ตอนที่แล้วChapter 801 จะช่วยโลกช่วยปวงประชา จะต้องมีความสามารถก่อน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 803 ศัตรูในทางแคบ

Chapter 802 พวกเรามีศัตรูคนเดียวกัน.


ไต่ลู่ที่โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก.

เขาที่กระหน่ำต่อยไปยังผนังศิลา.

เหตุผลนะรึ? ช่วงเวลาการประลองผู้นำพยัคฆ์มังกร เขาได้ซื้อแผนที่สีเหลืองมาหาขุมทรัพย์ จนกระทั่งเดินจนรองเท้าสึกไปหลายคู่ เขาก็พบจุดหมายของสมบัติ แต่ผลของมัน.....ไม่มีอะไรเลย!

ที่ทำให้เขาแทบทรุดนั้น.

เขาพบผู้ฝึกยุทธ์คนแล้วคนเล่า หลายคนที่ถือแผนที่สีเหลืองเช่นกันแทบจะคัดลอกแบบเดียวกันมา.

ทุก ๆ คนที่นั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน แผนที่ทั้งหมดล้วนแต่ซื้อมาจากแผงลอยของชายชราทั้งนั้น.

ดังนั้น.

!

ทันทีที่ได้พูดคุยกัน เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองถูกหลอกเข้าให้แล้ว.

“อ๊าก---”

ไต่ลู่ที่ยกมือกุมศีรษะไปมา ปล่อยพลังงานสีเขียวออกมาฟุ้งไปทั่วอากาศ ต้นไม้ใบหญ้าที่แห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว.

คิดถึงแผนที่ที่จะทำให้ตัวเองมีพลังบ่มเพาะสูงขึ้น คิดถึงความแค้นที่เขาจะต้องการไปทวงกับเย่ซิงเฉิน ท้ายที่สุดเหมือนกับว่ามันจะสูญสลายหายไปแล้ว เรื่องเช่นนี้ไม่สามารถยอมรับได้!

ไต่ลู่ที่อุทานออกมาเสียงดัง “ทำไมการทวงแค้นถึงได้ยากเย็นนักนะ!”

“เจ้าหนู.”

ในเวลาต่อมา ในหูของเขาที่ปรากฏเสียงที่ดำมืดเกิดขึ้น “ต้องการให้ตัวเองทรงพลังเข็งแกร่ง ก็ต้องดูดซับพลังของคนอื่น ๆ โอกาส มีเพียงแค่คนแสวงหาเท่านั้น.”

“ใคร!”ไต่ลู่ที่ตกใจ.

เสียงที่ดังขึ้นอีกครั้ง“เจ้าเรียกข้าว่าวิญญาณ หรือต้าเหรินก็ได้.”

ไต่ลู่แค่นเสียงเย็นชา.“ออกไปให้พ้นจากร่างของข้า!”

“อิ อิ อิ อิ.”

สิ่งที่เรียกตัวเองว่า วิญญาณที่หัวเราะแปลกประหลาด “หากว่าข้าจากไปแล้ว พลังกลืนกินของเจ้าก็จะหายไปทันที เจ้าควรคิดใคร่ครวญให้ดี.”

ใบหน้าของไต่ลู่ที่เปลี่ยนเป็นซับซ้อน.

เขาที่ก้าวมาถึงระดับกษัตริย์ยุทธ์ในเวลานี้ ล้วนแต่มาจากพลังกลืนกิน หากว่าสูญเสียไปก็ยากจะยอมรับได้เช่นกัน.

“เจ้าหนู ภายใต้การช่วยเหลือจากข้า เจ้าย่อมสามารถกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งได้ อย่าว่าแต่เย่ซิงเฉินเลยต่อให้เป็นนิกายนิรันดรก็พังทลายด้วยฝ่ามือข้างเดียว.”วิญญาณที่หัวเราะแปลก ๆ ออกมา.

ไต่ลู่ทีเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พูดจริงรึ?”

“สองปีมานี้ แม้นว่าเจ้าจะเข้าใจพลังกลืนกิน แต่ที่จริงแล้วยังมีอีกมากมายที่เจ้ายังไม่รู้ ตอนนี้ต้าเหรินผู้นี้ตื่นขึ้นมาแล้ว จากนี้ข้าจะสอนเจ้าก้าวไปบนเส้นทางที่ถูกต้องเอง.”วิญญาณที่กล่าวออกมาอย่างภาคภูมิ.

“แล้วต้องทำอย่างไร?”ไต่ลู่ที่เผยท่าทางตื่นเต้นขึ้นมาทันที.

ด้วยการมีพลังกลืนกินเกิดขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล ตอนนี้มีสิ่งที่เรียกว่า“วิญญาณ”เกิดขึ้นอีก ทำให้เขาสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว.

“พลังกลืนกินจำต้องใช้ร่วมกับเคล็ดวิชากลืนกินด้วย จึงสามารถกลั่นพลังบริสุทธ์ได้ ข้าจะสอนเจ้าตอนนี้.”

ในเวลาต่อมา บางอย่างที่ปรากฏขึ้นในจิตสำนึกเป็นสัจคาถาและการโคจรพลัง ทำให้เขาเข้าใจการบ่มเพาะพลังทันที ดวงตาที่เป็นประกายลุกโชนด้วยเปลวเพลิงทันที.

“เจ้าหนู.”

วิญญาณที่กล่าวอย่างภาคภูมิ “อย่าหาว่าคุยเลย เพียงแค่เข้าใจวิชาบ่มเพาะนี้ 2-3 ขั้น การจะจะกระทืบเย่ซิงเฉินให้อยู่แทบเท้าก็เป็นเรื่องง่าย ๆ แล้ว.”

“กึก ซี่!”

ไต่ลู่ที่กำหมัดแน่น แววตาที่เป็นประกายสีเขียว เอ่ยออกมาว่า“หวังว่าวันนั้นจะมาถึง.”

......

“ฮัด เช้ย!”

จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือจามออกมาเสียงดัง ก่อนที่จะสีจมูกไปมา “ใครมันนินทาข้าอย่างงั้นรึ?”

ระบบเอ่ย “โฮสต์ที่ได้กายาจากยุคโบราณ หากแต่ไม่ได้คิดวางแผนที่จะช่วยเหลือทวีปชิงหยุนหน่อยรึ?”

“แม้แต่ราชันย์ยุทธ์โบราณยังถูกเผ่าวิญญาณต่างภพควบคุม ข้าจะทำอะไรได้ ถึงต้องการแต่พลังก็ไม่พอ.”จุนซ่างเซียวที่กล่าวอย่างทอดถอนใจ.

ระบบเอ่ย “หากเป็นคนอื่น คงไม่เอ่ยกล่าวเช่นนี้ออกมา การที่ได้มรดกกายามา ทุกคนต่างก็หวังที่จะแข็งแกร่ง จนสามารถปกป้องพิภพตัวเองได้.”

“แล้วไงล่ะ.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

ระบบที่หมดคำจะพูด “แล้วหากพวกมันทำร้ายศิษย์และนิกายของโฮสน์ล่ะ จะยังใจเย็นได้อีกหรือไม่!”

“เรื่องนี้!”

จุนซ่างเซียวที่เอ่ยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “กล้าหาทำร้ายศิษย์ของข้า อย่าว่าแต่เผ่าวิญญาณเลย ต่อให้เป็นราชันย์ยุทธ์ บิดาจะสังหารให้เหี้ยน!”

“โฮสน์ควรคิดถึงการหลีกเลี่ยงหายนะก่อนนะ ข้าคิดว่าโฮสน์ควรจะไปดูสถานที่เผ่าต่างภพบุกมาสักหน่อย น่าจะอยู่ที่จังหวัดเป่ยโม่ ลองไปดูค่ายกลที่ผนึกอุโมงค์มิติ หากว่าสามารถปิดมันไว้ให้แน่นหนากว่าเดิมได้ก็ดี ก่อนที่พวกมันจะบุกมาได้ล่ะก็ ควรจะหลีกเลี่ยงหายนะเอาไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องลงแรงมากนัก”ระบบเอ่ยแนะนำ.

“มีเหตุผล.”

“ไม่ใช่สิ!”

จุนซ่างเซียวที่ราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ “เจ้าเป็นห่วงความเป็นความตายของเหล่าปวงประชาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“ข้าคิดเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”ระบบเอ่ย“หากโฮสน์ต้องการสู้กับเผ่าต่างภพ หรือว่าต้องการวัสดุอุปกรณ์ และเพิ่มความแข็งแกร่ง ก็ต้องใช้งานร้านค้าระบบ และซื้อสินค้าในร้านมากขึ้นต่างหาก ที่ข้ากำลังคิด”

“สัด!”

จุนซ่างเซียวแทบทรุดไปในทันที “ต้องการให้ข้าใช้จ่าย มันจะเกินไปแล้ว!”

......

“เพียงแค่วิชาบ่มเพาะก็จะทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างงั้นรึ?”

“เคล็ดวิชากลืนกินเป็นเพียงความสามารถที่ช่วยยกระดับพลังให้บริสุทธ์ขิ้น หากว่าเจ้าต้องการตัดผ่านระดับ ยกตัวอย่างสามารถฉีกห้วงมิติได้ จำต้องได้รับสายโลหิตกลืนกินก่อน.”

ฉีกห้วงมิติอย่างงั้นรึ?

ไต่ลู่ได้ยินดวงตาเป็นสีเขียวทันที “แล้วจะได้รับสายโลหิตกลืนกินอย่างไร?”

“ที่จังหวัดเป่ยโม่ ทะเลทรายเหลืองนั้นมีพื้นที่ผนึกด้วยค่ายกล ขอเพียงทะลวงเข้าไปด้านในได้ ก็จะได้รับสายโลหิตกลืนกิน.”

กึก!”

ไต่ลู่ทีหยุดลง กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม“ทำไมเจ้าต้องช่วยข้าให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย มีแผนการอะไรอย่างงั้นรึ?”

เผ่าวิญญาณ.“......”

เขาถูกหลอกจากชายชราร้านแผงลอยให้ไปหาขุมทรัพย์ ทำให้ตระหนักได้ว่าเขาไม่ควรจะเชื่อคำพูดใครง่าย ๆ!

“ง่ายมาก.”

เผ่าวิญญาณเอ่ย “พวกเรามีศัตรูคนเดียวกัน.”

“นิกายนิรันดร?”

“ไม่ผิด.”

“เป็นเช่นนี้นะเอง.”

ไต่ลู่ที่ตระหนักได้อีกครั้ง เขาเอ่ยด้วยความเกลียดชัง “เจ้าจะร่วมมือกับข้าทำลายนิกายนิรันดรให้หายไปจากยุทธภพใช้หรือไม่!”

“นิกายนิรันดรนั้นแข็งแกร่งสักเล็กน้อย การจะจัดการพวกเขา ยังคงยากอยู่ ดังนั้นข้าแนะนำเจ้าไปยังจังหวัดเป่ยโม่ ทะลวงผนึกค่ายกล แล้วรับสายโลหิตกลืนกินมาซะ.”เผ่าวิญญาณเอ่ย.

“ข้าไม่เข้าใจค่ายกล.”

“ไม่เป็นไร ขอเพียงเจ้าไปที่นั่น ข้าจะรับผิดชอบทะลวงค่ายกลเอง.”

“ตกลง!”

ชายหมวกเขียวที่ออกเดินทางมุ่งตรงไปยังจังหวัดเป่ยโม่ เพื่อที่จะหาสายโลหิตกลืนกินโดยไม่คิดอะไรเลยเพราะจิตใจของเขานั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาต้องการพลังที่จะสามารถฉีกกระชากมิติมาให้ได้.

......

“ซินเหยา เตรียมตัว.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “อีกสองวันไปจังหวัดเป่ยโม่กับเปิ่นจั้ว เพื่อที่จะไปหาพื้นที่อุโมงค์มิติที่ราชันย์ค่ายกลผนึกเอาไว้.”

“เจ้านิกายจะไปยังโลกต่างพิภพอย่างงั้นรึ?”ซ่างกวนซินเหยาที่จ้องมองไปมาในทันที.

จุนซ่างเซียวเอ่ย “อุโมงค์มิตินั้น ในเมื่อมันเชื่อมโลกทั้งสองไว้ เปิ่นจั้วกังวลการคงอยู่ของมัน เกรงว่ามันจะมีจุดบกพร่อง ให้เผ่าต่างพิภพทะลวงมาสร้างปัญหาได้.”

“ทราบแล้ว!”

ซ่างกวนซินเหยาเอ่ย “เจ้านิกายต้องการให้ศิษย์ไปเสริมกำลังค่ายกลอย่างงั้นรึ!”

“อืม.”

“เจ้านิกายคิดเช่นนี้ ช่างเป็นโชคดีของปวงประชาจริง ๆ!”

“......”

ซ่างกวนซินเหยาที่เอ่ยชมจุนซ่างเซียวเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกขัดเขินเหมือนกัน ต้องไม่ลืมว่า เขาไม่ได้คิดอะไรเช่นนั้น ไม่ได้คิดจะปกป้องเหล่าปวงประชาสักหน่อย.

“เจ้านิกาย.”

เย่ซิงเฉินที่ขันอาสาทันที “ศิษย์ยินดีร่วมเดินทาง!”

หลังจากที่เขารู้เรื่องสงครามราชันย์เมื่อหมื่นปีที่แล้ว ทำให้เขาสงสัยในเผ่าวิญญาณเป็นอย่างมาก.

“ตกลง.”

หลังจากที่จัดแจงทุกอย่างเสร็จ จุนซ่างเซียวก็นำซ่างกวนซินเหยาและเย่ซิงเฉินทั้งสองมุ่งสู่จังหวัดเป่ยโม่.

“ฟู่ ฟู่!”

จังหวัดซีเป่ยเหอ ไต่ลู่ที่กำลังกลืนกินพลังงาน เพราะว่าได้รับวิชาบ่มเพาะกลืนกิน ทำให้พลังบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นเร็วมาก.

“ไม่เลว ไม่เลว.”

เผ่าวิญญาณกล่าวอย่างพอใจ “ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าเวลานี้ แม้นว่าจะไม่สามารถท้าทายทั้งนิกายนิรันดร ทว่าจะจัดการเย่ซิงเฉินก็ไม่น่าจะมีปัญหา.”

ไต่ลู่ที่เผยยิ้มเย็นชา “อย่าให้ข้าเจอมันก็แล้วกัน!”

......

“ฟู่ ฟู่!”

ทะเลทรายเหลือง จังหวัดเป่ยโม่ สายลมที่พัดโบกอย่างรุนแรง ฝุ่นทรายที่พัดเป็นพายุที่รุนแรงเป็นอย่างมาก.

“เจ้านิกาย.”

ซ่างกวนซินเหยาเอ่ย “ที่นี่คือสถานที่อาวุโสราชันย์ค่ายกลได้เตรียมค่ายกลเอาไว้.”

“สามารถควบคุมได้หรือไม่?”

“โครงสร้างค่ายกลดูซับซ้อนยิ่งกว่าเจดีย์สิบชั้นสะบั้นชีวิต ศิษย์ต้องการเวลา.”

หลังจากได้รับกายาวิญญาณค่ายกลมา ทำให้ความเข้าใจค่ายกลของนาง พัฒนาแบบก้าวกระโดด แม้นว่าจะไม่อยู่ในระดับเดียวกับเจิ้นเต๋อจวิน ทว่าตอนนี้นางก็ไม่ต้องการความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดอีกต่อไปแล้ว เวลานี้นางสามารถที่จะถอดรหัสค่ายกลที่ซับซ้อนอย่างไม่ลำบากได้แล้ว.

“เจ้าถอดรหัสไป เปิ่นจั้วจะคอยคุ้มกันเอง”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

“รับทราบ!”

ซ่างกวนซินเหยาที่ทุ่มสมาธิในการศึกษาค่ายกลทันที เริ่มที่จะถอดรหัสอย่างระมัดระวัง.

เย่ซิงเฉินที่นั่งอยู่บนศิลายักษ์ โคจรกายาชีพจรวิญญาณ ดูดซับพลังฟ้าดินรอบ ๆ เข้ามา.

“หืม?”

ผ่านไปราว ๆ นาทีกว่า เขาก็ลืมตาขึ้น จ้องมองไปยังฝั่งของพายุทรายที่พัดโบก เห็นเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ทำให้เขาขมวดคิ้วไปมา กล่าวในใจ“คน ๆ นี้.....เหมือนเคยเห็นที่ใหนมาก่อน.”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด