ตอนที่แล้วบทที่ 18 : เขาทำตามที่นางวางแผนเอาไว้
ทั้งหมดรายชื่อตอน

บทที่ 19 : จากนี้ไป ข้าจะปกป้องเจ้า


บทที่ 19 : จากนี้ไป ข้าจะปกป้องเจ้า

หลังจากที่พวกมันกลายเป็นเต้าฮวยนุ่มๆแล้ว สือชิงลั่วก็ตักขึ้นมาสองสามถ้วย นางมองไปที่เซียวหานเจิงและถามว่า “เจ้าชอบอาหารรสหวานหรือเค็ม?”

เซียวหานเจิงตอบ “ดูเหมือนจะเป็นรสเค็ม”

เขาไม่ชอบอาหารรสหวานเท่าไร

สือชิงลั่วขำแล้วจึงพูดว่า “เช่นนั้นเราก็ชอบรสชาติอาหารเหมือนกัน”

ในเวลานี้ พริกยังไม่ถูกนำมาเผยแพร่สู่แคว้นต้าเหลียง ถึงอยากกินก็กินไม่ได้อยู่ดี

นางคิดกับตัวเองว่า นางจะคิดหาวิธีนำเมล็ดพริกออกมาปลูกในอนาคต

“แล้วพวกเจ้าสองคนล่ะ?” สือชิงลั่วหันไปถามป๋ายหลี่กับเอ้อร์หลาง

ทั้งสองเลือกรสหวาน

ตอนนี้น้ำตาลมีราคาสูง และตอนที่อยู่ในบ้านหลักตระกูลเซียวพวกเขาทั้งสองคนไม่เคยได้กินน้ำตาลเลย

หลังจากที่แยกบ้านออกมาแล้ว พี่ชายของพวกเขาได้ซื้อน้ำตาลมาและพวกเขาก็ตกหลุมรักมันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ที่บ้านมีซีอิ๋วกับเกลืออยู่ สือชิงลั่วจึงนำถั่วเหลืองมาผัดและนำไปโรยบนเต้าฮวยสองถ้วย

นางนำถ้วยหนึ่งไปให้เซียวหานเจิง “มา เจิงเกอ เชิญทานได้!”

เซียวหานเจิงรับถ้วยมาและเลิกคิ้วขึ้น “เจิงเกอ?”

สือชิงลั่วพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านไม่ได้แก่กว่าข้าหรือ แล้วผิดตรงไหนที่ข้าเรียกท่านว่าเจิงเกอ?”

นางขยิบตาให้เซียวหานเจิง และจงใจลดเสียงลง “อย่าบอกนะว่าท่านยังอยากให้ข้าเรียกท่านว่าท่านพี่เจิง?”

เซียวหานเจิงหัวเราะ “ขอแค่เจ้ามีความสุขก็พอ ข้าไม่ว่าอะไร”

ท่านพี่เจิงดูสนิทสนมมากกว่า

สือชิงลั่วถูมือ “ถึงท่านไม่ว่าอะไร แต่ข้าเป็น ข้าขนลุกไปทั้งตัวแล้ว”

แค่นำมาหยอกล้อเป็นครั้งคราวย่อมได้ เมื่อคิดว่าต้องเรียกเขาว่าเจิงเกอทุกวันก็ทำให้นางขนลุกแล้ว

ที่สำคัญคือนางไม่ใช่สตรีอ่อนหวาน

ไม่เช่นนั้นมันก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

เมื่อเซียวป๋ายหลี่และเซียวเอ้อร์หลางเห็นพี่สะใภ้ของพวกเขาเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

เซียวหานเจิงสั่งให้น้องเล็กทั้งสองนำเต้าฮวยไปให้ท่านแม่ของพวกเขาได้ชิม

หลังจากที่ทั้งสองออกไปจากห้องครัวแล้ว

เขาก็มองสือชิงลั่วผู้ร่าเริงและรอยยิ้มในดวงตาของเขาก็ชัดเจนยิ่งขึ้น “ความจริง เจ้าจะเรียกข้าว่าสามีก็ได้”

ความประทับใจแรกที่สือชิงลั่วมอบให้เขายังคงชัดเจน

ดวงตาของนางโค้งเป็นจันทร์เสี้ยวและแวววาว นางยกมือขึ้นและทักเขาว่า “สวัสดี สามี!”

ในยามนั้น เขาอยู่ในอาการตกตะลึงและจดจำภาพของนางในครั้งแรกที่ได้เห็นเป็นอย่างดี

สือชิงลั่วมองเขายิ้มๆและจงใจลากเสียงยาวเพื่อหยอกล้อเขา “ท่านชอบให้ข้าเรียกว่าสามีนี่เอง!”

นางไม่คิดเลยว่า บุรุษที่ดูเคร่งครึมเช่นเขา ที่แท้จะเป็นคนที่ร้อนแรงได้ขนาดนี้เลยหรือ?

เซียวหานเจิงเห็นว่าภรรยาของเขาไม่ได้รู้สึกอายแม้แต่น้อย

สายตาที่เขาใช้มองนางแปลกไปเล็กน้อย ราวกับเขาไม่เคยเห็นคนเช่นนางมาก่อน

เขาพูดอย่างไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เราเป็นสามีภรรยากัน เจ้าเรียกข้าว่าสามีและข้าก็เรียกเจ้าว่าภรรยา นั่นไม่ใช่เรื่องปกติหรอกหรือ?”

สือชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น “แต่เรายังไม่ได้ใกล้ชิดกันขนาดนั้น”

เซียวหานเจิงพูด “การแต่งงานมีบิดามารดาของเราเป็นผู้จัดการให้

“บุรุษและสตรีหลายคนล้วนไม่เคยพบหน้ากันก่อนแต่งงาน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความใกล้ชิดสนิทสนมก่อนการแต่งงาน

“เมื่อวานพวกเราก็ได้ทำความคุ้นเคยกันตลอดทั้งวันแล้ว”

ดังนั้น การที่นางจะเรียกเขาว่าสามีหรือที่รักก็ย่อมได้

เมื่อสือชิงลั่วได้ยินเช่นนี้ นางก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล

ในสมัยโบราณ การคลุมถุงชนนั้นเป็นเรื่องปกติ

ดังนั้น การที่นางสามารถเลือกสามีด้วยตนเองจึงนับว่าดีมากแล้ว

หากนางข้ามเวลามาแล้วกลายเป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว และหากชายคนนั้นไม่ใช่คนที่นางชอบ นางก็คงได้แต่ร่ำไห้

แต่นางก็ไม่เห็นด้วยกับความคิดของเซียวหานเจิงอยู่ดี

“เราไม่ได้แต่งงานกันจากการคลุมถุงชน ข้าเป็นผู้เลือกด้วยตนเองต่างหาก”

นางเดินตรงเข้าไปหาเซียวหานเจิงและเชิดหน้ามองเขาด้วยท่าทางที่อยู่เหนือกว่า

“และในระหว่างการทดลองนี้เจ้าจึงเป็นคนของข้า หากเจ้ากล้านอกใจ ข้าจะหักข้าเจ้าก่อนที่หย่ากับเจ้า”

นางเคยได้ยินมาว่า เมื่อก่อนเซียวหานเจิงเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน

เหล่าสตรีน้อยใหญ่ในหมู่บ้านและแม้แต่ในเมืองก็ล้วนแล้วแต่อยากแต่งงานกับเขา

สือชิงลั่วไม่สนใจดอกท้อเหล่านั้น แต่นางไม่อนุญาตให้เขานอกใจในระหว่างการทดลองแต่งงานของพวกเขา

นางก็เอาแต่ใจเช่นนี้

เซียวหานเจิงตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่า สือชิงลั่วจะป่าวประกาศความเป็นเจ้าของเขา ว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้มีใจกับสตรีอื่น

หลังจากตั้งสติได้แล้ว เขาก็ขยับเข้าไปใกล้หูของสือชิงลั่วและถามเสียงกลั้วหัวเราะว่า “หักขาข้าเหรอ? หืม?”

ส่วนเรื่องหย่า เขาทำเป็นมองข้ามไป

มันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะเขามั่นใจว่าเขาไม่มีทางชอบสตรีคนไหน

การมีภรรยาที่เป็นตัวเจ้าปัญหา, มีชีวิตชีวา, และเอาแต่ใจเช่นนี้ก็ทำให้เขาปวดหัวมากพอแล้ว

ลมหายใจของเซียวหานเจิงเป่าใส่หูของสือชิงลั่วในตอนที่เขาพูด ทำให้ใบหูของนางรู้สึกชา

น้ำเสียงของบุรุษผู้นี้น่าฟังมาก

เขาตรงกับความชอบของนางอีกแล้ว น่าหงุดหงิดจริงๆ!

ใบของนางแดงระเรื่ออย่างหาได้ยาก

นางผลักเขาออกและพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ตอนพูดก็ได้”

จากนั้น จากจึงชูกำปั้นน้อยๆขึ้นมาและมองเขาอย่างจริงจัง “เจ้าไม่เชื่อข้าเหรอ? หากเจ้ากล้านอกใจ ข้าหักขาเจ้าแน่”

เซียวหานเจิงเห็นใบหน้าของนางที่แดงเรื่อก็รู้สึกพอใจขึ้นมาเล็กน้อย

เขายิ้มและพูดว่า “ข้าเชื่อเจ้า เพื่อไม่ให้เจ้าหักขาข้า ข้าไม่กล้านอกใจแน่”

สือชิงลั่วกรอกตาใส่เขา “ผิดแล้ว ไม่ใช่เจ้าไม่กล้านอกใจเพราะกลัวว่าข้าจะหักขาเจ้า”

แต่เป็นเจ้าต้องซื่อสัตย์กับการแต่งงานของเรา อย่าลืมว่าพวกเขายังอยู่ในช่วงทดลองแต่งงานอยู่”

นางยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “แน่นอน หากเจ้ามีสตรีที่ชอบขึ้นมาจริงไ เราก็แค่หย่ากัน”

แต่ถึงยังไงก็ต้องหักขาเขาอยู่ดี

ใครใช้ให้เซียวหานเจิงยั่วยุนางก่อนและยังตกลงกับการทดลองแต่งงานร่วมกันในครั้งนี้ด้วย

รอยยิ้มของเซียวหานเจิงจางลง

เขาไม่ชอบประโยคสุดท้ายของนาง

ภรรยาตัวน้อยของเขามักยกเรื่องหย่าขึ้นมาพูดเสมอ

ดูเหมือนว่านางจะมีจุดประสงค์แอบแฝง นี่ไม่ดีเลย

เขาไม่กล้าพูดออกไป แต่ยอมตอบตามความต้องการของนาง “ได้ ข้าฟังเจ้า ข้าจะซื่อสัตย์ในการแต่งงานของเรา ไม่ใช่เพราะกลัวว่าเจ้าจะหักขาข้า”

สือชิงลั่วเชิดหน้าขึ้น “เช่นนี้ค่อยดีขึ้นหน่อย”

นางยื่นมือไปตบไหล่ของเซียวหานเจิง “ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่เจ้าซื่อสัตย์ต่อข้า ข้าก็จะปกป้องเจ้า”

“หากใครกล้ารังแกเจ้า ข้าจะหักขาเขาซะ”

สามีของนางตัวบางและอ่อนโยน ทำให้เขาเป็นเป้าหมายของการถูกกลั่นแกล้งได้ง่าย

ดังนั้น ตราบใดที่เขาซื่อสัตย์ต่อนาง นางก็จะปกป้องเขา

เซียวหานเจิงสบสายตาที่กระจ่างใสและจริงจังของนางจนมึนงงไปหมด

นี่เป็นครั้งแรกจากทั้งสองช่วงชีวิตที่มีคนพูดแบบนี้กับเขา “ข้าจะปกป้องเจ้า ใครกล้ารังแกเจ้า ข้าจะหักขาเขาซะ”

หัวใจที่แข็งกระด้างของเขาค่อยๆหลอมละลายและมุมปากของเขาก็ยกขึ้น “ได้ จากนี้ไป ข้าคงต้องพึ่งพาการปกป้องจากภรรยาแล้ว”

สือชิงลั่วยิ้มกว้าง “ได้แน่นอน”

จากนั้นนางก็ขยิบตาให้เซียวหานเจิง “สามี เต้าหวยอร่อยหรือไม่?”

เซียวหานเจิงตักขึ้นมาชิมหนึ่งช้อน “สดใหม่และนุ่มนวล ไม่เลว”

สือชิงลั่วยิ้มอย่างได้ใจและพูดว่า “ไม่รู้ซะแล้วว่าใครเป็นคนทำ”

เซียวหานเจิงยิ้มและยกยอนาง “ภรรยาของข้าเก่งจริงๆ”

สือชิงลั่วเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจและพูดว่า “ถูกต้อง”

นางเคยได้ยินเพื่อนสนิทพูดว่า บุรุษที่ยกย่องภรรยาและมองเห็นความลำบากของพวกนางนั้นนับว่าเป็นคนไม่เลว

เซียวหานเจิงนั้นไม่เลวเลย

เมื่อได้เห็นแววตาพึงพอใจของนาง รอยยิ้มในแววตาของเขาก็ยิ่งเข้มขึ้น

ไม่นาน เซียวป๋ายหลี่กับเซียวเอ้อร์หลางก็กลับมาที่ห้องครัว

เซียวป๋ายหลี่ยิ้มและพูดว่า “พี่สะใภ้ ท่านแม่ชอบเต้าฮวยที่ท่านทำมากเจ้าค่ะ”

“เอ้อร์หลางก็ชอบเช่นกัน”

การทำเต้าหู้ต้องใช้เวลานาน ท่านป้าทั้งหลายจึงกลับบ้านไปทำงานก่อน

แล้วพวกนางค่อยกลับมาอีกครั้ง

สือชิงลั่วอ่อนลงเมื่ออยู่ต่อหน้าเซียวป๋ายหลี่ “ถ้าเจ้าชอบก็ดีแล้ว มาเถอะ เรามาทำเต้าหู้กัน”

จากนั้น นางจึงให้เซียวป๋ายหลี่กับเซียวเอ้อร์หลางใช้ผ้าเปียกกดลงไปบนเต้าหู้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด