชิงอิ่นตอบอย่างมีเหตุผล "พวกท่านไม่เคยถามฉันเลยนี่นา"

อ้วนหวังมองดวงตาโตกลมสีดำขลับของหลินชิงอิ่น สีหน้าเหมือนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดามากๆ แล้วก็อ่อนใจ "งั้นท่านเคยคิดไหมว่าถ้าแม่ท่านรู้ว่าท่านออกไปดูดวงให้คนจะทำยังไง"

อ้วนหวังพูดด้วยท่าทางจริงจังอย่างยิ่ง "แม้ผมจะดูดวงให้คนตามมรดกที่สืบทอดมาในครอบครัว ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าผมเรียนไม่ดี ไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัย พอเรียนจบแล้วออกไปทำงาน ค่าจ้างก็แทบจะไม่มีเงินเก็บเลย คุณคิดดูสิ ผมนี่นะ ลูกรุ่นที่สองที่บ้านถูกรื้อ พ่อผมมีบ้านถึง 6 หลัง เงินค่าเช่ารายเดือนก็เลี้ยงดูครอบครัวใหญ่ๆ ได้สบาย ผมจะไปทำงานหนักอึ้งเพื่อค่าแรงสองพันต่อเดือนทำไม อย่างนั้นผมก็เลยออกมาดูดวงดีกว่า! ได้เงินมาก็ดีใจ ไม่ได้ก็มีคนให้คุย หายเบื่อ ดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆ เป็นไหนๆ ท่านปรมาจารย์น้อยนี่ไม่เหมือนผมนี่นา!"

หลินชิงอิ่นมองอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง "ฉันต่างกับนายตรงไหน ก็เพราะไม่มีบ้านหกหลังงั้นเหรอ"

อ้วนหวังโมโหจนขำ "ท่านมีเหรอครับ?"

ลมหายใจหลินชิงอิ่นสะดุดทันที "ฉันไม่มี..."

"นั่นไง" อ้วนหวังพูดด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย "จริงๆ แล้ว ประเด็นไม่ได้อยู่ที่บ้าน ผมเรียนจบแล้วตกงาน ครอบครัวผมคิดว่าขอให้ผมออกไปทำอะไรก็ยังดีกว่ามานั่งเซ่ออยู่บ้าน แต่ท่านไม่เหมือนผมไงล่ะ!" อ้วนหวังชี้ไปที่หนังสือบนโต๊ะ "ถึงเมื่อกี๊จะได้คุยกับแม่ของท่านไม่นาน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าท่านแม่เอาใจใส่การเรียนของท่านมาก ถึงจะไม่ได้หวังให้ท่านเป็นเจียงเว่ย คว้าที่ 1 การสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรอก แต่ท่านแม่ต้องอยากให้ท่านสอบติดมหาวิทยาลัยที่ดีๆ แน่ๆ"

"ฉันรู้!" หลินชิงอิ่นพยักหน้าอย่างอึดอัด "ถ้าไม่ใช่เพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ฉันคงไม่ให้เจียงเว่ยมาสอนพิเศษแล้ว จริงๆ ฉันว่าไปเรียนทำอาหารที่ซินตงฟางก็ดีออก ฉันเช็คในมือถือแล้วนะ ที่นั่นเขาสอนอะไรเยอะแยะเลย อาหารกวางตุ้ง อาหารหลู่ อาหารหยางโจว..."

อ้วนหวังเสียใจนิดหน่อยที่เมื่อวานตอบคำถามหลินชิงอิ่นไปแล้วว่าพ่อครัวจบจากที่ไหน เขาไม่คิดเลยว่าความใฝ่ฝันของหลินชิงอิ่นจะแปลกแยกขนาดนี้! คิดจะไปเรียนทำอาหารที่ซินตงฟางได้ยังไง ยังไม่เท่าไปเรียนสาขาฮวงจุ้ยที่ฮ่องกงเลย อย่างน้อยเรียนจบมาก็ไม่น่าจะมีปัญหา

พอเห็นว่าหลินชิงอิ่นพาประเด็นออกนอกทางไปแล้ว อ้วนหวังเลยสรุปปัญหาให้นางตรงๆ ไปเลย "ถ้าท่านออกไปดูดวง แม่ของท่านต้องกังวลว่าท่านจะเสียการเรียนแน่ๆ แล้วก็..." เขาเกาหน้าอย่างกลัดกลุ้ม ไม่รู้ว่าคำถามที่ตัวเองจะถามนี้จะขัดใจท่านปรมาจารย์น้อยหรือเปล่า

หลินชิงอิ่นมองปราดเดียวก็เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายจะพูด "หมายถึงแม่จะถามฉันว่าไปเรียนวิชานี้จากใครใช่ไหม"

อ้วนหวังถอนหายใจโล่งอก พยักหน้าหงึกหงัก "คนที่สืบทอดวิชาดูดวงมาจากบรรพบุรุษอย่างผมก็ค่อนข้างหายากอยู่แล้ว"

หลินชิงอิ่นชำเลืองมองเขา นางแทบไม่กล้าบอกเลยว่าระดับความสามารถของเขาตื้นเขินเพียงใด แต่ปัญหาที่อ้วนหวังพูดถึงก็ควรคิดให้ดีจริงๆ แม้ว่าหลินชิงอิ่นตอนแรกที่ออกไปดูดวงจะไม่ได้คิดอะไรมาก นางมีแค่ความคิดที่ว่าจะหาเงินมาซื้อหยกวิญญาณเพื่อบำเพ็ญเพียร แต่ช่วงหลังๆ ที่ได้คบหาสมาคมกับผู้คนมากขึ้น นางก็รู้ว่าต้องคำนึงถึงความคิดของพ่อแม่และครอบครัวด้วย

การดูดวงเป็นสิ่งที่ต้องทำแน่นอน การดูแลพ่อแม่แทนร่างเดิมและทำตามความฝันที่จะเข้ามหาวิทยาลัยนั้นสำคัญ แต่การบำเพ็ญเพียรของนางก็ไม่อาจละทิ้งได้

หลินชิงอิ่นใช้ความคิดครู่หนึ่งแล้วรู้สึกว่า ถ้าแม่จับได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ไม่ต้องปวดหัวคิดแล้วว่าจะเอาเงินให้ท่านได้อย่างไร ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องการสืบทอดวิชา...

คนอื่นสนใจว่าเธอดูดวงแม่นยำหรือไม่ ส่วนคนในครอบครัวกลับจะสงสัยว่าเธอไปเรียนวิชานี้จากไหน

"ถ้าฉันบอกว่านี่เป็นพรสวรรค์ของฉัน พวกนายจะเชื่อไหม"

อ้วนหวังมองนางด้วยสีหน้าประหลาดใจเกินบรรยาย "ท่านคิดว่าไง"

"แต่ความจริงก็เป็นอย่างนี้นี่นา" หลินชิงอิ่นพูดอย่างเป็นธรรมชาติ "อย่างเช่น ถ้าให้นายดูโหงวเฮ้งให้เจียงเว่ย นายจะดูอะไรออก" พูดแล้วเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนเน้นย้ำ "ตอบตามตรงนะ อย่ามาอ้างทฤษฎีหลอกลวงพวกนั้น"

อ้วนหวังจ้องมองเจียงเว่ยสองสามครั้ง "หน้าตาดีนะ"

เจียงเว่ยยิ้มกริ่มตบไหล่อ้วนหวัง ทำตัวเหมือนเพื่อนซี้ "น้องชาย แม้ผมจะรู้ว่านายฝีมือไม่คอยดี แต่ไม่คิดว่าสายตานายจะดีเหมือนกันนะเนี่ย"

อ้วนหวังยกมือปัดมือของเจียงเว่ยออกไป "ฟังท่านปรมาจารย์น้อยพูด"

"ฉันมองเห็นชะตารุ่งโรจน์ของเขา พลังงานสีแดงและเหลืองหมุนวนเป็นวงอยู่ตำแหน่งมิ่งขวัญ ฉันเห็นได้ว่าเขามีอายุยืนยาวและโชคลาภ อีกทั้งฉันยังมองเห็นจากโหงวเฮ้งว่าพ่อแม่ของแต่ละคนสุขภาพดีหรือไม่ จะแต่งงานเมื่อไหร่ มีลูกกี่คน..." หลินชิงอิ่นพูดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง "ฉันมองเห็นชะตากรรมของผู้คน แม้วันนั้นเจียงเว่ยจะนั่งไกลขนาดไหน ฉันก็มองเห็นได้ว่าเขาถูกเคราะห์กรรมห่อหุ้มอยู่ เลยเรียกตัวเขามาโดยเฉพาะ"

"โอ้ว! ท่านนี่เปิดตาทิพย์แล้วสินะ" อ้วนหวังขยับเข้ามาใกล้ จ้องมองตาของหลินชิงอิ่น "อ้าว ผมเหมือนจะเห็นจุดพิเศษแล้วนะ ตาของท่านปรมาจารย์น้อยใสซื่อเป็นพิเศษ ดูเป็นประกายน่ารักมาก"

หลินชิงอิ่นมองเขาด้วยสายตาเซ็ง "นายก็มีแค่ระดับนี้แหละ"

อ้วนหวังยิ้มแหยๆ เกาหัวไปมา ถอยออกไปด้านหลังอย่างเก้อเขิน "ท่านปรมาจารย์น้อยพูดต่อเถอะครับ"

"นอกจากนี้ ฉันยังมีความเข้าใจในด้านการดูดวง ฮวงจุ้ย อะไรพวกนี้มาแต่กำเนิด" หลินชิงอิ่นพูดพลางหยิบหนังสือจากมืออ้วนหวัง "นายท่องหนังสือเล่มนี้ยังติดขัดไม่เลิก แต่ฉันอ่านแค่รอบเดียวก็จำเนื้อหาข้างในได้หมดแล้ว ไม่ต้องให้ใครมาสอน ก็เข้าใจได้เองว่าจะประยุกต์ใช้จริงยังไง"

พออ้วนหวังได้ฟังถ้อยคำนี้ก็รู้สึกเหมือนมีเม็ดมะนาวอมอยู่ในอก รสชาติเปรี้ยวซ่านจากข้างในสู่ภายนอก "ท่านปรมาจารย์น้อย พรสวรรค์ของท่านดีเกินไปแล้วนะครับ ท่านจะปล่อยให้พวกเราคนธรรมดาได้มีที่ยืนอีกไหมเนี่ย"

"ได้สัมผัสความรู้สึกที่คนอื่นทำได้ง่ายๆ แต่ตัวเองไม่มีบ้างใช่ไหมล่ะ" หลินชิงอิ่นมองเขาอย่างยิ้มแย้ม ทันใดนั้นน้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา หน้าบึ้งตึง ถากถางเขาประโยคหนึ่ง "ดังนั้นเรื่องที่นายมีบ้านหกหลังน่ะ อย่าพูดบ่อยๆ ได้ไหม"

เจียงเว่ยตบโต๊ะหัวเราะลั่น อ้วนหวังก็ยกมือยอมแพ้หัวเราะตาม สุดท้ายก็อดถามไม่ได้ "ท่านปรมาจารย์น้อย เมื่อกี้ที่ท่านพูดมาเป็นเรื่องจริงเหรอครับ"

หลินชิงอิ่นทำหน้าจริงจัง "ก็จริงอยู่แล้ว โกหกนายก็ไม่มีรายได้"

อ้วนหวังถอนหายใจอย่างเซ็งๆ กอดหนังสือแล้วหดตัวกลับไปบนโซฟา เริ่มท่องหนังสือต่อ เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นมันช่างทำให้คับแค้นใจจริงๆ

หลินชิงอิ่นเห็นอ้วนหวังไม่ตั้งข้อสงสัยกับคำพูดของตน มุมปากก็ยกโค้งขึ้นเล็กน้อย

จริงๆ แล้วสิ่งที่นางพูดไปก็ไม่ได้โกหกเลย ในเมื่อนางฝึกวิชาเซียน แถมยังมาจากสำนักเซินสวน การใช้ตาเปล่ามองเห็นชะตาชีวิตของผู้คนเป็นเรื่องง่ายที่สุดแล้ว คำพูดที่ว่าต่อมาก็เป็นความจริง คนที่มีพรสวรรค์ด้านการบำเพ็ญเพียรไม่ใช่มีน้อย แต่คนที่มีพรสวรรค์ด้านคัมภีร์โหราศาสตร์ในเวลาเดียวกันนั้นหาได้ยาก ไม่งั้นสำนักเซินสวนคงไม่เห็นตัวนางแล้วรับนางเป็นลูกศิษย์หลักตั้งแต่แรกพบ แล้วต่อมาประมุขสำนักก็ยังเลือกนางให้เป็นผู้สืบทอดวิชาอีกด้วย

ในเส้นทางคัมภีร์โหราศาสตร์ ไม่มีใครกล้าเอาพรสวรรค์มาเทียบนาง

สิ่งที่นางปิดบังไว้ก็แค่ปีที่ตัวเองเกิดเท่านั้นเอง

สายตาของหลินชิงอิ่นจับจ้องไปที่หนังสือในมืออ้วนหวัง ตัดสินใจที่จะสร้าง "ตำนาน" บางอย่างขึ้นมา "อ้วนหวัง ช่วยไปซื้ออุปกรณ์เครื่องเขียนอย่างพู่กัน หมึก กระดาษ มาให้ฉันบ้างนะตอนบ่าย กระดาษอย่าซื้อขาวจ้าเกินไป เอาแบบมีอายุหน่อย"

---

ช่วงนี้ ลุงป้าตาทวดที่สวนสาธารณะของเมืองนอกจากจะพากันเดินเล่น เต้นแอโรบิค ยังมีงานอดิเรกเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง นั่นก็คือจับกลุ่มคุยเรื่องของท่านปรมาจารย์น้อย

คนมักจะคล้อยตามคนอื่น คนสูงวัยยิ่งเป็นอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นพวกแบรนด์อาหารเสริมสุขภาพคงไม่มุ่งหลอกลวงแต่พวกคุณลุงคุณป้าพวกนี้หรอก ในช่วงแรก คนที่มาจองคิวดูดวงกับอ้วนหวังส่วนใหญ่จะเป็นพวกมีเรื่องลำบากใจ เช่น อยากตัดสินใจเรื่องสำคัญแต่ยังลังเล หรือว่าเรื่องในบ้านไม่ราบรื่น อยากให้อาจารย์ช่วยดูว่ามีปัญหาตรงไหน แต่หลังๆ มา เหตุผลในการมาดูดวงก็มีสารพัดแล้ว บางคนถึงกับคิดว่าถ้าตัวเองไม่มาดูดวง ก็จะตามกระแสไม่ทัน

นอกจากคนมาดูดวง ก็ยังมีคนมาดูเป็นกระแสด้วย พอเห็นท่านปรมาจารย์น้อยทำนายแม่นยำไม่มีพลาด หลายคนก็อยากลองบ้าง คนที่เห็นว่ามีผู้คนมากมายชื่นชมท่านปรมาจารย์น้อย พวกที่เคยดูดวงและเป็นจริงตามนั้น ก็ยินดีที่จะแชร์ประสบการณ์ โดยเฉพาะป้าหวังที่ครั้งก่อนได้ฟังคำทำนายดีๆ อยากจะช่วยโปรโมตให้ท่านปรมาจารย์น้อยไปทั่ว ขึ้นรถเมล์ยังพูดให้หนุ่มๆ ที่นั่งด้านหลังฟังไปทั้งทาง ฟังจนคนฟังงงไปหมด

คนที่มาหาท่านปรมาจารย์น้อยดูดวงยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ที่น่าเซ็งก็คือท่านปรมาจารย์น้อยไม่ได้มาทุกวัน ดีที่ท่านปรมาจารย์น้อยบอกว่าถ้ามีเรื่องเร่งด่วนมากๆ สามารถไปคุยกับหวังหูได้ แล้วจะจัดเวลาให้ดูดวงเป็นพิเศษ

---

หลินชิงอิ่นตื่นมาฝึกฝนตัวเองตรงเวลาทุกวันตอนตีสาม ปกติจะฝึกไปจนถึงแปดโมงเช้า แต่ถ้าวันไหนต้องออกไปดูดวง ก็ต้องฝึกแค่ห้าโมงเช้า

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่นัดไว้ว่าจะไปดูดวง หลินชิงอิ่นใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่กี่นาที ตอนห้าโมงสิบนาทีก็ออกจากบ้านแล้ว

แม่ของหลินชิงอิ่นติดใจเรื่องที่หลินชิงอิ่นช่วยเหลือเจียงเว่ยเล็กน้อยมาตลอด ต้องเป็นการช่วยเหลือระดับไหนกัน ถึงทำให้หัวกะทิสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาสอนพิเศษให้ถึงบ้านทุกวัน สอนทีหนึ่งก็เป็นวันๆ เลย แม่ของหลินชิงอิ่นลองประเมินราคาตลาดดู ถ้าเป็นค่าสอนพิเศษจ่ายจริง วันละเท่านี้เท่ากับค่าจ้างเดือนหนึ่งของเธอเลยนะ

เธอก็สงสัยเรื่องที่หลินชิงอิ่นออกจากบ้านแต่เช้าเป็นครั้งคราวด้วย ก่อนหน้านี้เคยถามไปคำหนึ่ง หลินชิงอิ่นก็แค่บอกว่าไปสวนสาธารณะของเมือง แต่ไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไมต้องไปแต่เช้าขนาดนั้น

ได้ยินเสียงปิดประตูเบาๆ แม่ของหลินชิงอิ่นที่รอมาสองวันก็ลุกขึ้นจากเตียง รีบล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้า พอเธอออกจากบ้าน ก็ไม่เห็นเงาของหลินชิงอิ่นแล้ว

แม่ของหลินชิงอิ่นรู้ว่าหลินชิงอิ่นไปสวนสาธารณะของเมือง เธอเลยไม่ได้ไปหาที่อื่น แต่ตรงดิ่งไปที่สวนเลย ช่วงปลายเดือนสิงหาคม อากาศจะเย็นสบายหน่อยก็แค่ตอนเช้า คนมีอายุรู้สึกหนาวน้อยลง พอตื่นเช้ามาก็ชอบไปเดินเล่นที่สวน บริหารกล้ามเนื้อและกระดูกสักหน่อย

แม่ของหลินชิงอิ่นพอเข้าไปก็ได้อารมณ์แบบเดียวกับคนพวกนี้ทันที มีทั้งคนเต้นแอโรบิค คนออกกำลังกาย คนเดินเร็วและวิ่งเหยาะๆ เธอเห็นคนข้างๆ ตั้งใจกระตุกแขนเดินอย่างรวดเร็ว เลยอดใจไม่ไหวเข้าไปร่วมแถวกับพวกเขาบ้าง คิดในใจว่ายังไงก็ไม่รู้ว่าตอนนี้หลินชิงอิ่นอยู่มุมไหนของสวน เดินตามพวกเขาไปเผื่อจะได้เจอ

เพิ่งเดินไปได้ไม่นาน แม่ของหลินชิงอิ่นก็พบว่ามีผู้คนเข้ามาร่วมแถวเดินเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บางคนเดินๆ ไปก็วิ่งเลย ปากก็ตะโกนว่า เร็วเข้า เร็วเข้า! คนที่ได้ยินแบบนี้ก็ตื่นเต้น แถวเดินเร็วกลายเป็นวิ่งเหยาะๆ ไล่กวดกันอย่างครึกครื้น

จิตวิญญาณการออกกำลังกายที่กระตือรือร้นแบบนี้ ช่างดีจริงๆ! ไม่แปลกใจเลยที่พวกลุงป้าตาทวดพวกนี้ดูแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าขนาดนั้น!

แม่ของหลินชิงอิ่นรู้สึกได้แรงบันดาลใจ เดินไปอย่างกระฉับกระเฉง คิดไปด้วยว่าต่อไปจะต้องมาเดินเป็นครั้งคราว กันเอาไว้ตอนแก่แล้วสุขภาพไม่ดี จะได้ไม่ไปเป็นภาระให้หลินชิงอิ่น

"มาแล้ว เร็วเข้า!" จู่ๆ ก็มีใครสักคนตะโกนขึ้นมา แม่ของหลินชิงอิ่นเห็นคนข้างๆ ตัวเองรีบวิ่งไปหาต้นไม้ใหญ่โบราณต้นหนึ่งไม่ไกลจากจุดนั้น เธอเพิ่งจะลังเลก้าวเท้าช้าไปนิดหน่อย คนที่เดิมอยู่ข้างหลังเธอก็แซงเธอไปหมด พากันวิ่งไปที่ต้นไม้นั้นอย่างสุดกำลัง

"โอ๊ย วันนี้มาช้าไปหน่อย ไม่รู้ว่าจะแทรกไปข้างหน้าได้รึเปล่า" แม่ของหลินชิงอิ่นได้ยินเสียงเสียดายใจ เธอหันหน้าไปมอง เห็นป้าคนหนึ่งวิ่งไปพลางพึมพำอย่างหงุดหงิด "เมื่อวานลืมดูมือถือน่ะสิ ฉันไม่รู้ว่าวันนี้ท่านปรมาจารย์น้อยจะมา ไม่งั้นสี่โมงเช้าฉันก็มารออยู่ตรงนี้แล้ว!"

ท่านปรมาจารย์น้อย??

แม่ของหลินชิงอิ่นขมวดคิ้วอย่างสงสัย ทำไมชื่อเรียกนี้ฟังดูคุ้นหูจัง

ยังไม่ทันได้คิดให้ชัดเจน แม่ของหลินชิงอิ่นก็ตามกลุ่มคนมาถึงใต้ต้นไม้โบราณแล้ว ตอนนี้คนที่มาก่อนต่างนั่งลงข้างๆ อย่างมีประสบการณ์ เปิดทางให้คนที่จะมาดูดวง

แม่ของหลินชิงอิ่นชะเง้อมองไป แล้วก็ตกใจจนตัวแข็งทื่อ!

ลูกสาวเธอนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ผู้คนมากมายกำลังทักทายเธออย่างร่าเริง เรียกเธอว่าท่านปรมาจารย์น้อย

แม่ของหลินชิงอิ่นตบมือฉาด ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ ไม่แปลกใจเลยที่ชื่อเรียกนี้ฟังดูคุ้นหูขนาดนั้น วันก่อนเจียงเว่ยก็เรียกหลินชิงอิ่นแบบนี้พอดี

ลูกสาว เธอนั่งอยู่ตรงนั้นทำอะไรน่ะ อยากเป็นเซียนเหรอยะ!!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด