ตอนที่แล้วบทที่ 12 หมอดูตาทิพย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 14 ทำชุดเจ้าสาวให้คนอื่น

บทที่ 13 ฮวงจุ้ยอาถรรพ์ถึงตาย


จางเจี้ยนกั๋วรู้สึกหน้ามืดตาลาย ใบหน้าซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม อ้วนหวังตกใจรีบยื่นมือดึงเขาเข้ามายืนใต้ร่มไม้ สีหน้าตื่นตระหนก "ลุง นี่ลุงมาดูดวงนะ ไม่ใช่มาล้มหรอกนะ ทรงตัวไว้ล่ะ อย่าเพิ่งเป็นลมล่ะ ผมไม่มียาหรอก!"

จางเจี้ยนกั๋วนั่งลงบนก้อนหินใหญ่ หอบหายใจอย่างหนัก ราวกับนึกอะไรได้ เขารีบควักเงินก้อนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วยัดใส่มือหลินชิงอิ่น ไม่ทันได้นับจำนวน "ท่านปรมาจารย์ ได้โปรดช่วยครอบครัวผมด้วยเถอะ"

อ้วนหวังเห็นดังนั้นก็รีบยื่นมือมารับเงินทันที เขาหันไปมองหลินชิงอิ่น สบตากันเพียงเสี้ยววินาที อ้วนหวังก็เข้าใจความหมายของหลินชิงอิ่นทันที เขานับเงินเอาไว้หนึ่งพันหยวน ส่วนเงินที่เหลืออีกพันกว่าก็คืนให้ไป "พันหยวนนี้เป็นค่าดูดวง ส่วนเรื่องอื่นๆ ต้องคิดราคาแยกต่างหากครับ"

หลินชิงอิ่นมองอ้วนหวังอย่างชื่นชม ไอ้หนุ่มนี่ช่างฉลาดหลักแหลมจริงๆ!

จางเจี้ยนกั๋วรู้ว่าเงินที่ส่งให้ไปนี้ไม่อาจแก้ปัญหาอะไรได้ เขารับเงินที่อ้วนหวังคืนให้กลับมา อึกอักอยู่ครู่หนึ่ง "ท่านปรมาจารย์ ได้โปรดบอกผมตรงๆ เถอะว่าบ้านผมเป็นอะไรไป"

"คุณไม่รู้จริงๆ เหรอ" หลินชิงอิ่นเชิดมุมปากเล็กน้อย ดูเหมือนจะมีนัยเหน็บแนมอยู่บ้าง "งั้นฉันจะเตือนคุณหน่อย สิบปีก่อนบ้านคุณย้ายหลุมศพบรรพบุรุษใช่ไหม นอกจากจะเลือกที่ต้องห้ามแล้ว ยังฝังของอาถรรพ์ลงไปด้วย"

ถึงแม้จางเจี้ยนกั๋วจะรู้ว่าหลินชิงอิ่นทำนายได้แม่นมาก แต่ไม่คิดว่าเธอจะแม่นยำขนาดนี้ เพียงแค่ชั่วพริบตาก็มองเห็นทะลุกลไก แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกร้อนรนอยากจะปกปิดบางอย่าง

อ้วนหวังแม้จะดูดวงไม่เป็น แต่อยู่มาหลายปี มีความสามารถในการอ่านสีหน้าคนได้บ้าง เขาแค่มองแววตาและสีหน้าของจางเจี้ยนกั๋วก็เดาได้คร่าวๆ แล้ว จึงพูดยั่วโมโหเขาเล่น "ถ้าคุณยังปิดบังเราแบบนี้ เราก็ช่วยอะไรไม่ได้นะ งั้นคุณกลับไปคิดทบทวนให้ดีก่อนดีกว่า พอคิดตกแล้วค่อยมาจองคิวใหม่"

อ้วนหวังพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา "ดูสิ ตอนนี้มีคนจองคิวดูดวงทั้งหมด 45 คน ท่านปรมาจารย์ของพวกเราดูดวงแค่ทุกๆ เจ็ดแปดวัน แต่ละครั้งรับได้แค่สิบคน คุณต้อง...เอ๊ะ มีอีกสองคนจองเข้ามา คุณต้องเลื่อนคิวไปอีกแล้ว สรุปก็คือ ถ้าคุณอยากพบท่านปรมาจารย์ครั้งหน้า ต้องรออีกสองเดือนเลยล่ะ"

หลินชิงอิ่นเสริมคำพูดอ้วนหวังต่อ "ในเมื่อคุณยังมีข้อสงสัย งั้นกลับไปคิดให้ตกก่อนแล้วกัน ยังไงคนป่วยก็ไม่ใช่ฉัน"

เมื่อเห็นว่าหลินชิงอิ่นจะเดินจากไปจริงๆ จางเจี้ยนกั๋วก็ตื่นตระหนก จนไม่สนใจความคิดเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเองแล้ว รีบลุกขึ้นมาขวางทางเธอ "ท่านปรมาจารย์ ผมจะพูด ผมจะพูด เมื่อสิบปีก่อนครอบครัวผมย้ายหลุมศพบรรพบุรุษจริงๆ"

หลินชิงอิ่นมองเขาอย่างเฉยชา "ใช้ของอาถรรพ์จัดวางฮวงจุ้ยเพื่อเลื่อนขั้นร่ำรวย ต้องกล้ามากเลยนะ แล้วก็ไม่ได้มองเลยว่าตัวเองมีวาสนาพอจะได้รับมรดกนั้นไหม"

จางเจี้ยนกั๋วหน้าซีดเผือด ยิ้มแห้งๆ "ท่านมีฝีมือจริงๆ ถึงกับมองเห็นเรื่องนี้ด้วย"

หลินชิงอิ่นหัวเราะเย็นชา "หน้าตาเต็มไปด้วยกาลกิณี บังคับแก้ไขชะตากรรม ถ้าฉันมองไม่ออก แล้วจะเรียกตัวเองว่าหมอดูได้ยังไง"

อ้วนหวังขยี้ตามองจางเจี้ยนกั๋วอย่างจริงจัง นอกจากจะหน้าซีดเซียวและมีรอยคล้ำใต้ตาเข้มหน่อยแล้ว เขาก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติเลย เห็นหลินชิงอิ่นพูดเรื่องที่จางเจี้ยนกั๋วตั้งใจปิดบังได้ชัดแจ้งอย่างง่ายดาย อ้วนหวังอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอไปอ่านเรื่องที่บ้านเขาขุดหลุมศพบรรพบุรุษได้จากเนื้อหนังส่วนไหนกันนะ

แต่ถึงจะมองไม่ออก บรรยากาศก็ต้องเนียนต่อ ความสำเร็จในการเป็นหมอดูของอ้วนหวังมาหลายปีนี้ก็ต้องพึ่งการหลอกลวงแบบนี้แหละ!

เขาเดินตามทางของหลินชิงอิ่น แล้วยิงคำใส่จางเจี้ยนกั๋วเบาๆ "อยากแก้ปัญหา แต่ก็อยากปิดบังความจริง ในโลกนี้มีเรื่องดีๆ แบบนั้นที่ไหนกัน ฉันบอกนายนะ วันนี้ก็เพราะท่านปรมาจารย์ของพวกเรามีวิชาสูง ถึงได้มองเห็นสาเหตุของเคราะห์กรรมในบ้านคุณในชั่วพริบตา ถ้าเป็นพวกหมอดูห่วยๆ ทั่วไป คุณอาจซ่อนปัญหาไว้ได้มิดชิด แต่คุณเชื่อเหรอว่าเขาจะช่วยคุณแก้เคราะห์ได้"

จางเจียนกั๋วโดนอ้วนหวังจี้จุดอ่อนจนหน้าแดงก่ำ เขาน้อมรับคำพูดนั้นเอาไว้ในใจ เรื่องในบ้านของตนเองมีแต่ตนเองที่รู้ ถ้าไม่ใช่หมอดูที่มีความสามารถจริงๆ ก็แก้ปัญหาให้เขาไม่ได้

จางเจี้ยนกั๋วลุกขึ้นยืน ท่าทีให้ความเคารพมากกว่าเมื่อก่อนมาก "ข้างนอกร้อนเกินไป เชิญท่านปรมาจารย์ไปคุยกันที่บ้านผมดีกว่า"

---

ทั้งสามคนนั่งแท็กซี่มาถึงบ้านจางเจี้ยนกั๋ว พอก้าวเข้าประตูมา อ้วนหวังก็เห็นรูปครอบครัวแผ่นใหญ่แขวนอยู่บนผนัง ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังจางเจี้ยนกั๋วดูคุ้นหน้าคุ้นตา อ้วนหวังครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปถามจางเจี้ยนกั๋วด้วยความประหลาดใจ "ลูกชายคุณคือนักธุรกิจชื่อดัง จางอู๋เหรอ เจ้าของกิจการใหญ่เลยนะ!"

จางเจี้ยนกั๋วส่ายหน้าด้วยความขมขื่น "ผมอยากให้เขาไม่เป็นเจ้าของกิจการหรอก โดยไม่ปิดบังท่านปรมาจารย์ ความหายนะของบ้านเราก็เกิดจากเขานั่นแหละ"

ลมเย็นที่เป่าออกมาจากแอร์พัดพาความร้อนอบอ้าวบนร่างกายไปได้ แต่กลับพัดไม่พ้นความกลัดกลุ้มในใจ จางเจี้ยนกั๋วชงชาขาวกาน้ำหนึ่ง แล้วเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา

"บ้านเกิดของผมอยู่ที่อำเภอซานโป ห่างจากตัวเมืองสี่สิบกิโลเมตร ตั้งแต่รุ่นปู่ทวด คนแก่ในบ้านเสียชีวิตก็จะถูกฝังในเนนเขาที่อยู่ไม่ไกลจากหลังบ้านพวกเรา ที่ดินแปลงนั้นก็คือสุสานบรรพบุรุษของเรา หลายรุ่นต่อมาก็มีหลุมศพรวมแล้วประมาณยี่สิบกว่าหลุม เมื่อสิบปีก่อนทางจังหวัดจะสร้างทางหลวง สุสานบรรพบุรุษพวกเราพอดีอยู่ในเขตก่อสร้าง จำเป็นต้องย้ายหลุมศพ พวกผมพี่น้องลูกพี่ลูกน้องก็เลยย้ายหลุมศพลุงอาของพวกผมไปไว้ในสุสานในเมือง แต่พ่อของผมเป็นลูกคนโต ตามกฎของตระกูลต้องฝังอยู่ในสุสานบรรพบุรุษเท่านั้น"

"ต้องย้ายหลุมศพอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ควรจะย้ายไปมั่วๆ นะ ตอนนั้นผมก็บอกไปแล้วว่าให้หาหมอดูมาช่วยเลือกทำเลที่ดี ที่จะทำให้ลูกหลานรุ่งเรือง แต่ไม่รู้ทำไมลูกชายของผมฟังแล้วกลับเกิดความคิดขึ้นมา บอกให้ผมไม่ต้องยุ่ง"

จางเจียนก๋วถอนหายใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่นและทุกข์ใจ "พื้นที่อำเภอซานโปของพวกเรามีภูเขาและแหล่งน้ำเยอะ ตามตำราโบราณบอกว่าเลือกหาพื้นที่สูงใกล้น้ำก็ดีแล้ว แต่ลูกชายผมไม่ยอมจำนน ตอนนั้นเขาทำธุรกิจไม่ค่อยราบรื่น เขาคิดว่าที่ตัวเองไม่ประสบความสำเร็จ เป็นเพราะสุสานบรรพบุรุษไม่รุ่งเรือง เขาไปหาหมอฮวงจุ้ยมาจากไม่รู้ที่ไหน สองคนใช้เวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์เดินสำรวจเนินเขาแถวบ้านเราจนทั่ว สุดท้ายดันไปเลือกภูเขาร้างที่แทบจะไม่มีต้นไม้ขึ้นเลย"

"ภูเขาร้าง?" อ้วนหวังทำหน้างงงวย "ภูเขาร้างจะเป็นฮวงจุ้ยที่ดีได้ยังไง"

"ก็นั่นสิ!" จางเจี้ยนกั๋วโขกหัวเข่าตัวเองด้วยความเสียใจ "ตอนนั้นผมก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ แต่ลูกชายผมดื้อรั้นจะย้ายสุสานไปที่นั่น บอกว่าถ้าไม่ฟังเขา ปีหน้าเขาจะไม่มากราบไหว้อีกเลย"

จางเจี้ยนกั๋วส่ายหน้าถอนหายใจ "คนรุ่นก่อนสร้างศพไว้ก็อยากให้ลูกหลานคิดถึง ช่วงเทศกาลไปเผากระดาษไหว้ใช่มั้ยล่ะ ผมมีลูกชายแค่คนเดียว ถ้าเขาไม่ไปกราบไหว้ บรรพบุรุษคงสาปแช่งผมแย่เลย ผมเลยตามใจเขาไป"

"เพราะภูเขาร้างนั่นไม่มีใครซื้อไม่มีใครอยากได้ เรื่องเอกสารสัญญาเลยจัดการได้ง่าย แถมยังเป็นหมอฮวงจุ้ยคนนั้นเป็นคนกำหนดฤกษ์ยามวันฝังศพเอง พอถึงวันนั้น ศพบรรพบุรุษทั้งหมดก็ย้ายไปที่นั่น รุ่นคนก่อนไม่มีเงิน ตอนฝังศพก็ใช้โลงไม้บางๆ พอผ่านไปหลายปี โลงก็ผุหมดแล้ว ลูกชายผมเลยจ้างคนทำโลงศพไม้แดงขนาดใหญ่กว่าสิบโลงเพื่อฝังศพบรรพบุรุษใหม่ แต่ตอนที่เอาโลงของพ่อผมลงหลุม ผมเห็นหมอฮวงจุ้ยโยนห่อผ้าอะไรสักอย่างลงไปในหลุมก่อน ตอนนั้นผมกะจะถามว่ามันคืออะไร แต่ลูกชายดึงผมไว้ไม่ให้พูดออกไป บอกว่ามันเป็นวัตถุมงคลเสริมดวงชะตา ไม่ให้ผมพูดอะไร"

"หลังจากย้ายสุสานไปไม่ถึงหนึ่งเดือน ธุรกิจของลูกชายก็รุ่งเรืองขึ้นมาทันที ตอนนั้นผมยังคิดเลยว่าหมอฮวงจุ้ยคนนี้มือฉมังจริงๆ เหมือนไปเจอฮวงจุ้ยมงคลเข้าจริงๆ หลังจากนั้นมา ธุรกิจของลูกผมยิ่งทำยิ่งใหญ่ ใช้เวลาประมาณสิบปี กลายเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในเมือง แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน บ้านผมก็เริ่มเกิดเรื่องร้ายขึ้นมา"

"คนแรกที่เกิดเรื่องคือหลานชาย เด็กหนุ่มอายุแค่สิบกว่าปีเดินเซจากบันได ศีรษะฟาดพอดีเลย ตอนนั้นเองก็ไม่มีลมหายใจแล้ว" จางเจี้ยนกั๋วใช้หลังมือเช็ดน้ำตา เสียงสั่นเครือจากการร้องไห้ "เด็กคนนั้นเป็นหลานที่ผมกับแม่เฒ่าเลี้ยงมา บอกไม่มีตอนไหนก็ไม่มีจริงๆ เหมือนมีคนมาควักเนื้อในอกออกไปทั้งดุ้น ตอนนั้นผมกับภรรยาเกือบจะตามเขาไปแล้ว"

อ้วนหวังเงยหน้ามองรูป ข้างๆ จางเจี้ยนกั๋วมีเด็กหนุ่มอ้วนท้วนคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายกับเขา น่าจะเป็นหลานชายของจางเจี้ยนกั๋ว

"หลังจากหลานชายผมเกิดเรื่อง บ้านก็เงียบสงบไปสามเดือน แล้วแม่เฒ่าของผมก็พลัดตกจากบันไดที่เดิมอีก โชคดีที่เธอมีนิสัยจับราวบันไดตอนลงบันไดเสมอ พอรู้ตัวก็รีบคว้าราวเอาไว้ทัน เลยทรุดตัวลงคุกเข่าบนบันได ไม่ได้ตกลงไป แต่เพราะออกแรงมากเกินไป ไม่เพียงแต่แขนหัก หัวเข่าก็ร้าวหมดเลย ตอนนี้ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล"

ริมฝีปากของจางเจี้ยนกั๋วสั่นระริก เขาเงยหน้ามองหลินชิงอิ่นแล้วพูดเสียงแหบแห้ง "แม่เฒ่าบอกผมว่าตอนที่เธอกำลังลงบันไดนั้นรู้สึกเหมือนมีคนผลักเธอ แต่พอหันไปมองบนบันไดกลับไม่เห็นใครสักคน"

อ้วนหวังรู้สึกเย็นวาบที่กระดูกสันหลัง แขนลุกเป็นไก่สันในชั่วพริบตา เขาถูมือกันพลางหัวเราะแหยๆ "ทำไมฟังดูเหมือนผีหลอกเลยล่ะ"

จางเจี้ยนกั๋วหัวเราะอย่างขมขื่น "ตอนนั้นผมก็คิดแบบนั้น เลยไปกราบไหว้ขอพรบรรพบุรุษให้ช่วยปกป้องคุ้มครองครอบครัวด้วย ผลคือกลับมานั่งไม่ทันอุ่นก้นดี ก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกสะใภ้ บอกว่าหลานสาวถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน"

"หนึ่งตาย หนึ่งเจ็บ หนึ่งป่วย..." อ้วนหวังมองหลินชิงอิ่นที่ยังคงสีหน้าเรียบเฉย แล้วหันไปมองจางเจี้ยนกั๋วที่กำลังเช็ดน้ำตา "เกิดเรื่องขนาดนี้แล้ว เมื่อกี้คุณยังคิดอะไรอยู่อีก คิดยังไงเนี่ย หลานชายไม่มีแล้ว หลานสาวก็ไม่เอาแล้วเหรอ ลูกสะใภ้คุณช่างโชคร้ายจริงๆ ที่ได้แต่งเข้ามาอยู่บ้านคุณนะ!"

จางเจี้ยนกั๋วโดนด่าจนหน้าหงายหลัง หัวก็ไม่กล้าเงย "ตอนแรกผมไม่ได้คิดเรื่องสุสานบรรพบุรุษเลย จนกระทั่งสองสามวันก่อนที่ผมแอบได้ยินลูกชายคุยโทรศัพท์กับหมอฮวงจุ้ยคนนั้นเข้า ถึงได้รู้ความจริง" จางเจี้ยนกั๋วพูดพลางเกาะขอบโต๊ะ คุกเข่าลงต่อหน้าหลินชิงอิ่น "ท่านปรมาจารย์ ผมไม่ได้ลังเล แต่ผมไม่กล้าพูดต่างหาก ที่ผมฟังในโทรศัพท์ ฮวงจุ้ยนี้พอตั้งขึ้นมาแล้วก็แก้ไม่ได้ มิเช่นนั้นก็จะหายนะครอบครัว"

อ้วนหวังหัวเราะเยาะ "บ้านคุณตอนนี้ก็จวนจะหายนะแล้วละ"

จางเจี้ยนกั๋วก้มหน้าลง "พอผมรู้เรื่องนี้ ผมนอนไม่หลับทั้งวันทั้งคืน วันนั้นบังเอิญไปเห็นท่านปรมาจารย์ดูดวงพอดี ผมเลยหยุดฟัง ใครจะไปคิดว่าท่านปรมาจารย์จะมองเห็นเรื่องในบ้านผมได้ในชั่วพริบตา แถมยังเห็นด้วยว่าผมตัดสินใจไม่ได้ เลยบอกให้ผมกลับไปคิดให้ดีอีกสามวัน"

"ท่านอ้วนพูดถูก บ้านผมใกล้จะหายนะแล้ว ตอนแรกลูกชายทำมาหากินได้กำไรเล็กๆ น้อยๆ เราก็เจอโรคภัยเล็กๆ น้อยๆ ประปรายไปบ้าง แต่ตอนนี้ยิ่งเขาค้าขายใหญ่ขึ้นเท่าไร บ้านเราก็ยิ่งเละเทะ ถ้าแบบนี้ต่อไปครอบครัวเราจะอยู่ได้อีกเหรอ แค่ตัวเราซวยก็พอแล้ว ถ้าเกิดไปลามถึงลูกหลานของญาติพี่น้อง ผมจะเอาหน้าไหนไปเจอพวกเขาล่ะ!" จางเจี้ยนกั๋วร้องไห้พลางปิดหน้า "ท่านปรมาจารย์ ได้โปรดช่วยหลานสาวของผมด้วย ผมเกิดมาเป็นลูกชาย เป็นบาปกรรมที่ผมก่อไว้เอง ผมยินดีแลกชีวิตตัวเองเพื่อช่วยหลานสาว"

หลินชิงอิ่นลูบกระดองเต่าในมือ "คนที่ปลดปล่อยอาถรรพ์ คนนั้นต้องแก้ด้วยตนเอง ไปเรียกลูกชายคุณมาสิ"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด