ตอนที่แล้วChapter 488 ชัยชนะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 490 หนึ่งฝ่ามือปลุกฉินเห่าหราน.

Chapter 489 เปิ่นจั้วจะพาบุกเบิกโลกใบนี้ เอาชนะไปทั่วสารทิศ


แน่นอนว่าจุนซ่างเซียวสามารถกำราบไป๋รุ่ยหู่ได้ ทว่าเขาเลือกที่จะสังหาร.

เหตุผลนั้น เขาต้องการให้ผู้พิทักษ์มนทลเจิ้นหยางเข้าใจ มนทลชิงหยางนั้นไม่ง่ายที่จะถูกรังแก.

ไม่ยอมรับอย่างงั้นรึ?

เช่นนั้นก็ยกทัพมา.

สำนักไท่กู่เจิ้ง พร้อมจะต้อนรับพวกเจ้าอยู่แล้ว.

ด้วยปืนใหญ่สนาม ตลอดจนถุงจักรวาลกองทัพ ตอนนี้ไม่หวาดกลัวกับกองกำลังใด ๆ.

หากไม่เพราะเป้าหมายหลักของเขาคือพัฒนาสำนัก เป็นไปได้ว่าเขาอาจนำทัพเข้าโจมตีมนทลเจิ้นหยางก็เป็นได้.

“คนผู้นี้ อมหิตจริง ๆ”จางซุนฟางฮัวเอ่ย.

เหลิงซิงเยว่ที่เอ่ยออกมาเบา ๆ “สังหารแม่ทัพกองกำลังพยัคฆ์ขาว ไม่เท่ากับว่าประกาศท้าทายมนทลเจิ้นหยางอย่างชัดเจนรึอย่างไร?”

จางซุนฟางฮัวเอ่ย “มนทลเจิ้นหยาง ยังมีกองกำลังใหญ่อีกสามกอง หากพวกเขาเคลื่อนทัพทั้งหมดที่เหลือมา เขาจะป้องกันเมืองชิงหยางอย่างไร.”

ซีจิงเสวียนส่ายหน้าไปมา เอ่ยออกมาว่า “ผู้พิทักษ์โจวนั้นเป็นคนที่ทะเยอทะยาน แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ กองกำลังพยัคฆ์ขาวที่พ่ายแพ้ไป แน่นอนว่านี่คือการเตือนเขา หากไม่คิดพิจารณาให้ดี ก็ไม่ง่ายหากต้องการจะเคลื่อนทัพทั้งหมดมา.”

สตรีผู้นี้ มองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง.

นางที่สนับสนุนจุนซ่างเซียวให้กุดหัวแม่ทัพศัตรู เพราะจะสามารถใช้เตือนให้มนทลเจิ้นหยางได้เข้าใจ แม้นว่ามนทลชิงหยางจะเล็ก ทว่าก็ไม่สามารถเคี้ยวได้ง่าย ๆ.

เห็นชัดเจนว่าซีจิงเสวียนเวลานี้ยิ่งประทับใจจุนซ่างเซียวมากยิ่งขึ้นไปอีก.

“จากที่เห็น.”

นางที่ลอบคิดในใจ “การมาช่วยเขา เป็นการเดิมพันที่ถูกต้อง.”

จางซุนฟางฮัวและเหลิ่งซิงเยว่ พวกนางย่อมไม่คิดซับซ้อนเหมือนกับซีจิงเสวียน.

ทั้งสองเชื่อว่า เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งที่โอหังเช่นนี้ เกรงว่าคงจะล้มลงในเร็ว ๆ นี้แน่.

อืม อืม.

ทัพสามแสนที่บุกมา พวกนางที่คิดว่าอีกฝ่ายคงพ่ายแพ้ไปแล้ว แต่ท้ายที่สุดกับไม่เป็นดั่งที่นางคิดเลยไม่ใช่รึ?

......

กองกำลังพยัคฆ์ขาว 300,000 คน หลังจากถูกโจมตี ก็เหลือทหารหนึ่งแสนคนที่ยอมจำนน และถูกเซี่ยกวนคุนจับ.

มนทลเจิ้นหยางที่บุกมา พ่ายแพ้เรียบร้อยแล้ว.

ไม่ยากจะจินตนาการ เมื่อข่าวเรื่องนี้กระจายออกไป แน่นอนว่าจะต้องสั่นสะเทือนไปทั้งจังหวัดซีเหนียนหยางอย่างแน่นอน.

“เจ้าสำนักจุน.”

ซีจิงเสวียนเผยยิ้ม “วิกฤติของเมืองชิงหยางปลอดภัยชั่วคราวแล้ว ภายในนิกายมีงานอีกมาก เปิ่นกงคงต้องนำศิษย์กลับไปก่อน.”

“ขอบคุณเจ้าหวังซี ที่ยื่นมือช่วยเหลือ บุญคุณครั้งนี้จุนโหมวจะสลักเอาไว้ในใจเลย.”จุนซ่างเซียวที่ยกมือประสานไปด้านหน้า.

หลังจากควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว เขาที่ได้ออกไปส่งซีจิงเสวียนถึงนอกเมือง.

เหลิ่งซิงเยว่ขณะจากไปชะงักอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะจ้องมองไปยังกำแพงเมือง แววตาที่จดจ้องมองเหล่าเหว่ย สายตาคู่งามของนางที่มีความเกลียดชังปนอยู่.

“เฮ้อ.”

เหล่าเหว่ยถอนหายใจ.

“เหล่าเหว่ย.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “อาวุโสเหลิ่งแม้นว่าจะมีอายุ ทว่าก็ยังคงความงดงาม เมื่อครั้งที่ยังคงเป็นผู้เยาว์นางคงงดงามมาก ท่านทั้งสองทำไม ไม่คืนกลับมาคบกันล่ะ?”

หากถางจู่ของเขามีความสัมพันธ์กับอาวุโสวังเมี่ยวฮัว ต้องเป็นเรื่องดีอย่างแน่นอน.

เหล่าเหว่ยส่ายหน้าไปมา “เหล่าฟู่ที่ยื่นขาข้างหนึ่งไปไว้ในนรกแล้ว ยังจะคิดถึงความสัมพันธ์ได้อย่างไรล่ะ.”

“ทำไมถึงได้มองโลกในแง่ร้ายเช่นนี้.”จุนซ่างเซียวที่พูดไม่ออก.

เหล่าเหว่ยที่เปลี่ยนหัวข้อ กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าวังซีเองดูเหมือนว่าจะประทับใจเจ้าสำนักเป็นอย่างมาก หากท่านเป็นคนเริ่ม ระหว่างคนทั้งสองย่อมสมหวังอย่างแน่นอน.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ท่านไม่ได้บอกกับข้าว่า เปิ่นจั้วต้องพัฒนาสำนัก ไม่ควรที่จะคิดถึงความสัมพันธ์ชายและหญิงหรอกรึ?”

เหล่าเหว่ยเอ่ย “หากเปลี่ยนเป็นสตรีคนอื่นก็ใช่ ว่าไม่ควรคิดถึงเรื่องรักใคร่ ทว่าสตรีผู้นี้เป็นประมุขของนิกายระดับสี่ หากทั้งสองแต่งงานกัน ถือว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมที่จะเป็นภรรยาที่ดีในการช่วยกันพัฒนาสำนักอย่างแน่นอน.”

“ก็จริงเหมือนกัน.”จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา.

แม้นว่าสตรีผู้นี้จะตาบอด ทว่ากับสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงได้ มีความสามารถในการจัดการบริหารนิกาย ไม่ใช่ว่าจะช่วยเขาเป็นอย่างมากในการพัฒนาสำนักเลยไม่ใช่รึ?

ระบบเอ่ย “......”

เหล่าเหว่ยเอ่ย “บางทีข้าคงจะพูดไปโดยไม่ตรอง เจ้าสำนักหากต้องการแต่งกับเจ้านิกายระดับสี่ เกรงว่าบางทีอาจจะเป็นเรื่องยากกว่าการตัดผ่านระดับไปยังราชันย์ยุทธ์ซะอีก.”

จุนซ่างเซียวดูเหมือนเห็นด้วย.

แม้นว่าข้าจะดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์.

ทว่า คิดไปถึงขั้นแต่งงานก็คงจะเกินไปหน่อย?

ระบบถึงกับหมดคำพูด.

พูดไปพูดมา ก็โม้แหลกลานนี่เอง ไม่คิดเลยว่าใบหน้าของคนผู้นี้จะหนา ยิ่งกว่ากำแพงเมืองชิงหยาง!

......

ศพมากมายที่ถูกจัดการเสร็จสิ้นแล้ว แม้ว่าจะยังมีคาบโลหิตอยู่ ทว่าก็ไม่ใช่ฉากที่น่าหวาดกลัวอีกต่อไป.

“เจ้าเมืองเซี่ย.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ทหารที่จับมา เปิ่นจั้วจะคัดจำนวนหนึ่งกลับสำนักไท่กู่เจิ้ง ที่เหลือให้ท่านเป็นคนจัดการก็แล้วกัน.”

“หะ?”

เซี่ยกวนคุนถึงกับตกใจ.

ทหารมากมายที่จับมา แล้วเขาจะจัดการอย่างไรล่ะ!

เจ้าสำนักจุนที่คัดคนจำนวนหนึ่งเพื่อนำกลับสำนักไท่กู่เจิ้ง ส่วนมากคนที่ถูกเขาคัดมา จะเป็นทหารที่สวมชุดของทัพเหนือพยัคฆ์นั่นเอง.

สำนักไท่กู่เจิ้งยังเหลือที่ว่าง 2000 คน ในเมื่อไม่สามารถหาผู้เยาว์ที่โดดเด่นได้ ทำไมไม่เลือกทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นศิษย์เลยล่ะ.

และทหารที่เขาคัดมาเป็นหมวดกองกำลังเหนือพยัคฆ์ เพราะว่าพวกเขาเป็นคนที่เถาหยวนฝึกฝน ขอเพียงเถาหยวนยอมรับสำนัก คนเหล่านี้ก็ต้องยอมรับเช่นกัน.

ทุกอย่างอยู่ในการคำนวณของเจ้าสำนักจุนเรียบร้อยแล้ว.

ทว่าหลังจากที่เขากลับมายังสำนัก เถาหยวนเองก็ยังคงเก็บตัวอยู่ในห้อง.

เขาที่ได้รับความทรงจำกลับคืนมาแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง เวลานั้นความทรงจำของเขาถูกลบอยู่ ทำให้หัวใจของเขาเวลานี้กลายเป็นปม จนไม่สามารถที่จะคลายออกได้.

“กึก กึก.”

เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น.

จุนซ่างเซียวที่ก้าวเข้ามา ก่อนที่จะนั่งบนเก้าอี้ พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า “ทัพของมนทลเจิ้นหยางได้นำคน 300,000 คนมาบุกเมืองชิงหยาง.”

เถาหยวนยังคงนั่งพิงกำแพงอย่างไร้อารมณ์.

“ท้ายที่สุด.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย ”แม่ทัพไป่รุ่ยหู่โดนเปิ่นจั้วกุดหัวไปแล้ว เวลานี้ศีรษะของเขากำลังถูกส่งไปยังมนทลเจิ้นหยาง กองกำลังพยัคฆ์ขาวไม่มีอีกต่อไปแล้ว.

ในเวลานั้นร่างของเถาหยวนที่สั่นเล็กน้อย.

เขาที่ถอนหายใจยาว แววตาของเขาที่ไม่ได้เผยความตะลึงมากนัก.

สามเดือน เขาที่อาศัยอยู่ที่สำนักไท่กู่เจิ้ง ไม่เพียงรู้ถึงพลังของกองกำลังขี่หมาป่า ทว่าเขายังเห็นทหารถั่ววิญญาณอีกด้วย.

พลังต่อสู้ที่น่าเกรงขามนี้ หากเข้าสู้สนามรบใด คงจะเอาชนะไปได้ทุกแห่ง.

หนำซ้ำ ถางจู่เสวี๋ยนั้นยังมีกลยุทธ์ทางทหารที่สูงส่งอีกด้วย.

แม้นว่าไป่รุ่ยหู่จะนำกองกำลังพยัคฆ์ขาว 300,000 บุกมา ทว่าก็ไม่มีอะไรที่เหนือกว่าเลย.

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เปิ่นจั้ว ไม่ได้ต้องการโอ้อวดเจ้า ทว่าเพียงแค่ต้องการบอก กองกำลังมนทลเจิ้นหยางนั้น สำนักไท่กู่เจิ้งสามารถเอาขนะได้ และไม่ว่าจะเป็นกองกำลังใหนมีรึที่จะไม่สามารถชนะได้?”

“....”เถาหยวนยังคงเงียบ.

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ประตูของข้านั้นเปิดกว้างตลอดเวลา เจ้าสามารถจากไปได้ เปิ่นจั้วย่อมไม่บังคับใครหากว่าไม่มีใจ.”

แววตาของเถาหยวนที่กลายเป็นซับซ้อน.

ใช่แล้ว.

ประตูสำนักไท่กู่เจิ้งนั้นเปิดตลอด เขาสามารถจากไปได้เลย ทว่าเขากับเลือกที่จะเก็บตัวอยู่ในห้อง ราวกับว่าเขากำลังฝืนอะไรอยู่.

หลายวันมานี้.

เถาหยวนที่นับถือเสวี๋ยเหรินกุยเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นผู้บัญชาการทหารขี่หมาป่าที่ร้ายกาจเช่นนี้มาก่อน!

เป็นความจริง ที่ลึก ๆ แล้ว เขาไม่ต้องการไป เขาต้องการอยู่.

ทว่าเขาที่เป็นทหารที่เคร่งครัด ทำให้เขายากจะตัดสินใจได้ง่าย ๆ.

จุนซ่างเซียวลุกขึ้น จ้องมองผ่านหน้าต่างออกไป กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฮึกเหิม “หากอยู่ต่อ เปิ่นจั้วจะพาบุกเบิกโลกใบนี้ เอาชนะไปทั่วสารทิศ จะไม่มีกองกำลังใดที่จะเทียบเทียมได้.”

เถาหยวนที่สะดุ้ง แววตาที่ราวกับลุกโชนด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้.

“เปิ่นจั้วจะให้เจ้าสร้างกองกำลังของเจ้า ขึ้นมาด้วยตัวเอง.

จุนซ่างเซียวเอ่ย ”พวกเขาจะติดตามเจ้าในอนาคต ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของทวีปชิงหยุน จะต้องมีชื่อของเถาหยวนแน่นอน.

“ไม่สิ.”

เขาที่กล่าวใหม่ “ควรจะมีฉายาเทพสงครามที่ดังก้องไปทั่วสวรรค์!”

คำพูดของเขาที่เอ่ยกล่าวใหญ่โตเป็นอย่างมาก.

แม้แต่เสวี๋ยเหรินกุยที่อยู่ด้านนอก ได้ยินคำว่า “เทพสงคราม”ยังทำให้เขาโลหิตสูบฉีดไปด้วย.

เรื่องเช่นนี้มีแม่ทัพคนใหนไม่หวังกัน.

ทุกคนต่างก็ต้องการทิ้งชื่อเอาไว้ในแผ่นดิน.

เถาหยวนที่เวลานี้ค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ก่อนที่จะจ้องมองไปยังจุนซ่างเซียวพร้อมกับแสดงความเคารพ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ศิษย์เถาหยวน ยินดีที่จะติดตามเจ้าสำนักบุกเบิกโลกใบนี้ สร้างกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ขึ้นมา!”

“ติ๊ง! ยินดีกับโฮสน์ที่ทำภารกิจสำเร็จ【โฆษณาชวนเชื่อ】ได้รับ 1000 แต้ม.”

“ติ๊ง! คะแนนสนับสนุนสำนัก : 4544 / 5000.”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด