ตอนที่แล้วChapter 638 บุรุษที่ยอดเยี่ยมต้องมีคนแบ่งเบาภาระ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 640 ความสิ้นหวังของทายาทสายตรงตระกูลมู่หรง.

Chapter 639 ใครเป็นมือใหม่?


เรื่องที่นิกายนิรันดรจะท้าประลองนิกายไป่เหอเซิ่งนั้น มู่ซ่างหงรู้ เหล่าชาวยุทธ์คนอื่น ๆ ย่อมรู้เช่นกัน.

ทันใดนั้นมันได้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปในทันที.

“นิกายไป่เหอเซิ่งที่คงอยู่มาหลายพันปี นิกายนิรันดร กล้าท้าประลอง ไม่คิดว่ากำลังแส่หาความตายหรอกรึ?”

“ข้าได้ยินมาว่า ต้นเหตุนั้นมาจากเซียวจุ้ยจื่อมนทลชิงหยางและมู่หลงซินมนทลเทียนไห่.”

“เรื่องนี้ข้าเองก็ได้ยิน ในอดีตนั้น เด็กสาวมู่หรงซินได้นำคนไปขอถอนหมั้นที่ตระกูลเซียวเลย.”

“ตระกูลมู่หลงเมืองเทียนไห่นั้นทุกคนล้วนแต่มีพรสวรรค์สูง ในความเห็นของข้า บางทีนิกายนิรันดรไม่สามารถจัดการตระกูลนี้ได้ แต่กลับกล้าไปท้าประลองนิกายไป่เหอเซิ่งอย่างงั้นรึ?”

เรื่องสัญญาสามปี ที่เวลานี้ได้กระจายกลายเป็นหัวข้อหลักให้ผู้คนได้พูดคุยกัน.

เมืองหลวงจังหวัดซีเหนียนหยางเอง ก็กลายเป็นหัวข้อข่าวเด่นเช่นกัน.

สิ่งที่ทุกคนรู้คือนิกายนิรันดรจะท้าประลองนิกายระดับสอง แม้นจะรู้สึกเป็นเกียรติภาคภูมิ แต่ก็แอบคิดว่าจะชนะได้อย่างงั้นรึ?

......

เรื่องของนิกายนิรันดรท้าทายนิกายไป่เหอเซิ่งนั้น ตระกูลมู่หรงเองก็ได้ยินมาเช่นกัน.

ภายในห้องโถง.

ประมุขตระกูลมู่หรงและเหล่าอาวุโสที่เริ่มพูดคุยกัน.

ชายชราคนหนึ่งที่ขมวดคิ้วไปมา “ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าหนูนั่น จะเป็นที่รู้จักไปทั่วทวีป.”

เซียวจุ้ยจื่อได้รับชัยชนะเลิศมนทลชิงหยาง พวกเขาเองก็ได้ยิน ก่อนหน้านี้เคยอยู่ในสำนักไท่กู่เจิ้ง ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าชื่อของเขาจะเป็นที่รู้จักมากขึ้น.

พวกเขาที่ครุ่นคิด เพียงแค่สองปี ก็เป็นนิกายแล้ว แม้แต่นิกายระดับสี่ก็ยังยากจะต้านทาน.

อย่าว่าแต่ตระกูลมู่หรงเลย.

ทั่วทั้งแผ่นดินเองก็ไม่มีใครคาดคิดเช่นกัน.

ความเร็วของนิกายนิรันดร รวดเร็วน่าเกรงขามมาก.

รู้สึกราวกับนอนไปตื่นหนึ่ง ตื่นขึ้นมาทั่วทั้งโลกก็รู้ว่าพวกเขายกระดับเป็นนิกายซะแล้ว.

อาวุโสผู้หนึ่งแค่นเสียงดูแคลน “ซินเอ๋อนั้นเป็นยอดพรสวรรค์ที่นิกายไป่เหอเซิ่งบ่มเพาะหลัก ถึงเจ้าหนูตระกูลเซียวนั่นจะฟื้นคืนพลังบ่มเพาะ ก็ไม่มีทางชนะ.”

“ผู้คนมากมายต่างก็พูดเรื่องถอนหมั้นเป็นอย่างมาก ส่งผลมาถึงตระกูลของพวกเรา.”

“แม้นว่าการถอนหมั้นของซินเอ๋อจะเป็นคนลงมือ ไม่ปรึกษาพวกเรา ทว่าพลังบ่มเพาะของเซียวจุ้ยจื่อที่ไม่มีเวลานั้น การขอถอนหมั้นก็เป็นเรื่องทั่วไป.

เหล่าอาวุโสคงไม่รู้ ว่าเรื่องที่อีกฝ่ายไม่มีพลังบ่มเพาะ มู่หรงซินขณะไปขอถอนหมั้นนั้น นางเองก็ไม่รู้เช่นกัน.

“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดถึงอีก.”

ประมุขตระกูลมู่หรงเอ่ย “เรื่องสัญญาสามปีอะไรนั่น และการประลองนิกายนิรันดรกับนิกายไป่เหอเซิ่ง ตอนนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตระกูลมู่หรง.”

“เรียนประมุข.”

อาวุโสคนหนึ่งเอ่ย “เส้าหลินและพวกได้เดินทางไปยังนิกายนิรันดรเมื่อวานนี้.”

“อะไรนะ?”

ประมุขตระกูลมู่หรงถึงกับสะดุ้งโหยงลุกขึ้นจากเก้าอี้ คำรามออกมาด้วยความโกรธ “แล้วทำไมไม่ห้าม?”

อาวุโสคนดังกล่าวเอ่ย “ประมุข ในความเห็นของข้า เรื่องของนิกายนิรันดรนั้นดูลึกลับ การให้พวกเส้าหลินไปทดสอบ จะได้รู้ว่าพวกเขามีคุณสมบัติท้าทายซินเอ๋อหรือไม่?”

“ไร้สาระ!”

ประมุขมู่หรงที่พยายามสงบใจ “วังจื่อหานเกือบพังทลายด้วยฝีมือนิกายนิรันดร เจ้าคิดว่าพวกเขาไม่มีคุณสมบัติรึไง!”

“ไม่......”

“ยังนิ่งอยู่อีก รีบตามไปเร็วสิ!”

“ครับ!”

คิดจะตาม ก็ตามไปไม่ทันแล้ว ขณะทุกคนประชุมกัน นายน้อยเจ้าสำราญหลายคนก็มาปรากฏขึ้นที่เทือกเขาไท่กู่แล้ว.

“ถุย.”

ชายคนหนึ่งที่จ้องมองขึ้นไปบนเทือกเขาไท่กู่ กล่าวด้วยความเหยียดหยัน “พี่เส้าหลิน นิกายนิรันดรสนับสนุนเซียวจุ้ยจื่ออย่างคาดไม่ถึง แม้แต่พาเขาไปท้าประลองถังเม่ย(ลูกพี่ลูกน้อยหญิง)ที่นิกายไป่เหอเซิ่งด้วย.”

พวกเขาที่เป็นทายาทสายตรงของตระกูลมู่หรงนั่นเอง.

ผู้นำมาก็คือมู่หรงเส้าหลิน ยกเว้นมู่หรงซิน เขาคือผู้เยาว์ที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลมู่หรง.

“วันนี้พวกเราจะทดสอบแทนถังเม่ยเอง ว่ามันคู่ควรหรือไม่?”

เหล่าลูกหลานตระกูลใหญ่ส่วนมากแล้วมักจะยโสโอหังอย่างที่สุด โดยเฉพาะ เมื่อเห็น เซียวจุ้ยจื่อและมู่หรงซิน จะประลองกัน ยิ่งทำให้พวกเขาไม่พอใจ.

หนำซ้ำ.

นิกายนิรันดรที่เพิ่งมีชื่อเสียง ยิ่งทำให้พวกเขาดูแคลน.

คนเหล่านี้เอาจริงงั้นรึ?

แน่นอนว่าพวกเขาที่ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก ทำให้พวกเขาคิดว่าโลกหมุนรอบตัวเอง.

ท้าทายนิกายนิรันดร?

อย่าว่าแต่วังจื่อหานเลย แม้แต่นิกายระดับสี่อื่น ๆ ก็ไม่มีใครกล้า.

“เส้าเหมิง.”

มู่หรงเส้าหลินเอ่ย “แจ้งจุดประสงค์ของพวกเรา.”

“รับทราบ.”

มู่หรงเส้าเหมิงที่แหกปากตะโกนออกไปทันที “จุนซ่างเซียว ข้าคนตระกูลมู่หรงมาท้าประลองกับเจ้า ไสหัวออกมาต้อนรับเดี๋ยวนี้!”

“หืม?”

เหล่าศิษย์ที่เล่นฟุตบอลอยู่ได้ยินเสียงก็หยุดกันในทันที.

ลี่เฟยรู้สึกโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที “ใครมันใจกล้าขนาดนี้กัน กล้าที่จะเอ่ยนามจริงของเจ้านิกายเลยเหรอ!”

ซูเซียวโม่ที่ปล่อยจิตสัมผัส จับจ้องมองไปยังเชิงเขา พบเหล่านายน้อยที่เหลาะแหละกลุ่มหนึ่ง.

“เอ๊ะ?”

เห่าหลิงเผยท่าทางประหลาดใจ “คนเหล่านี้ไม่ใช่ทายาทสายตรงตระกูลมู่หรงเมืองเทียนไห่หรอกรึ?!”

“พวกมันนะรึ?”

ฉู่ซิวหนานเอ่ย “ในอดีตพวกมันมาที่สถาบัน ถูกข้าทุบนอนซมไปหลายวันเลย.”

“......”

ซูเซียวโม่และลี่เฟยมุมปากกระตุก.

แม้แต่ซูซิวหนานยังไม่ชนะ กลับกล้าท้าทายเจ้านิกาย คนเหล่านี้ ไร้ซึ่งสมองรึอย่างไรกัน?

“เซียวโม่.”

จุนซ่างเซียวที่ส่งเสียงผ่านวิญญาณ “ให้พวกเขาเข้ามา.”

เหล่าเหว่ยเอ่ย “เจ้านิกาย พวกเขาคงจะได้ยินเรื่องสัญญาสามปีของเซียวจุ้ยจื่อและมู่หรงซิน.”

จุนซ่างเซียวที่สีจมูกไปมา เอ่ยออกไปว่า “ตระกูลมู่หรงคงรู้สึกว่าพวกเราอ่อนแอเกินไป ไม่แม้แต่ส่งคนระดับสูงมา แต่กลับส่งพวกที่ขนยังไม่ขึ้นมาท้าประลองเลยอย่างงั้นรึ?”

เหล่าเหว่ยที่ยังคงเงียบ.

เจ้านิกาย ท่านและพวกเขาก็อายุไม่ได้ห่างกัน.

......

เพียงไม่นาน.

มุ่หรงเส้าหลินและทายาทสายตรงของตระกูลมู่หรงก็ถูกนำขึ้นเขามา.

ศิษย์นิกายนิรันดรหลายพันคนที่ล้อมรอบลานยุทธ์ ห้อมล้อมทายาทตระกูลมู่หลงเอาไว้.

อย่างไรก็ตาม เหล่าทายาทตระกูลมู่หรงที่ลอบคิด.

เขาได้ยินมาว่านิกายนิรันดรแข็งแกร่ง ไม่คาดคิดเลยว่ามีแต่พวกหน้าใหม่ระดับศิษย์ยุทธ์เท่านั้น.

“ทุกท่าน.”

หลี่ชิงหยางที่ก้าวออกมาจากห้องโถง ยกมือประสาน “ต้องการท้าทายนิกายนิรันดรของพวกเราอย่างงั้นรึ?”

กับทายาทสายตรงตระกูลหนึ่งมาท้าทาย ไม่จำเป็นต้องถึงมือจุนซ่างเซียว เพียงแค่ศิษย์ลำดับสองก็พอแล้ว.

อย่างไรก็ตาม.

เหล่าคนที่มาท้าทายนี้ ไม่ต่างจากขยะเลยก็ว่าได้.

มู่หรงเส้าหลินยกมือประสาน เอ่ยออกมาว่า “ได้ยินมาว่าศิษย์เซียวจุ้ยจื่อ ต้องการท้าประลองถังเม่ยของข้า ให้เขาออกมา พิสูจน์คุณสมบัติกับนายน้อยผู้นี้.”

“ขออภัย.”

หลี่ชิงหยางเอ่ย “ศิษย์น้องเซียวนั้นปิดด่านฝึกฝนอยู่ ไม่มีเวลามารับการประลอง หากพวกเจ้าต้องการสู้.”

เขาหยุดและชี้ไปยังลานยุทธ์ เอ่ยออกมาว่า “เลือกใครก็ได้มาประลองได้สบาย.”

มู่หรงเส้าหลินที่ขมวดคิ้ว.

แม้นว่าศิษย์นิกายนิรันดรจะมีมาก ทว่ากลิ่นอายที่เขาสัมผัสได้สูงสุดก็แค่อาจารย์ยุทธ์ แม้แต่มีเด็กสาววัย 6-7 ขวบด้วย นี่กำลังดูแคลนพวกเราอยู่รึ?

“ในเมื่อเซียวจุ้ยจื่อไม่สามารถสู้ได้ ข้าก็ขอประลองกับศิษย์สายใน.”มู่หรงเส้าหลินเอ่ย.

หากว่าเอาชนะศิษย์สายในนิกายนิรันดรได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว.

หลี่ชิงหยางส่ายหน้าไปมา เอ่ยออกไปว่า “ความแข็งแกร่งของเจ้าอ่อนแอเกินไป ไม่มีคุณสมบัติท้าประลองกับศิษย์สายใน เพียงแค่ศิษย์ฝึกหัดและศิษย์สายนอก สามารถเลือกได้เลย.”

ไม่มีคุณสมบัติอย่างงั้นรึ?

คิดว่าพวกเราไร้พลังอย่างงั้นรึ?

“พี่เส้าหลิน!”

ทายาทสายตรงคนหนึ่งเอ่ยออกมาด้วยความโกรธ “นิกายนิรันดรกำลังดูแคลนพวกเรา!”

มู่หรงเส้าหลินที่กำหมัดแน่น แววตาเย็นชา “พวกเราไม่ได้เดินทางมารังแกพวกมือใหม่ มีเพียงแค่ศิษย์สายในที่พอจะรับมือพวกเราได้.”

มือใหม่อย่างงั้นรึ?

หลี่ชิงหยางเอ่ยเสียงดัง “ศิษย์น้อง ปลดปล่อยกลิ่นอายต้อนรับแขกที่มาไกลหน่อย ใครกันที่เป็นมือใหม่!”

ซูมมมมมมม -----

ในเวลานั้น ทุกคนที่หยุดใช้ศาสตร์ปิดพลัง ปลดปล่อยกลิ่นอายพลังบ่มเพาะทั้งหมดออกมา.

ศิษย์หลายพันคนที่ปลดปล่อยกลิ่นอายออกมาพร้อม ๆ กัน ราวกับพายุใต้ฝุ่น ที่โถมทับจนเหล่าทายาทตระกูลมูหลงถอยออกไปหลายก้าว แม้แต่บางคนต้องนั่งทรุดไปกับพื้น.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด