ตอนที่แล้วChapter 1418 ต้องชดใช้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 1420 ยกระดับหอคัมภีร์

Chapter 1419 ฝันร้ายกลายเป็นจริง


“ฟู่ ฟู่!”

เปลวเพลิงที่ร้อนแรงส่งเสียงคำรามราวกับสัตว์ร้ายจากบรรพกาลกำลังโถมไหม้กลืนกินทั้งนิกายฟู่เฉียนอย่างบ้าคลั่ง ศิษย์มากมายที่นอนเกลื่อน โลหิตท่วมเป็นสายน้ำกำลังระเหิดด้วยความร้อน ภาพบรรยากาศราวกับอยู่ในขุมนรก.

“กึก!”

“กึก!”

เงาร่างหลายร่างที่มองไม่เห็นใบหน้ามายืนอยู่หน้าห้องโถง ดวงตาที่มีริ้วแสงสีแดงสด แผ่จิตสังหารที่หนักหน่วงรุนแรงออกมา.

กลุ่มคนที่สวมชุดเหมือน ๆ กัน ที่หน้าอกมีอักขระ“นิรันดร”ปักษ์เอาไว้.

“พรึด โครม!”

เป่ยซือลีที่ยืนอยู่หน้าห้องโถงไม่สามารถพยุงร่างเอาไว้ ร่างกายที่หมดเรี่ยวแรงนอนซมเกลือกกลิ้งไปบนพื้น แววตาเต็มไปด้วยความกลัวและสิ้นหวัง.

“เจ้านิกายเป่ย.”

เสียงที่มืดครึ้มดังออกมาจากด้านหลังกลุ่มเงา“เจ้าเป็นคนเริ่มเอง.”

“ฟิ้ว!”

ริ้วแสงกระบี่ที่พุ่งออกไป กลิ่นอายความตายที่แผ่ซ่านกระเซ็นเข้าหา.

“ไม่!”

เป่ยซือลี่สะดุ้งหล่นจากที่นอน ก่อนจะพบว่าแสงจันทร์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง เหงื่อที่ไหลอาบหน้าผากเปียกโชกไปทั่วชุด หายใจแรงและเร็ว “ฝันร้ายสินะ!”

ใช่แล้ว.

เมื่อครู่นี้ก็เพียงแค่ความฝัน เขาเพิ่งฝันว่านิกายถูกวาดล้าง ทว่าในความฝัน กับดูเหมือนจริงเป็นอย่างมาก ทำให้เขารู้สึกราวกับว่ากำลังนอนหลับบนเตียงเข็มก็ไม่ปาน.

“เฮ้อ.”

เป่ยซือลี่กล่าวอย่างขมขื่น.“พลาดไปแล้ว ทำเรื่องผิดพลาดไปซะแล้ว!”

ตั้งแต่สองปีก่อน เขาอยู่ด้วยความหวาดกลัว เหตุผลนั้นเพราะเขาวางแผนเล่นงานใครบางคน ซึ่งคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเป็นศิษย์ของเจิ้นเหรินตงกู่.

กับตัวตนเช่นนั้น.

แม้แต่คนของโถงพิภพยังหวั่นเกรง.

หากเวลาย้อนกลับไปได้ กลับไปยังงานชุมนุมนิกายเขาหลิงเฟยได้ เขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับจุนซ่างเซียวเลยแม้แต่น้อย.

น่าเสียดาย.

เวลาไม่ไหลย้อนกลับ.

ที่จริงสองปีที่แล้ว นิกายหลิงเหว่ยเจิ้นโกรธเกรี้ยวนิกายฟู่เฉียนเป็นอย่างมาก เป่ยซือลี่ต้องจ่ายราคามหาศาลเพื่อที่จะรักษานิกายเอาไว้.

ทว่านั่นคือปัญหาเล็ก ๆ เท่านั้น ปัญหาใหญ่ที่แท้จริงคือนิกายนิรันดรต่างหาก.

ตอนแรก เขาที่คิดพิจารณาจะออกไปขอโทษ ทว่ากลับไร้ซึ่งความกล้า นอกจากนี้ เรื่องในอดีต อีกฝ่ายอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับการที่เขาบอกตำแหน่งเหมืองให้กับนิกายหลิงเหว่ยเจิ้นก็ได้.

ด้วยเหตุนี้ เป่ยซือลี่จึงไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เชื่อโดยสนิทใจว่าอีกฝ่ายไม่รู้.

เฮ้อ.

ชีวิตที่ต้องแขวนอยู่บนเส้นด้ายทำให้เขาต้องฝันร้ายอยู่ทุกวัน.

เพราะว่าฝันร้ายสะดุ้งตื่นกลางดึก ทำให้เขานอนไม่หลับอีกต่อไป จึงได้ลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะเดินตรงไปยังโต๊ะ พร้อมกับยกโถน้ำชาขึ้นรินใส่แก้ว.

“ขอบคุณ.”

“ไม่ต้องเกรงใจ.”

กึก!

ใบหน้าของเป่ยซือลีที่กลายเป็นแข็งค้าง แสงจันทร์ที่สาดส่อง บนเก้าอี้มีผู้เยาว์ผู้หนึ่ง กำลังนั่งอยู่พร้อมกับยกน้ำชาที่เขารินขึ้นจิบ.

ใช่แล้ว.

เป็นจุนซ่างเซียวนั่นเอง!

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”เป่ยซือลีหัวเราะออกมาทันที กล่าวออกมาว่า “ค่ายกลคุ้มนิกายก็ยังเปิดอยู่ เขาจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ฝันสินิ! ข้ายังคงอยู่ในความฝันอย่างแน่นอน!”

“ฟู่ ฟู่!”

ในเวลานั้น เปลวเพลิงที่ลุกโชนส่องแสงไหม้อยู่ด้านนอกหน้าต่าง.

เป่ยซือลี่ยังคงหัวเราะ.

ฝันจริง ๆ ด้วย ฝันซ้ำอีกรอบสินะ ไฟไหม้อยู่ด้านนอก เขาอยู่ในความฝัน เป็นความฝันที่เหมือนกันเป็นอย่างมาก.

“ผลั๊วะ!”

จุนซ่างเซียวที่ยกมือตบใบหน้าอีกฝ่าย เอ่ยออกไปว่า“เจ็บไหม?”

“อ๊ากกก เจ็บ!”

เป่ยซือลี่ที่ร้องครางออกมาทันที.

ความเจ็บที่แล่นไปทั่วร่าง ภายในใจที่ได้แต่ร้องโหยหวน “มันไม่ใช่ความฝัน!”

“ฟิ้ว!”

จุนซ่างเซียวที่ยกมือขว้าไปที่ไหล่ของอีกฝ่าย ก่อนที่จะลากเขาออกจากห้อง “เปิ่นจั้วได้ให้โอกาสเจ้าที่เทือกเขาหลิงเฟิงไปแล้ว แต่เจ้ากับไม่เห็นค่า ดังนั้นนับจากวันนี้ นิกายฟู่เฉียนต้องถูกลบออกจากยุทธภพ สมบัติทุกอย่างต้องกลายเป็นของนิกายนิรันดรของข้า.”

จบ จบสิ้นแล้ว.

ฝันร้ายได้กลายเป็นจริงแล้ว!

เป่ยซือลี่ถูกทุบเป็นหัวหมู ถูกลากออกมาจากห้องโถงไปยังลานยุทธ์.

ในเวลานี้เหล่าศิษย์หลายหมื่นคนที่นอนหมอบอยู่บนพื้น เป็นสักขีพยานเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้ห้องโถงอยู่ แววตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง.

พวกหลี่ชิงหยางที่ยืนอยู่รอบ ๆ ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ.

ความแข็งแกร่งโดยรวมนิกายฟู่เฉียนถือว่าไม่เลว ทว่าต่อหน้าพวกเขาแล้ว ยังไม่อาจทำอะไรได้ ไม่มีแม้แต่โอกาสต่อต้าน.

“พรึด โครม.”

เป่ยซือลี่นอนหมดสภาพบนพื้น.

จุนซ่างเซียวที่นั่งลงบนเก้าอี้ที่เซียวจุ้ยจื่อเตรียมเอาไว้ให้ กวาดตามองศิษย์นิกายฟู่เฉียน เอ่ยออกมาเล็กน้อย “กรรมเกิดจากเหตุ มีเหตุจึงมีผลตามมา เปิ่นจั้วมีความแค้นกับเจ้านิกายพวกเจ้า พวกเจ้าสามารถลงเขาไปตามหาเส้นทางของตัวเองได้.”

นิกายแห่งนี้ถูกทำลายแล้ว ทว่าเขาก็ไม่ได้ทำร้ายผู้บริสุทธิ์.

ที่จริงในพิภพเบื้องล่าง จุนซ่างเซียวได้ทำลายล้างนิกายมาหลายแห่ง ทว่าก็ไม่ใช่คนป่าเถื่อนสังหารอย่างไร้เหตุผล ยกตัวอย่างสำนักหลิงคุนเขาก็สังหารเฉพาะคนที่มีความแค้นและปล่อยศิษย์ทั้งหมดไป ไม่เช่นนั้นไต่ลู่คงตายไปแล้ว.

แม้แต่นิกายจื่อหานเขาที่ระเบิดเพียงประตูหน้า ไม่ได้สังหารใครคนแต่อย่างใด.

แน่นอน.

ยกเว้นสำนักมาร เหล่าปิศาจกระหายโลหิตที่เขาขุดรากถอนโคน.

เป่ยซือลี่ที่วางแผนจัดการเขาเพียงคนเดียว จุนซ่างเซียวจึงไม่คิดที่จะนำคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง.

ทว่าการยืมมีดฆ่าคน เรื่องนี้ไม่สามารถทนได้ ดังนั้นไม่สามารถที่จะใช้เงินแก้ปัญหาได้ นิกายฟู่เฉียนจะต้องหายไป.

การพัฒนานิกาย การจะมีความขัดแย้งกันเป็นเรื่องธรรมดา ยกตัวอย่างนิกายอี้เจี้ยนเสวียนและนิกายหลิงเต้าเสวียนที่ปะทะกันตลอดเวลา โกวเซิ่งเองก็มีความแค้นกับพวกเขาเช่นกัน แม้แต่ต้องยอมรับหากอีกฝ่ายลอบเข้าโจมตี.

“ฟู่ ฟู่!”

“ฟู่ ฟู่ ฟู่!”

เปลวเพลิงที่กลืนนิกายฟู่เชียน สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่ถูกเผาไหม้ไปทั้งหมด.

ภาพที่ไม่ต่างจากในฝันนัก เวลานี้มันได้เกิดขึ้นจริงแล้ว.

ทว่ายังมีสิ่งที่แตกต่างจากฝัน เพราะว่าเขาถูกส่งเข้าไปในคุกกำราบวิญญาณเทียนหยวน ซึ่งมีอ้ายยา เจาโตวโตวและไต่ลู่คอยทรมาน.

จุนซ่างเซียวไม่มีแผนที่จะสังหารเขา ทว่าได้ส่งให้เป็นเหยื่อของอ้ายยาและเจาโตวโตวแทน.

“จัดการ!”

“ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!”

แส้หนัง เทียนไข เชือกและอุปกรณ์ทรมานอื่น ๆ สารพัดปรากฏขึ้น.

......

ไม่กี่วันหลังจากนั้น.

ข่าวเกี่ยวกับนิกายฟู่เฉียนถูกทำลายก็แพร่กระจายไปทั่วพิภพเบื้องบน กลายเป็นเรื่องพูดคุยใหญ่ขึ้นมาในทันที.

นิกายแห่งนี้ถึงแม้นว่าจะไม่ได้แข็งแกร่ง แต่ก็มีประวัติความเป็นมา การที่ถูกทำลายในเวลาอันสั้น เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเล็กน้อย!

“ใครทำ!”

“เหล่าพันธมิตรนิกายฟู่เชียน เริ่มสืบสวน!”

“นิกายของพวกเราจะอาศัยอยู่ได้ในพิภพเบื้องบน จะต้องมีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน ไม่เช่นนั้นก็ยากจะอยู่รอดได้!”

การสร้างเส้นสาย การรวมกลุ่มกัน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง เพื่อเพิ่มความอยู่รอด เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะต้องใส่ใจเรื่องนี้.

“ปัง!”

ห้องโถงนิกายหลิงหยิง ผู้นำพันธมิตรที่ตบโต๊ะเสียงดัง กล่าวด้วยความโกรธ “พวกเราจะต้องหาตัวฆาตกร เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับนิกายฟู่เฉียน!”

เหล่าเจ้านิกายคนอื่น ๆ เองก็นั่งอยู่รอบ ๆ.

พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับเป่ยซือลี การที่รู้ว่านิกายฟู่เฉียนถูกทำลายไป แน่นอนว่าย่อมต้องไม่พอใจเป็นธรรมดา.

“เป็นฝีมือนิกายหลิงเหว่ยเจิ้นอย่างงั้นรึ?”เจ้านิกายคนหนึ่งเอ่ย.

ในเวลานั้น เจ้านิกายคนหนึ่งที่สงบ ยกน้ำชาขึ้นจิบ.

แม้นว่าพวกเขาจะรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่นทว่าก็ใช่ว่าจะรับมือกับนิกายที่แข็งแกร่งได้ อย่าว่านิกายระดับเจิ้นเลย แม้แต่นิกายระดับเสวียน พวกเขายังต้องระวัง.

“เป็นไปไม่ได้!”

เจ้านิกายคนหนึ่งเอ่ย “หากเป็นนิกายหลิงเหว่ยเจิ้น พวกเขาจะต้องประกาศต่อสาธารณะชนแล้ว.”

“ไม่ผิด.”

เจ้านิกายอีกคนเอ่ย “นิกายหลิงเหว่ยเจิ้น ยังไงก็มีศักดิ์ศรีคำว่า”เจิ้น“อยู่ จะลดตัวลงไปกำจัดนิกายฟู่เฉียนที่ไร้สถานะได้อย่างไร.”

“เป็นฝีมือใครกัน?”

ผู้คนที่เริ่มคาดเดา.

ทว่าคิดไม่ออกเลยว่า แท้จริงแล้วเป่ยซือลี่ไปล่วงเกินใคร.

“รายงาน!”

ในเวลานั้น ศิษย์คนหนึ่งที่ก้าวเข้ามา“นิกายนิรันดรได้ประกาศต่อสาธารณะแล้ว เพราะว่าเจ้านิกายฟู่เชียนมีความแค้นที่ยากจะอภัย ดังนั้นจึงถูกทำลาย!”

“นิกายนิรันดร?”

แววตาของเจ้านิกายที่อยู่รอบ ๆ เบิกกว้างกลมโต.

ชื่อนี้พวกเขาย่อมรู้จัก และรับรู้ด้วยว่าเจ้านิกายจุนซ่างเซียวคือศิษย์ของเจิ้นเหรินตงกู่อีกด้วย.

“อัยยะ! เหล่าฟู่เพิ่งนึกได้ ภายในนิกายมีเรื่องสำคัญให้ต้องรีบจัดการ วันนี้ขอตัวก่อนแล้วกัน!”

“อีกสองวันนิกายจัดงานประลองใหญ่ เปิ่นจั้วต้องไปจัดการด้วยตัวเอง ขอตัวก็แล้วกัน!”

“เมื่อเร็ว ๆ นี้ ลู่โหมวได้รับบาดเจ็บจากการบ่มเพาะ ขอตัวกลับไปพักฟื้นก่อนแล้วกัน!”

เหล่าเจ้านิกายต่าง ๆ กล่าวขอตัวแยกย้ายกันไปทีละคนสองคน พริบตาเดียวทุกคนก็หายไปเกือบหมดแล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด