ตอนที่แล้วบทที่ 46: [เนื้อเรื่องเสริม] ทีมหลัก (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 48 : [สำรวจอิสระ] ทวิอัศวิน (2)

บทที่ 47 : [สำรวจอิสระ] ทวิอัศวิน


บทที่ 47 : [สำรวจอิสระ] ทวิอัศวิน

“คือว่าท่านจะเอาแต่เรียกฉันว่ารุ่นน้องอีกนานแค่ไหนกันเนี่ย?”

เอวานเจลีนถามจนรอยย่นได้ปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเธอ ฉันตอบด้วยการยักไหล่อย่างเฉยเมยไป

"อะไรเล่า? ไม่ชอบถูกเรียกว่ารุ่นน้องเหรอ?”

“ก็ฟังดูเหมือนท่านกำลังล้อเลียนกับฉันอยู่…”

“อืม งั้นเธอจะเรียกฉันว่ารุ่นพี่ก็ได้ตลอดเลยนะ”

“...หา?”

“เรียกฉันว่ารุ่นพี่สิ ฉันมาจากราชบัณฑิตยสถานรุ่นที่ 369 และเธอมาจากรุ่นที่ 375 พวกเราเป็นรุ่นพี่และรุ่นน้องกันจริงๆ ไม่ใช่เหรอ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของฉัน เอวานเจลีนก็ดูตะลึงมาก

“ฉันเรียกท่านอย่างนั้นได้งั้นเหรอ?”

“ทำไมจะไม่ได้กันเล่า? พูดแบบนั้นได้ตามสบายเลย รุ่นน้อง~”

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เอวานเจลีนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

"...ได้ แต่มันไม่ปกติเลยนะที่จะเรียกเชื้อพระวงศ์อย่างสนิทชิดเชื้อเช่นนี้”

เธอสูดหายใจเข้าลึกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดออกมาว่า

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะเรียกท่านว่ารุ่นพี่แล้วกัน ฉันเองก็ขอพึ่งพาท่าน…ร-รุ่นพี่เหมือนกันนะคะ”

เธอพยายามดึงคำพูดออกมาจากปาก หมัดเล็กๆ ของเธอชูขึ้น ราวกับว่าเธอกำลังต่อสู้กับความอายในใจ ฉันได้แต่หัวเราะเบาๆ หากการกระทำของฉันสามารถทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายลงได้บ้าง มันก็คุ้มค่าแล้ว

มาย่ำเท้าไปพร้อมกันและสร้างมิตรภาพด้วยกันเถอะ

ทันใดนั้น ลูคัสที่ตัวสั่นเล็กน้อยอยู่ข้างหลังฉันก็พูดโพล่งออกมา

“เดี๋ยวก่อน ฝ่าบาท!”

"มีอะไรอีกงั้นเหรอ?!"

หรือเป็นเพราะคำว่ารุ่นพี่มันดูหยาบคายไปงั้นเหรอ? ลูคัสก็เลยพยายามจะแย้งใ่ชไหม?

"นั่นไม่ยุติธรรมเลยนะครับ!"

อย่าบอกนะว่า...

ฉันได้แต่กุมหัวตัวเอง

“หมายความยังไงที่ว่าไม่ยุติธรรม…”

“ผมก็อยากเรียกท่านว่ารุ่นพี่เหมือนกันนะครับ!”

“แต่เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันนะ…”

“ถ้าอย่างนั้นก็เรียกว่าเพื่อนร่วมชั้น!”

“ไม่ ช่างเรื่องนี้เถอะนะ เรียกแค่ฝ่าบาทหรือนายท่านก็พอแล้ว”

“นายท่าน? ท่าน? อืม นายท่าน…”

ลูคัสเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่ในใจ

“ผมชอบคำว่านายท่านมากเลยครับ”

"โอ้ จริงเหรอ?

“ขอรับนายท่าน!”

“นายอยากเรียกอะไรก็ตามใจเถอะ”

ดูเหมือนว่าสมองของเขาจะไปไกลแล้ว ดูท่าการต่อสู้อย่างต่อเนื่องคงจะต้องส่งผลต่อสมองเขาไม่น้อยเลย ฉันคงต้องหาวิธีจัดการความเครียดจากการต่อสู้ของเขาแล้วสิ

“โอ้ เพื่อนร่วมชั้นที่รัก~ โอ้ อาณาจักรที่รัก~”

จูปิเตอร์กำลังดื่มวิสกี้หนึ่งขวดและฮัมเพลงประหลาดๆ จากด้านหลัง เงียบไปเลยน่า ยัยแก่

"อืม ถ้าอย่างนั้น..."

เมื่อความวุ่นวายเพราะคำเรียกชื่อของฉันได้สงบลง เดเมี่ยนก็ถามด้วยน้ำเสียงอันลังเล

“แล้วเราควรเรียกเอวานเจลีนว่ายังไงเหรอครับ..?”

“สำหรับในตอนนี้ จะเรียกฉันว่า ’คุณหนู' ก็ได้”

เอวานเจลีนบิดผมของเธออย่างเชื่องช้าขณะที่เธอกล่าวตอบ

“ฉันถูกเรียกแบบนั้นตอนที่เติบโตมาที่นี่…อืม”

ในฐานะลูกสาวของเจ้าเมือง เธอย่อมต้องได้รับการเรียกจากคนในพื้นที่ว่าคุณหนูอยู่แล้ว

มันทำให้ฉันลองนึกภาพเอวานเจลีนที่อายุน้อยขึ้นมาได้เลย

เธอเดินเตร็ดเตร่ไปรอบๆ เมือง เหล่าประชาชนก็ต่างเรียกเธออย่างรักใคร่ว่า "คุณหนู!" “คุณหนูเอวานเจลีน!” ช่างเป็นอะไรที่น่าเอ็นดูเสียทีเดียว

“ผมชื่อเดเมี่ยน ผมทำหน้าที่เป็นพลแม่นปืนและผู้รักษา ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณหนูเอวานเจลีน”

เดเมี่ยนทักทายเธอด้วยรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยน

“ส่วนฉันคือจูปิเตอร์ แม่มดสายฟ้า เธออายุใกล้เคียงกับหลานสาวของฉันเลยนะ คุณหนูเอวานเจลีน เธอนี้ช่างน่ารักเสียนี่กระไร”

จูปิเตอร์ยิ้มอย่างอบอุ่น อย่าปล่อยให้ยัยแก่นี้หลอกเธอได้นะ! ยัยแก่คนนี้น่ะในใจมีแต่เงินเท่านั้นแหละ!

“…ชื่อลูคัส”

เมื่อตัวเขาพูดชื่อตนเองออกมาด้วยความรวดเร็ว ลูคัสก็มองด้วยดวงตาอันคมกริมและกล่าวเสริมว่า

"ยัย อันธพาล"

“…”

เอวานเจลีนก็ตอบกลับด้วยสีหน้าอันเด็ดเดี่ยว

“ยินดีที่ได้พบกับอีกครั้งนะ ไอ้คนโง่ น่ารำคาญ”

“…”

“…”

คล้ายกับมีสายฟ้าปรากฏประชันกันระหว่างอัศวินแนวหน้าทั้งสองคน

อาจเป็นเพราะคนที่อยู่ในอาชีพเดียวกันจะเข้าใจซึ่งกันและกันมาก แต่ในทางกลับกัน พวกเขาก็อาจเป็นคู่แข่งกันได้เพราะเป็นอาชีพเดียวกันมั้งนะ...?

“ถ้างั้นมาเจาะลึกรายละเอียดเกี่ยวกับทีมของเราในขณะที่เราเดินไปกัน ตอนนี้เข้าไปก่อนเถอะ รุ่นน้อง”

ฉันอยู่ระหว่างกลางพร้อมกับโอบไหล่ของทั้งคู่ ก่อนจะพูดออกมาเพื่อขัดจังหวะ

เมื่อเอวานเจลีนเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสายตาประหลาดใจ ฉันก็กระพริบตาและยิ้มขี้เล่นให้เธอไป

“ฉันจะพาเธอไปดูสมบัติที่ซ่อนอยู่ในบ้านเกิดของเธอเอง!”

ไม่สิเดี๋ยว ไหงฉันทำเหมือนกำลังนั่งรถไฟเหาะในสวนสนุกกันล่ะเนี่ย!

***

[กำลังโหลด …]

[เคล็ดลับ – NPC ที่คุณพบในดันเจี้ยนสามารถเป็นพันธมิตรหรือศัตรูตามการตัดสินใจของคุณ ใช้ประโยชน์จาก NPC เพื่อทำให้การเดินทางราบรื่นขึ้น!]

***

ฉันมองไปยังข้อความเคล็ดลับตามปกติ ซึ่งมันก็ยังคงไม่ให้ข้อมูลอะไรที่มีประโยชน์เช่นเดิม

เมื่อเคลื่อนย้ายเสร็จแล้ว เราก็พบว่าตัวเองอยู่ในดันเจี้ยนใต้ทะเลสาบ

[พื้นที่ส่วนที่ 1: ท่อระบายน้ำอันแห้งเหือด]

ตำแหน่งปัจจุบันของเราปรากฏขึ้นต่อหน้าฉัน

พื้นที่ส่วนที่ 1 เป็นพื้นที่ที่ฉันได้สำรวจไปแล้ว ท่อระบายน้ำอันแห้งเหือด ภาพที่คุ้นเคยของท่อระบายน้ำได้ปรากฏต่อหน้าพวกเรา

“องค์ชาย?”

ลูคัสดูสับสนยิ่ง

“นี่ไม่ใช่พื้นที่ซึ่งเราสำรวจมาแล้วเหรอ? ทำไมต้องกลับมาที่เดิมกันล่ะ?”

“เราสามารถดำเนินการสำรวจส่วนที่ 2 ได้โดยตรง แต่เมื่อมีสมาชิกใหม่เข้าร่วมทีมของเรา ฉันก็คิดว่าควรทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมด้วยการท้าทายอะไรที่มันไม่ยากดูก่อน”

“หมายความว่าสัตว์ประหลาดที่เคยปรากฏที่นี่ก็จะกลับมาใหม่งั้นเหรอครับ?”

"ถูกต้องแล้ว ทุกครั้งที่เราป้องกันเมือง ดันเจี้ยนนี้ก็จะเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดตัวใหม่ๆ”

พวกสัตว์ประหลาดต่างถูก ’สะสม’ ในดันเจี้ยนใต้ทะเลสาบ เมื่อเวลาผ่านไป พอพวกมันเต็มดันเจี้ยนอย่างสมบูรณ์ มันก็จะ ’ล้น’ เกินขอบเขตของทะเลสาบออกมา

จุดประสงค์ของการป้องกันคือการขับไล่สัตว์ประหลาดที่ล้นทะลักเหล่านี้

เมื่อดันเจี้ยนว่างเปล่า สัตว์ประหลาดฝูงต่อไปจะเริ่มถูกบรรจุลงดันเจี้ยน

ดันเจี้ยนจะต้องผ่านวัฏจักรเช่นนี้อยู่เสมอ วนเวียนซ้ำไปมา

’พูดง่ายๆ ก็คือหลังจากการป้องกันเมืองแล้ว พวกสัตว์ประหลาดจะเกิดใหม่ในดันเจี้ยน’

ต้องขอบคุณสัตว์ประหลาดที่เกิดใหม่ เราจึงสามารถเพิ่มระดับและฟาร์มหาไอเท็มกันได้

โดยเฉพาะกับพื้นที่เริ่มต้นที่สัตว์ประหลาดส่วนใหญ่มีน้อยมาก ที่นี่น่ะเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการพาทีมรองมาเพิ่มระดับกัน

ส่วนทีมหลักก็ไปเน้นการเคลียร์ชั้นที่มันลึกๆ เข้าไป กล่าวโดยสรุปคือ ทีมหลักจะต้องสำรวจดันเจี้ยน สำรวจเส้นทาง สังหารบอสและไปดูว่ามีอะไรข้างหน้า

ทีมรองก็ทำหน้าที่เหมือนตัวสำรอง พวกเขาจะไปสำรวจพื้นที่เพิ่มระดับและเก็บไอเท็มที่พวกสัตว์ประหลาดทิ้งไว้

แนวทางพื้นฐานในการสำรวจดันเจี้ยนจะมีการแบ่งหน้าที่เป็นประมาณนี้ เพราะที่นี่มันอันตรายมากจึงไม่ควรแยกกันออกไปเป็นหลายกลุ่มนัก

’ซึ่งตอนนี้พวกเราเป็นทีมหลัก’

เพื่อปรับตัวให้เข้ากับองค์ประกอบทีมใหม่กับเอวานเจลีน เราจึงตัดสินใจที่จะกลับไปที่พื้นที่ 1 ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งง่ายที่สุดในบรรดาพื้นที่ทั้งหมด

แล้วจากนั้นเราก็ได้มาถึงที่นี่แล้ว

"อุ๊ก!"

เอวานเจลีนยืนพิงกำแพง มือกุมท้อง...

“โอ้แหมคุณหนู เป็นอะไรไปล่ะเนี่ย?”

จูปิเตอร์ตบหลังของเอวานเจลีนอย่างแผ่วเบา

"ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีใครเกิดอาการเมาจากการเคลื่อนย้ายด้วย…”

เมื่อได้ยินเสียงคร่ำครวญของฉัน ลูคัสก็แค่นเสียงอย่างเย็นช้า

“ใช่ ผมก็ไม่เคยเห็นใครทรมานจากอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”

อืม แต่ก็เข้าใจได้ มันเป็นครั้งแรกที่เธอได้ใช้วงเวทย์ประตูเคลื่อนย้ายแหละนะ

“ฉ…ฉัน…ไม่เป็นอะไร…”

ใบหน้าของเอวานเจลีนซีดเซียวอย่างน่ากลัว เธอเช็ดริมฝีปากของเธอพร้อมกับตอบกลับ ไม่ เธอดูไม่ไหวชัดๆ

“แต่พอได้มาเห็น…ก็ทำให้ประจักษ์แล้วว่าสถานที่เช่นนี้มีอยู่จริง…”

เอวานเจลีนมองไปรอบๆ

โครงสร้างที่ตัดกันอย่างเด่นชัด สถาปัตยกรรมมากมายประดับประดาอยู่โดยรอบ

“แล้วเธอคิดว่าฉันจะโกหกเธอเหรอ?”

ฉันกางแขนออก ต้อนรับพวกเขาอย่างร่าเริงดั่งมัคคุเทศก์

“ยินดีต้อนรับสู่ดันเจี้ยนใต้ทะเลสาบ ส่วนที่เหลือของอาณาจักรเวทมนตร์โบราณ”

“ท่านรู้จักสถานที่แห่งนี้ได้ยังไงกัน รุ่นพี่? แม้แต่ฉันที่ซึ่งเป็นสมาชิกของตระกูลครอสก็ยังไม่อาจรู้ได้เลย”

อา ว่าแล้วเชียวว่าเธอต้องถาม ฉันเตรียมคำอธิบายไว้แล้ว

“ฉันไม่สามารถเปิดเผยทุกอย่างได้ แต่เธอคิดว่าจักรพรรดิจะส่งฉันไปยังแนวหน้าของที่นี่โดยไม่มีเหตุผลงั้นเหรอ?”

“…!”

เอวานเจลีนและคนอื่นๆ ในทีมต่างดูตกใจ แต่ดูเหมือนพวกเขาจะเหมือนเข้าใจในคำอธิบายของฉันแล้ว

’ที่จริงเรื่องนี้มันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิเลย’

ขณะฉันคิดเช่นนั้น ฉันก็รู้สึกอยากขอบคุณพ่อของแอชที่ฉันไม่เคยเจอมาก่อน

ชื่อของจักรพรรดิมีอิทธิพลอย่างมากในอาณาจักรนี้

เพียงแค่ยกชื่อนี้ขึ้นมา มันก็ทำหน้าที่เป็นเหตุผลได้ทันที

เหมือนดั่งคำกล่าวว่า 'ถ้าจักรพรรดิออกคำสั่ง พวกเขามีแต่ต้องเชื่อว่าถั่วแดงจะเปลี่ยนเป็นเต้าเจี้ยว'

ไม่สิๆ ถ้าจักรพรรดิสั่งเช่นนั้นออกมา ทางจักรวรรดิคงจะเริ่มการวิจัยวิธีการเปลี่ยนถั่วแดงให้เป็นเต้าเจี้ยวและในท้ายที่สุดจะต้องผลิตมันขึ้นมาจนได้แน่

แต่ช่างเถอะ ยามนี้ข้าพ้นภัยและสามารถแถสีข้างถลอกได้แล้ว

หลังจากอธิบายโครงสร้างของดันเจี้ยนสั้นๆ และเรื่องการป้องกันเมืองให้เอวานเจลีนฟัง

พออาการเมาจากการเคลื่อนย้ายของเธอบรรเทาลงบ้างแล้ว เราก็เริ่มก้าวเดินไปข้างหน้า

“ทุกคนจุดไฟ”

เมื่อเราออกจากเขตปลอดภัย ความมืดมิดก็ได้เข้ามากลืนกินเรา

ฟู่...!

ในขณะที่คนอื่นๆ จุดคบเพลิงหรือโคมไฟของพวกเขาอย่างชำนาญเพื่อป้องกันความมืด เอวานเจลีนก็ดูตกใจมาก

"เหวอ! อะไรกันความมืดนี่มันอะไรกัน?!”

“เธอต้องทำความคุ้นชินกับมันไว้นะ รุ่นน้อง ดันเจี้ยนทั้งหมดนี้ต่างถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดเช่นนี้”

ฉันยิ้มให้เอวานเจลีนที่ถอยหลังไปด้วยความกังวล

“ถ้าความมืดทำให้เธอตกใจขนาดนี้ เธออยากจะหันหลังกลับตอนนี้เลยหรือเปล่า ?”

“…! อย่ามาเยาะเย้ยฉันนะ มันไม่เห็นน่ากลัวอะไรสักหน่อย!”

เอวานเจลีนยกคบเพลิงขึ้นสูง เธอตัวเล็ก ดังนั้นมันจึงดูเตี้ยมากในสายตาฉัน แต่ดูเหมือนว่าเธอคงจะพร้อมแล้ว

เราเดินเข้าไปในท่อระบายน้ำที่แห้งเหือด

[พื้นที่ส่วนที่ 1: ท่อระบายน้ำอันแห้งเหือด]

– ความคืบหน้าในการเคลียร์: ห้องธรรมดา 0/4

ไม่มีห้องบอสให้พิชิต เพราะการมาครั้งก่อนได้จัดการมันไปแล้ว เราเก็บสมบัติทั้งหมดด้วย

ดังนั้นทั้งหมดที่เราต้องทำตอนนี้คือจัดการกับสัตว์ประหลาดที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ภายในดันเจี้ยน

“ลูคัสประจำตำแหน่ง เดเมี่ยนคอยดูด้านหน้าเอาไว้ จูปิเตอร์ เธออยู่ตรงกลางคอยร่ายเวทมนตร์ ฉันจะอยู่เป็นคนที่สี่ โดยมีเอวานเจลีนยืนอยู่ด้านหลัง”

ในขณะที่ฉันออกคำสั่งเหล่านี้ สมาชิกในทีมก็เข้าแถวทันที ยกเว้นเพียงเอวานเจลีน

“เดี๋ยวก่อนสิ ฉันเป็นอัศวินโล่นะ! ฉันควรจะอยู่ด้านหน้า…!”

“เอวานเจลีน”

ฉันขัดจังหวะเธอด้วยน้ำเสียงอันเย็นยะเยือก

“มีกฎข้อหนึ่งที่ฉันคงลืมพูดถึงไป ในสนามรบ คำสั่งของฉันถือว่าเป็นเด็ดขาด”

“…!”

“ที่นี่คือรังของสัตว์ประหลาด การก้าวพลาดเพียงครั้งเดียวอาจหมายถึงจุดจบ หากเธอต้องการโต้แย้งหรือไม่พอใจก็ออกไป ไม่อย่างนั้นก็จงเชื่อฟังคำสั่งฉันโดยไม่มีข้อกังขา”

“…”

"เธอตัดสินใจได้หรือยัง?"

“…ฉันจะตามไปค่ะ”

เอวานเจลีนเงยหน้าขึ้น

ใบหน้าเล็กๆ ของเธอกลับมาสงบลงอีกครั้ง ร่องรอยแห่งความเป็นเด็กพลันเลือนหายไปจากใบหน้าของเธอ เหลือเพียงเธอที่มีหน้าที่เป็นอัศวินเท่านั้น

“ฉันขอโทษด้วยที่ทำตัวเป็นเด็กลงไป ฉันคิดว่าตนเองโดนดูถูกเพราะยังเด็กและรูปร่างของฉันด้วย ดังนั้นฉันก็เลย…”

“การป้องกันด้านหลังมีความสำคัญพอๆ กับด้านหน้า ในความมืดมนนี้ เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าศัตรูจะโผล่ออกมาที่ใด เธอได้รับมอบหมายให้ปกป้องด้านหลังของเรา อย่าลดความสำคัญของบทบาทเธอโดยเด็ดขาด”

"เข้าใจแล้วค่ะ"

“ที่สำคัญกว่านั้น ฉันไม่ได้วัดคุณค่าของเธอจากรูปลักษณ์ภายนอกเสียหน่อย”

นี่อาจดูแปลก แต่ที่จริงฉันวัดความแข็งแกร่งของเธอจากหน้าต่างระบบต่างหาก

สิ่งที่ฉันไว้วางใจไม่ใช่ลักษณะภายนอกของเธอ แต่เป็นค่าสถานะของเธอที่แสดงบนหน้าต่างระบบ

มันน่าทึ่งจนฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลย

“ไม่ว่าเธอจะสูงหรือเตี้ย แก่หรือสาวก็ไม่เกี่ยวข้องเลย ฉันเชื่อในความสามารถของเธอที่เคยพิสูจน์มาแล้วต่างหาก”

เมื่อริมฝีปากของเธอปิดสนิท เอวานเจลีนก็คล้ายพึมพำอะไรบางอย่าง แต่จากนั้นเธอก็พยักหน้าอย่างเงียบๆ

“เพราะงั้นแล้ว ตราบใดที่เธอเป็นส่วนหนึ่งของทีมของฉัน ฉันจะวางตำแหน่งเธอในจุดที่เราต้องการเธอมากที่สุดเสมอ แค่ทำตามคำสั่งของฉัน โดยไม่ต้องแย้งก็พอ”

“ค่ะรุ่นพี่”

"เยี่ยม งั้นก็เดินหน้าต่อเถอะ!"

เอวานเจลีนเข้ามายังตำแหน่งท้ายขบวน ในที่สุดพวกเราทั้งห้าคนก็เริ่มเดินไปข้างหน้า

เราเดินไปตามทางเลี้ยวและมาถึงธรณีประตูของห้องแรก ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ และพุ่งเข้าไปในห้องด้วยความระมัดระวัง

“สัตว์ประหลาดฝูงถัดไปจะเป็นอะไรกันนะ~!”

ตุ๊บ!

ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ!

ขณะที่เราได้เข้าไปในห้อง รูปร่างขนาดมหึมาก็หลุดออกจากผนังทั้งสี่ด้านและเริ่มเดินเข้ามาหาเรา เท้าของพวกมันเกิดเสียงสะท้อนทุกย่างก้าว

สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ ประกอบด้วยดินและแร่ธาตุ ทั้งยังมีแกนเวทย์มนตร์เปล่งประกายอย่างแผ่วเบาออกมาจากหน้าอกของมัน

“มันคือโกเล็ม…”

หน้าต่างระบบปรากฏขึ้นต่อหน้าฉันทันที

[ท่อระบายน้ำอันแห้งเหือด – ห้อง 1]

– กำจัดศัตรูให้หมด!

– ระดับ 6 โกเล็มศิลา: 4 ตัว

สัตว์ประหลาดที่เราต้องเอาชนะในการสำรวจดันเจี้ยนนี้และฝูงสัตว์ประหลาดที่เราต้องเผชิญหน้าในด่านป้องกันถัดไปคือโกเล็ม

“ยุ่งเหยิงอะไรขนาดนี้ ดูท่าเราจะงานเข้าแล้วสิ…'”

โกเล็มจัดอยู่ในหมวดหมู่ของสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ ไอ้พวกสารเลวพวกนี้จะพุ่งเข้าใส่เราเป็นฝูง

ฉันได้แต่สบถพลางสั่งให้คนในทีมล้อมรอบป้องกันฉันเป็นวงกลมไว้

ดูเหมือนว่าเราแต่ละคนจะต้องรับมือโกเล็มคนละตัว ฉันปรบมือเพื่อเรียกความสนใจจากทุกคนทันที

“เอาล่ะ ทุกคน แสดงให้มันเห็นหน่อยไหมว่าเราทำอะไรได้?”

ลูคัสชักดาบออกมาและเดเมี่ยนก็เล็งหน้าไม้ออกไป จูปิเตอร์เสกสายฟ้าในมือของเธอและเอวานเจลีน...

อึก

เธอยกโล่ไปข้างหน้า กลืนน้ำลายเสียงดังจนทุกคนได้ยิน

เธอดูไม่คุ้นเคยกับการต่อสู้เลย ความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

เมื่อสังเกตเห็นท่าทางของยัยเด็กอวดดีคนนี้ ฉันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“มาขุดไอ้หินพวกนี้กันเถอะ! จัดการพวกมันให้หมด!”

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของฉัน สมาชิกทั้งสี่ของทีมและโกเลมทั้งสี่ก็เริ่มโจมตีใส่กัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด