ตอนที่แล้วบทที่ 175 พูดคุย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 177 ฝึกวรยุทธ์

บทที่ 176 พูดคุย (2)


สนมเยว่เห็นฉินชิงและฮองเฮา พูดคุยกันและหัวเราะ ไม่มีท่าทีร้อนใจเลยแม้แต่น้อย

บางครั้งยิ่งรอนานเท่าไรก็ยิ่งไม่ร้อนใจ ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็รอมาแล้วจะให้รออีกหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

หรือไม่สนมเยว่ก็รู้สึกว่าตนไม่ขัดจังหวะในเวลานี้จะดีกว่า ถึงอย่างไรนางก็เงียบมาตลอด

จนกระทั่งฉินชิงพูดคุยกับฮองเฮาเสร็จแล้ว สนมเยว่ถึงได้ยกมือคำนับไปที่ฮองเฮาแล้วพูดเรื่องเกี่ยวกับสนมโหลว

"ทูลฮองเฮา หม่อมฉันได้ผลจากการตรวจสอบหลายวันมานี้แล้ว แม่นมคนนั้นเหมือนจะไม่มีคนรู้จักคนอื่นในวังแล้ว ปกติก็เป็นคนพูดน้อย มีคนหนึ่งที่ค่อนข้างจะสนิทกับนางก็คืออวี้หลานในตำหนักสนมโหลวเพคะ"

"อวี้หลานคนนั้นตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ยังอยู่ในตำหนักของสนมโหลวหรือไม่ หรือว่าอยู่ที่ตำหนักอื่น?" ฮองเฮาถามสนมเยว่

"ไม่ใช่ทั้งสองเลยเพคะ นางออกจากวังแล้ว เพราะปีก่อนอายุของนางถึงกำหนดแล้ว จึงต้องออกจากวังไปแต่งงานเพคะ" สนมเยว่มองไปที่ฮองเฮาแล้วตอบคำถาม

"ออกจากวังไปแล้ว? หรือว่าต้องเสียเวลาไปสืบหาอีก?"

"ทูลฮองเฮา หม่อมฉันไม่ได้สืบต่อแล้วเพคะ แม่นมคนนั้นปกติแล้วนางค่อนข้างจะสนิทกับอวี้หลาน แต่หม่อมฉันเห็นว่า นางปฏิบัติกับอวี้หลานคนนั้นเหมือนกับเด็ก ปกติข่าวที่บอกอวี้หลานก็ค่อนข้างน้อยมาก แม้ว่าพวกเราจะไปหาอวี้หลานตอนนี้ก็อาจจะไม่ได้ข่าวอะไรมาก"

ฮองเฮาได้ยินข่าวนี้ก็เงียบไป จากนั้นก็เล่าข้อมูลที่ตนไปสืบมา

"คนของข้า ไปสืบข่าวของแม่นมคนนี้ที่นอกวัง รู้ว่านางมีลูกชายด้วย"

"มีลูกชาย หรือว่าเป็นลูกเลี้ยงหรือเพคะ ลูกชายนางอายุเท่าไรแล้ว แต่งงานหรือยัง?" ฉินชิงได้ยินฮองเฮากล่าวจึงเอ่ยถามทันที

อย่างไรเสียแม่นมในวังก็ไม่สามารถออกจากวังไปแต่งงานได้ ถ้ามีลูกชายก็มีความเป็นไปได้มากว่าคือเด็กที่รับมาเลี้ยง โดยทั่วไปการรับเด็กมาเลี้ยงต้องเป็นเด็กในตระกูลที่ค่อนข้างจะใกล้ชิดกับตน

"ลูกของแม่นมคนนั้นเป็นคนที่นางรับมาเลี้ยงจริงๆ แม่นมคนนี้มีน้องชายอยู่หนึ่งคน และคนที่นางรับเลี้ยงก็คือลูกชายคนที่สองของน้องชายนาง แต่ลูกชายคนนี้ของนางได้แต่งงานไปเมื่อสามปีก่อน แต่ส่วนนี้แหละที่ทำให้หม่อมฉันรู้สึกแปลกๆ"

"อ้อ? ฮองเฮาพบอะไรหรือเพคะ?" สนมเยว่มองฮองเฮาแล้วถาม

"ข้าพบว่าครอบครัวของแม่นมคนนี้เดิมทีไม่ใช่ตระกูลร่ำรวย เป็นชาวบ้านธรรมดา เจ้าสาวก็ต้องมีสินสอดให้ สภาพครอบครัวก็ต้องพอมีฐานะ สตรีถึงได้ยอมแต่งงานกับครอบครัวพวกเขา"

"หรือว่าแม่นมคนนั้นอยู่ๆ ก็มีเงินก้อนโตให้ลูกชายไปแต่งงานพอดีหรือเพคะ?"

"ความจริงแล้ว ในครอบครัวของแม่นมคนนี้ก็ไม่ได้มีเงินเหลือเฟืออะไร แต่สามปีก่อน เหมือนอยู่ๆ ก็มีเงินมาก้อนโต ไม่เพียงแต่มีคฤหาสน์ในเมืองหลวง แต่ยังจ่ายเงินจำนวนไม่น้อยเพื่อสู่ขอลูกสาวพ่อค้ากลับจวน ไม่เหมือนครอบครัวที่ไม่มีเงินเลย"

"ฮองเฮาทรงคิดว่าที่แม่นมคนนี้ถูกไล่ออกมาจากตำหนักสนมโหลวเกี่ยวกับเงินก้อนนี้ด้วยอย่างนั้นหรือเพคะ?"

"ใช่"

"ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็หาแหล่งที่มาของเงินก้อนนี้ได้แล้ว และเจอจุดอ่อนของแม่นมคนนี้แล้ว" สนมเยว่มองฮองเฮาแล้วกล่าว

หลังจากฉินชิงได้ยินเช่นนั้นก็ไตร่ตรองก่อนจะกล่าว

"แต่ก็อาจจะไม่เสมอไป ลูกชายของแม่นมคนนั้น ในเมื่อแต่งงานสร้างครอบครัว ถ้าอย่างนั้นสำหรับครอบครัวแล้วถือว่านางได้ทำให้ครอบครัวสมบูรณ์แบบแล้ว เพื่อเงินก้อนนั้นนางถึงได้ยอมก่อเรื่องในปีนั้น ต่อให้จะถูกเปิดโปงมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับนางอีกต่อไป แม้ว่าเจ้าจะเอากฎเกณฑ์ที่ถูกต้องไปพูดกับแม่นมคนนั้น นางก็อาจไม่ฟังเจ้าก็ได้"

ฉินชิงมองไปที่สนมเยว่แล้วพูดต่อ

"สิ่งที่พวกเราต้องทำจริงๆ คือทำให้แม่นมคนนี้เชื่อฟังพวกเรา ไม่ใช่การบีบบังคับแม่นมคนนั้น"

"ถ้าเช่นนั้นเรื่องนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้วอย่างนั้นหรือ?" สนมเยว่ถามอย่างไม่ยินยอม มือนางกำหมัดแน่น

"ก็ไม่แน่ เรื่องนี้อาจจะมีประโยชน์บ้าง"

"อย่างไรหรือ?"

"แม้ว่าพวกเราจะกลัวว่าเขาจะถูกบังคับให้จนมุม แต่ตราบใดที่ไม่ถูกบังคับให้จนมุม เช่นนั้นก็ยังพอจะเจรจาได้ ถึงอย่างไรฝ่ายที่มีอำนาจเริ่มก่อนอยู่ในมือเรา"

ถึงอย่างไรก็เป็นฮองเฮา ฉินชิงรู้สึกว่ายังมีข้อได้เปรียบในการกดดันแม่นมคนนี้ ในสมัยโบราณคือระบบลำดับขั้น หากฮองเฮาไปหาถึงหน้าประตู เช่นนั้นแม่นมก็อาจจะประหลาดใจและหวาดกลัว

อย่างเช่นคนทั่วไปไม่สามารถก่อเรื่องจนถึงที่ว่าการได้ อย่างไรเสียไม่ยุ่งกับคนที่มีอำนาจจะดีกว่า เพราะพวกเขารู้ว่าสุดท้ายพวกเขาอาจจะถูกทำร้ายได้

การสูญเสียสองอย่างในครั้งเดียวเป็นสิ่งที่คนไม่อยากจะให้เกิดมากที่สุด

แม้ว่าฉินชิงจะไม่ได้รังเกียจกับการใช้วิธีเหล่านี้ แต่แม่นมคนนั้นอาจจะไม่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นในวิธีการเหล่านี้เมื่อมีมูลก็สามารถทำได้

"ฮองเฮายังสืบเรื่องอื่นได้หรือไม่เพคะ?"

"น้องชายของแม่นมช่วงนี้ก็เหมือนจะอยู่ที่บ้านมาหลายวันแล้ว" พอฮองเฮาตรัสประโยคนี้ออกมาราวกับว่ามีความโศกเศร้าปนอยู่ในนั้น ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่? แต่ก็ยังพูดต่อไป

"ได้ยินมาว่าหาหมอแล้วแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์ ในบ้านก็เริ่มจะเตรียมงานศพแล้ว"

"ความสัมพันธ์ของแม่นมและครอบครัวนางเป็นอย่างไรบ้าง?"

"ความสัมพันธ์ของคนในบ้านนางก็น่าจะดีมาก ข้าตรวจสอบเจอว่าเงินเดือนของนางในตอนนั้น อย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่งถูกส่งไปจุนเจือครอบครัว"

"เช่นนั้นก็หมายความว่านางมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับน้องชายคนนี้?"

"เป็นเช่นนี้ไม่ผิด"

"ขอทูลถามฮองเฮา ถ้าเป็นหมอหลวงในวัง จะสามารถรักษาน้องชายของนางหายหรือไม่เพคะ"

"เรื่องนี้ก็พูดยาก ทักษะของหมอหลวงในวังข้าเองก็รู้ดี แต่ประเด็นมันอยู่ที่ข้าไม่รู้ว่าอาการจริงๆ ของน้องชายแม่นมคนนั้นเป็นอย่างไร"

"ฮองเฮาไปตามหาหมอที่ครอบครัวนางเชิญมารักษาน้องชายของนางคนนั้นเถอะ ถ้าหากตามหาเจอแล้ว ถามไม่นานก็รู้เรื่องเพคะ"

"เรื่องนี้ข้าพลาดไปแล้ว แต่ว่ามันมีประโยชน์อะไรหรือ?" ฮองเฮาไม่เข้าใจ

"ฮองเฮาอาจจะยังไม่ทราบ การจัดการกับคนประเภทนี้ต้องใช้บุญคุณและอำนาจร่วมกัน ตบแล้วลูบหลังคือวิธีที่ดีที่สุด"

สนมเยว่ได้ยินฉินชิงพูดเช่นนั้นก็เข้าใจแล้ว

"เจ้าคิดจะเอาเรื่องที่แม่นมรับเงินก่อนหน้านี้มาขู่นาง จากนั้นก็ใช้เรื่องที่น้องชายของแม่นมป่วยมาดึงนางเข้าเป็นพวก"

"ไม่ผิด ข้าคิดวิธีเช่นนี้จริงๆ ฮองเฮาและสนมเยว่คิดว่าอย่างไร?"

"หม่อมฉันรู้สึกว่าเป็นไปได้ ฮองเฮาทรงคิดอย่างไรเพคะ?"

ฮองเฮาครุ่นคิดอย่างหนักแล้วกล่าวว่า

"ในเมื่อตอนนี้ไม่มีวิธีอื่น เช่นนั้นก็เอาตามที่ซูเจาอี๋พูดแล้วกัน"

"เพคะฮองเฮา" ฉินชิงและสนมเยว่ทำความเคารพ

"เช่นนั้นหม่อมฉันทูลลาก่อนเพคะ" สนมเยว่กล่าว

"อืม"

เวลานี้ฉินชิงยังไม่อยากจากไป แต่อยู่ที่ตำหนักคุนหนิงพูดกับฮองเฮา

"ฮองเฮายังต้องรักษาตัวให้ดี แม้ว่าตอนนี้พระวรกายของท่านจะดีขึ้น แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่อย่างที่คิด ท่านต้องรักษาตัวให้ดีนะเพคะ"

"ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าไปเถอะ"

"เช่นนั้นหม่อมฉันขอทูลลาเพคะ"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด