ตอนที่แล้วตอนที่ 7 ตั๋ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9 ญาติห่างๆนั้นไม่ดีเท่าเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด

ตอนที่ 8 การกลับมาของเรื่องเล่าประหลาด


"อันตราย!? อันตรายยังไง?" เมื่อเห็นเกาหมิงถามกลับด้วยความไม่ทุกข์ร้อน ยิ่งทำให้นักสืบรู้สึกกังวลและยิ่งโมโหมากขึ้น

"คุณไม่ควรอยู่ที่นี้ถ้าคิดว่าค่าเช่าห้องนี้ถูกกว่าปกติ เพราะอดีตเจ้าของห้องพัก เพิ่งฆ่าตัวตายไปได้ไม่นานนี้" เจ้าหน้าที่สืบสวนเตือน ใบหน้าของเขาสูญเสียเกินกว่าจะแสดงอารมณ์ใดๆได้ แต่น้ำเสียงเร่งด่วนดูเป็นกังวล บ่งบอกว่ามีปัญหาร้ายแรงภายในห้องนี้แน่นอน

"ทำไม? หรือไม่ใช่การฆ่าตัวตายแต่เป็นการฆาตกรรม?"

"อย่าถามว่าทำไม!" เหงื่อไหลลงมาตามรอยแผลเป็น นักสืบชี้ไปที่ใบหน้าที่น่าสะพรึงกลัวของเขา "ถ้าไม่อยากเป็นเหมือนฉัน ก็ย้ายออกไปเดี๋ยวนี้!"

เห็นได้ชัดว่านักสืบรู้อะไรบางอย่าง ยิ่งกระตุ้นใความสนใจของเกาหมิง "พวกเราต้องการเหตุผลมากกว่านี้"

คนปกติคงไม่เต็มใจที่จะถูกขอให้ย้ายออกกะทันหันเพราะเหตุผลเพียงเท่านี้

"ไม่ใช่แคพวกคุณ แต่ทุกคนบนชั้นนี้ต้องย้ายออกชั่วคราวจนกว่าจะหาสาเหตุของความผิดปกติได้" นักสืบจำเกาหมิงได้ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนและรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะโดนหลอกง่ายๆ "คุณจับฆาตกรในคืนฝนตกได้ ผมยอมรับว่าคุณพอจะมีความสามารถ แต่มีหลายอย่างที่พวกเรายังมองไม่เห็น! และอาจเป็นสาเหตุหลักของการฆาตกรรมจำนวนมากในบริเวณท่าเรือเมืองเก่า!"

"คุณหมายถึง..." เกาหมิงหรี่ตาลง ผู้คนส่วนใหญ่อาจจะกลัวเมื่อเห็นใบหน้านักสืบ แต่สิ่งนี้ยิ่งทำให้เขาใจนักสืบคนนี้มากขึ้น

"ยิ่งคุณรู้มากเท่าไรก็พวกคุณก็ยิ่งอันตราย ทุกสิ่งที่ผมพูดก็เพื่อประโยชน์ของพวกคุณเอง ผมหวังว่าพวกคุณจะเชื่อใจผม" นักสืบกล่าวอย่างจริงใจ แต่เกาหมิงและซวนเหวินกลับทำท่าทีไม่ได้สนใจคำเตือนอะไรของเขาเลย "พวกคุณสองคนนี่หัวแข็งจริงๆ ท่าพวกคุณไม่ได้เห็นโลงศพคงจะไม่หลั่งน้ำตา "

เกาหมิงก้มศีรษะลงช้าๆ เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองจะหลั่งน้ำตาไหมเมื่อเห็น'โลงศพ'แต่ซวนเหวินคงจะตื่นเต้นมากกว่าร้องไห้เมื่อแน่ๆเมื่อเธอเห็น'โลงศพ'

"ถ้าไม่อยากย้ายจริงๆ ก็จำสิ่งที่ผมจะพูดให้ขึ้นใจ" นักสืบไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้คำแนะนำแก่พวกเขาแทน "ทิ้งทุกอย่างที่ผู้เช่าคนก่อนใช้ไปให้หมด อย่าเลียนแบบคนตายไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน อย่ามีอารมณ์แบบเดียวกับที่เขาทำ"

"ผมเข้าใจว่าเราไม่ควรใช้สิ่งของคนตาย แต่เรื่องเลียนแบบคนตาย คุณหมายความว่ายังไง?" เกาหมิงสับสนเล็กน้อย "คุณคงไม่ได้หมายถึงถ้าเราเลียนแบบคนตาย แล้วพวกเขาจะกลับมา?"

นักสืบไม่ตอบหรือปฏิเสธ หลังจากพูดจบ เขาก็รีบขึ้นไปชั้นบนต่อดูเหมือนกำลังสืบเรื่องบางอย่างอื่นอยู่

"นักสืบจากซิ่นลู่ คนๆนี้ดูเหมือนจะรู้มาก" ซวนเหวินเดินเงียบๆไปด้านหลังเกาหมิง ดวงตาของเธอดูอันตรายและมีเสน่ห์ "เอาละไม่มีใครรบกวนเราอีกต่อไป"

เธอปิดประตูหน้าและเข้าหาเกาหมิงอย่างเงียบๆและขยับริมฝีปากของเธอเล็กน้อย "เราสามารถเข้าใจได้ว่าเกมที่คุณสร้างเป็นส่วนที่ทับซ้อนกันของทั้งสองโลกและคุณคือกุญแจสำคัญในการปลดล็อคเกมล่วงหน้า สิ่งที่เราต้องทำก็ง่ายๆ ภายในห้องนี้ให้คุณทำซ้ำการกระทำของผู้ตายเพื่อกระตุ้นอารมณ์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ให้จิตสำนึก ความเจ็บปวดและความเสียใจที่ยังคงอยู่ระหว่างโลกทั้งสองโลกกลับมาอีกครั้ง โดยมีคุณเป็นนจุดศูนย์กลางของความสยองขวัญเหล่านี้

"สิ่งที่คุณพูดฟังดูคุ้นๆนะ" คำเตือนของนักสืบยังคงก้องอยู่ในหูของเกาหมิง "พี่สาว คุณแน่ใจนะว่ามันจะโอเค"

ซวนเหวินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้ยินสรรพนามใหม่จากเกาหมิง แต่เธอยังคงอธิบายอย่างอดทน "เกมนี้มันอันตรายแต่เมื่อมันเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ ความกลัวจะแพร่กระจายออกไป หยั่งรากลึกในหัวใจของคนที่เคยได้ยินหรือสัมผัสเรื่องราวนี้ ยิ่งนานพวกเราจะยิ่งสูญเสียอำนาจในการควบคุม ดังนั้นพวกเราต้องกระตุ้นมันล่วงหน้าและยับยั้งมันตั้งแต่เริ่มต้น ฉันรู้ว่าเรื่องนี้อันตรายมาก แต่ถ้าคุณไม่ทำ ผลที่ตามมาอาจจเลวร้ายกว่านี้นับร้อยเท่าในอนาคต!"

สิ่งที่ซวนเหวินพูดนั้นสมเหตุสมผล แค่เกมธรรมดาอย่างเกมครอบครัวหรือเกมจีบสาว ก็น่ากลัวมากแล้ว แต่หากเกมอื่นๆเหล่านั้นหลอมรวมเข้ากับเมืองอย่างสมบูรณ์ สถานการณ์ที่เกาหมิงต้องเผชิญจะยิ่งอันตรายขึ้นขนาดไหน

"บางสิ่งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้"

"เอาล่ะ ผมจะลองดู"

ภายใต้คำแนะนำของซวนเหวิน เกาหมิงนั่งอยู่หน้ากระจกในห้องนั่งเล่นพร้อมกับรูปถ่ายเปล่าๆ ไฟทั้งหมดในห้องถูกปิดลง เทียนสีขาวสี่เล่มถูกจุดอยู่ตรงมุมทั้งสี่ของห้อง

แสงเทียนเต้นรำอยู่ในความมืด ฝนตกลงมาเป็นจังหวะกระทบหน้าต่าง เสียงฟ้าร้องคำราม ห้องซึ่งมีแสงจางๆสว่างไสวด้วยฟ้าแลบ เกิดเป็นบรรกาศน่าขุนลุกขึ้นมา เกาหมิงปรับลมหายใจและหลับตาขณะที่พยายามคิดถึงผู้ตาย

ชื่อเต็มของเหล่าจ้าวคือจ้าวซี เขาเป็นทารกที่ถูกพบในกองขยะโดยหญิงชราชั้นสาม เขาไม่เคยได้ไปโรงเรียน สวมเพียงเสื้อผ้าที่เก่าและขาดตลอดเวลา เด็กๆในอพาร์ทเมนต์และลูกชายคนที่สองของหญิงชรามักจะรังแกเขา แต่เขาไม่เคยขัดขืนหรือตอบโต้เลยสักครั้ง

เมื่อโตขึ้นจ้าวซีทำงานเป็นลูกหาบในบริเวณท่าเรือเพื่อหาค่าเล่าเรียนให้กับน้องชายและน้องสาว เขาทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงดูครอบครัวไม่ว่าจะเหนื่อยหรือยากลำบากแค่ไหนเขาก็ยังยิ้มให้ทุกคนเสมอ แม้แต่เด็กๆที่เคยรังแกเขาก็เริ่มที่จะนับถือและเรียกเขาว่าพี่จ้าว

เวลาผ่านไปในแต่ละวันจ้าวซีกลายเป็นคนที่อบอุ่นที่สุดในอพาร์ทเมนท์หลี่จิง ตัวเขาเองยังไม่ได้แต่งงานหรือมีครอบครัว ไม่ว่าใครก็ตามที่มีปัญหา เขาจะเป็นคนแรกที่เข้าไปช่วยเสมอ ต่อมาน้องชายของเขาฝ่าฝืนกฎหมายและถูกจำคุก เขาก็เป็นที่คอยดูแลแม่บุญธรรมและน้องสะใภ้ที่ตั้งครรภ์

ไม่น่าเป็นไปได้เลยที่คนคิดบวกและเข้มแข็งอย่างจ้างซีเลือกที่จะฆ่าตัวตาย ผู้คนในอพาทเม้นต่างตกใจกับข่าวการตายของจ้าวซี มีเพียงเกาหมิงเท่านั้นที่ไม่ตกใจและพอจะเดาถึงเหตุผลได้

จ้าวซีทำงานที่ใช้แรงงานหนักมาตลอดชีวิตสภาพร่างกายของเขาจึงแย่มาก หลังจากได้รับบาดเจ็บที่ขาเมื่อปีที่แล้วเขาจึงถูกไล่ออกจากงาน

เนื่องจากไม่มีการศึกษา ขาพิการและสุขภาพไม่ดี จึงเป็นเรื่องยากสำหรับจ้าวซีที่จะหางานทำ เมื่อต้องอยู่บ้านเฉยๆก็มักจะถูกแม่บุญธรรมและน้องสะใภ้ดุด่าเสมอ

เจ้าซีรู้ตัวเสมอว่าเป็นเพียงแค่เด็กที่ถูกเก็บขึ้นมาจากกองขยะ เขาจึงโหยหาการเป็นที่ยอมรับมากกว่าใครๆและปรารถนาจะมีครอบครัวที่แท้จริงเป็นของตัวเอง แต่ไม่เคยมีใครให้โอกาสเขาเลยจริงๆ จากความกดดันต่างที่เขาได้รับอาจจะมีเพียงแค่โทรศัพท์มือถือเท่านั้นที่คอยเยียวยาจิตใจเขา บางทีสำหรับเจ้าซี โทรศัพท์คือสิ่งเดียวที่เข้าใจตัวเขาจริงๆ เข้าใจยิ่งกว่าใครๆยิ่งกว่าครอบครัว

ความร่าเริง ความมุ่งมั่น และความอบอุ่นที่เขาแสดงออกมานั้นส่วนใหญ่เป็นเพียงหน้ากากที่สร้างขึ้นมา เพราะเขาไม่ต้องการที่จะถูก'ทิ้ง'อีกครั้ง แต่ยิ่งพยายามรักษาหน้ากากนี้ไว้มากแค่ไหนกลับยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อไม่เห็นความหวัง เปลี่ยนแปลงไม่ได้ และสุดท้ายกลายเป็นภาระ ในที่สุดเขาก็เริ่มที่จะเกลียดตัวเอง

เมื่ออารมณ์ด้านลบเพิ่มขึ้น อุณหภูมิในห้องก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เกาหมิงนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นและดูเหมือนจะย้อนกลับไปในคืนที่จ้าวซีจบชีวิตลง

ในห้องไม่มีแสงไฟ เมฆหนาทึบจนไม่มีแสงลอดผ่าน แม้ไม่มีเชือกคล้องคอแต่เกาหมิงกลับรู้สึกว่าหายใจลำบากขึ้นเรื่อยๆ เขาใช้มือทั้งสองจับคอ รู้สึกรังเกียจตัวเองอย่างควบคุมไม่ได้

ประตูและหน้าต่างไม่มีทางออก เขาติดอยู่ในมุมที่ถูกลืม ไร้หนทางและโดดเดี่ยวใจจิตใจของเขาแตกสลาย เขานอนไม่หลับเพราะความทรงจำกำลังทรมานเขา

โลกในกระจกเริ่มบิดเบี้ยว เงาท่วมไปทั่วห้อง ความเสียใจและความหลงใหลซึมซาบเข้าสู่ส่วนลึกของจิตวิญญาณ

ความหนาวเย็นที่คุ้นเคยคืบคลานไปตามกระดูกสันหลังของเขา เกาหมิงลืมตาขึ้นช้าๆเทียนทั้งหมดในห้องนั่งเล่นดับลง ทั่วทั้งห้อง 2507 ถูกปกคลุมไปด้วยเงา!

เมื่อมองขึ้นไปที่กระจก รูม่านตาของเกาหมิงหดตัวลงร่างกายสั่นสะท้าน กระจกกำลังสะท้อนโลกที่กลับหัวและบิดเบี้ยว

"ปัง!"

ก่อนที่เกาหมิงจะทันได้โต้ตอบก็มีเสียงดังมาจากชั้นล่าง เขาก็รีบวิ่งไปที่ระเบียงเพื่อตรวจสอบ

ในลานกว้างอพาร์ทเมนท์ลี่จิง ถัดจากทางเข้าอาคารสอง พบศพที่มีแขนขาบิดและคอหัก จ้องมองตรงมาที่ระเบียงห้อง 2507

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด