ตอนที่แล้วบทที่ 23 ขั้นราชันยุทธ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 25 เข้าใจเจตนาผิดไป

บทที่ 24 เพลงหมัดโลหิตมังกร


เมื่อเห็นจำนวนคนไม่น้อยจากหมู่บ้านเฮยเฟิงแตกกระเจิงอย่างไร้ทิศทาง หยางเฉาและคนอื่นๆ ต่างมองหน้ากันด้วยความสังสัยว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่

เวลาเดียวกัน ผู้คนจากหมู่บ้านกลุ่มที่สองก็วิ่งกระเจิงลงเขา ด้วยสีหน้าตื่นตระหนกเหมือนกับกลุ่มแรก

ทำหยางเฉาและคนอื่นๆ ยิ่งสับสนเพิ่มขึ้นไปอีก

“เกิดอะไรขึ้นกับที่นี่กันแน่” องครักษ์ตระกูลหยางซุนฮัว เอ่ยออกมาด้วยความสงสัยบนใบหน้า

หลังสังเกตจากสีหน้าท่าทางที่ตื่นตระหนกของผู้คนจากหมู่บ้านเฮยเฟิงแตกกระเจิงลงมาก่อนหน้า คงต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นบนนั้นเป็นแน่

“ขึ้นไปดูกัน” หยางเฉาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

เมื่อหยางเฉาพร้อมคนอื่นๆ ตัดสินใจเดินทางขึ้นไปยังหมู่บ้านเฮยเฟิงเพื่อไขข้อเคลือบแคลงของเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้ ระหว่างทาง สิ่งที่พวกเขาเห็นก็ยังคงเป็นกลุ่มคนจากหมู่บ้านเฮยเฟิงซึ่งกำลังหลบหนีลงมาเพราะอะไรบางอย่างด้วยท่าทีหวาดกลัวจนขวัญกระเจิง

และโจรเหล่านี้ ยังมุ่งความสนใจไปที่การวิ่งหนีเท่านั้น ไม่มีใครสนใจพวกเขาที่กำลังเดินสวนทางขึ้นไปข้างบนเลย

หยางเฉาได้แต่ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกแปลกใจกับพฤติกรรมประหลาดเหล่านี้

ก่อนที่หยางเฉาพร้อมกับคนอื่นๆ จะรู้แจ้งถึงสาเหตุ เมื่อมายืนอยู่ยังใจกลางของหมู่บ้านเฮยเฟิงด้วยใบหน้าตกตะลึงต่อภาพที่เห็นเบื้องหน้า

สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าพวกเขา คือร่างผู้นำหมู่บ้านเฮยเฟิงนอนจมกองเลือดพร้อมกับร่างไร้วิญญาณของเหล่าวิญญาจารย์มากมายกลาดเกลื่อนไปทั่วบริเวณ ทั้งพื้นและกำแพงต่างเต็มไปด้วยรอยเลือดที่สาดกระเซ็นจนเป็นภาพน่าสยดสยอง

ดวงตาเบิกตากว้างของทุกคนจากหมู่บ้านสกุลหยาง บ่งบอกว่าพวกเขาขวัญเสียแค่ไหนกับภาพตรงหน้า

ยิ่งจ้องมองมากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น

“นั่น… นั่นหม่าตงผิง!” จู่ๆ หนึ่งในองครักษ์ก็กล้าที่จะเอื้อนเอ่ยออกมา

หยางเฉาตกใจถึงนามที่ไม่คิดจะถูกเอ่ยขึ้น เขาหันมองตามต้นเสียงพร้อมกวาดสายตาดูร่างอื่นๆ โดยรอบ

แน่นอนว่าหนึ่งในร่างไร้วิญญาณเหล่านี้ มีร่างของชายเครายาวนอนอยู่ไกลๆ หรือหม่าตงผิงผู้นำหมู่บ้านเฮยเฟิง นอกจากศพของเขาแล้ว ยังมีศพวิญญาจารย์ขั้นเซียนสวรรค์อีกนับสิบคนกระจัดกระจายแถวนั้น

“ทั้งหมด ตะ ตายทั้งหมด!” เมื่อเห็นร่างของเหล่าวิญญาจารย์ขั้นเซียนสวรรค์ของเฮยเฟิง ตายสิ้นอยู่ตรงหน้าชัดเจนเต็มลูกตา พวกเขาก็ยิ่งประหลาดใจ

และภาพสยดสยองเหล่านี้ จะเป็นภาพที่ติดตาพวกเขาทุกคนไปอีกนานแสนนาน

ทุกคนจากบ้านสกุลหยางเริ่มขยับตัว ก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบบาดแผลของหม่าตงผิงและคนอื่นๆ ขณะเดินผ่านร่างแต่ละร่าง สีหน้าพวกเขาก็เริ่มเหยเกราวรู้สึกเจ็บปวดกับสยองกร้าวไปด้วย

“แทงทะลุคอด้วยกระบี่ เพียงกระบวนท่าเดียว!”

“เป็นหมัดที่น่ากลัวจริงๆ”

“ไม่เพียงเท่านั้น ปราณกระบี่นี่ยังพุ่งเข้าจากด้านบนของหัวอีก เป็นเพลงกระบี่แบบใดกันน่ะ”

ในขณะที่พวกเขากำลังตรวจสอบศพทุกร่างที่กลาดเกลื่อนอยู่ ใบหน้าทุกคนก็เริ่มหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ

“หัวหน้ารอง ดูนี่สิ” หนึ่งในองครักษ์ชี้ไปที่หน้าอกของหม่าตงผิงพร้อมกับตะโกนเรียกเขาทันที เมื่อหยางเฉามองใกล้ๆ ก็เห็นรอยหมัดอันน่าสะพรึงบนหน้าอกของหม่าตงผิง เป็นรอยช้ำจากหมัดขนาดใหญ่ห้อเลือดคล้ายกับหัวของมังกร แต่จางมากแล้ว ซึ่งหากไม่สังเกตให้ดีจะมองเห็นได้ยาก

และรอยนั้น ไม่ได้มีเพียงร่างของหม่าตงผิงคนเดียวเท่านั้น แต่พวกเขายังพบรอยช้ำเลือดคล้ายกันบนศพอีกสองสามร่างที่นอนอยู่ไม่ห่าง

หยางเฉาถึงกับพูดอะไรไม่ออก เขากำลังสงสัยว่าวรยุทธจากเพลงหมัดอันใดกัน ที่สามารถสังหารคนพร้อมทิ้งร่องรอยช้ำเลือดราวหัวของมังกรได้เช่นนี้

หรือว่านี่จะเป็น เพลงหมัดโลหิตมังกรในตำนานงั้นหรือ…

“เพลงกระบี่ที่ใช้สังหารคนเหล่านี้ ดูคล้ายคลึงกับเพลงกระบี่ที่ใช้สังหารหูลี่ด้วยหรือเปล่า” องครักษ์คนหนึ่ง กล่าวขึ้นอย่างสงสัยไม่มั่นใจ

“เป็นไปได้งั้นหรือ” องครักษ์อีกคนเสริม

แต่เมื่อหยางเฉาหันไปสังเกตบาดแผลเหล่านั้นอย่างรอบคอบอีกครั้ง ก็พบว่ารอยฉกรรจ์จากกระบี่ที่คร่าชีวิตผู้คนในหมู่บ้านเฮยเฟิงนั้น คล้ายคลึงกับบาดแผลของหูลี่มากจริงๆ

เป็นคนเดียวกันอย่างงั้นหรือ…

“หัวหน้ารอง เราควรทำอย่างไรต่อดี” องครักษ์ซุนฮัวถามเขาด้วยใคร่รู้ถึงแนวทางต่อไป

“เราจะแยกกันเป็นกลุ่ม กลุ่มละห้าคนเพื่อค้นหาแร่ของพวกเรา” หยางเฉาคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวขึ้น แม้เหตุการณ์สยดสยองตรงหน้าจะทำให้พวกเขาขวัญเสียไปบ้าง แต่ก็ยังไม่ลืมถึงเหตุผลว่ามาที่นี่ทำไม

ขณะที่สถานการณ์ในหมู่บ้านเฮยเฟิงต่างทุกข์ร้อนไปด้วยหายนะ เวลาเดียวกันหยางไห่และหยางหมิงยังคงไม่ร่วงรู้

ณ จวนสกุลหยาง

หยางไห่ถือสารพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข มุ่งหาหยางหมิงแล้วร้องบอกด้วยดีอกดีใจ “ท่านพ่อ จงเอ๋อร์เพิ่งส่งคนกลับมาพร้อมสาร เขาเขียนไว้ว่าจะกลับมาในอีกสองวัน”

“อีกทั้งเขายังได้ทะลวงเข้าสู่ระดับที่สามแล้ว”

“ท่านพ่อ ตอนนี้เขาอยู่ในขั้นนักยุทธ์ระดับสามแล้ว!”

หยางไห่รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากขณะกล่าวถึงเรื่องราวในสาร

เมื่อหยางหมิงได้ยินเช่นนั้น เขาก็พลันหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างสุขสม “ระดับที่สาม ดี ดีมาก เขาช่างคู่ควรเป็นหลานชายของหยางหมิงผู้นี้นัก ด้วยความเร็วในการบ่มเพาะระดับนี้ เพียงพอจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเสินไห่แล้ว ฮ่าๆๆ”

เขาใช้เวลาบ่มเพาะไม่ถึงสองเดือนก็สามารถทะลวงเข้าสู่ระดับสามได้ ช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก

“ผู้อาวุโสเฉินหยวน เขาจะมาด้วยหรือไม่” หยางหมิงถามกลับอย่างกระตือรือร้น

“ผู้อาวุโสเฉินหยวนก็จะมาด้วย” หยางไห่ฉีกยิ้มอย่างครึ้มอกครึ้มใจก่อนจะเปิดปากพูดต่อ “ไม่เพียงเท่านั้น องค์หญิงสี่ก็จะมาเช่นกัน อีกทั้งนางยังเป็นศิษย์พี่ของจงเอ๋อร์ในตอนนี้ด้วย”

ยิ่งหยางหมิงได้ยินว่าองค์หญิงสี่แห่งอาณาจักรเซินไห่กำลังมาเยือนยังหมู่บ้านสกุลหยางด้วย เขายิ่งรู้สึกปีติยินดีราวกับจะตัวลอยขึ้นบนสวรรค์ ก่อนรีบตอบกลับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอีกครั้ง

“จงเอ๋อร์เป็นความภาคภูมิใจของตระกูลหยางเรา ข้าหยางหมิงช่างโชคดีนัก ที่มีหลานชายอย่างจงเอ๋อร์ ฮ่าๆๆ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด