ตอนที่แล้วตอนที่ 98 ผมขอยกนิ้วให้เลย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 100 เดินทางสู่ ชิงเต่า

ตอนที่ 99 พฤติกรรมฉวยโอกาสของนักลงทุน


ซูเหวิน ก็ทำตามที่พูดเช่นกัน

ตกลงในวันพรุ่งนี้เขาจะไปรับช่วงต่อร้านอาหาร

ในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้นเขาขับรถ Lamborghini ไปที่ร้านอาหาร เซ็นจูรี่

ถนนวงแหวนรอบสอง ถนนหนานฮว๋า

บนถนนหนานฮว๋าที่พลุกพล่านเต็มไปด้วยผู้คนสัญจรไปมา มีร้านอาหารแห่งหนึ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษตั้งอยู่

แค่ความยาวของหน้าร้านเพียงอย่างเดียวนั้นก็ยาวกว่าหน้าร้านคนอื่นหลายเท่า

ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ยาวกว่า 20 เมตร ดูสะดุดตาเป็นอย่างมาก

และที่นี่ก็คือ ร้านอาหาร เซ็นจูรี่

ไม่นานนักก็เห็นรถ Lamborghini สุดเท่ขับมาถึงหน้าร้านอาหาร

จากนั้น ซูเหวิน ก็เดินออกจากรถ และก้าวเข้าไปในร้านอาหาร

ต้องบอกว่าร้านอาหาร เซ็นจูรี่ นี้ใหญ่มากจริงๆ ข้างในหรูหรามาก และการตกแต่งก็มีสไตล์มากเช่นกัน

ไม่แปลกใจเลยที่ร้านอาหารนี้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมืองม่อ

เวลานี้เจ้าของร้านรอมานานแล้ว

เมื่อเห็น ซูเหวิน มาถึงแล้วเขาก็รีบลุกขึ้นกล่าวทักทายทันที

จากนั้นทั้งสองก็ไปที่ห้องทำงาน เพื่อเซ็นสัญญา

ร้านอาหารนั้นแตกต่างจากบริษัท ไม่มีข้อมูลสัญญาที่ยุ่งยากซับซ้อนขนาดนั้น

แค่สิบนาที..

ซูเหวิน ได้เซ็นลงนามในสัญญา และรับช่วงต่อร้านอาหารแห่งนี้อย่างเป็นทางการแล้ว

และหลังจากการทำความเข้าใจ เขาจึงทราบว่าเนื่องจากหุ้นทั้งหมดในร้านนี้เป็นของเขาทั้งหมด จึงไม่มีผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ

ดังนั้นเงินในบัญชีร้านอาหารถ้าเขาอยากถอนเมื่อไรก็ถอนได้ตามต้องการ โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ

เรื่องนี้จะว่าไป ซูเหวิน ก็รู้สึกพอใจมาก!

เมื่อเซ็นสัญญาเสร็จ

เถ้าแก่เจ้าของร้านคนเก่ายังได้เรียกพนักงานทุกคนมา และกล่าวแนะนํา ซูเหวิน เถ้าแก่คนใหม่ของที่นี่ให้กับทุกคนได้รู้จัก

ทันใดนั้น พนักงานหลายสิบคนภายในร้านอาหารก็พากันแสดงสีหน้าประหลาดใจ

ดูเหมือนพวกเขาจะไม่คาดคิดว่าคนที่จะเข้ามารับช่วงต่อดูแลร้านอาหารแห่งนี้จะยังดูหนุ่มขนาดนี้

ซูเหวิน มองไปที่พนักงานกลุ่มนี้ และเขาดูเหมือนไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี

แต่หลังจากคิดอยู่นานเขาก็พูดแค่ประโยคเดียวออกไปว่า

“เริ่มพรุ่งนี้ ขึ้นเงินเดือนคนละ 1,000 หยวนต่อเดือน”

และคำพูดนี้เพียงประโยคเดียว มันดีกว่าถ้อยคำอันไร้ประโยชน์พันคำไปอย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากพนักงานทุกคนตกตะลึงไปในตอนแรก หลังจากนั้นทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าไม่เชื่อ และความประหลาดใจออกมาให้เห็นทีละคน

“ให้ตายเถอะ ขึ้นเงินเดือนแล้ว เถ้าแก่นี่ท่าน ..พูดจริงหรือเปล่า?”

บางคนพูดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

ท้ายที่สุดแล้ว เจ้านายในปัจจุบันมีกี่คนที่ยินดีจะขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานอย่างพวกเขา?

แค่ไม่บีบคั้นเราก็บุญเท่าไหร่แล้ว

แต่ทันทีที่เจ้านายคนใหม่นี้เข้ามา เขากลับขึ้นเงินเดือนให้คนละ 1,000 หยวน โดยตรง

มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผู้คนจะสงสัยว่าอีกฝ่ายกําลังวาดเค้กก้อนใหญ่

“ฮ่าฮ่า ผม ซูเหวิน หนึ่งวาจาย่อมหนักดุจติ่งทองเก้าชั้น(1)

“ถ้าพวกคุณทํางานดีๆ ต่อไปจะมีเพิ่มขึ้นอีก”

ซูเหวิน ยิ้มเล็กน้อย และพูดอย่างช้าๆ

ถ้าถามเขาว่าทำไมถึงขึ้นเงินเดือน

มันไม่มีเหตุผล เขาแค่อารมณ์ดีเท่านั้น

เมื่อเห็นว่า ซูเหวิน ดูไม่เหมือนล้อเล่น

ทันใดนั้นพนักงานทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นมาก

พวกเขามองไปที่ ซูเหวิน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความรู้สึกตื้นตันใจ

“เถ้าแก่ซู คุณใจดีมากจริงๆ ยังเพิ่มเงินเดือนให้กับเราอีก คุณวางใจได้เลย ฉันจะตั้งใจทำงานให้ดีอย่างแน่นอน”

“ใช่ครับ เถ้าแก่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะถือว่าร้านอาหารนี้เป็นบ้านของตัวเอง ผมจะพยายามทําทุกอย่างให้ดีที่สุด และจะไม่เกียจคร้านโดยเด็ดขาด”

“เถ้าแก่ คุณใจดีจริงๆ หล่อ และสง่างาม สมบูรณ์แบบมาก ฉันรู้สึกอยากแต่งงานกับคุณ งือออ~~”

“ใช่ใช่ ใช่ เสี่ยวหย่า พูดถูก เถ้าแก่ คุณสมบูรณ์แบบมาก ฉันเองอยากแต่งงานกับคุณจริงๆ ถึงแม้ฉันจะเป็นผู้ชายก็ตาม แบบว่า.. ถ้าคุณไม่รังเกียจเรามา…”

“หยุดหยุดหยุด, STOP”

แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เถ้าแก่เจ้าของร้านคนเก่าก็เอื้อมมือออกไปห้ามพนักงานไม่ให้พูดต่อทันที

เขาขมวดคิ้วแล้วพูดทันทีว่า : “คำเยินยอของพวกคุณ ฉันไม่คัดค้าน แต่อย่าให้มันมากเกินไป?”

เถ้าแก่เจ้าของร้านคนเก่า หมดคำจะพูด

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี้เขารับคนแบบไหนเข้ามาทำงาน!

ไม่ต้องพูดถึง ซูเหวิน ที่มีเหงื่อออกเต็มใบหน้า

ในใจก็ถอนหายใจว่า พนักงานกลุ่มนี้จริงๆ ดูเหมือนจะทํางานอย่างหนักเพื่อยกยอเขา

หลังจากนั้นทุกคนก็พูดคุยกันอีกสองสามคํา ซูเหวิน จึงเดินออกจากร้านอาหาร

นาย(主人  มันแปลได้หลายความ)โทรมาแล้ว โทรมาแล้ว รีบรับสาย ทำไมยังไม่รีบรับสาย~

และไม่นานหลังจากที่ ซูเหวิน เพิ่งเดินออกมาจากร้าน เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู พบว่าเป็นสายที่โทรเข้ามาจากบริษัท ช่านซิง เอนเตอร์เทนเมนท์

เขากดรับสายโดยไม่ลังเล

“ฮัลโหล ประธานซู ใช่ไหมครับ?”

ทางโทรศัพท์เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา เขาคือ รองประธานเผิง เผิงหลิน แห่งช่านซิง

“อืม ผมเอง รองประธานเผิงใช่ไหม คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

ซูเหวิน กล่าวถาม

“ครับ..ครับ ผมเอง เผิงหลิน”

“ประธานซู ไม่ดีแล้ว เกิดเรื่องขึ้นในระหว่างกิจกรรมคัดเลือก”

“คุณยังจำผู้หญิงคนนั้นที่ทั้งร้องทั้งเต้นได้ไหมที่ชื่อ จางเยวี่ย ครั้งคุณมาที่บริษัทของเราเป็นครั้งแรก และเยี่ยมชมรายการประกวด และได้ช่วยเธอไว้…”

ทันใดนั้น รองประธานเผิง ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ก็พูดอธิบายเรื่องนี้อย่างใจจดใจจ่อ

ปรากฎว่าหลังจากเปิดตัวแคมเปญนี้

ในเวลาต่อมาได้ดำเนินกิจกรรมทัวร์นาเมนต์การแข่งขันคัดเลือกไปอย่างเต็มรูป และขึ้นจอทีวีไปได้อย่างราบรื่น

และหญิงสาวคนที่ทั้งร้องทั้งเต้นที่ ซูเหวิน ได้ช่วยไว้คนนั้น แต่เดิมเธอมีความสามารถสูงอยู่แล้ว

ภายใต้การแนะนําของเมนเทอร์ไปทีละขั้นตอน เธอก็ยิ่งก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

ฝ่าห้าด่าน สังหารหกขุนพล(2)ไปโดยตรงจนเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ

ตอนนี้เหลือเพียงการแข่งขันรอบสุดท้ายเท่านั้น

ตราบใดที่เธอชนะ ก็สามารถเป็นแชมป์ของทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้ได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ

เพียงเกมนี้มาถึงช่วงเวลาสุดท้าย

สปอนเซอร์ที่อยู่เบื้องหลังหลายคนต่างออกมากล่าวว่า ผลลัพธ์สุดท้ายของการแข่งขันจะต้องทําให้ จางเยวี่ย พ่ายแพ้ และให้ผู้เข้าแข่งขันอีกคนชนะ

มิฉะนั้นพวกเขาจะทยอยกันถอนทุน และจะไม่ให้ความร่วมมืออีกในอนาคต

“ยังมีเรื่องแบบนี้?”

หลังจากได้ฟังคําอธิบายของ รองประธานเผิง แล้ว ซูเหวิน ก็ขมวดคิ้ว

“ใช่แล้ว ประธานซู เรื่องทั้งหมดมันเป็นจริงเช่นนี้”

“อันที่จริงเรื่องนี้ท้ายที่สุดแล้ว มันไม่เหมือนกับเมนเทอร์ที่คุณเห็นในก่อนหน้านี้ พวกนักลงทุนต่างคิดว่า จางเยวี่ย เธอหน้าตาธรรมดาเกินไป ไม่มีรูปลักษณ์ของดารา”

“แต่คู่ต่อสู้ของ จางเยวี่ย กลับตรงกันข้าม หน้าตาเธอสวยมาก”

“ดังนั้นสปอนเซอร์จึงรู้สึกว่าเธอมีอนาคตที่สดใสกว่า และต้องการลงทุนกับเธอ”

รองประธานเผิง กล่าวอย่างจนใจ

จริงๆ แล้ว ถ้าพูดถึงความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว มันก็ยังดูมีช่องว่างเล็กน้อยระหว่างผู้เข้าแข่งขันทั้งสอง

จางเยวี่ย หากพูดถึงความสามารถ เธอเหนือกว่าจริงๆ

เธอไม่ใช่แค่ร้องเพลงเก่งเท่านั้น แต่ความสามารถในด้านการเต้นยังสูงอีกด้วย

แต่หากสู้กันด้วยรูปลักษณ์ภายนอกอีกฝ่ายนับว่าแข็งแกร่งกว่าตัวเอง เธอคงสู้ไม่ไหวจริงๆ

ด้วยวิธีนี้อีกฝ่ายจึงได้เปรียบ

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้..”

ซูเหวิน พยักหน้า ไม่มีอะไรมากไปกว่าพวกที่ดําเนินการอยู่เบื้องหลังเหล่านี้

นักลงทุนพวกนี้คงไม่มีความสุขในใจ หากไม่ดำเนินการบางอย่างเพื่อสร้างผลประโยชน์ให้กับตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ซูเหวิน ไม่อาจทนดูพวกเขาทำเช่นนี้ได้

ถ้าเป็นกรณีแฟร์เพลย์(Fair Play)ปกติ แพ้ก็แพ้ ทุกคนก็ไม่มีอะไรจะพูด

แต่การทําเช่นนี้ก็เท่ากับคาดหวังว่า จางเยวี่ย จะต้องโทษประหารชีวิต มันยุติธรรมตรงไหน?

“หากพวกเขาต้องการจะถอนการลงทุน ก็ให้พวกเขาถอนไป!”

“และคุณช่วยบอกพวกเขาด้วยว่า การถอนการลงทุนไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะไม่ร่วมมือกับเราอีกต่อไป แต่เราเห็นว่าพวกเขาไม่มีความน่าเชื่อถือ และไม่จําเป็นต้องมีความร่วมมือกันอีก ต่อไปทุกคนก็จะได้ขีดเส้นแบ่งเขตให้ชัดเจน”

ซูเหวิน พูดอย่างใจเย็น แต่น้ำเสียงในคําพูดของเขานั้นเด็ดขาดมาก

พอคำพูดนี้หลุดออกมาก็ทำให้ รองประธานเผิง ถึงกับตกใจไปเหมือนกัน

เขาดูเหมือนจะไม่คาดคิดว่า ประธานซู จะยืนกรานถึงขนาดนี้ ทั้งไม่มีความคิดที่จะพูดคุย

“ประธานซู ทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้มีนักลงทุนหกหรือเจ็ดรายเข้าร่วม หากพวกเขาถอนการลงทุนทั้งหมด แม้ว่าชั่วคราวนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อเรามากนัก เรายังสามารถระดมเงินทุนจากบริษัทได้”

“แต่เมื่อเวลาผ่านไป หากไม่มีนักลงทุนรายอื่น ต้นทุนการลงทุนของบริษัทเราก็จะสูงเกินไป ความเสี่ยงในการลงทุนก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย”

รองประธานเผิง อธิบายอย่างรวดเร็ว

และนักลงทุนเหล่านี้ก็มองเห็นจุดนี้ได้อย่างแม่นยํา โดยคิดว่า ช่านซิง ไม่กล้าที่จะไม่อะลุ้มอล่วยให้กัน ดังนั้นพวกเขาจึงมีความมั่นใจขนาดนี้

(1)[หนึ่งวาจาหนักดุจติ่งทองเก้าชั้น (一言九鼎)] - หมายความว่าสิ่งที่คุณพูดมีความน่าเชื่อถือสูง และคำพูดเพียงไม่กี่คำก็มีอิทธิพลสำคัญหรือมีบทบาทชี้ขาดได้ (九鼎) หม้อน้ำสามขาเก้าใบเป็นชุดของเงินในจีนโบราณซึ่งถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจที่มอบให้กับผู้ปกครองตามอาณัติของสวรรค์

(2)[ฝ่าห้าด่าน สังหารหกขุนพล (过五关斩六将)] - ฝ่า 5 ด่าน สังหาร 6 แม่ทัพ : หมายถึงตอนที่กวนอูฝ่า 5 ด่าน สังหาร 6 แม่ทัพของ โจโฉ เพื่อเดินทางไปหาเล่าปี่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด