ตอนที่แล้วChapter 1269 ผู้ยิ่งใหญ่อเนกประสงค์ เย่ซิงเฉิน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 1271 เก้าราชันย์คืนกลับ

Chapter 1270 เล็ดลอด


คุกนรกเก้าชั้นมีนักโทษร้ายแรงเก้าคน เวลานี้ถูกรับเข้ามาในหอคอยสะกดวิญญาณเทียนหยวนโดยจุนซ่างเซียวกันหมดแล้ว แม้นว่าจะถูกย้ายที่ ทว่าดูเหมือน...อีกแห่งก็เป็นคุกเช่นเดียวกัน.

เหล่าคนที่ถูกเคลื่อนย้ายมา พวกเขาเองหาได้สนใจสภาพแวดล้อมแต่อย่างใด.

“แหกต่อ!”

หลังจากรับตี้ถิงไปแล้ว จุนซ่างเซียวก็ผ่อนคลาย จ้องมองไปยังม่านพลังป้องกัน ลอบคิดในใจ“เหลืออีกแห่งก็ออกไปได้แล้ว.”

“ฟิ้ว!”

จิตวิญญาณของเขาที่ผ่านเข้าไปในระบบป้องกันทันที.

“เฮ้ย!”

ระบบป้องกันที่ซับซ้อนกว่าก่อนหน้านี้มาก และยังมีค่ายกลเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกมากมายมหาศาล ใบหน้าของจุนซ่างเซียวถึงกับเอ๋อเหรอไปเหมือนกัน.

ระบบเอ่ย “ก่อนหน้านี้เป็นค่ายกลระหว่างชั้น ดังนั้นจึงไม่ได้แข็งแกร่งนัก นี่คือระบบป้องกันของคุกทุกทั้งหมด แน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดา.”

“......”

จุนซ่างเซียวที่เผยใบหน้าท่าทางจริงจังออกมาทันที.

การจะทะลวงระบบค่ายกลครั้งนี้ จำเป็นต้องใช้เวลานาน หากถูกพบในเวลานี้ บางทีอาจจะเป็นปัญหาได้.

“เลิกคิดได้แล้ว.”

ระบบเอ่ย “รีบถอดรหัสเร็วเข้า.”

“ฟิ้ว!”

จุนซ่างเซียวที่นั่งสมาธิ ทุ่มสมองในการวิเคราะห์และลอดผ่าน.

หากเป็นซ่างกวนซินเหยาและเจิ้นเต๋อจวิน ทั้งสองย่อมต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์โครงสร้างของมัน หาจุดบกพร่องทีละช้า ๆ.

ส่วนจุนซ่างเซียวนั้นต่างเพราะว่าสำเร็จวิชาลับซุ้มประตูทะลวงค่ายกล จึงใช้วิธีลอดผ่านในจุดที่สามารถผ่านไปได้.

หนึ่งวัน

สองวัน.

......

ตำหนักลาดตะเวน.

แม่ทัพสองที่สีคางไปมา “สองวันนี้คุกชั้นอื่น ๆ ทำไมถึงได้เงียบขนาดนี้กัน?”

“คงถูกเจ้าเด็กนั่นจัดระเบียบไปแล้ว เลยสงบเสงี่ยมละมั้ง..”แม่ทัพสี่เอ่ย พร้อมจีบปากจีบคอ.

“อาจจะใช่.”

แม่ทัพสองพยักหน้ารับ.

ทั้งสองที่รับหน้าที่เฝ้ามองหน้าจอ ไม่รู้อย่างสมบูรณ์ ว่าจุนซ่างเซียวกำลังซ่อนตัว ถอดรหัสค่ายกลอย่างบ้าคลั่งอยู่.

......

ภายในหอคอยสะกดวิญญาณเทียนหยวน.

บรรยากาศในคุกที่เต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบ.

เพราะว่าเวลานี้สองรุ่น ที่แตกต่างของตระกูลซ่างได้พบกันแล้ว.

“พรึด โครม!”

ซ่างโหยวเหินที่คุกเข่าลงบนพื้น เอ่ยด้วยน้ำตา “บรรพชน ลูกหลานขอคำนับ!”

บรรพชนตระกูลซ่างที่ตื่นเต้นเล็กน้อย ต้องไม่ลืมว่าเขาที่มีประสบการมากมาย ดังนั้นจึงสามารถเก็บอารมณ์ได้ดี เขาที่โบกมือกล่าวออกมาว่า“เรื่องของทวีปเทียนหยวนนั้นข้ารู้แล้ว เด็กน้อย เจ้าทำได้ไม่เลว.”

“ไม่!”

ซ่างโหยวเหินที่กล่าวด้วยความโศกเศร้า “ข้าไม่สามารถปกป้องแผ่นดินไว้ให้ดี ไม่สามารถปกป้องผู้คน ข้าละอายใจต่อบรรพชนนัก ข้าได้สร้างความละอายต่อตระกูลซ่าง!”

แม่นว่าทวีปจะถูกเจ้านิกายช่วยไว้แล้ว ทว่าเขาก็ยังตำหนิตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะว่าบิดาและลูกหลานคนอื่น ๆของตระกูลซ่างตกตายในการต่อสู้เพื่อพิทักษ์แผ่นดินเกิด ตัวเขาที่มีชีวิตอยู่ช่างอัปยศยิ่งนัก.

“เด็กน้อย.”

บรรพชนซ่างเอ่ย “เจ้าคงเหนื่อยยากลำบากมาก ทว่าเจ้าเองก็ได้พบเข้ากับเจ้านิกายจุน เหล่าลูกหลานตระกูลซ่างบนสวรรค์จะต้องซาบซึ้งอย่างแน่นอน.”

“บรรพชน ข้า....”

บรรพชนตระกูลซ่างที่ยกมือขึ้นขัด “ข้าได้พูดคุยกับเจ้านิกายจุน ได้ยินมาว่าเจ้าเข้าร่วมนิกายของเขารึ?”

“ครับ บรรพชน!”ซ่างโหยวเหินเอ่ย.

บรรพชนซ่างที่เผยท่าทางพึงพอใจ “เจ้านิกายจุนนั้นหาได้ธรรมดา เจ้าติดตามเขา หลังจากนี้จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน.”

เขาที่เคยบุกเบิกแผ่นดินขยายดินแดน สายตายิ่งกว้างไกล.

“บรรพชน.”

ซ่างโหยวเหินเอ่ย “ศิษย์จ่ายค่ายเข้าร่วม 10 ล้านศิลาวิญญาณ.”

กึก!

ใบหน้าของบรรพชนซ่างที่แข็งค้างไปในทันที.

เข้าร่วมนิกายถึงกับต้องจ่ายถึง 10 ล้าน นี่....

เขาที่เอ่ยกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม“เด็กน้อย เจ้ายังถือว่าจ่ายไปน้อยอยู่!”

“ใช่แล้ว.”

ซ่างโหยวเหินกล่าวออกมาอย่างละอาย ”เจ้านิกายช่วยบรรพชน ความจริงจะต้องจ่าย

10 ล้านด้วยซ้ำ ดังนั้นข้าจะจ่ายเพิ่มอีก 10 ล้านทีหลัง.”

“ต้องจ่ายเพิ่ม.”

บรรพชนตระกูลซ่างเอ่ย “จ่ายไปยี่สิบล้านอย่าได้เสียดาย.”

บางคนคิดว่าชายชรานี้คงถูกลาดีดเข้าแล้ว คาดไม่ถึงให้ศิษย์ของตัวเองจ่ายเงินไปมากมาย ทว่าเขานั้นได้คำนวณอย่างดีแล้ว จุนซ่างเซียวที่จัดการกับดวงตาแห่งความว่างเปล่าได้ นี่คือผู้มีศักยภาพที่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.

ลูกหลานตระกูลซ่างได้กลายเป็นศิษย์ของเขา.

ก็เท่ากับได้รับโอกาสที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะจ่ายไปเท่าไหร่ก็คุ้มค่าเป็นอย่างมาก!

“เด็กน้อย.”

บรรพชนที่เอ่ยกล่าวแนะนำ “เจ้าจงจำไว้ให้ดี เงินเป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ ทว่าหากพบว่ามันสามารถเปลี่ยนโชคชะตาได้ จงอย่างเสียดายที่จะใช้มัน.”

“กล่าวตรง ๆ.”

เขาที่เงยหน้าขึ้นเอ่ยออกไปว่า“หากพบโอกาสวาสนาด้านหน้า เงินก็แค่ของไร้สาระ!”

หากจุนซ่างเซียวที่อยู่ในระบบค่ายกลได้ยิน เขาคงก้าวเข้ามาจับมืออีกฝ่าย“สายตาอาวุโสซ่างช่างยาวไกล ข้านั้นไม่ขาดโอกาส ขาดแต่เงินใช้เท่านั้น?”

......

“อ๊ากกก!”

“อ๊ากกกก ----”

ในคุกชั้นหก ฉินหลินหรานที่ถูกอ้ายยาทรมาน ตอนนี้ร้องโหยหวนเป็นบุรุษที่แปลกประหลาด และหยาบกร้านไปแล้ว.

บุรุษก็ควรจะมีลักษณะเช่นบุรุษ

สตรีก็ต้องมีลักษณะเช่นสตรี.

การที่มีชายไม่จริงหญิงไม่แท้ ทำให้จุนซ่างเซียวยอมรับไม่ได้ ดังนั้นจึงคิดจะเปลี่ยน ให้เขาก้าวไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ไม่อนุญาตให้อยู่ทั้งสองฝั่ง.

“พี่สาว!”

“ท่านย่า!”

“ย่าทวด......”

ฉินหลินหรานที่เจ็บปวดทรมาน ร้องขอความเมตตา.

ทว่าอย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฝึกฝนก็ทำให้อีกฝ่ายเริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน ในเวลานี้เริ่มเผยความเป็นชายมากขึ้น.

“ต่อไปจะยังแต่งหน้าโบกเครื่องสำอางหรือไม่?”

“ไม่อีกต่อไป!”

“ยังต้องทาลิปสติกหรือไม่?”

“ไม่จำเป็น!”

“จะต้องสวมชุดสตรีไหม?”

“ไม่แล้ว!”

อ้ายยาที่พยักหน้าพอใจ “หวังว่าเจ้าจะจำคำนี้ไว้จนตาย.”

“ทราบแล้ว!”

ฉินหรินหรานที่ยกมือขึ้นเอ่ยอย่างหนักแน่น “ข้าทำได้อย่างแน่นอน!”

ภายใต้แส้กำราบวิญญาณ ทำให้เขาเปลี่ยนไป ทั้งร่างกายและจิตใจเรียบร้อยแล้ว.

ฮึ จุนซ่างเซียวย่อมไม่รู้ เพราะว่านั่งสมาธิถอดรหัสค่ายกลอย่างเต็มกำลัง.

“ฟิ้ว!”

ผ่านมาอีกวัน เขาก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ พร้อมกับกล่าวอย่างภาคภูมิ “ไม่มีใครขังข้าได้!”

“ฟิ้ว ------”

เขาที่กระโดด ผสานเข้าไปในม่านพลังแทรกตัวผ่านไปทันที.

......

ป้อมปราการซิงกง ในเมือง.

ชายชราผมขาวที่ยืนมือขัดหลังเดินอยู่บนถนน แววตาที่ใสกระจ่างใสแป๋ว.

ในเวลาต่อมา.

เขาเดินมาถึงประตูเมือง พูดคุยกับทหารคุ้มกันประตูเมือง จากนั้นเขาก็ถูกปล่อยตัวให้ออกจากป้อมปราการซิงกงไป.

เหล่าทหารและคนที่ผ่านไปไปมา ไม่สนใจด้วยซ้ำ ขณะชายชราผมขาวก้าวออกจากเมือง ในเวลานั้นมุมปากของเขาที่ยกยิ้มขึ้นมา.

“วูซซซ! วูซซซซ!”

อย่างไรก็ตาม ขณะเขาก้าวเดินออกไปไม่กี่ก้าว ในเมืองก็ได้ยินเสียงดังหวีดแหลม สัญญาณแจ้งเตือนที่ดังกึกก้อง.

“สัญญาณเตือน!”

ผู้คุ้มกันประตูเมืองที่ตะโกนดังทันที “รีบปิดประตูเมือง ห้ามใครคนใหนออกไป!”

“ตาเฒ่า!”

เขาตะโกนดัง “เจ้ากลับมาก่อน!”

“ฟิ้ว!”

กล่าวยังไม่จบด้วยซ้ำ ชายชราผมขาวที่กลายเป็นริ้วแสงพุ่งอกจากประตูเมืองอย่างรวดเร็ว.

ผู้คุ้มกันประตูเมืองใบหน้าเปลี่ยนสี ร้องเสียงดัง “ขวางเขาเอาไว้!”

“ตูมมมมม!”

ในเวลาต่อมา เสียงที่ดังสนั่นไปทั่วเมือง เหล่าชาวยุทธ์ที่เต็มไปด้วยความตกใจ ก่อนที่จิตสัมผัสของพวกเขาจะกวาดออกไป พบว่าที่ประตูเหมืองทางเข้าแตกเป็นรอยร้าวอย่างคาดไม่ถึง!

“เฮ้ย!”

“ใครมันช่างโอหัง!”

“ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!”

เหล่าคนสัญจรไปมาที่ตะลึงงัน ที่ประตูเมืองทั้งสี่ เหล่ายอดฝีมือสะบั้นมิติระดับต่ำที่เคลื่อนที่ไปยังทิศทางประตูเมืองที่พังทลาย.

“จับเขา!”

“จับเขาให้ได้!”

แม่ทัพหนึ่งที่เห็นประตูเมืองในห้องควบคุม ใบหน้าเปลี่ยนสี ร้องเสียงดัง.

แม่ทัพสอง แม่ทัพสี่และคนอื่น ๆ ต่างก็ถูกส่งออกไป เพราะว่านักโทษร้ายแรงของคุกนรกเก้าชั้นไม่มีใครเหลือสักคน หายไปจากคุกเรียบร้อยแล้ว!

......

บนจักรวาลที่มืดมิด เรือเหาะตงกู่ที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง.

ชายชราผมขาวบนดาดฟ้าที่ลบการแปลงตัว เผยให้เห็นเป็นใบหน้าของร่างต้น ขณะที่มองกลับไปด้านหลังซึ่งไม่เห็นพื้นที่ป้อมปราการแล้ว “รอให้เปิ่นจั้วสำเร็จภารกิจมหากาพย์เป็นราชันย์ก่อน แล้วจะกลับมาตอบแทนพวกเจ้า.”

แผนการมายังป้อมปราการซิงกง ยังไม่จบเท่านี้.

ยังไม่เสร็จสิ้น มันเป็นเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น.

เพราะแม่ทัพลาดตะเวนทั้งสิบสอง เขาจัดการไปคนเดียว เจ้าป้อมปราการยังไม่พบด้วยซ้ำ สิ่งสำคัญที่สุด....เขาจะต้องกลับมารื้อถอนสิ่งก่อสร้างนี้แน่.

จุนซ่างเซียวที่กำหมัดแน่น แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “เมื่อไหร่ที่ข้ากลับมา ท้องฟ้าจะถูกย้อมด้วยสีโลหิต!”

“ฟิ้ว!”

“ฟิ้ว!”

จิตวิญญาณของเขาที่พวยพุ่ง ในเวลาต่อมาจากป้อม เรือรบอีกหลายลำที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ได้ยินเสียงแม่ทัพสองที่ดังก้อง “เจ้าหนู ต่อให้แกหนีไปจนสุดขอบโลก พวกเราก็จะตามจับแก!”

“บัดซบ!”

จุนซ่างเซียวที่ตกใจ กล่าวออกมาด้วยหวาดหวั่น “เพิ่มความเร็ว.”

“ฟิ้ว -----”

ในเวลานั้น ศิลาวิญญาณระดับสูงที่ส่องประกายวับวาว เรือรบตกกู่ที่ราวกับกระโดดผ่านห้วงมิติ ทิ้งห่างเรือรบของเหล่าแม่ทัพลาดตะเวนจนไม่เห็นฝุ่น“....เร็วมาก คาดไม่ถึงว่าไม่เห็นแม้แต่ริ้วแสง!”

......

......

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด