ตอนที่แล้วChapter 8: พลบค่ำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 10: ระเบิดหัว

Chapter 9: อำพราง


[ชื่อ: เสื้อกันกระสุน T1]

[ชนิด: เสื้อเกราะ]

[สภาพ: ปกติ]

[การป้องกัน: 1. ป้องกันกระสุนปืนธรรมดาทั่วไปได้ 2. ลดความเสียหายจากอาวุธมีคมได้]

[คุณสมบัติ: ไม่มี]

[การเสริมสถานะพิเศษ: ไม่มี]

[การนำออกจากดันเจี้ยน: ได้]

[หมายเหตุ: นี่เป็นแค่เสื้อกันกระสุนธรรมดา ๆ สวมแล้วไม่ได้ทำให้เป็นอมตะนะ!]

ทันที่ฉินหรานหยิบเสื้อกันกระสุน ข้อมูลทั้งหมดก็เด้งขึ้นมาตรงหน้า หลังจากอ่านข้อมูลเร็ว ๆ รอบหนึ่ง เขาก็สวมมันโดยไม่รั้งรอ เทียบกับเสื้อผ้าปกติแบบชาวเมืองที่เขาสวมใส่อยู่ เสื้อเกราะ T1 นี้เป็นอุปกรณ์ป้องกันที่ดีกว่ามาก สามารถกันกระสุนปืนได้ และยังปกป้องเขาในการต่อสู้มือเปล่าได้ ต่อให้มันจะด้อยประสิทธิภาพในการรับความเสียหายจากมีดหรืออาวุธอื่นคล้าย ๆ มันก็ยังทำให้เขารู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการดำเนินตามแผนการที่วางไว้

ฉินหรานปิดปากลงและพยายามควบคุมการหายใจ เขาไม่อยากก่อเสียงอะไรขณะค่อย ๆ มุ่งหน้าไปหาเป้าหมายที่สองของเขา ผู้ชายที่ตกเป็นเป้าหมายคนนี้ไม่ได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเพื่อนร่วมกลุ่มตายตกไปคนหนึ่งแล้ว แม้ว่าพวกมันจะรู้ว่าเขาและคอลลีนอยู่แถว ๆ นี้ มันก็ยังมีท่าทีเหมือนผู้ชายคนก่อนที่ฉินหรานฆ่าไป มันเดินไปรอบ ๆ อย่างสบาย ๆ ไม่ได้ให้ความสนใจรอบตัวมากนัก

มันไม่รู้ตัวเลยว่าฉินหรานได้เข้ามาประชิดมันแล้ว

ฉินหรานไม่ได้ลอบโจมตี เขาค่อย ๆ เข้าใกล้มันจากด้านหลังแทน เมื่อเขาอยู่ในระยะที่เอื้อมมือถึง เขาปิดปากมันด้วยมือข้างหนึ่งไม่ให้มันร้องขอความช่วยเหลือ เขาใช้อีกมือหนึ่งเชือดคอมันด้วยกริชของเขา การเคลื่อนไหวของมือแทบจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ ก่อนที่โจรจะได้ตะโกนหรือกัดมือฉินหราน กริชก็ปาดคอมันไปแล้ว เลือดสดอุ่น ๆ ทะลักออกมาจากลำคอ ไม่นานมันก็หยุดดิ้นรน

[แทง: โจมตีถึงตาย ก่อความเสียหาย 100 แต้มต่อเป้าหมาย (อาวุธมีคม (กริช) (พื้นฐาน) 50x2) เป้าหมายเสียชีวิต...]

ฉินหรานลากศพที่สองเข้าไปซ่อนในซากตึกแล้วลูทของ แต่ว่าคราวนี้เขาไม่ได้ลูทเอาเสื้อกันกระสุนมา แต่หยิบแค่ M1905 ที่มีลูกกระสุนเต็มขึ้นมา ถ้าหากมันเป็นไปได้ที่จะสวมเสื้อกันกระสุนสองตัวพร้อมกัน แต่เขาก็คงไม่ว่าอะไรที่จะสวมอีกตัว แต่ว่าทันทีที่สวมเสื้อตัวแรกเขาก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่เพิ่มเข้ามาเล็กน้อยในการเคลื่อนไหวร่างกาย ถ้าสวมตัวที่สอง ความคล่องตัวของเขาก็จะลดลงอีกเป็นลำดับ

เขาไม่อยากเสี่ยงลดความเร็วของตัวเองลงในสถานการณ์แบบนี้ มันอาจจะมีราคาเท่ากับชีวิตของเขา เขาอาจจะถูกยิงตายอยู่กับที่โดยศัตรูที่เหลืออยู่

"สองแล้ว" ฉินหรานบอกตัวเองในขณะที่ยังเดินย่องไปแบบแมว

เขาเคลื่อนตัวไปข้างหน้าราว ๆ 10 เมตรจากนั้นก็ซ่อนตัวอยู่ในเงา ชะโงกหัวออกไปเล็กน้อยเพื่อแอบมองเป้าหมายที่สาม

ไม่เหมือนสองคนแรก คนที่สามนี้ยืนอยู่บนกองเศษอิฐและไม้ที่สูงประมาณหนึ่งเมตร แม้ว่ามันจะไม่ได้มองมาทางนี้ แต่ระดับความสูงนั่นก็ทำให้ความคืบหน้าของฉินหรานชะลอลง เพราะแบบนั้น ฉินหรานคงไม่สามารถเผชิญหน้าโดยตรงกับโจรคนนี้ แม้ว่าจะมีซากตึกช่วยบดบัง แต่เขาก็อาจจะถูกเจอตัวก่อนได้ถ้าโผล่ออกไป เขาไม่ได้รู้สึกลำพองใจแม้จะจัดการโจรไปได้แล้วสองคน คนที่สามนี่ก็มีอาวุธเช่นกัน

บางทีเขาอาจจะโจมตีชายคนนี้จากด้านหลังได้?

ฉินหรานสังเกตเห็นว่าชายคนนี้คอยมองไปรอบ ๆ อยู่ตลอด มันเพียงพอให้เขายกเลิกแผนการในหัว เขาไม่อยากถูกเจอตัวตอนที่พยายามเข้าใกล้คนผู้นี้

"ข้ามคนนี้ไปก่อนดีกว่า" ฉินหรานตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมาย

แม้ว่าเขายังมี M1905 ที่มีกระสุนเต็มอยู่ในมือ เขาก็ยังไม่มีความตั้งใจจะใช้มันตั้งแต่ต้นเกม โจรพวกนี้มีเสื้อกันกระสุน และเมื่อพูดถึงความสามารถในการใช้ปืนของเขา เขาไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถยิงนัดเดียวให้เป้าหมายเสียชีวิตได้ในขณะที่ยังใส่เสื้อกันกระสุน นอกจากนี้ เสียงยิงปืนจะเปิดเผยตำแหน่งของเขา ต่อให้พวกมันจะเหลือกันแค่ห้าคนเขาก็ยังต้องดำเนินตามแผนร่วมกับคอลลีนเพื่อเลี่ยงสถานการณ์การต่อสู้หนึ่งต่อห้า

"ต้องจัดการให้ได้อีกอย่างน้อยสองคน"

เพราะคิดเช่นนี้ ฉินหรานจึงเดินอ้อมไป เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกผู้ชายที่ยืนอยู่บนซากปรักหักพังเห็นเข้า ฉินหรานเลือกเดินกลับไปยังจุดที่เขาเจอโจรคนแรก แล้ววกไปอีกทาง สิบกว่านาทีต่อมา เขามาถึงด้านหลังของกลุ่มคนที่เหลือ

ด้วยสายตาเฉียบคมดุจนกอินทรีของเขา เขาจดจำตำแหน่งของพวกมันและตัดสินใจอย่างรวดเร็วว่าใครจะเป็นเป้าหมายที่สาม

คือคนที่ยืนอยู่ทางซ้ายมือสุด

ผู้ชายคนนั้นดูเกียจคร้านยิ่งกว่าคนอื่น ๆ และไม่สนใจอะไรเลยต่อให้เทียบกับสองคนก่อนหน้าที่ฉินหรานฆ่าไป อย่างน้อยที่สุดสองคนนั้นก็พยายามมองหาฉินหราน แต่ผู้ชายทางริมซ้ายสุดคนนี้เพิ่งนั่งยอง ๆ ลงไปในตำแหน่งที่คนอื่น ๆ ในทีมมองไม่เห็นแล้วจุดบุหรี่สูบ ความเกียจคร้านของมันทำให้มันกลายเป็นเป้าหมายที่จัดการได้ง่ายสำหรับฉินหรานที่ขยับเข้าไปหาเป้าหมายอย่างระมัดระวังพลางหลีกเลี่ยงการตรวจพบ

ฉินหรานไม่ได้ลดการระวังตัวลงต่อให้เป้าหมายเพิ่งลงไปนั่งสูบบุหรี่ เขารู้เป็นอย่างดีว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นตอนไหนก็ได้ ระวังเอาไว้ดีกว่าเสียใจทีหลัง

ฉินหรานเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ เข้าไปใกล้เป้าหมายทีละก้าว เขาอยู่ในระยะสองเมตรจากผู้ชายคนนั้นแล้ว และผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่รู้สึกตัว จนกริชเข้าใกล้มากพอในที่สุดโจรถึงได้ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ

แต่มันก็สายไปแล้ว

ฉินหรานไม่ได้สนใจว่าบุหรี่จะจี้มือเขา เขาปิดปากโจรด้วยมือซ้ายและใช้มือขวาถือกริชส่งความตายให้มัน คอของมันถูกเชือดและล้มลงบนพื้นเหมือนคนก่อนหน้า

[แผลไฟไหม้: ก่อความเสียหายต่อพลังชีวิต 1 แต้ม]

[แทง: การจู่โจมถึงตาย ก่อความเสียหาย 100 แต้มต่อเป้าหมาย (อาวุธมีคม (กริช) (พื้นฐาน) 50x2) เป้าหมายเสียชีวิต...]

[เข้าถึงเป้าหมาย 3 ครั้งโดยไม่ถูกตรวจพบ ได้รับสกิล: อำพราง]

[ชื่อสกิล: อำพราง (พื้นฐาน)]

[ค่าสถานะที่เกี่ยวข้อง: ความคล่องแคล่ว]

[ชนิดสกิล: สนับสนุน]

[คุณสมบัติ: ใช้เงาช่วยซ่อนคุณจากสายตาผู้อื่น เพิ่มโอกาสหลบซ่อน 10%]

[เงื่อนไขการใช้งาน: กำลังกาย]

[เงื่อนไขการเรียนรู้: ความคล่องแคล่ว F]

[หมายเหตุ: เพียงเพราะว่าคุณซ่อนตัวได้เก่ง ไม่ได้แปลว่าคุณหายตัวได้!]

เมื่อโจรล้มลงบนพื้น การแจ้งเตือนจากระบบก็เด้งขึ้นมา อธิบายสกิล [อำพราง (พื้นฐาน)]

ทันใดนั้น ข้อมูลมากมายก็ถูกส่งตรงเข้าสมองของฉินหราน เขาคุ้นเคยกับกระบวนการนี้หลังจากที่ได้รับสกิลมาแล้วสองอย่าง เมื่อข้อมูลถูกส่งเข้ามาในสมองแล้ว ร่างกายของเขาจะสามารถใช้ความรู้ที่ได้รับมาได้ทันที

"สามครั้ง?"

ฉินหรานค้นศพตรงหน้าในขณะที่ตรวจดูการแจ้งเตือนจากระบบไปด้วย ตอนที่เขาได้รับสกิล [อาวุธมีคม (กริช) (พื้นฐาน)] ก็ต้องจู่โจมสำเร็จสามครั้งเหมือนกัน ตัวเลขนี้สะดุดความสนใจของเขา

"ในดันเจี้ยนมือใหม่ต้องการการกระทำที่สัมฤทธิ์ผลสามครั้งเพื่อให้ได้รับสกิลงั้นเหรอ?" นั่นคือการคาดเดาของเขา

เขากลับมาเรื่องตรงหน้าอย่างรวดเร็ว เขารู้แล้วว่าเขาจะต้องทำยังไง แี้มันย่อมไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องพวกนี้ หลังจากนี้ย่อมมีเวลา ฉินหรานมองไปที่เป้าหมายที่เหลือทั้ง 4 คน สมองเขาเต็มไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับสกิลอำพราง เขาเดินเข้าไปในเงาเงียบ ๆ เบียดตัวกับผนัง และค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปเป้าหมายถัดไปช้า ๆ

ถ้าก่อนหน้านี้ฉินหรานเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วระดับที่เรียกว่า 'คลาน' ตอนนี้ก็เรียกได้ว่าเขารู้แล้วว่าจะ 'เดิน' ยังไง เขาเร็วขึ้นและเงียบกริบขึ้น เขาเป็นเหมือนกับหัวขโมยที่เก่งที่สุดในเมือง หรือไม่ก็นักลอบสังหาร

"สี่แล้ว!"

"ห้าแล้ว!"

ฉินหรานจัดการโจรได้อีกสองคน มันง่ายกว่าตอนแรกมากเพราะสกิลอำพรางที่เพิ่งได้มาใหม่ แม้ว่าผู้ชายคนที่สี่และห้าจะระมัดระวังตัวมากกว่าคนอื่น ๆ แต่ฉินหรานก็ยังสามารถเชือดคอพวกมันได้ ถ้าพรรคพวกหนึ่งหรือสองคนจากเจ็ดคนหายไปมันอาจจะผิดสังเกตเท่าไหร่ แต่ถ้าคนส่วนใหญ่หายไป ต่อให้เป็นคนโง่ก็บอกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ หากจิ้งจอกหูเค่อโง่ก็คงไม่สามารถขึ้นมาเป็นมือขวาของอีแร้งได้ แต่การดูถูกคนอื่นของเขาก็ทำให้เขาก็ไม่ได้ต่างจากคนโง่ทั่วไปเลย

หูเค่อร้องเรียกลูกน้อง มือกำปืนแน่น

ไม่มีใครขานรับ

หูเค่อมองไปรอบตัว ทุกอย่างที่เคยคุ้นดูแปลกประหลาดไปโดยสิ้นเชิง ความว่างเปล่าของซากตึกและเงาที่เกิดจากแสงจันทร์บนฟ้าทำให้มันรู้สึกราวกับมีปิศาจคอยจ้องมองมันอยู่ เหงื่อเย็น ๆ ไหลลงไปตามแผ่นหลัง มันอดตัวสั่นน้อย ๆ ไม่ได้เมื่อลมพัดมาโดนตัว

"ลูกพี่จิ้งจอก!"

จู่ ๆ ก็มีเสียงดังตัดผ่านความเงียบอย่างกะทันหัน หูเค่อตัวสั่นด้วยความโกรธเมื่อเห็นว่านั่นเป็นหนึ่งในลูกน้องของมัน มันตะคอกใส่ลูกน้องคนนั้นด้วยความโมโห

"ไอ้ขยะ..."

ปัง!

ก่อนที่หูเค่อจะพูดจบประโยค มีเสียงปืนดังขึ้น เป้าหมายคนที่สามที่ฉินหรานเลือกที่จะข้ามไปก่อนในตอนแรกล้มลงบนพื้น เสื้อกันกระสุนป้องกันมันจากการถูกยิงตาย แต่พอมันล้มลง มันก็หันกลับและควักปืนออกมาเริ่มยิงสะเปะสะปะไปยังตำแหน่งที่มีเสียงปืนดังออกมา หูเค่อที่ได้เห็นเหตุการณ์โดยตลอดก็ดึงปืนของมันออกมาเหมือนกันและเล็งไปที่ตำแหน่งที่ได้ยินเสียงปืนดังออกมา มันเหนี่ยวไกปืนครั้งแล้วครั้งเล่า

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

บริเวณรอบ ๆ เปลี่ยนเป็นสมรภูมิรบ กระสุนปืนบินว่อนไปมา

.

.

.

.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด