ตอนที่แล้วบทที่ 4 ศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานสมบูรณ์แบบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 6 วางดาบลงก่อน

บทที่ 5 การเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่


บทที่ 5 การเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่

"ข้าแวะมาทักทายท่าน"

 

เสินอี้ก้าวไปข้างหน้าและหัวเราะเบาๆ "ทำไมจู่ๆ พี่หวงลิ่ว(เหลืองที่หก) ถึงลงมาจากภูเขา และไม่แม้แต่จะมาทักทายข้าล่ะ"

 

ปีศาจเตียวหยุดเคี้ยว และนิ่งเงียบอยู่นาน มันหันลำตัวเล็กน้อยเพื่อเผยให้เห็นภาพบนเตียง

 

เสินอี้เห็นปีศาจเตียวตัวผอมเพรียวอีกตัวหนึ่งนอนเงียบๆ อยู่บนนั้น มันกำลังเคี้ยวกลืนอวัยวะภายในอันอ่อนนุ่มเข้าไปเต็มคำ ข้างใต้นั้น ปีศาจเตียวตัวเท่าฝ่ามือขดตัวและดูดนมของมัน

 

"บนภูเขามีศัตรูมากมาย ข้าลงมาเพื่อหาอาหารให้พวกมัน"

 

หวงลิ่วพูดด้วยเสียงอึดอัด "อย่ามาพูดเรื่องกฎเกณฑ์กับข้า ที่นี่มีอาหารและเครื่องดื่มให้กินไม่อั้น ข้าจะอยู่ที่นี่ครึ่งปี รอจนบุตรชายข้าโตกว่านี้ ข้าถึงจะไป"

 

เมื่อเห็นเช่นนั้น แววตาของเสินอี้ยิ่งเปล่งประกายด้วยความดีใจ "ขอแสดงความยินดีด้วย! แม่และลูกปลอดภัยดีใช่ไหม?"

 

เขาพูดพลางเดินไปข้างๆ หวงลิ่ว ไม่รังเกียจพื้นเตียงที่เปื้อนเลือด แล้วนั่งลงข้างๆ

 

เสินอี้ยื่นมือไปแตะบ่าของปีศาจเตียว "มีเรื่องน่ายินดีแบบนี้ ทำไมไม่บอกน้องชายอย่างข้าสักคำ?"

 

หวงลิ่วมองเขาอย่างเฉยเมย แต่ไม่ได้ปัดมืออก "อย่ามาตีเนียน วันนี้ต่อให้เจ้าเมืองมาข้าก็ไม่ไป"

 

"ไม่ไปก็ไม่ต้องไป"

 

เสินอี๋ยิ้มอย่างมีเลศนัย เขาจ้องมองอีกฝ่าย ดวงตาสีดำและขาวของเขาดูใสยิ่งขึ้น

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวงลิ่วในที่สุด มันมองกลับไปที่อีกฝ่าย มันกำลังจะพูดบางอย่าง แต่ลูกตาก็หดตัวลงอย่างกะทันหัน

 

ท่ามกลางท่าทางอันใกล้ชิด ดาบเหล็กเล่มหนึ่งได้ฝังลึกเข้าไปในอกของมัน

 

“อ๊อก! อ๊อก!”

 

เฉินจี้ได้ยินเสียงดังผิดปกติ เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกตะลึง

 

เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า

 

เสินอี้กอดหวงลิ่วด้วยใบหน้าเรียบเฉย “แขกมาเยือน ไยข้าถึงต้องไล่เจ้า”

 

ทันทีที่พูดจบ เขาก็แทงดาบเข้าที่หัวใจของปีศาจเตียวอีกครั้ง เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วร่างของทั้งสองคน เพิ่มสีสันสดใสให้กับห้องที่มืดมิด

 

“เจ้าควร...อยู่ที่นี่ตลอดไป...ไม่ต้องไปที่ไหนเลย” เสียงของเสินอี้ค่อยๆ อ่อนโยนลง ท่าทางของเขาเหมือนมีความเชี่ยวชาญมากขึ้น

 

ฉึก! ฉึก! ฉึก!

 

ทุกคำพูดของเขา แทนด้วยการแทงดาบที่เฉียบคม ไร้ความปราณี ร่างกายที่แข็งแกร่งของเหยื่อถูกเสินอี้แทงจนกลายเป็นก้อนเนื้อเละ

 

หวงลิ่วพยายามดิ้นรนอย่างสุดแรงเกิด แต่ไม่ว่าเขาจะใช้พลังมากแค่ไหนก็ตาม ต่อหน้าแขนที่โอบรอบของเสินอี้ มันราวกับวัวที่จมลงทะเล มันไม่สามารถเคลื่อนไหวใดๆ ได้เลย

มันไร้ซึ่งพลังต่อต้าน

 

ในสายตาของคนอื่นๆ มันดูเหมือนเด็กน้อยที่นั่งนิ่งอยู่ เฝ้ามองตัวเองถูกคมดาบแทงทะลุอย่างช่วยอะไรไม่ได้

 

ในที่สุดเสินอี้ก็คลายมือ สายตาเย็นชาจ้องมองปีศาจที่สิ้นใจแล้วล้มลงกับพื้น

 

เขาเงยหน้าขึ้น “เจ้าออกไปก่อน”

 

ร่างกายของเฉินจี้แข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ สมองของเขายุ่งเหยิงไปหมด

 

ภายใต้สายตาของอีกฝ่าย เขาตกใจกลัวมาก ร่างกายหันกลับและเดินออกไปนอกบ้าน ก่อนจะออกไป เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองอีกครั้ง

 

เสินอี้นั่งลงบนขอบเตียง ชักดาบเหล็กออกจากร่างของหวงลิ่วช้าๆ เขาหันไปมองปีศาจเตียวที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวบนเตียง เขายื่นมือไปคว้าเครื่องในที่มันคาบไว้ เขาพึมพำเบาๆ ว่า "พี่สะใภ้ ครอบครัวควรจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากัน เจ้าว่าไหม?"

 

เมื่อได้ยินประโยคนี้ เฉินจี้ถึงกลับสะดุดเซไปเซมา

 

เขาเดินข้ามธรณีประตูไปยืนอยู่ข้างนอก หลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

 

สักครู่ต่อมา เสินอี้ก็เดินออกมาอย่างช้าๆ เช็ดนิ้วมือที่ยาวเรียวด้วยผ้าเช็ดหน้า เขาพูดเสียงเรียบว่า "เข้าไป และเก็บกวาดให้เรียบร้อย"

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินจี้ลืมตาขึ้น เขามองย้อนดูใบหน้าที่คุ้นเคย ความคิดในหัวของเขาเหมือนเส้นด้ายที่พันกันยุ่งเหยิง สุดท้ายก็รวมกันเป็นคำถามที่งี่เง่าว่า "ทำไม?"

 

"ทำไม คืออะไร?" เสินอี้เลิดคิ้ว จ้องมองอย่างสงสัย

 

เชี่ย! เชี่ย! แม่งโคตรเชี่ย!

 

เฉินจี้กัดฟันแน่น ดวงตากลมโต

 

ทำไมเจ้าถึงลงมืออย่างกะทันหัน! ทำไมเมื่อกี้ยังคุยกันดีๆ แล้วจู่ๆ เจ้าก็ทำเหมือนกับโรงฆ่าสัตว์ ทำไมเจ้าแทงปีศาจเตียวตัวนั้นทิ้งเฉยเลย!

 

ทำไมตอนลงมือ หน้าของเจ้าถึงยังมีรอยยิ้มนั่นอยู่! แล้วเจ้าเกลียดมันหรือไม่เกลียด คิดยังไงกับชาวบ้านที่ตายไป เจ้าคิดยังไงกับเหล่าปีศาจร้ายพวกนี้!

 

ในสายตาของเฉินจี้ บุคคลผู้นี้สามารถมองดูศพของสหายร่วมเผ่าพันธุ์ถูกกัดกินอย่างเฉยเมย และก็ใช้ท่าทีที่เย็นชาเดียวกันจัดการกับเหล่าปีศาจเตียวที่สนิทสนม รวมไปถึงลูกของมันที่ยังลืมตาไม่ขึ้นอีกด้วย

 

เรื่องนี้มันไร้เหตุผลสิ้นดี

 

ท่ามกลางความสงสัยมากมาย เฉินจี้พยายามระงับความรู้สึก และถามคำถามที่เป็นจริงเป็นจังที่สุด "ทำไมถึงฆ่าพวกมัน? ไม่กลัวเหรอว่าราชาเตียวขนเหลืองจะมาแก้แค้น? หรือว่าใต้เท้ามีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้แล้ว?"

 

"วิธีแก้ปัญหาอะไร?" เสินอี้ขมวดคิ้ว เขาพูดอย่างเย็นชา "มันไม่ยอมไป ข้าก็ไม่อยากให้มันกินคนต่อไป ข้าเลยต้องหาวิธีที่ทำให้ทุกฝ่ายพอใจ"

 

“นี่…นี่มันถือว่าเป็นเหตุผลงั้นเหรอ?” เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินจี้สูดหายใจลึกๆ เขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่อยากพูดอะไรมากกับเขา จึงก้มหน้าลงและรีบเข้าไปในบ้านเพื่อจัดการกับศพของปีศาจทั้งหมด

 

เพียงไม่กี่วัน เขาค้นพบว่าตัวเองเริ่มไม่เข้าใจใต้เท้าเสินผู้นี้เสียแล้ว

 

“…”

 

เมื่อไม่มีใครอยู่ข้างๆ เสินอี้ก็ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู ในที่สุดก็โยนผ้านั้นทิ้งไป เผยให้เห็นนิ้วทั้งห้าที่สั่นเทา เขาจ้องมองฝ่ามือ กำหมัดแน่นเพื่อบังคับให้นิ้วหยุดสั่น

 

ในฐานะผู้มาจากต่างโลก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นศพอย่างชัดเจน มองดูเนื้อหนังเน่าเปื่อยถูกฉีกออกเป็นชิ้นใหญ่ เขาเห็นเศษเนื้อติดอยู่ตามซอกฟันของปีศาจเตียว

 

เสินอี้รู้สึกอยากอาเจียน เขาพยายามระบายความกลัวและความโกรธด้วยการแทงซ้ำๆ

 

แต่เขาต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเอง

 

มีเพียงความสงบเท่านั้นที่จะทำให้เขารอดชีวิตจนกว่าแผนกปราบปีศาจจะมาถึง หากเขายังกลัว  มันคงไม่มีใครในเมืองไป๋อวิ๋นแห่งนี้ยื่นมือมาช่วยเขา

 

สำหรับคำถามของเฉินจี้ เสินอี้เองก็คิดมาก่อนหน้านี้เช่นกัน แต่สุดท้ายเขาก็คิดอะไรบางอย่างออก

 

ยังมีวิธีแก้ไขอื่นอีกหรือไม่? คำตอบคือไม่มี!

 

ถ้าเขาปล่อยวางหรือไม่สนใจ ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ก็ต้องตายอยู่ดี พวกเขาต้องตายแน่ๆ ไร้ทางแก้ไข แค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ แล้วเขาจะหาเรื่องกังวลไปทำไม

 

แทนที่จะมาใช้คำพูดพวก "ภาพรวมสำคัญกว่า"หรือ "อดทนไว้สักพัก เดี๋ยวคลื่นลมก็สงบ" มาปลอบใจตัวเอง เป็นการดีกว่าที่เขาจะเก็บอายุขัยปีศาจให้มากขึ้น พัฒนาพลังตัวเอง รอให้ไอ้สัตว์เดรัจฉานตัวถัดไปยื่นกรงเล็บมา แล้วฟันมันด้วยดาบเดียว!

 

...

 

เฉินอี้หวนนึกถึงอายุขัยของอสูรร้าย ครั้งนี้ถือว่าเขาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ครั้งหใญ่เลยทีเดียว

 

【ปีศาจเตียวที่รู้ภาษา ยังไม่บรรลุขอบเขตเริ่มต้น อายุขัยรวม 145 ปี เหลือ 59 ปี ดูดซับเสร็จสิ้น】

 

【ปีศาจเตียวที่เปิดปัญญา ยังไม่บรรลุขอบเขตเริ่มต้น อายุขัยรวม 152 ปี เหลือ 61 ปี ดูดซับเสร็จสิ้น】

 

【ปีศาจเตียวที่ยังไม่เปิดปัญญา อายุขัยรวม 80 ปี เหลือ 79 ปี ดูดซับเสร็จสิ้น】

 

【อายุขัยปีศาจที่เหลือ: 199 ปี】

 

【อายุขัยของตัวเองที่เหลือ: 1 ปี】

 

“เจ้าน่าจะช่วยปัดเศษให้ข้าหน่อย ให้เพิ่มเป็นสองร้อยปีก็ยังดี”

 

เสินอี้ยังคิดไม่ออกว่าต่อไปจะเอาอายุขัยของปีศาจไปลงทุนกับอะไรดี

 

จะฝึกฝนวิชาดาบปราบปีศาจต่อไป โดยใช้วิชาดาบสุริยันสังหารปีศาจเป็นพื้นฐาน เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับขอบเขตเริ่มต้นเพิ่มเติม หรือจะฝึกฝนหมัดทะยานไล่เมฆต่อ เพื่อดูว่าจะได้รับพรสวรรค์เกี่ยวกับหมัดและฝ่ามือเพิ่มอีกหรือไม่?

 

ระหว่างที่เสินอี้กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เฉินจี้ก็จัดการเอาศพของปีศาจเตียวขึ้นรถลาก จากนั้นก็จูงลามาหาเขา

 

“ไม่ว่าใต้เท้าเสินจะมีความคิดอย่างไรก็ตาม…”

 

เฉินจี้ส่งเชือกจูงลาให้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความซับซ้อน เขาหันกลับไปมองดูผู้คนจากระยะไกล

 

ชาวบ้านที่ยืนอยู่บนคันนา ยังคงมีท่าทางเฉื่อยชา ไร้วิญญาณ ยืนก้มหน้าก้มตากันอยู่ เฉพาะตอนที่สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่เกวียน บรรยากาศที่เลื่อนลอยในดวงตาของพวกเขาถึงมีอารมณ์ขึ้นมาบ้าง

 

“อย่างน้อยวันนี้ ท่านก็รักษาชีวิตของพวกเขาไว้ได้”

 

เฉินจี้พูดจบ พยายามยิ้มอย่างฝืนๆ แต่รู้สึกว่าสายจูงในมือถูกดึงออก

 

เขาเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าเสินอี้กำลังขี่ลาแก่จากไปอย่างสบายๆ

 

“…”

 

เสินอี้ยืดเส้นยืดสาย พลางกลอกตาไปมา

 

คิดอะไรมากมาย ก่อนจะชมคนยังต้องเสียดสีจิกกัดก่อน นิสัยเสียจริงๆ

เสแสร้งชะมัด!

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด