ตอนที่แล้วบทที่ 25 เรื่องของตระกูลหลิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 27 เจ้ามาช้า

บทที่ 26 นักพรตโซ่วโถวกับจางถูหู


บทที่ 26 นักพรตโซ่วโถวกับจางถูหู

เมื่อได้ยินชื่อนี้ พี่น้องตระกูลหนิวที่เพิ่งก้าวออกจากลานก็หยุดชะงัก

ทันใดนั้น ทั้งสองก็ก้มหน้าลง ทำเป็นไม่ได้ยินอะไร พาชายวัยกลางคนตัวผอมแห้งออกจากลานอย่างรวดเร็ว

พวกมือปราบรู้ดีว่าหลิวฉีคือใคร

เขาคือปรมาจารย์จากยุทธภพที่แท้จริง มาจากชิงโจว และเป็นหนึ่งในผู้คุ้มครองที่ตระกูลหลินจ้างมาด้วยเงินจำนวนมาก เขามีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด!

ด้วยมือเหล็กเพียงคู่เดียว เขาสามารถบดขยี้หินและทุบอิฐได้ ไม่ต่างจากการทุบเต้าหู้เลย

มีข่าวลือว่าปีศาจที่ตายภายใต้ฝ่ามือของเขามีไม่ต่ำกว่าสามสิบหรือบางทีอาจจะถึงห้าสิบด้วยซ้ำ!

"พวกเราจะไปดูไหม?"

เฉินจี้มองดูเงาหลังของพี่น้องหนิวทั้งสอง แต่ไม่ได้รู้สึกว่าพวกเขาขี้ขลาด เฉินจี้กลับเข้าใจพวกเขาเป็นอย่างดี

 

เมืองไป๋อวิ๋นไม่ใช่เมืองใหญ่ ไม่มีแม้แต่สำนักที่เป็นทางการ ในสายตาของคนในท้องถิ่น หลิวฉีถือว่าเป็นมังกรข้ามถิ่น แม้แต่พวกมือปราบก็ยังหวังพึ่งพาชื่อเสียงของเขาเพื่อข่มขู่ปีศาจเลย

แม้แต่เขายังตาย แสดงว่าสิ่งที่ลงมือนั้นเก้าส่วนต้องเป็นปีศาจร้ายตัวใหญ่!

ตามคำพูดของหลิวเตียนลี่ ปีศาจคือเรื่องที่เสินอี้ต้องรับผิดชอบ

เสินอี้จะจัดการหรือไม่?  นี่คือคำถาม!

จริงอยู่ที่ไม่มีใครแจ้งความ และการแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ความจริงที่แม้แต่พ่อค้าแม่ค้าข้างถนนยังเดาได้ การปิดหูปิดตาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ย่อมทำให้เสินอี้เสียหน้าตั้งแต่วันแรก และอาจถูกตราหน้าว่าเป็นมือปราบที่ไร้ความสามารถ

"ตายได้บังเอิญจริงๆ"

เฉินจี้กล่าวออกมาด้วยความรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย ทำไมตัวเองถึงเหมือนดาวไม้กวาด(ตัวนำพาโชคร้าย) ทุกครั้งที่นำข่าวมา ล้วนเป็นเรื่องยุ่งยาก

เสินอี้ลูบไล้คิ้วเบาๆ กลบเกลื่อนความไม่สงบที่แล่นผ่านแววตา ลุกขึ้นหยิบดาบประจำกายแล้วเดินออกไป

 

ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากเสียหน้าอย่างที่คนอื่นคิด

เขาแตกต่างจากคนอื่น เขารู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลหลิน

และเขาเป็นคนส่งเจ้าปีศาจจิ้งจอกตัวนั้นเข้าไปด้วยตัวเอง

พูดได้ว่า ทุกครั้งที่มันก่อคดีเลือด มันก็เหมือนจดบันทึกความผิดไว้บนตัวเสินอี้ หากมันถูกจับ เขาอาจต้องไปเยือนคุกของแผนกปราบปีศาจด้วยตัวเอง

"..."

เสินอี้พาเฉินจี้เดินบนถนนใหญ่

สายตาที่มองมาจากข้างถนนยังคงเป็นเหมือนตอนเช้า เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด เมื่ออาคารริมถนนเปลี่ยนจากหลังคามุงจากเป็นกระเบื้องสีเขียว สายตาเหล่านี้ก็ค่อยๆ เลือนหายไป

ในย่านเมืองตะวันออกที่ค่อนข้างร่ำรวย อำนาจและความน่าเกรงขามของเจ้าหน้าที่ในชุดเครื่องแบบ ก็ลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว

จนกระทั่งคฤหาสน์อันโอ่อ่าหรูหราปรากฏต่อสายตา ประตูไม้สีแดงสด ที่จับประตูทำด้วยทองสัมฤทธิ์ สิงโตหินสองตัวที่สูงกว่าของประตูหน้าศาลาว่าการถึงครึ่งศีรษะ

ประตูเปิดออกเพียงกว้างพอสำหรับคนหนึ่งผ่าน ชายอ้วนท้วนสวมเสื้อคลุมไหม ผู้เป็นพ่อบ้านของตระกูลหลิน เขาแสดงท่าทางกังวลยืนอยู่หน้าประตู โบกมือไล่ฝูงชน "ไป ไป ไป! ที่นี่ไม่ใช่ที่ให้พวกเจ้ามามุงดู!"

"พูดว่าดูอะไรกัน ถ้ามีปีศาจ ท่านก็แจ้งให้พวกเราทราบด้วย พวกเราจะได้ไปทีศาลาว่าการเพื่อขอความช่วยเหลือ"

คนกลุ่มหนึ่งถอนหายใจและถอยกลับไป

"ไม่มีปีศาจ ไม่มีปีศาจ!" พ่อบ้านตระกูลหลินย่นใบหน้าอวบอ้วน พลางก้มหน้าลงอย่างท้อแท้  "ข้าพูดไปแปดร้อยรอบแล้ว มันไม่มีสิ่งนั้น!”

"เจ้าขี้ขลาด! เจ้ากลัวอะไรกัน! หรือพวกเจ้าไม่เห็นประกาศบนถนน ใต้เท้าเสินสามารถปราบปีศาจสุนัขที่ชานเมืองตะวันตกได้ ทำไมจะปราบปีศาจในบ้านของเจ้าไม่ได้?"

ในฝูงชนยังมีคนที่มีสถานะอยู่บ้าง พวกเขาไม่เกรงใจพ่อบ้านผู้นี้ เขาร้องตะโกนขึ้นไปตรงๆ

"ยังพูดถึงใต้เท้าเสินอีก...พวกเจ้าไม่รู้อะไรเลย!"

 

พ่อบ้านตระกูลหลินจ้องมองด้วยความดูถูก พลางครุ่นคิดอย่างหนัก เขาไม่อยากคุยกับอีกฝ่าย

พูดถึงเสินอี้คนนี้ เขารู้ดีกว่าคนกลุ่มนี้อย่งแน่นอน

ในตอนแรก เมื่ออีกฝ่ายช่วยคุณหนูกลับมาจากนอกเมือง ท่านเจ้าบ้านรู้สึกขอบคุณมาก จึงให้เกียรติชายผู้นี้เป็นอย่างมาก

ไม่คาดคิดว่าคนแซ่เสินจะกลายเป็นผีพนัน ชอบมาขอเงินสองสามวันครั้ง เงินที่ยืมไปก็เหมือนกับเอาเนื้อไปโยนให้หมา!

ช่วงหลังมานี้แหละ เขาถึงเงียบหายไป

ท่านเจ้าบ้านจะเชื่อคนถือแบบนี้ได้อย่างไร เมื่อรู้ว่าหลิวฉีเกิดเรื่อง เขาก็รีบไปที่คฤหาสน์เจ้าเมืองทันทีกลางดึก และเชิญนักพรตโซ่วโถวมา

(瘦头陀 Shòutóutuó  โซ่วโถวถัวแปลว่านักพรตโซ่วโถวแห้ง ในที่นี้จะทับจีนไปเลยนะครับ)

อย่าดูถูกเขาที่ผอมแห้งเหมือนจะล้มได้ด้วยลม แต่ตอนที่เขาอยู่ที่ชิงโจว เขามักจะอยู่เคียงข้างท่านเจ้าเมืองตลอดเวลา เขาได้รับความไว้วางใจอย่างมาก ขนาดหลิวฉีก่อนตาย เมื่อเห็นเขายังต้องเรียกว่าผู้อาวุโสเลย!

และบุคคลนี้มาตรวจสอบที่คฤหาสน์ตระกูลหลินเรียบร้อย

 

ข้อสรุปสุดท้ายคือ...ไม่มีปีศาจมารบกวน ขอให้ท่านเจ้าบ้านไม่ต้องกังวล

ส่วนเรื่องการตายของหลิวฉี อีกฝ่ายกลับปิดปากไม่พูดออกมา

สรุปง่ายๆ ก็คือ…  ไม่มีปีศาจ!

ด้วยสถานะของนักพรตโซ่วโถว เมื่อเขาพูดออกมาเช่นนั้น เรื่องนี้ก็ถือว่าจบลงแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าคนแซ่เสินไม่มีความสามารถจริง แม้ว่าเรื่องปราบปีศาจจะเป็นเรื่องจริง แต่เขาจะทำอะไรได้?

พ่อบ้านตระกูลหลินล้มเลิกความคิด ทันใดนั้นก็พบว่าฝูงชนที่ส่งเสียงดังเริ่มแยกทางให้ "มาแล้ว มาจริงๆ!  ประกาศนั้นเป็นเรื่องจริง!"

พ่อบ้านเห็นเพียงชายหนุ่มผู้ถือดาบเดินเข้ามาช้าๆ ด้านหลังยังมีมือปราบติดตามมาอีกคน

"โอ้ หัวหน้าเสิน...คุณหนูของข้าไม่อยู่ที่บ้าน" พ่อบ้านบีบรอยยิ้มออกมาอย่างยากเย็น ในใจรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง อีกฝ่ายไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของหลิวฉีงั้นเหรอ? ทำไมยังกล้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้อีก?

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เสินอี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

คุณหนูไม่อยู่?

"คุณหนูท่านออกไปเที่ยวชมธรรมชาตินอกเมือง คงอีกหลายวันถึงจะกลับมา" พ่อบ้านส่ายหน้า พลางพูดต่อว่า "ท่านมาหาคุณหนูไป๋เว่ยหรือเปล่า? ถ้าใช่ เชิญท่านกลับเถอะ"

"ข้าไม่ได้มาหานาง รบกวนพาข้าไปดูศพหน่อย"

เสินอี้ก้าวเท้าขึ้นบันไดหิน

ปีศาจจิ้งจอกไม่อยู่ แต่กลับมีปรมาจารย์ยุทธตาย เรื่องนี้ดูแปลกพิกล!

เมื่อได้ยินเช่นนั้น พ่อบ้านตระกูลหลินก็ลังเล หากอีกฝ่ายมาเพื่อเอาเงิน เมื่อได้ยินว่าคุณหนูไม่อยู่ เขาก็ควรจะหันหลังกลับไปสิ? แต่หากมาเพื่อตรวจสอบปีศาจจริงๆ...นักพรตโซ่วโถวยังอยู่ที่คฤหาสน์อยู่เลย

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาจึงตั้งใจพูดเสียงดัง "หัวหน้าเสิน มีท่านผู้นั้นจากคฤหาสน์เจ้าเมืองมาดูแล้ว"

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินจี้ตกใจในตอนแรก แต่หลังจากนั้นก็โล่งใจ

ในเมื่อมีผู้เชี่ยวชาญมาจัดการ เรื่องนี้ย่อมคลี่คลาย และไม่จำเป็นต้องให้มือปราบอย่างเขาต้องกังวล

 

ชาวบ้านที่ยืนดูอยู่ไกลๆ ก็ถึงบางอ้อ ว่าแล้วทำไมตระกูลหลินถึงใจเย็นขนาดนี้ เสียดายจริงๆ วันนี้คงไม่ได้เห็นใต้เท้าเสินลงมือแล้ว

เมื่อพูดจบ พ่อบ้านก็มองไปที่ชายหนุ่มอีกครั้ง ใบหน้าของเขาแสดงความหมายอย่างชัดเจน

ข้าให้ทางลงเจ้าแล้ว ยังไงเรื่องนี้เจ้าก็ไม่ต้องรับผิดชอบ แค่หันหลังกลับไปเฉยๆ ก็ไม่มีใครว่าอะไร ชื่อเสียงของเจ้าก็ไม่เสียหายแม้แต่น้อย

"...."

เสินอี้หรี่ตามอง เขาเห็นความกังวลและความไม่แน่ใจที่พ่อบ้านพยายามปกปิดอยู่

เขาพูดอย่างเย็นชาว่า "ดูสักหน่อยก็ไม่เสียหาย"

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พ่อบ้านตระกูลหลินถึงกับตกใจจนพูดไม่ออก เหมือนกับว่าคนผู้นี้เปลี่ยนไปจริงๆ  ถ้าเป็นเมื่อก่อน อีกฝ่ายคงอยากจะโยนปัญหาทิ้งให้หมดและเอาแต่เก็บเงิน

แต่ทำไมวันนี้เขาถึงเปลี่ยนไป?

พ่อบ้านลังเลอยู่ชั่วครู่ เขายิ้มอย่างขมขื่นและขยับตัวออก "ถ้าท่านอยากดูจริงๆ ก็ตามข้ามาเถอะ"

 

ผู้จัดการหันหลังไปเปิดประตู ขณะกำลังจะก้าวเท้า จู่ๆ สีหน้าของเขาก็แข็งทื่อขึ้นมา

เขาเห็นชายแปลกหน้าสองคนเดินออกมาจากประตู โดยมีท่านเจ้าบ้านคอยต้อนรับอยู่ด้านข้าง คนหนึ่งเดินนำ และอีกคนเดินตามหลัง

คนแรกสูงผอม ดูแล้วน่าจะอายุประมาณห้าสิบกว่าปี คิ้วเหมือนหนวดมังกรห้อยลง สวมชุดดำยาว มองดูเผินๆ เหมือนไม้ไผ่

คนหลังเป็นชายวัยกลางคน ร่างกายใหญ่โตราวกับภูเขา บนใบหน้าที่หยาบกร้านมีหนวดเคราเหมือนเข็มแหลม สีหน้าเรียบเฉย สวมเสื้อคอกลมสีขาวที่เปื้อนคราบน้ำมัน สีผิวดำคล้ำ ท้องป่องเหมือนคนท้องใกล้คลอดเก้าเดือน

นักพรตโซ่วโถวยิ้มอย่างใจเย็น ขณะกำลังจะร่ำลาท่านเจ้าบ้าน เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ที่ประตู

ในตอนที่ผู้จัดการใจเต้นรัว  กำลังอยากจะอธิบาย  นักพรตก็ยิ้มน้อยลง  ยกมือไหว้ "เจ้าคือสหายตัวน้อยแซ่เสินใช่ไหม? ข้าได้ยินชื่อเสียงเจ้ามานานแล้ว โชคดีจริงๆ ที่ได้พบเจ้า"

เมื่อได้ยินดังนั้น ชายร่างใหญ่ผิวดำที่ก้มหน้าอยู่ แต่ตอนนี้ก็เงยหน้าขึ้นมา มองมาทางนี้เบาๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด