ตอนที่แล้วบทที่ 17 : เจ้าหุบปากได้หรือไม่?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 19 : จากนี้ไป ข้าจะปกป้องเจ้า

บทที่ 18 : เขาทำตามที่นางวางแผนเอาไว้


บทที่ 18 : เขาทำตามที่นางวางแผนเอาไว้

สือชิงลั่วได้ขอให้แม่เซียวแช่ถั่วเหลืองเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

นางถาม “ที่บ้านเรามีเครื่องโม่หรือไม่?”

เซียวหานเจิงตอบ “ไม่มี แต่มีเครื่องโม่ของหมู่บ้านอยู่เครื่องหนึ่ง”

“เจ้าอยากโม่ถั่วเหลืองหรือ?”

สือชิงลั่วดีดนิ้ว “ฉลาด!”

“ข้าจะขอให้ท่านแม่กับน้องๆช่วยกันโม่ถั่วเหลือง แล้วข้าถึงจะทำเต้าหู้ได้”

เซียวหานเจิงพยักหน้า “ได้ เมื่อไหร่ที่ข้าดีขึ้นแล้ว ข้าจะช่วยพวกเจ้า”

เขาไม่คิดว่า สือชิงลั่วจะทำเต้าหู้ออกมาเพื่อนำมาทำอาหารแค่วันนี้วันเดียว

นางอาจจะทำมันอีกหลายครั้งในอนาคต

เมื่อสือชิงลั่วได้ยินเช่นนั้น นางก็เข้าใจความหมายในคำพูดของเขาได้

นางพบว่า ไม่ใช่เพียงแค่หน้าตากับนิสัยของเซียวหานเจิงเท่านั้นที่ถูกใจนาง แต่เขายังฉลาดและรู้ใจนางมาก

ในอดีต ที่นางปฏิเสธคนที่เข้ามาจีบก็เพราะพวกเขาไม่รู้ใจนางหรือเข้ากันกับนางไม่ได้

“ดี!” นางพยักหน้า

นางเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อเรียกแม่เซียวกับเซียวป๋ายหลี่

นางถือถั่วเหลืองกับถังใส่น้ำ และเดินไปที่เครื่องโม่

ระหว่างทาง นางพบชาวบ้านบางคนที่ร้องทักทายแม่เซียวเมื่อพวกเขาเห็นนาง

เห็นได้ชัดว่า แม่เซียวมีความสัมพันธ์อันดีกับชาวบ้านคนอื่นๆ

สือชิงลั่วยังสังเกตเห็นว่า คนในหมู่บ้านเซี่ยซีมีความคิดที่เรียบง่ายกว่าคนในหมู่บ้านช่างซีมาก

บางคนยังทักทายสือชิงลั่วด้วย และนางก็ยิ้มตอบพวกเขา

เมื่อเห็นพวกเขากำลังหิ้วถั่วเหลืองกับถังน้ำ บางคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับแม่เซียวก็เอ่ยถามว่า “เยว่หลาน พวกเจ้ากำลังจะทำอะไรกันหรือ?”

ชื่อของแม่เซียวก็คือ ขงเยว่หลาน

นางยิ้มและตอบกลับไปว่า “ลูกสะใภ้ของข้าอยากจะโม่ถั่วเหลืองทั้งหมดน่ะสิ”

มีบางคนไม่เข้าใจ “โม่ถั่วเหลืองไปทำไมกัน?”

แบบนี้จะไม่สิ้นเปลืองหรือ? พวกเขาไม่เคยเห็นใครเอาถั่วเหลืองไปโม่มาก่อน และมักจะนำถั่วเหลืองมากินเป็นอาหารมาโดยตลอด

สือชิงลั่วยิ้มและตอบกลับไปว่า “เพราะข้าอยากทำเต้าหู้เจ้าค่ะ”

“เต้าหู้คืออะไรหรือ?” ทุกคนต่างไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิม

สือชิงลั่วไม่คิดปิดบัง “มันเป็นอาหารชนิดหนึ่งเจ้าค่ะ ตอนที่ข้าอาศัยอยู่ในวัดเต๋า อาจารย์ของข้าได้สอนวิธีทำให้แก่ข้า”

พวกเขาต่างถามด้วยความสงสัย “แล้วมันอร่อยหรือไม่?”

สือชิงลั่วพยักหน้า “อร่อยเจ้าค่ะ”

นางยิ้มและพูดว่า “หลังจากที่ทำเสร็จแล้ว ทุกคนสามารถมาเอาที่บ้านข้าไปลองกินดูได้”

นางได้วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว

หลังจากที่นางทำเต้าหู้ออกมาแล้ว นางจะแบ่งมันให้กับคนที่เคยช่วยเหลือบ้านเซียว รวมไปถึงเป็นหนูทดลองอาหารของนางด้วย

นอกจากใช้สานสัมพันธ์กับผู้อื่นแล้ว นางยังต้องการโฆษณาสินค้าไปในตัวด้วย

พวกเขาบางคนรู้สึกละอายใจเล็กน้อย “ไม่ต้องหรอก พวกเจ้าเก็บไว้กินเองเถอะ”

ตอนนี้ สถานการณ์ของคนบ้านเซียวย่ำแย่ พวกเขาละอายใจเกินกว่าที่จะรับของจากพวกเขา

พวกเขาได้ยินมาว่า ถั่วเหลืองเหล่านี้ถูกนำมาเป็นสินเจ้าสาวของสือกูเหนียง

สือชิงลั่วยิ้มอย่างสุภาพและพูดว่า “เมื่อก่อน พวกท่านเคยช่วยท่านแม่เอาไว้มาก ก็แค่ชิมเต้าหู้แค่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเกรงใจหรอกเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ฟังคำพูดของนาง แม่เซียวก็รู้ว่า ลูกสะใภ้ของนางต้องการทำเต้าหู้ออกมาเพื่อแบ่งให้กับเพื่อนบ้านที่มีสัมพันธ์อันดีกับนาง

แต่ไม่ว่าจะเป็นเต้าหู้หรือของอย่างอื่น พวกมันก็ไม่ใช่ของจากคนบ้านเซียวอยู่ดี

นางไม่ต้องการตอบแทนความช่วยเหลือด้วยถั่วเหลืองเหล่านี้

แต่ในเมื่อลูกสะใภ้เสนอมันขึ้นมา นางก็ไม่อาจปฏิเสธได้

ไม่ว่ายังไง นางก็รู้สึกอยู่เสมอว่า ลูกสะใภ้ของนางเป็นคนที่เก่งกาจ

การฟังนางเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว

ดังนั้น นางจึงยิ้มและพูดว่า “นี่เป็นแค่ของตอบแทนเล็กๆน้อยๆจากชิงลั่วเท่านั้น อย่าได้ปฏิเสธเลย”

เมื่อพวกเขาได้ยินนางพูดเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่คิดปฏิเสธอีกต่อไป

มันเป็นเพราะพวกเขาต่างก็รู้สึกสงสัยว่าเต้าหู้คืออะไรกันแน่

มีเสียงเล่าลือกันว่า นักพรตเต๋าที่อยู่บนเขาได้กลายเป็นเซียนไปแล้ว

ในเมื่อเขายิ่งใหญ่ถึงขนาดนั้น สิ่งที่เขาสอนสั่งลูกสะใภ้ของนางจะต้องไม่แย่แน่

พวกเขาจึงเข้าไปช่วยพวกนางโม่ถั่วเหลือง

หลังจากโม่ถั่วเหลืองเสร็จ พวกเขาก็ช่วยหิ้วกลับไปที่บ้านเซียว

สือชิงลั่วเดินเข้าไปในห้องครัวและขอให้ป๋ายหลี่กับเอ้อร์หลางมาช่วยเท่านั้น

คนอื่นๆไม่ได้ว่าอะไร และนั่งพูดคุยอยู่กับแม่เซียวแทน

เซียวหานเจิงเดินออกมาจากห้องด้วยไม้เท้า ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะซีดเซียว แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาแข็งแรงดี

“เซียวต้าหลาง เจ้าลงจากเตียงมาเดินเองได้แล้ว”

เมื่อเห็นว่า หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาก็สามารถลงจากเตียงมาเดินได้แล้ว พวกเขาก็ต่างพากันยินดีกับแม่เซียวและทักทายเขา

เซียวหานเจิงยิ้มอย่างน่ามอง “ทั้งหมดต้องยกความดีให้กับภรรยาของข้าขอรับ”

“หลายปีก่อน นางมีโชคจนได้กลายเป็นลูกศิษย์ของเซียนเฒ่า หลังจากที่แต่งงานกับข้า ก็ทำให้ข้าได้รับโชคจากนางเช่นเดียวกัน”

เขาใช้โอกาสนี้ช่วยสือชิงลั่วกระพือชื่อเสียงอาจารย์ของนาง

คนเหล่านี้ล้วนชื่นชอบการนินทา และเขาก็เชื่อว่า เรื่องนี้จะต้องไปถึงหูทุกคนในหมู่บ้านในไม่ช้า

“ดีแล้ว วันข้างหน้าของพวกเจ้าจะต้องมีแต่ความสุขอย่างแน่นอน”

พวกเขาต่างก็คิดว่าเรื่องนี้สมเหตุสมผลดีแล้ว

ก่อนหน้านี้ เซียวหานเจิงนอนไม่ได้สติและกำลังจะตาย

ในเวลานั้น ก็เป็นสือกูเหนียงที่แต่งงานเข้ามาเพื่อช่วยแก้ชงให้กับเขา

และวันนี้ เขาก็สามารถลงจากเตียงมาเดินเองได้แล้ว

สือกูเหนียงยอดเยี่ยมจริงๆ นางช่างโชคดี ไม่แปลกใจเลยที่นางเป็นลูกศิษย์ของเซียนเฒ่า

หลังจากพูดคุยกันสักพัก เซียวหานเจิงที่ทักทายพวกเขาจนครบแล้วก็ขอตัวเดินไปที่ห้องครัวเพื่อตามหาสือชิงลั่ว

ในเวลานี้ สือชิงลั่วได้กรองกากถั่วเหลืองจนเสร็จแล้ว และกำลังต้มนมถั่วเหลืองไว้บนเตา

นางหันหน้าไปและถามว่า “เจ้าเข้ามาทำไมหรือ?”

เซียวหานเจิงยิ้มและตอบว่า “ข้าเข้ามาหาพวกเจ้า หรือเจ้าอยากเก็บวิธีการทำเต้าหู้ไว้เป็นความลับ? ถ้าเช่นนั้น ข้าออกไปก็ได้”

เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาแอบดูขั้นตอนการทำเต้าหู้

เขาเพียงสงสัยว่า ภรรยาตัวน้อยของเขากำลังทำอะไรอยู่มากกว่า

สือชิงลั่วยิ้มและโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไร ข้าไม่จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับกับคนในครอบครัวของข้า เจ้าดูได้”

ในยุคปัจจุบัน แม้จะเป็นคนที่ไม่เคยเรียนวิธีการทำเต้าหู้มาก่อน แต่พวกเขาก็สามารถค้นหาวิธีการทำได้จากไป่ตู้และทำตามขั้นตอนที่หาได้จากในนั้น

“สารานุกรมการเดินทางข้ามเวลา” ที่นางได้รับมาจากลูกพี่ลูกน้องของนางก็มีสูตรวิธีการทำเต้าหู้อยู่ด้วย

มันไม่ต่างจากขั้นตอนที่นางเคยเรียนรู้มาเลย

ในเวลานั้น นางอยู่ที่หมู่บ้านเต้าหู้กับเพื่อนถึงสามวัน เพื่อรอคอยที่จะได้กินในงานเลี้ยงเต้าหู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งจัดเดือนละครั้งเท่านั้น

ในตอนที่นางอยู่ที่นั่น นางยังได้เรียนรู้วิธีการทำสินค้าที่แปรรูปมาจากเต้าหู้อีกหลายอย่าง

ความต่างนั้นอยู่ตรงที่ คนหนึ่งได้เรียนรู้จากการลงมือทำ ส่วนคนอื่นเรียนรู้จากการอ่านในตำรา

เมื่อได้ยินว่า สือชิงลั่วนับพวกเขาเป็นคนในครอบครัว และไม่คิดเก็บเรื่องนี้เป็นความลับกับพวกเขา หัวใจของเซียวหานเจิงที่ด้านชาและปิดกั้นก็เริ่มปริแตก

เขามองออกว่าสือชิงลั่วจริงจังกับคำพูด ดังนั้น เขาจึงไม่เดินจากไป “เช่นนั้น ขอข้าได้เห็นว่าเจ้าทำเต้าหู้ออกมาเป็นเช่นไรก็แล้วกัน”

สือชิงลั่วหัวเราะ “ได้ เห็นว่าเจ้าเป็นคนฉลาด ข้าก็จะให้เจ้าได้ชิมนมถั่วเหลืองกับเต้าหู้เป็นคนแรกก็แล้วกัน”

เมื่อครู่ นางได้ยินเสียงพูดคุยระหว่างเซียวหานเจิงกับคนอื่นๆ

บุรุษผู้นี้ทั้งฉลาดและมีไหวพริบ เขาได้ทำในสิ่งที่นางวางแผนเอาไว้แทนนาง

สิ่งสำคัญคือเขามีความน่าเชื่อถือมากกว่านาง

ถึงยังไง เขาก็เป็นคนที่ตื่นขึ้นมาจากการแก้ชงของนาง

เซียวหานเจิงรู้ว่านางพูดถึงเรื่องอะไร จึงยิ้มออกมา “ข้าจะรอ”

หลังจากนั้นสักพัก น้ำนมถั่วเหลืองก็เริ่มเดือด

สือชิงลั่วจึงตักใส่ถ้วยและเติมน้ำตาลที่เหลือจากงานเลี้ยงเมื่อวานลงไปเล็กน้อย

นางใช้ตะเกียบคนและส่งมันให้กับเซียวหานเจิงหนึ่งถ้วย “รับไปสิ ดื่มนมถั่วเหลืองไปก่อน”

นางพูดต่อ “หากดื่มทุกเช้าวันละถ้วย มันจะส่งผลดีต่อร่างกายของเจ้า”

เซียวหานเจิงรับมาและดื่มลงไป “ไม่เลว”

รสชาติของมันไม่เลวและมีกลิ่นหอมของถั่วเหลือง

เซียวป๋ายหลี่กับเซียวเอ้อร์หลางต่างก็รับมาดื่มกันคนละถ้วย “อร่อย!”

สือชิงลั่วบอกให้ทั้งสองนำนมถั่วเหลืองที่เหลือไปให้แม่เซียวกับคนอื่นๆได้ลองดื่มกัน

จากนั้น พวกเขาก็นำถั่วเหลืองที่ถูกโม่มาทำเป็นเต้าหู้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด