ตอนที่แล้วChapter 876 หอคอยสะกดวิญญาณต้นกำเนิดสวรรค์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 878 เรื่องรักใคร่นั้นเปิ่นจั้วถือเป็นผู้เชี่ยวชาญ

Chapter 877 ข้าเท่ไหม?


พลังงานที่แปลกประหลาดที่ถูกขัง อ้ายยาผูกด้วยโซ่และกุญแจมือเรียบร้อยแล้ว ไม่มีทางหนีได้ ตอนนี้ทำได้แค่รับการชำระล้างอย่างเดียว.

จุนซ่างเซียวที่พึงพอใจก่อนจากไป.

สิ่งนี้ก็คือพลังงานที่ทำให้เจ้าวังซี บ้าคลั่ง ตอนแรกเขาคิดจะขังไว้ในเครื่องดูดฝุ่นไปตลอด ทว่าตอนนี้สามารถชำระล้างได้ นับว่าเป็นเรื่องที่ดี.

“หากว่าถูกรุม สามารถเรียกออกมาป้องกัน และดูดซับพลังจากภายนอกมาใช้ได้ พักเมื่อหมดแรง พลังฟื้นคืนใหม่ก็ออกไปสู้ อ๊าก สุดยอดอะไรแบบนี้?”

จุนซ่างเซียวที่ดวงตาเป็นประกายในทันที.

ระบบเอ่ย “คนอื่น ๆ ต่างก็พยายามด้วยตัวเอง ไม่มีใครสามารถนำพลังของคนอื่นมาบ่มเพาะได้.”

“โอ้ว.”

จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา “พวกนั้นคงเป็นคนดีสินะ พอเห็นเรื่องแบบนี้เป็นต้องทนไม่ได้.”

ระบบ“...........”

ดูเหมือนว่าโฮสน์จะพบเส้นทางการโกงแบบใหม่อีกแล้วสิท่า!

ท้องฟ้าทอแสงสว่าง เวลาเช้าdHมาถึง.

“กึก ซี่!”

จุนซ่างเซียวที่เปิดประตูก้าวออกมา พร้อมกับยื่นแขนขึ้น รับอากาศที่สดชื่น ใบหน้าที่เบาสบาย“ร่างกายสบายจริง ๆ!”

ไม่สบายได้อย่างไร.

ได้รับแต้มและสูตรสร้างอุปกรณ์หลายอย่าง เขตแดนบ่มเพาะก็ก้าวสู่ครึ่งก้าวปราชญ์แล้ว.

กล่าวให้ถูกในเวลานี้ จุนซ่างเซียวพบว่าที่จุดตานเถียน มีพลังงานพิเศษเท่ากับเมล็ดข้าวปรากฏขึ้น.

นี่คือพลังมิติ.

จุนซ่างเซียวที่เคยใช้ยันต์จักรวาลในอดีตตัดผ่านไปเป็นระดับปราชญ์ชั่วคราว รับรู้ได้ว่านี่คือพลังงานที่บริสุทธ์มาก ที่กลั่นผสมรวมตัวกันขึ้น.

กล่าวได้ว่าครึ่งก้าวปราชญ์ยุทธ์ ก็ยังอยู่ในขอบเขตของจักรพรรดิ แต่สามารถที่จะเข้าใจพลังมิติได้จึงถูกแยกออกมาอีกเขตแดน.

“ครึ่งก้าวปราชญ์คือคนที่ได้รับพลังมิติเบื้องต้นมา แต่ไม่สามารถที่จะเคลื่อนย้ายไปได้ในทันที ดังนั้นมีเพียงแค่ก้าวไปถึงระดับปราชญ์เท่านั้น ถึงจะสามารถควบคุมมิติอย่างสมบูรณ์.”จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ.

เขาที่ข้ามโลกมายังทวีปชิงหยุนเพียง 4-5 ปีเท่านั้น ก้าวจากระดับเปิดชีพจรขั้นที่สองมายังครึ่งก้าวปราชญ์ยุทธ์ กล่าวได้ว่า เป็นความเร็วที่เหนือคำบรรยายอย่างแท้จริง!

อย่างไรก็ตาม เพราะเหตุการณ์มากมายที่ไม่ยอมให้เขาเป็นคนธรรมดา ดังนั้นเจ้านิกายจุนจึงต้องดิ้นรนก้าวไปเป็นปราชญ์ยุทธ์หรือแม้แต่ราชันย์ยุทธ์ให้ได้ เพื่อที่จะสนับสนุนนิกายให้แข็งแกร่ง เพื่อที่จะสามารถใช้ชีวิตใหม่ที่เขาปรารถนาได้!

“ติ๊ง!”

เสียงในหูของเขาที่มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น.

เขาที่หลอมตั้งแต่ตอนกลางคืน ร้องเท้าต่อสู้เจิ้นหยาง เสื้อคลุมต่อสู้เจิ้นหยางและหน้ากากเจิ้นหยาง ชุดรบต่อสู้ตอนนี้สำเร็จมากกว่าสิบเซตแล้ว.

รูปแบบของอุปกรณ์ทั้งสามนั้นเป็นรูปแบบโบราณ โดยเฉพาะเสื้อคลุมต่อสู้นั้น แม้นว่าจะมีโลหะที่ติดอยู่หน้าอก ทว่ากับเป็นผ้าคลุมสีแดงที่คลุมพาดไปทั่วเหมือนกับเกราะนักรบในสมัยโบราณ และนอกจากนี้ยังมีหน้ากากเจิ้นหยางที่เป็นสีขาวเงิน ตัดครึ่งหน้า เหมือนกับนักรบโบราณเช่นกัน.

โดยรวมแล้วทั้งรองเท้าต่อสู้ หน้ากากและผ้าคลุม ที่เป็นเซตนักรบโบราณ แต่เพราะว่าเสื้อคลุมที่เป็นสีแดง มีเกราะอก สนับแขนซ้ายขวาและแม้แต่สนับขาอีกกลายเป็นชุดหนึ่ง.

“ฟิ้ว!”

จุนซ่างเซียวที่นำอุปกรณ์เจิ้นหยางทั้งสามออกมา รองเท้าสีแดง ผ้าคลุมสีแดงหน้ากากสีเงิน เข้าชุดกันเป็นเหมือนกับแม่ทัพที่กำลังจะไปร่วมศึกในสงครามในเร็ว ๆนี้“น่าเสียดายที่ไม่มี ปืนเจิ้นหยาง ไม่เช่นนั้นจะน่าเกรงขามกว่านี้.”

ขณะที่เขากำลังหลอมอุปกรณ์ป้องกัน จากคำแนะนำมันเป็นเซตที่ต้องใช้พร้อมกันคือรองเท้า เสื้อคลุมและหน้ากาก ส่วนอาวุธนั้นสามารถปรับเปลี่ยนเป็นกระบี่เจิ้นหยางระดับสูง หรือหอกเจิ้นหยางระดับสูง แม้แต่ธนูเจิ้นหยาง ปรับเปลี่ยนใช้ได้เหมือน ๆ กัน.

กล่าวได้ว่าไม่ว่าจะใช้กระบี่ หอกและธนู ก็มีผลเพิ่มพลังเหมือนกัน.

เซตต่อสู้ทั้งสี่ที่ต้องใช้ควบคู่กัน ทว่าอาวุธนั้นสามารถใช้แตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับหน้าที่ของแต่ละคนใน กองกำลังหนึ่ง ๆ นั่นเอง.

“เจ้านิกาย.”

ในเวลานั้น ลี่ลั่วฉิวที่ก้าวเข้ามาลานด้านใน.

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เห็นจุนซ่างเซียวสวมเซตเจิ้นหยาง ทำให้นางชะงักตะลึงไปชั่วขณะ.

เจ้านิกายที่สวมชุดขาวตลอด จู่ ๆ ก็มาเปลี่ยนเป็นสวมเกราะรบ ยืนเด่นในลานด้านใน นี่กำลังคิดว่าตัวเองเป็นแม่ทัพที่จะออกไปคุมกองทัพอย่างงั้นรึ?

“ถางจู่ลี่.”

จุนซ่างเซียวที่สะบัดผ้าคลุม เท้าขวาที่ยกยื่นขึ้นเหยียบเก้าอี้หิน พร้อมกับยกแขนขึ้นเบ่งกล้าม ก่อนที่เอ่ยกล่าวออกมาอย่างจริงจัง“เปิ่นจั้วเท่หรือไม่?”

“คริ ๆ!”

ลี่ลั่วฉิวยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ เอ่ยออกไปว่า“เจ้านิกาย กำลังจะไปออกรบที่ใหนอย่างงั้นรึ?”

“......”

จุนซ่างเซียวที่ยกเท้าลงเอ่ยออกไปว่า“เจ้ามาหาเปิ่นจั้วมีเรื่องอันใดรึ?”

ลี่ลั่วฉิวที่เก็บอาการท่าทางที่หัวเราะกลับมา พร้อมกับเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “เซียวโม่ส่งข่าวมาว่า ไม่กี่วันจากนี้มีโอกาสที่จะออกมาทำภารกิจจากนิกายไท่เสวียนเซิ่ง เลยคิดจะกลับมายังนิกายชั่วคราว.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “แจ้งตู้ตู้ ให้นางเตรียมอาหารเอาไว้ก็แล้วกัน.”

“นั่นคงไม่จำเป็น.”

ลี่ลั่วฉิวเผยยิ้ม“สาวน้อยคนนั้นเป็นห่วงเซียวโม่ที่ออกไปเป็นสายลับเป็นอย่างมาก นางที่เตรียมชุดอาหารพิเศษเตรียมไว้ตลอด ก่อนที่เขาจะกลับมาด้วยซ้ำ.”

“เฮ้อ.”

จุนซ่างเซียวถอนหายใจ กล่าวออกมาว่า“ข้าทำให้ศิษย์ตัวเอง ไม่สะดวกจริง ๆ.”

ชิงหยางที่บ่มเพาะในนิกาย พลังบ่มเพาะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนซูเซียวโม่ที่ออกไปเป็นสายลับ ไม่รู้ว่าจะยกระดับได้เร็วหรือไม่?

“เขากลับมา ควรจะตบรางวัลเขาหน่อย.”

รางวัลอะไร แน่นอนว่ามีเพียงศิลาวิญญาณธรรมชาติ ต้องไม่ลืมว่าอย่างอื่นเขาไม่สามารถที่จะใช้สนับสนุนได้.

“แจ้งไปยังหลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อและศิษย์หลัก ให้พวกเขามาที่นี่ด้วย.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

“รับทราบ.”

ขณะที่ลี่ลั่วฉิวจะจากไป นางที่หันหลังกล่าวสอบถามออกมา“เจ้านิกาย เกราะรบของท่านไม่ธรรมดาเลย ไม่รู้ว่ามีของสตรีใหม?”

จุนซ่างเซียวที่นำอุปกรณ์ชุดหนึ่งออกมาวางไว้บนโต๊ะศิลา กล่าวออกมาว่า“เจ้าสามารถใช้จิตสื่อสารกับมัน เปรียบขนาดของมันและรูปแบบชายหญิงได้ รับไปสิ เปิ่นจั้วเตรียมให้เจ้าชุดหนึ่ง เจ้าลองไปสวมดู.”

ลี่ลั่วฉิวที่รับผิดชอบหอจัดซื้อและหอฝนพรำ นางต้องออกไปด้านนอกบ่อย เรื่องคุณงามความดีไม่ได้ด้อยกว่าหลี่ชิงหยางเลย แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ตระหนี่ทรัพยากรสำหรับนาง.

......

ภายในสวน.

ลี่เฟยที่รู้สึกไม่อยากสวมเกราะเจิ้นหยางเลย เอ่ยออกมาเบา ๆ “เจ้านิกาย เกราะรบนี้มันยอดเยี่ยมกว่าเกราะพลังวิญญาณอย่างงั้นรึ?”

“สวมครบทั้งสาม นำกระบี่เจิ้นหยางออกมาทดสอบก็จะรู้เอง.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

หลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อและคนอื่น ๆ ที่รับเซตเจิ้นหยางแล้วกลับไปยังที่พักของตัวเอง เพื่อเปลี่ยนชุดเกราะรบดังกล่าวที่ดูเหมือนว่าจะไม่ธรรมดา.

“ศิษย์พี่รอง.”

ลี่เฟยที่เปลี่ยนเกราะรบและห้อยกระบี่เจิ้นหยาง กล่าวออกมาแล้ว“สวมแล้ว แม้นว่าจะรู้สึกสบาย ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนเลย.”

“ข้าก็ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเหมือนกัน.”

เซียวจุ้ยจื่อที่รู้สึกไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ใบหน้ารู้สึกไม่ชอบชุดผ้าคลุมนี้แม้แต่น้อย เพราะว่ามันขัดขวางสนับไหล่ค้ำปืนของเขานั่นเอง.

ในเวลาต่อมา.

เย่ซิงเฉินที่ก้าวออกมา.

แม้นว่าเขาจะใช้ร่างเป่ยอาหนิว ทว่าวิญญาณก็คือราชันรัตติกาล ด้วยการกลั่นร่างกายมาตลอดหลายปีทำให้รูปร่างของเขาดูดีน่าเกรงขามมาก การสวมชุดเซตเจิ้นหยางทำให้เขาดูเหมือนกับขุนพลสวรรค์ที่น่าเกรงขามเพิ่งลงมาจากสวรรค์ก็ไม่ปาน.

“ศิษย์น้องเย่ หน้ากากเจ้าล่ะ?”

“ชิ สิ่งนี้มีแต่สตรีเท่านั้นที่ใช้ บุรุษที่ใหนจะใช้กัน.”

“......”

ลี่ชิงหยางเอ่ย “เจ้านิกายรออยู่ในสวน พวกเราไป.”

ไม่นานจากนั้น.

ทุกคนที่มารวมตัวกันที่สวนอีกครั้ง.

“ไม่เลว ไม่เลว.”จุนซ่างเซียวที่พยักหน้ารับ.

“เจ้านิกายเอ่ย.”

ลี่เฟยที่เกาศีรษะไปมา “พวกเราสวมแล้ว ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนเลย.”

“จะให้สวมจริง ๆ รึ?”

“ใช่ ๆ.”

“แล้วหน้ากากของเจ้าล่ะ?”

“เอิ่ม......”

ลี่เฟยที่จำได้ว่ามีหน้ากากอีกชิ้น เขาจึงนำออกมา เอ่ยออกไปว่า“เจ้านิกาย จะให้สวมสิ่งนี้ปิดใบหน้าจริงรึ?”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ไม่ผิด.”

ลี่เฟยที่นำหน้ากากออกมา จ้องมองด้วยท่าทางลังเล คิดหนัก.

เซียวจุ้ยจื่อเองก็นำหน้ากากออกมาสวมเช่นกัน เมื่อปล่อยกลิ่นอาย ก็สัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นจึงเอ่ยท่าทางประหลาดใจออกมา“เจ้านิกาย ข้ารู้สึกว่าแข็งแกร่งขึ้น!”

หลี่ชิงหยางที่นำหน้ากากมาสวม กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น“หลังจากที่สวมหน้ากากแล้ว ข้าพบว่าพลังเพิ่มขึ้นหนึ่งหรือสองส่วนนี่ล่ะ!”

“กึก!”

ลี่เฟยที่ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาสวมหน้ากากเข้าไปในทันที.

เป็นความจริง ตามที่ศิษย์พี่รองและศิษย์น้องเซียวเอ่ย เมื่อปลดปล่อยพลังบ่มเพาะ สัมผัสได้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ไม่เพียงแค่พลัง แต่เหมือนว่าขาของเขาที่เบาขึ้นกว่าก่อนด้วย!

“ไม่เพียงแค่เพิ่มพลัง ทว่ายังเพิ่มความเร็วด้วย!”ลี่เฟยที่เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ.

หลงจื่อหยาง เถียนซี หยางยูหัวและคนอื่น ๆ ต่างก็สวมหน้ากากกันทันที ทันทีที่รับรู้ว่าพลังเพิ่มขึ้น ก็รู้สึกดีใจกันเป็นอย่างมาก.

หน้ากากนี้มันลึกล้ำขนาดนี้เลยรึ?!”

“หรือว่านี่คือสุดยอดของวิเศษ?”

จุนซ่างเซียวที่กล่าวอธิบาย “รองเท้า ชุดคลุมและหน้ากากตลอดจนกระบี่ มันเป็นเซตอุปกรณ์สี่อย่าง มีเพียงแค่สวมครบเท่านั้น จะเพิ่มความเร็ว พลังต่อสู้และพลังป้องกันขึ้น.”

“โอ้วสวรรค์!”

“นี่มันยอดเยี่ยมไปแล้ว!”

เถียนซี หลงจื่อหยาง ซ่งเสวียนโจวและศิษย์คนอื่น ๆ ที่ตื่นตะลึงไปตาม ๆ กัน.

อุปกรณ์ที่สวมแล้วเพิ่มพลังขึ้น เรื่องนี้ได้ทำลายสำนึกคิดของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง.

ชุดเซตเจิ้นหยางสี่อย่าง ไม่เพียงแค่เพิ่มพลัง ยังทำให้พวกเขาเคลื่อนที่ได้อิสระอีกด้วย.

ร้องเท้าเพิ่มความเร็ว เสื้อคลุมเกราะเพิ่มพลังป้องกัน หากไม่มีหน้ากาก คงจะเท่กว่านี้.

หลี่ชิงหยางและคนอื่น ๆ ที่สวมชุดเซตเจิ้นหยาง อุปกรณ์ครบ ก้าวออกไปพร้อมกันเหมือนกับทัพของนักรบโบราณที่ดูน่าเกรงขามอย่างแท้จริง.

“เจ้านิกาย.”

เย่ซิงเฉินเอ่ย“ศิษย์ขอตัว.”

“อืม.”จุนซ่างเซียวพยักหน้ารับ.

เย่ซิงเฉินที่ลอบจากไป เขาที่เร่งรีบกลับที่พัก ก่อนที่จะนำหน้ากากที่ทิ้งไปในถังขยะไปแล้วขึ้นมา เขาที่ไม่สนสิ่งสกปรกเลย นำมาสวมใส่ทันที ทันใดนั้นรู้สึกพลังเพิ่มขึ้นมาจริง ๆ ถึงกับเอ่ยออกมาด้วยความตกใจ“ลึกล้ำไปแล้ว เหลือเชื่อจริง ๆ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด