ตอนที่แล้วบทที่ 11 เพียงดูดวงสิบคน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13 ฮวงจุ้ยอาถรรพ์ถึงตาย

บทที่ 12 หมอดูตาทิพย์


หลินชิงอิ่นพอใจมากกับเจียงเว่ยผู้เป็นติวเตอร์ การมีเด็กเรียนเก่งมาช่วยทบทวนทำให้เรียนได้เร็วกว่าตอนที่เธอเรียนเองมาก สิ่งที่เคยคิดไม่ออกก็กระจ่างขึ้น ที่สำคัญคือติวเตอร์คนนี้ฟรี แถมยังเลี้ยงข้าวเที่ยงด้วย

หลินชิงอิ่นผู้เป็นประมุขสำนักเซินสวนไม่รู้สึกเลยว่าการทำแบบนี้จะขาดศักดิ์ศรี ในเมื่อไม่ต้องเสียตังค์ แล้วจะต้องรักษาหน้ามาทำไม!

เจียงเว่ยมาถึงร้านเกี๊ยวตอนที่หลินชิงอิ่นสั่งอาหารเช้าเต็มโต๊ะแล้ว ร้านนี้มีเมนูให้เลือกเยอะแยะ นอกจากเกี๊ยวไส้ต่างๆ แล้ว ยังมีเกี๊ยวทอด ขนมปังทอด ซาลาเปา และกับข้าวหลากหลาย หลินชิงอิ่นมองเมนูจนตาลายแล้วนึกถึงบะหมี่จืดชวนขมที่กินประจำ น้ำตาแทบไหลด้วยความเศร้าสร้อย เธอคิดว่าต่อไปนี้ต้องหาโอกาสเรียนทำอาหารบ้าง ไม่งั้นสักวันคงจะโดนแม่ของตัวเองทำให้อ้วกตาย

กินอาหารเช้าหลากหลายเสร็จ หลินชิงอิ่นรู้สึกมีความสุขมาก ไม่เพียงแต่หาเงินได้หนึ่งหมื่นหยวนอย่างง่ายดายในเช้าวันนี้ แถมยังมีของอร่อยๆ ให้กินเพียบ โดยรวมแล้ว โลกปัจจุบันนี้ถ้าไม่นับเรื่องพลังชี่น้อยและการบ้านเยอะ ก็ไม่มีข้อเสียอะไร

กินข้าวเสร็จ เจียงเว่ยก็ไปสอนหลินชิงอิ่นที่บ้าน อ้วนหวังเห็นทั้งสองคนเดินออกจากร้านก็รีบสาวเท้าสั้นๆ ตามไป "ท่านปรมาจารย์ ผมไปเรียนที่บ้านคุณได้ไหมครับ"

หลินชิงอิ่นมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ "เจ้าก็ต้องทำการบ้านด้วยเหรอ"

"ไม่ใช่หรอกครับ" อ้วนหวังเกาหัวอย่างเก้อเขิน "คุณให้ผมท่องตำราที่ตาทวดผมทิ้งไว้ พอท่องไปสักพักก็ง่วงนอนทุกที ผมคิดว่าถ้าได้อยู่ในบรรยากาศการเรียนกับพวกคุณ คงจะไม่ง่วงง่ายๆ หรอก"

หลินชิงอิ่นไม่เข้าใจว่าบรรยากาศการเรียนคืออะไร ในชาติที่แล้วนอกจากช่วงแรกเริ่มที่โดนอาจารย์สอนตัวต่อตัว หลังจากนั้นกว่าพันปีเธอก็เรียนศาสตร์การคำนวณคนเดียวในถ้ำ ไม่เคยโดนบรรยากาศการเรียนรบกวนเลย แต่พอเห็นสีหน้าอ้อนวอนของอ้วนหวัง หลินชิงอิ่นก็พยักหน้าอนุญาต สำหรับคนที่ช่วยงานเธอฟรีๆ เธอเป็นคนใจกว้างอยู่แล้ว ยิ่งเขาช่วยจัดการเรื่องลูกค้าให้ ทำให้เธอสบายไปเยอะ

แม้แม่ของหลินชิงอิ่นจะยุ่งวุ่นวายทุกวัน แต่เธอก็ยังจัดบ้านให้สะอาดเรียบร้อย ตั้งแจกันดอกไม้ที่หน้าต่าง วางกระถางต้นไม้ในห้องนั่งเล่น ทำให้บ้านหลังเล็กๆ นี้มีบรรยากาศอบอุ่น

หลินชิงอิ่นใช้กระถางต้นไม้กับหินทรายจัดเรียงฮวงจุ้ยในบ้านด้วย นอกจากปรับอุณหภูมิแล้ว ยังจัดเรียงเพื่อเก็บพลังชี่ด้วย ถึงแม้พลังชี่ที่รวบรวมมาจะไม่พอให้หลินชิงอิ่นฝึกฝน แต่ก็ช่วยบำรุงร่างกายและให้คนตาสว่างหูไวได้

พออ้วนหวังเข้ามาในบ้านก็รู้สึกสบายตัวไปทั้งร่าง เขาเห็นหลินชิงอิ่นหอบหนังสือและแบบฝึกหัดปึกใหญ่ออกมาจากห้อง แล้วก็มองหนังสือเล่มบางๆ ในมือตัวเองแล้วรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที ความสุขมันเกิดจากการเปรียบเทียบแบบนี้แหละ!

คณิตศาสตร์มัธยมปลายซับซ้อนและมีเนื้อหามากกว่ามัธยมต้นมาก แต่เจียงเว่ยเป็นเด็กเรียนเก่งตัวจริงมาตลอด เขาเข้าใจองค์ความรู้คณิตศาสตร์มัธยมปลายอย่างถ่องแท้ ในการสอนหลินชิงอิ่น เขาไม่เพียงแต่อธิบายเนื้อหาในหนังสือเรียนให้เข้าใจชัดเจนเท่านั้น แต่ยังอธิบายเนื้อหาที่สูงขึ้นและอธิบายทุกประเภทของโจทย์ที่เกี่ยวข้องด้วย

ในบรรดาวิชาต่างๆ คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่หลินชิงอิ่นสนใจมากที่สุด ไม่เพียงเพราะศาสตร์คำนวณเลขเซียนมีพื้นฐานเป็นคณิตศาสตร์ แต่ความรู้คณิตที่น่าอัศจรรย์เหล่านี้ยังทำให้เธอมีไอเดียใหม่ๆ ในการคำนวณอีกมากมาย เธอจึงเรียนอย่างตั้งใจ พื้นฐานหลินชิงอิ่นเองก็ดีอยู่แล้ว เธอยังทบทวนความรู้คณิตมัธยมต้นใหม่หมด จึงเรียนได้เร็วมาก

ตอนแรกเจียงเว่ยกังวลว่าหลินชิงอิ่นจะตามไม่ทัน เลยถามปัญหาเป็นครั้งคราว แต่พอเห็นว่าเธอเข้าใจทุกอย่างที่เขาสอน ไม่ว่าจะเร็วหรือลึกซึ้งแค่ไหน เขาก็เร่งสปีดการสอนขึ้น

เล่มคณิตศาสตร์ที่ปกติต้องใช้เวลาเรียนตลอดปีนึง ตามแผนที่วางไว้คาดว่าจะจบภายในสามสี่วัน ถ้าเป็นช่วงปกติก็ถือว่าเร็วมากแล้ว แต่พอมองไปที่แบบฝึกหัดชุดหนาเตอะของภาคฤดูร้อน กับวิชามัธยมปลายมากมายหลายหลาก เจียงเว่ยรู้สึกว่าถึงมีแปดหัวก็ไม่มีทางช่วยหลินชิงอิ่นเรียนให้จบได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน

ในบรรยากาศการเรียนที่ "เข้มข้น" แบบนี้ จิตใจของอ้วนหวังก็สงบลง พยางค์ที่แต่เดิมอ่านแล้วติดขัดก็อ่านได้คล่องแคล่วขึ้น เขานั่งเรียบร้อยบนโซฟาท่องตำราเป็นเวลาสองชั่วโมง จนท่องจำได้ยาวเป็นท่อนๆ นับเป็นครั้งที่ท่องจำได้ดีและเร็วที่สุดในช่วงหลายวันมานี้เลยทีเดียว

หลังดื่มน้ำเปล่าที่ไร้รสชาติ อ้วนหวังไม่ได้ไปรบกวนสองคนที่กำลังเรียนที่โต๊ะอาหาร แต่เขาใส่รองเท้าแล้วย่องออกจากบ้านไป

เจียงเว่ยพูดติดต่อกันสองชั่วโมงจนลิ้นแทบพันกัน จึงต้องพักสักครู่ หลินชิงอิ่นจึงหยิบแบบฝึกหัดภาคฤดูร้อนมาทำข้อคณิตศาสตร์ บางข้อเป็นเรื่องที่เพิ่งเรียนกับเจียงเว่ยไป หลินชิงอิ่นเหมือนไม่ต้องคิดอะไรเลย หยิบปากกาขึ้นมาก็เขียนตอบได้เลย แต่บางข้อเป็นเนื้อหาที่อยู่ในครึ่งหลังของหนังสือที่ยังไม่ได้ทบทวน หลินชิงอิ่นก็ข้ามไปก่อน

เจียงเว่ยนั่งขัดสมาธิบนโซฟา จิบน้ำรวดเดียวหมดแก้วใหญ่เพื่อให้ชุ่มคอ เขาลูบหน้าอกรู้สึกกดดันที่ต้องสอนหลินชิงอิ่น เหมือนไม่มีอะไรที่เธอไม่เข้าใจเลย ความสามารถในการเรียนรู้แบบนี้ทำให้เขาที่เป็นเด็กเรียนเก่งยังต้องรู้สึกด้อยกว่าเลย จนสงสัยว่าด้วยสมองของหลินชิงอิ่น ทำไมเธอถึงไม่ยอมเรียนตั้งหลายวิชากันนะ

ขณะกำลังครุ่นคิด จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก เจียงเว่ยอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วหันไปมองหลินชิงอิ่น เธอพูดโดยไม่ละสายตาจากหนังสือ "อ้วนหวังกลับมาแล้ว เปิดประตูให้เขาหน่อย"

เจียงเว่ยเพิ่งรู้ตัวว่าอ้วนหวังออกไปตอนไหนก็ไม่รู้ เขารีบวิ่งไปเปิดประตู อ้วนหวังถือถุงใหญ่สองใบเข้ามาพร้อมกับตะโกนหอบ "เร็วเข้า รีบช่วยกันเอาไอศกรีมไปเก็บ จะละลายแล้ว!"

เจียงเว่ยมองถุงที่เต็มไปด้วยหยดน้ำด้วยความตื้นตันจนน้ำตาแทบไหล "พี่อ้วน นายนี่มันเทพชัดๆ!"

อ้วนหวังถีบเจียงเว่ยไปอีกทาง พูดอย่างไม่พอใจ "ฉันนามสกุลหวัง!"

ทั้งคู่หอบของไปที่ครัว ตู้เย็นบ้านหลินชิงอิ่นไม่ใหญ่ แต่เพราะไม่ค่อยมีของใส่เลยดูว่างโหวงมาก เจียงเว่ยกับอ้วนหวังอมไอศกรีมคนละแท่ง ช่วยกันใส่ผลไม้ ไอศกรีม เครื่องดื่มลงในตู้เย็น สุดท้ายเจียงเว่ยไม่ลืมที่จะหยิบไอศกรีมรสที่อร่อยที่สุดให้หลินชิงอิ่น แกะห่อส่งให้เธอ

หลินชิงอิ่นรับไอศกรีมมาใส่ปาก พอลิ้มรสชาติเย็นๆ หอมนมหวานๆ ก็ตาโตด้วยความดีใจ "อันนี้อร่อยมากเลย!"

เจียงเว่ยมองดวงตาโค้งรี้ของหลินชิงอิ่นแล้วคิดในใจ เวลาท่านปรมาจารย์ดูดวงนี่ลึกลับซับซ้อนจริงๆ แต่จริงๆ แล้วในชีวิตประจำวันเธอก็น่ารักดีนะ

---

เรียนตอนกลางวัน ทำการบ้านตอนกลางคืน ตื่นมานั่งสมาธิฝึกฝนตอนเช้า หลินชิงอิ่นอยากใช้เวลาช่วงปิดเทอมนี้ให้คุ้มที่สุด ไม่อยากเสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว

เจียงเว่ยใช้เวลาถึงสามวันครึ่งกว่าจะสอนหนังสือคณิตม.4 จบ ทุ่มเททั้งชีวิตมาช่วยหลินชิงอิ่นเรียนซะจริงๆ ปิดหนังสือคณิตเสร็จ เจียงเว่ยก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก สายตาเลือกวิชาต่อไปจากกองหนังสือที่เหลือ "บ่ายนี้เราจะเรียนอะไรดี"

"บ่ายนี้ให้นายหยุด พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาแล้ว" หลินชิงอิ่นหยิบสมุดแบบฝึกหัดอีกสองเล่มยื่นให้เขา "ฉันมองแล้วว่าถ้าพึ่งตัวเองคงทำการบ้านไม่เสร็จก่อนเปิดเทอมแน่ๆ งั้นฝากสองเล่มนี้ไว้กับนายละกัน หวังว่านายจะสอนฉันอีกทีในอีกสองวันคำตอบที่ถูกต้องจะเต็มไปหมดแล้วนะ"

เจียงเว่ยมองแบบฝึกหัดที่ถูกหลินชิงอิ่นยัดใส่อ้อมแขนอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง "บอกว่าให้สอนก็แค่สอนไม่ใช่เหรอ ทำไมเพิ่มงานเขียนการบ้านแทนล่ะเนี่ย"

หลินชิงอิ่นยิ้มให้เขา "พ่อนายตกลงไว้แล้วนี่"

เจียงเว่ยนึกถึงคำพูดที่พ่อตัวเองตอบไปด้วยความหงุดหงิด เขาเก็บแบบฝึกหัดเข้ากระเป๋าด้วยความจำยอม "นี่มันสุภาษิตลูกชายใช้หนี้แทนพ่อชัดๆ เลยนะเนี่ย"

หลินชิงอิ่นพยักหน้า "เข้าใจแบบนั้นก็ไม่ผิดหรอก เห็นนายตั้งใจมากช่วงสองสามวันนี้ เป็นรางวัลฉันจะให้นายดูดวงฟรีหนึ่งครั้ง พรุ่งนี้อยู่บ้านกับพ่อแม่นะ จำไว้ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด"

เจียงเว่ยสะดุ้งในใจ สีหน้าจริงจังขึ้น "หรือว่าเฉินหยู่เฉิงจะมาที่บ้านเหรอ ผมต้องเตรียมตัวอะไรไหม เช่นเอาเลือดมาหยดไว้ก่อนรึเปล่า"

หลินชิงอิ่นยื่นมือดึงลมปราณสีแดงและสีเหลืองที่หน้าผากเจียงเว่ย เขียนยันต์ป้องกันร่างกายที่มองไม่เห็นตรงตำแหน่งลูกหลานอย่างรวดเร็ว "นายไม่ต้องทำอะไรเลย แค่มองดูเขาฆ่าตัวตายยังไงก็พอ"

เจียงเว่ยลูบหน้าผากตรงที่หลินชิงอิ่นสัมผัส รู้สึกสบายใจขึ้นทันที

---

"มะรืนตอนบ่าย 3 โมง มาหาฉันที่สวนสาธารณะนะ!"

สามวันนี้ คำพูดของหลินชิงอิ่นก้องอยู่ในหูจางเจี้ยนกั๋ว

จริงๆ แล้วบ้านเขาไม่ได้อยู่แถวสวนสาธารณะ แต่เพราะช่วงนี้เขานอนไม่หลับ กลัวจะรบกวนคนอื่นในบ้าน จางเจี้ยนกั๋วจึงมักจะออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด เดินเรื่อยเปื่อยจนถึงเจ็ดแปดโมงเช้าค่อยกลับบ้าน วันนั้นเขาเดินผ่านสวนสาธารณะพอดี ก็เลยแวะเข้าไป

พอเดินในสวนได้ไม่ถึงครึ่งรอบ ก็เห็นคนมุงดูกันเยอะแยะใต้ต้นไม้ใหญ่สูงที่มีขนาดเท่ากับสองสามคนโอบ เขาเลยเข้าไปดูด้วยความสงสัย พบว่าเป็นเด็กสาวตัวไม่ใหญ่นักกำลังดูดวงให้คน ตอนแรกเขาไม่คิดอะไรมาก หลายปีมานี้เขาก็เคยเห็นหมอดูมาไม่น้อย แต่ใครจะอายุสี่ห้าสิบขึ้นไปทั้งนั้น เด็กสาวตัวเท่านี้จะดูอะไรออกกันเล่า

แต่ใครจะไปคิดว่าหลังจากดูไปสักพัก จางเจี้ยนกั๋วก็ค่อนข้างประหลาดใจ เด็กสาวคนนี้แทบไม่ต้องถามอะไรเลย เพียงแค่ดูจากตัวอักษรที่เขียนหรือหน้าตาของคนมาดูดวงก็บอกได้ว่าเขาต้องการดูเรื่องอะไร แค่วิชานี้ หมอดูที่เขารู้จักก็สู้ไม่ได้แล้ว

ในชั่วพริบตา สิบคนที่จองคิวก็ดูดวงเสร็จ หมอดูบอกว่าต้องรอถึงอีกเจ็ดวันถึงจะมาดูดวงอีกครั้ง คนข้างๆ ต่างแย่งกันจองคิว ระหว่างที่จางเจี้ยนกั๋วกำลังลังเล ท่านปรมาจารย์น้อยคนนั้นก็ชี้มาที่เขา บอกให้มาหาเธอที่สวนตอนบ่ายโมงของมะรืน

จางเจี้ยนกั๋วสบตากับท่านปรมาจารย์น้อยอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของอีกฝ่ายใสซื่อแต่มีความรู้สึกเหมือนมองทะลุคน

เงินเตรียมไว้พร้อมแล้ว แต่จางเจี้ยนกั๋วก็ยังไม่แน่ใจว่าจะไปตามนัดหรือไม่ เวลาผ่านไปทีละนาทีๆ จนจางเจี้ยนกั๋วมองไปเห็นรูปหลานสาวที่ตั้งไว้บนตู้ทีวี ในที่สุดก็ตัดสินใจ หยิบกระเป๋าที่เตรียมไว้พร้อมแล้วออกจากบ้าน

บ่ายสามโมงของเดือนสิงหาคมคือช่วงที่อากาศร้อนที่สุดของวัน แดดแผดเผาจนหนังศีรษะร้อนผ่าว สวนสาธารณะที่ยังมีผู้คนพลุกพล่านในตอนเช้า บัดนี้ไม่เห็นเงาคนสักคน

จางเจี้ยนกั๋วไม่ใส่ใจที่จะหาที่ร่ม เขาเดินก้มหน้าก้มตานับแผ่นอิฐที่เหยียบ พอเดินมาถึงใต้ต้นไม้เก่าแก่ เขาก็เหลือบมองนาฬิกาข้อมือโดยไม่รู้ตัว เข็มชี้ที่สามนาฬิกาพอดี

หลินชิงอิ่นนั่งขัดสมาธิอยู่ ดูจากหน้าตาเนียนนวลอ่อนเยาว์ แทบไม่มีใครคาดเดาได้เลยว่าเธอจะเป็นหมอดู

"ให้เวลานายคิดถึงสามวัน ยังคิดไม่ตกอีกเหรอ"

เสียงใสกังวานของหลินชิงอิ่นกระทบใจจางเจี้ยนกั๋วจนตื่นขึ้นมาในทันที

จางเจี้ยนกั๋วมองหลินชิงอิ่นอย่างลังเล หลังจากเว้นช่วงไปครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวว่า "ช่วงนี้บ้านผมค่อนข้างไม่สู้ดี ผมอยากจะดูดวงว่ามีอะไรมากดดันผมอยู่หรือเปล่า"

หลินชิงอิ่นลูบกระดองเต่าในมืออย่างเบามือ ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เขา "หนึ่งตาย หนึ่งเจ็บ หนึ่งป่วย นี่มันช่างซวยซะจริงๆ"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด