Chapter 849 เฉียนปู่โตว
หลังจากมอบหน้าที่หาแกนผลึกให้กับราชาสัตว์จื่อหลินแล้ว จุนซ่างเซียวก็กลับมาวางแผนพัฒนานิกายต่อ.
เม็ดยาฟื้นฟูได้รับการแก้ไขแล้ว ตอนนี้เขาต้องวางแผนให้ศิษย์ตัดผ่านระดับให้เร็วที่สุด?
ระดับใด แน่นอนว่าต้องระดับจักรพรรดิยุทธ์!
พิภพสงครามนั้นมียอดฝีมือมากมาย หากต้องการให้พวกเขาแข็งแกร่ง แน่นอนว่าย่อมต้องนำพวกเขาเข้าไปหาประสบการณ์ด้วย.
ในเมื่อเขาต้องการทำให้ฟ้าดินถล่มปฐพีสะเทือนในพิภพสงคราม ไม่เพียงแค่เขา หากแต่นำศิษย์หลายพันคนจะต้องระดับจักรพรรดิยุทธ์ทั้งหมดนำออกไปข่มเหงคนด้านในจะเป็นอย่างไร เพียงแค่คิดถึงภาพก็รู้สึกดีแล้ว.
“หลี่ชิงหยางและคนอื่น ๆ ที่อยู่ห่างจากระดับกษัตริย์ยุทธ์ขั้นปลายไม่ไกลแล้ว ทว่าการจะตระหนักรู้ตัดผ่านระดับไปยังอีกดินแดนยุทธ์บางทีคงต้องใช้เวลาไม่น้อยเลย.”
จุนซ่างเซียวที่กล่าวเสียงเบา“หากมีเม็ดยาจักรพรรดิยุทธ์ก็คงดี.”
ระบบเอ่ย “ขอเพียงโฮสน์มีแต้มสนับสนุนเพียงพอ ไม่ว่าอะไรก็มีทั้งนั้น!”
“.”
ระบบหยุดและเอ่ยต่อ“เพียงแค่รีเฟรชร้านค้าระดับสูงเท่านั้น.”
“ไปลงนรกซะ.”
จุนซ่างเซียวถึงกับมองบน.
ร้านค้าระดับสูงใช้แต้มมากมายมหาศาล เกรงว่าหลักแสนหรือแต่หลักล้าน มีเท่าไหร่ก็คงไม่เพียงพอ.
“เฮ้อ.”
จุนซ่างเซียวถอนหายใจ“ค่อยเป็นค่อยไป.”
กล่าวได้ว่าการยกระดับ ย่อมต้องใช้เวลา ใช่ว่ากินคำเดียวแล้วจะทำให้อ้วนได้.
“เจ้านิกาย.”
หลี่ชิงหยางเอ่ย “เฉียนซ่งเป้ามา.”
“ข้านึกว่าเจ้าเด็กนั่นจะผิดสัญญาไปแล้วซะอีก.”
ตั้งแต่จบการประลองเทพอาหาร เฉียนซ่งเป้าก็ไม่ได้มายังนิกายนิรันดร จุนซ่างเซียวคิดว่าบิดาของเขาคงไม่เห็นด้วย อีกฝ่ายคงเป็นคนรวยรุ่นสองอยู่อย่างมีความสุขไปแล้ว.
......
ภายในห้องโถง.
เฉียนซ่งเป้าที่นั่งอยู่ด้านหน้า.
เขาไม่ได้มาคนเดียว ทว่ามาพร้อมกับชายอ้วนพุงพลุ้ย ดูเหมือนว่าจะอ้วนมาก จนดวงตาเล็กแทบจมไปในไขมันในไม่ช้านี้แน่.
“นี่คือ?”จุนซ่างเซียวที่ก้าวเข้าไปสอบถาม.
เฉียนซ่งเป้ายังไม่ได้เอ่ยแนะนำ ทว่าชายวัยกลางคนที่ยกมือประสานเอ่ยออกมาว่า“ข้าเฉียนปู่โตว.”
“ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวที่ผ่านมือเชิญนั่ง“เมื่อเร็ว ๆ นี้นิกายของข้ามีนิมิตมงคล เปิ่นจั้วก็สงสัยเป็นอย่างมาก ตอนนี้รู้แล้วว่าแท้จริงแล้ว ประมุขเฉียนจะมาเยือนนี้เอง!”
ระบบ“.......”
หลี่ชิงหยาง“......”
แม้นว่าเฉียนปูโตวจะตะลึงไปเล็กน้อย ทว่าก็ดูเหมือนว่าจะมีประสบการณ์อยู่ เขาเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม“เจ้านิกายจุน บุตรของเข้าสามารถเข้าร่วมนิกายนิรันดรได้ ถือว่าเป็นวาสนาของตระกูลแล้ว นับจากนี้คงต้องขอรบกวนท่าน.”
“กึก.”
ขณะเอ่ยก็นำแหวนมิติออกมา“ในนี้มีตั๋วเงินห้าล้าน ศิลาวิญญาณธรรมชาติ 20,000 ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วม.”
บุตรและบิดาช่างไม่เหมือนใครจริง ๆ!
“ประมุขเฉียน ท่านอายุเท่าใด?”
“40 กว่าปีแล้ว.”
จุนซ่างเซียวยกมือประสานไปด้านหน้า“จุนโหมวเพิ่ง 20 กว่าปีเท่านั้น ขอเรียกท่านว่าพี่ใหญ่ก็แล้วกัน!”
เฉียนปูโตวได้ยินเช่นนั้น ก็เผยยิ้มเอ่ยออกมาว่า“งั้นเพื่อให้เหมือนกันนับจากนี้จะเรียกท่านว่าน้องเล็กก็แล้วกัน!”
“พี่ใหญ่!”(ต้าเกอ)
“น้องเล็ก!”(เสี่ยวตี้)
ระบบกล่าวล้อ“งั้นไม่นำดาบมังกรเขียวออกมาเป็นพยาน แล้วสาบานเป็นพี่น้องกันเลยล่ะ?”
“ความคิดดี!”
ระบบ“......”
......
เฉียนปูโตวมาครั้งนี้ เรื่องแรกก็มาส่งบุตรชายเข้าร่วมนิกายนิรันดร อีกเรื่องคือมาชิมอาหารของผู้ชนะเลิศงานประลองเทพอาหาร หลิวหว่านซีทำนั่นเอง.
ดังนั้น หลังจากพูดคุยทักทายกันชั่วระยะหนึ่งแล้ว จุนซ่างเซียวก็เอ่ยออกมาว่า“พี่ใหญ่มาจากแดนไกล น้องเล็กผู้นี้จะจัดการเลี้ยงต้อนรับเอง!”
“เชิญ.”
“เชิญ.”
เจ้านิกายจุนที่เตรียมที่พักให้ และจัดสถานที่ทานอาหารค่ำในห้องโถงใหญ่.
แม้แต่อาวุโสโจวและอาวุโสเจิ้นคนของสมาคมรับรองสิทธิ์ยังต้องไปกินอาหารในโรงอาหารเลย ทว่าเฉียนปู่โตวกับได้รับการปฏิบัติอย่างดีเช่นนี้ อธิบายได้ว่าให้ความเคารพกับคำว่า“พี่ใหญ่”ไม่น้อย!
“เสิร์ฟอาหาร.”
จุนซ่างเซียวที่สั่งการทันที.
ก่อนหน้านี้ได้สั่งดำหนึ่งดำสองไว้แล้ว ให้มาเตรียมโต๊ะเอาไว้.
อาหารจารเนื้อ ผัก ของหวาน ของขบเคี้ยวมากมายที่วางเต็มโต๊ะ.
หลังจากหารมาเสิร์ฟแล้ว เฉียนปู่โตวไม่เร่งรีบชิม ทว่าเขาที่สูดหายใจอย่างนุ่มนวล“กลิ่นไม่เลว!”
เฉียนซ่งเป้าถึงกับตะลึง.
บิดาของเขาที่เรื่องมากสุด ๆ เรื่องกิน ตอนนี้ยังไม่ชิม ก็ชมแล้ว เรื่องนี้คาดไม่ถึงเล็กน้อย.
เจ้านิกายจุนกล่าวอย่างถ่อมตน “อาหารพื้น ๆ พี่ใหญ่คงไม่หัวเราะ.”
เฉียนปู่โตวเอ่ย“อาหารเพียงแค่ได้กลิ่นก็ทำให้น้ำลายสอ แม้นว่าต้องจ่ายหลายแสนต่อจานก็ถือว่าคุ้มค่า”
“......”
จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุก.
เป็นความจริง สำหรับคนรวยในโลกนี้ เพียงแค่อาหารแต่ละมื้อก็จ่ายเงินเท่าใดก็ได้เพียงทำให้พึงพอใจ.
“ฟิ้ว!”
เฉียนปู่โตวที่โบกมือ ก่อนนำเครื่องครัวของตัวเองโดยเฉพาะ ตะเกียบจานมีด แม้นว่าจะไม่ได้ทำจากทองคำ ทว่ากับดูล้ำค่าไม่ธรรมดาเลย.
จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดตามคำแนะนำของระบบ นำดาบมังกรเขียวมาเป็นพยาน สาบานเป็นพี่น้องกันเลยหรือไม่?
เฉียนปูโตวที่ยกตะเกียบส่วนตัวของตัวเองคีบหมูสามชั้นน้ำแดงเข้าปาก พริบตานั้นถึงกับยืนขึ้นตื่นตะลึงไปชั่วระยะเวลาหนึ่งเลยทีเดียว.
ใช่แล้ว.
จิตวิญญาณที่กำลังล่องลอย!
หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว ใบหน้าของประมุขเฉียนที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เป็นสีสันต่าง ๆ กัน.
“กึก.”
น้ำซุปที่ซดด้วยช้อนของตัวเอง พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างจริงจัง“น้องเล็ก การได้ชิมอาหารระดับโลกในนิกายของเจ้า พี่ใหญ่ตายไปก็ไม่เสียดายแล้ว!”
“กึก!”
แหวนมิติที่วางบนโต๊ะเอ่ยออกมาว่า“ในนี้มีศิลาวิญญาณธรรมชาติ 20,000 ให้น้องเล็กใช้จ่ายได้ตามใจ!”
“พี่ใหญ่!”
จุนซ่างเซียวเอ่ย“อย่าได้ทำเป็นคนอื่นคนไกล!”
“อ๋า ใช่แล้ว.”
เฉียนปูโตวที่เก็บแหวนมิติไป พร้อมกับยกมือประสาน“การพูดคุยกันระหว่างพี่น้องเอ่ยถึงเรื่องเงินช่างเสียมารยาทนัก.”
จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุก.
เพียงแค่พูดตามมารยาทเท่านั้น ทำให้เขาไม่ได้รับศิลาวิญญาณมา!
“น้องชาย.”
เฉียนปูโตวเอ่ย“ตระกูลเฉียนของข้านั้นพบเหมืองแร่ศิลาวิญญาณคาดว่ามีขนาดพอสมควรที่เทือกเขาไป๋ชิว ข้าจำเป็นต้องกลับไปบัญชาการ คงต้องขอตัวก่อน!”
เหมืองแร่ศิลาวิญญาณมีขนาดพอสมควรอย่างงั้นรึ?
จุนซ่างเซียวดวงตาเป็นประกาย ทว่าก็เอ่ยออกมาอย่างจริงจัง“เทือกเขาไป่ชิวนั้นมีสัตว์ร้ายมากมาย เต็มไปด้วยอันตรายนับไม่ถ้วน.”
“ใช่แล้ว.”
เฉียนปูโตวเอ่ย “การทำเหมืองที่นั่นนับว่าลำบากไม่น้อย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องกลับตระกูลเร่งรีบหาวิธีโดยเร็วเช่นกัน.”
“พี่ใหญ่.”
จุนซ่างเซียวที่ยกมือประสานไปด้านหน้า“หากว่าต้องการให้นิกายนิรันดรช่วย น้องเล็กคนนี้ก็พร้อมช่วยเหลือเต็มที่.”
“ความจริง ก็ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ!”
เฉียนปูโตวเอ่ย“น้องเล็กพอจะช่วยส่งยอดฝีมือเข้าร่วมทีมตระกูลเฉียนเข้าไปยังเทือกเขาไป่ชิวได้หรือไม่?”
เอิ่ม?
จุนซ่างเซียวที่ตื่นตะลึงเล็กน้อย.
แม้นว่าตัวเองจะตื่นเต้นที่ได้ยินเรื่องเหมืองศิลาวิญญาณ ทว่าก็เอ่ยกล่าวออกไปตามมารยาทเท่านั้น.
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้มาเพื่อส่งบุตรชายเท่านั้น ไม่ได้เพียงแค่ชิมอาหาร แต่มายังนิกายนิรันดรจงใจมาขอความช่วยเหลืออย่างงั้นรึ?
“แน่นอน.”
เฉียนปูโตวเอ่ย“ย่อมต้องจ่ายค่าตอบแทนในการช่วยเหลือครั้งนี้!”
“พี่ใหญ่ จะไปเมื่อไหร่?”
“ครึ่งเดือนหลังจากนี้.”
“เกี่ยวกับเรื่องเหมืองศิลาวิญญาณ มีเพียงแค่ตระกูลเฉียนรู้อย่างงั้นรึ?”
“ตอนนี้คงมีเพียงแค่ตระกูลเฉียนชั่วคราว.”
“ไม่มีปัญหา.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ครึ่งเดือนหลังจากนี้เปิ่นจั้วจะส่งยอดฝีมือไปแน่นอน.”
“ขอบคุณ!”
“ไม่เห็นต้องเอ่ยคำขอบคุณเหมือนกับเป็นคนนอกเลย.”
หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเงินย่อมเห็นเป็นคนนอกแน่นอน ทุกอย่างต้องเดินหน้าด้วยเงินสิ!