ตอนที่แล้วตอนที่ 45 ไปที่ อ่าว ไห่หยุน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 47 ทานข้าว

ตอนที่ 46 ป้าหยาง ใจสลาย..


“ฉันยากจะบอกว่า กว่างเซิง เจวียนจู พวกคุณสองคนก็ไม่น่าจะทำอย่างนี้”

“ครอบครัวของพวกคุณรวยมากขนาดนี้ ทำไมไม่บอกฉันล่ะ มีอะไรต้องปิดบังกันด้วย?”

ในที่สุด หยางหยิง ก็พูดขึ้นแล้ว

เพียงแต่ในคําพูดดูเหมือนจะมีกลิ่นแปลกๆ ไปบ้างเล็กน้อย

ซู กว่างเซิง และอู๋เจวียน มองหน้ากัน และพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง

พวกเขา.. จะพูดอะไรได้ล่ะ?

พวกเขาเองตอนนี้ก็สับสนไปหมดแล้ว...

ในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือของ เฉิน เสี่ยวเยว่ ก็ดังขึ้น

พอเธอเปิดโทรศัพท์ดู ก็พบว่าเป็นโทรศัพท์จากสามี จึงรับสายทันที

“เสี่ยวเยว่ พ่อแม่คุณได้ไปรับพวกท่านมาหรือยัง?”

“ถ้ารับมาแล้วรีบเรียกแท็กซี่มาเลย ผมจองโรงแรมไว้ให้แล้ว ที่ตึกเยว่เฟิง เชิญทุกคนมากินข้าวด้วยกัน!”

มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์

“อืม..คะ เข้าใจแล้ว”

“คือตอนนี้เราอยู่บ้านของเพื่อนบ้านที่บ้านเกิดในเขตวิลล่า อ่าว ไห่หยุน เดี๋ยวไว้คุยกันทีหลังนะ”

เฉิน เสี่ยวเยว่ พูดตามความจริง

“พวกคุณมีเพื่อนบ้านอยู่ที่อ่าว ไห่หยุน ด้วย?”

“จริงหรือเปล่า?”

สามีของ เฉิน เสี่ยวเยว่ ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด

ท้ายที่สุดแล้วในเมืองม่อ ใครกันที่ไม่รู้จัก อ่าว ไห่หยุน บ้าง?

“ฉันจะไปโกหกคุณเพื่ออะไร?”

“เพื่อนบ้านของเราคนนี้อยู่ใกล้กับบ้านเราเลยที่บ้านเกิดไง และก็ใช่ว่าคุณไม่เคยไปมาก่อน บ้านเก่าๆ ที่อยู่หน้าบ้านฉันไงก็คือบ้านตระกูลซูของพวกเขา”

อย่างไรก็ตาม พอทันทีที่เธอพูดออกไปแบบนี้ เวลาเองได้ไหลผ่านไปสิบวินาทีเต็มแล้ว แต่กลับไม่มีเสียงดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เลย

เฉิน เสี่ยวเยว่ ยังคิดว่ามือตัวเองไปแตะสัมผัสโดนหน้าจอโทรศัพท์แล้วเผลอกดวางสายไป แต่เมื่อเธอดูแล้วก็ไม่ใช่ว่าวางสาย!

“สามี ทําไมคุณถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ?” เฉิน เสี่ยวเยว่ ถามออกไปอย่างตกใจปนสงสัย

“คุณ... คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ บ้านของเพื่อนบ้านที่บ้านเกิดของพวกคุณ.. คือ ตระกูลซู และพวกเขาอาศัยอยู่ในเขต อ่าว ไห่หยุน ด้วยใช่หรือไม่?”

ทางโทรศัพท์ เสียงของสามีของ เฉิน เสี่ยวเยว่ ออกจะดูสั่นเล็กน้อย

“อืม, ใช่ค่ะ!” เฉิน เสี่ยวเยว่ ตอบ

“อา..นั่น แล้วตระกูลซูที่ว่านั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อว่า ซูเหวิน อยู่ด้วยใช่หรือเปล่า?” อีกคนทางโทรศัพท์ยังคงถามต่อ

“คุณ..รู้ได้ยังไง?”

เฉิน เสี่ยวเยว่ ตกใจ และพูดออกไปด้วยความสับสน

“เชี้ยย..ให้ตาย!” อีกคนที่ปลายสายก็ตกใจเช่นกัน

จากนั้นได้ยินเสียงเขารีบพูดว่า : “คุณบอกว่าเพื่อนบ้านของคุณอาศัยอยู่ในเขต อ่าว ไห่หยุน และเขาแซ่ซู ดังนั้นผมจึงเดาออกได้ไม่ยาก และก็ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเขาเข้าจริงๆ?”

“หมายความว่าไง เขามันยังไง?”

“หมายความว่าไง? นี่พวกคุณเป็นเพื่อนบ้านกันยังไงถึงไม่รู้อะไรด้วยซ้ำ?”

“ชายหนุ่มคนนั้นที่ชื่อ ซูเหวิน เขาเป็นประธานของโรงแรมฮิลส์ และยังเป็นเจ้าของบริษัทอีคอมเมิร์ซอย่าง Worster Enterprise เขามีสถานะที่น่าทึ่งมาก”

“ผมได้พบเห็นเขาเมื่อวันก่อนในงานเลี้ยงอาหารค่ำของบริษัท เทคโนโลยี ฮุยหวง”

จู่ๆ เมื่อพอได้คำพูดประโยคหนึ่ง ทันใดนั้นมันราวกับมีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังลั่นในหูของ เฉิน เสี่ยวเยว่ ซึ่งมันทําให้เธอตกตะลึง.. ไปในทันที

“คุณ... คุณไม่ใช่ว่าโกหกฉันอยู่ใช่ไหม?”

เฉิน เสี่ยวเยว่ ไม่อยากจะเชื่อเลย แม้แต่เสียงพูดของเธอก็ดูแหลมสูงขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที

“ผมจะไปโกหกคุณทําไม?”

“เสี่ยวเยว่ ผมจะบอกคุณให้ว่า ตระกูลซู.. นี้ คุณต้องเอาใจพวกเขาทำให้พวกเขาพอใจให้ได้ คุณรู้ใช่ไหม?”

“คนอื่นเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลอย่างแท้จริง ตราบใดที่เรามีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลซู มันก็ย่อมที่จะเป็นประโยชน์ต่อ ตระกูลเฉิน หรือแม้กระทั่งตระกูลจ้าวของเราไม่มากก็น้อย หรือแม้แต่กระทั่งสามารถดึงการลงทุนให้กับบริษัทของเราได้ด้วยซ้ำ ที่นี่คุณเข้าใจหรือยัง?”

ทางโทรศัพท์ สามีของ เฉิน เสี่ยวเยว่ กล่าวกําชับ

ด้วยน้ำเสียงที่มีความตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ได้

พระเจ้า!

ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็น ประธานซู ในงานเลี้ยง แต่ด้วยสถานะของเขาไม่มีสิทธิ์ขอหมายเลขโทรศัพท์อีกฝ่ายด้วยซ้ำ

โดยไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพื่อนบ้านของแม่ยายตนเอง

แล้ว.. เรื่องแบบนี้มันจะไม่ทำให้คนอื่นตื่นเต้นได้ยังไง?

จากนั้นเขาก็คิดอะไรบางอย่าง แล้วพูดไปอีกครั้งว่า : “จริงสิ ตอนเที่ยงไม่ใช่ว่าเรามีนัดกินข้าวกันไม่ใช่เหรอ?”

“งั้นคุณลองดูว่า สามารถเชิญ ประธานซู มาทานอาหารด้วยกันได้หรือไม่ และทุกคนจะได้กินข้าวด้วยกันเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดี…”

เมื่อฟังคําพูดของสามีของเธอแล้ว เฉิน เสี่ยวเยว่ รู้สึกว่าตัวเธอตกอยู่ในภาวะสับสน ดวงตาของเธอเวลานี้ก็เบิกกว้างแล้ว และเธอจะไม่รู้ถึงสิ่งที่เขาพูดได้อย่างไร

ซูเหวิน จริงๆ แล้วเขาเป็นประธานของโรงแรมฮิลส์?

ประธานบริษัท Worster Enterprise?

นี่...เป็นไปได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงรถหรูสี่คันของ ซูเหวิน เมื่อกี้ และวิลล่าสุดหรูหลังนี้ ทุกอย่างมันก็เชื่อมโยงกันได้ อย่างถูกต้อง…

โทรศัพท์วางสายไปเมื่อไหร่ เฉิน เสี่ยวเยว่ เองไม่รู้

แต่เมื่อเห็น ซูเหวิน เดินถือชามา เธอก็ตอบสนองทันที โดยมองไปที่ ซูเหวิน แล้วพูดไปว่า : “เสี่ยวเหวิน... โอ้ ไม่..ไม่ใช่ ประธานซู”

“สามีของฉันเพิ่งจองโรงแรมไว้ เตรียมเรียก พ่อกับแม่ของฉันไปทานข้าวด้วยกัน”

“ท่าน... ท่านกับ ลุงกว่าง ป้าอู๋ ถ้าไม่ติดอะไร เราไปทานข้าวด้วยกันดีหรือไม่คะ?”

เฉิน เสี่ยวเยว่ พูดออกไปด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำเสียงล้วนแล้วแต่ให้ความเคารพ ทุกคนที่ฟังก็เกิดความสับสนขึ้นทันที

หยางหยิง เธอยิ่งมองลูกสาวของตัวเองด้วยความประหลาดใจ

ลูกสาวคนนี้ทำไมถึงพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วเมื่อกี้เธอเรียก ซูเหวิน ว่าอะไรนะ ประธานซู.. มันหมายความว่ายังไง?

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ทุกคนจะเข้าใจเรื่องนี้ ซูเหวิน ก็พูดขึ้น

“ลืมเรื่องกินข้าวได้เลย ตู้เย็นเราเองเต็มไปด้วยผัก วันนี้พ่อแม่ผมกลับมา ผมจะทำอาหารเอง”

ซูเหวิน กล่าวปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา

“แน่นอน ถ้าพวกคุณอยากรีบไปกินข้าว ก็รีบไปเถอะ อย่าล่าช้าอยู่เลย”

ซูเหวิน กล่าวต่อด้วยความตั้งใจที่จะขับไล่ผู้คนออกไป

ตระกูลเฉิน ทุกคนเป็นคนฉลาด

พอทันทีคําพูดนี้หลุดออกมา ที่ไหนจะไม่รู้ว่า ซูเหวิน กำลังหมายถึงอะไร?

สีหน้าของ หยางหยิง ก็เปลี่ยนไปทันที

แต่เดิมเธอก็อารมณ์เสีย เพราะจู่ๆ ครอบครัวซูก็ร่ำรวยขึ้นมา

ตอนนี้พอมาได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนี้ อารมณ์เธอก็ยิ่งหดหู่มากขึ้น จึงรีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า : “ในเมื่อลูกเขยฉันโทรมาตามแล้ว เราก็ไปกินข้าวกันเถอะ”

“กว่างเซิง เจวียนจู พวกเราไม่ขอรบกวนแล้ว”

หลังจากพูดออกไปอย่างนั้นเธอก็จากไปโดยไม่ลังเล

กลับกัน ลูกสาวของเธอ เฉิน เสี่ยวเยว่ รู้สึกสับสนไปจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ได้แต่วิ่งตามออกมา

“แม่คะ แม่ทําอะไรนะ อยู่ดีๆ ก็วิ่งพรวดออกมาได้ยังไงค่ะ?”

เมื่อ หยางหยิง ออกมาแล้ว สมาชิกครอบครัวเฉินก็ตามออกมาทีละคนๆ

เฉิน เสี่ยวเยว่ เข้าคว้าแม่ของเธอ และถามอย่างเป็นกังวลใจ

“ไม่ออกมาแล้วจะให้ทําอะไร?”

“ไม่เห็นหรือไงว่าคนอื่นกำลังไล่ผู้คนออกไป?”

หยางหยิง พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ไปรีบไปกันเถอะ พวกเราจะทำเป็นเสมือนว่าไม่ได้ยินไม่ได้เห็นอะไรก็พอ และก็ไม่ต้องทำเป็นเร่งรีบออกไปนะ ..จะได้ไม่ขายหน้า?”

“..คือ หนูแค่อยากจะชวน ซูเหวิน ไปกินข้าวด้วย”

เฉิน เสี่ยวเยว่ พูดอย่างช่วยไม่ได้

“คนอื่นไล่แล้ว ทำไมถึงได้อยากอยู่ให้ขายหน้าที่นั่นอีก?”

“ฉันคิดว่าแกต้องเป็นบ้าไปแล้วที่ยังอยากชวนคนอื่นไปกินข้าวด้วย?”

หยางหยิง ดูตกใจมาก

คนอื่นทําแบบนี้กับพวกเขาแล้ว ลูกสาวของฉันกลับยังคิดอยากจะเลี้ยงข้าวคนอื่นอยู่ นี่มันผิดแปลกไปจริงๆ?

“โอ้ย, แม่ แม่ไม่รู้…”

เฉิน เสี่ยวเยว่ จึงบอกกับแม่ของเธอถึงสิ่งที่สามีของเธอเพิ่งพูดไปเมื่อกี้

จากนั้น หยางหยิง เฉินเหว่ย และคนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง และแสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างยิ่ง…

อีกด้านหนึ่ง ภายในวิลล่า

เมื่อคนในครอบครัวหยางจากไปหมดแล้ว แม่ของเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงออกไปทางดุเล็กน้อยว่า : “เสี่ยวเหวิน การไล่คนอื่นออกไปโดยตรงแบบนี้ ไม่เสียมารยาทเกินไปหรือ?”

“ฮ่าฮ่าๆ นี่มันอะไรกันครับแม่?”

“ตระกูลเฉินของพวกเขา กับตระกูลซูของเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีอะไรเลย แม่ไม่เห็นหรือพวกเขาทําตัวหยิ่งขนาดไหน?”

“อีกอย่าง แม่ไม่จําเป็นต้องไปปฏิบัติต่อพวกเขาขนาดนี้ก็ได้”

ซูเหวิน ยิ้มพลางหัวเราะเยาะ

อยากให้คนอื่นเคารพคุณ คุณเองต้องเรียนรู้ที่จะเคารพผู้อื่นก่อน

ตระกูลเฉินของพวกเขาไม่สามารถทําเช่นนี้ได้ แล้ว..ทําไมต้องไปกระตือรือร้นกับพวกเขาขนาดนี้ด้วยล่ะ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด