ตอนที่แล้วChapter 279 นิกายเซิ่งชวน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 281 เริ่มต้น ต่อสู้สัก 30-40 คู่!

Chapter 280 บ้า


สองสามวันหลังจากนั้น ผู้คนมากมายที่เดินทางมายังนิกายเซิ่งชวนไม่ขาดสาย พื้นที่รอบ ๆ นิกายเซิ่งชวนเวลานี้คึกคักคับคั่งอย่างไม่เคยมีมาก่อน.

แน่นอน.

เรื่องท้าประลองของสำนักไท่กู่เจิ้ง.

คำนวณจากเวลา การประลองควรจะเริ่มพรุ่งนี้แล้ว หากแต่ยังไม่เห็นอีกฝ่าย.

ไม่กล้ามาอย่างงั้นรึ?

เหล่ากลุ่มอิทธิพลจำนวนมาก ไม่มาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ต้องไม่ลืมว่า เป้าหมายของพวกเขา เพียงแค่ต้องการมาเที่ยวชมนิกายระดับห้าเท่านั้น.

โมโห?

ไม่มาอย่างงั้นรึ?

โทษที ถึงเวลาโพล้เพล้.

เจ้าสำนักจุนนำศิษย์ 200 คน พร้อมกับเจ้าเมืองเซี่ยตระกูลอ้าย มาหยุดที่หน้าประตูนิกายเซิ่งชวน.

“ผู้มาเป็นใคร?”ศิษย์เฝ้าประตูกล่าวออกมา.

“ฟิ้ว!”

จุนซ่างเซียวเผยตรา “ไท่กู่เจิ้ง” ระบุสถานะ พร้อมกับเอ่ยตะโกนออกมาเสียงดัง “เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง จุนซ่างเซียว เดินทางมาท้าประลองนิกายเซิ่งชวนแล้ว!”

เสียงที่เปี่ยมไปด้วยพลัง ดังกึกก้องสะท้านขุนเขา ดังไปถึงด้านในนิกายเซิ่งชวน.

“มาแล้ว มาถึงแล้ว!”

“เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งอยู่ที่เชิงเขา คาดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าตะโกนเสียงดัง ใจกล้าเกินไปแล้ว.”

“ใจกล้ารึ? หากขี้ขลาดจะกล้าเดินทางมาให้นิกายเซิ่งชวนทุบตีถึงที่รึอย่างไร?”

“มุทะลุใจกล้าเช่นนี้ ข้าต้องการจะเห็นเหมือนกัน ว่าเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งจะมีสามเศียรหกกรหรือไม่?”

“ไม่ว่าจะมีสามเศียรหกกรหรือไม่ กล้าท้าทายนิกายเซิ่งชวน อนาคตดับวูบอย่างแน่นอน.”

ชาวยุทธ์ที่กำลังพูดคุยกันเสียงดัง.

เหล่าคนของพันธมิตรร้อยสำนักเองก็ตามมาด้วย ใบหน้าเผยความพอใจเปี่ยมล้นออกมานอกหน้า.

ได้ยินคนส่วนมาก ที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยันจุนซ่างเซียว พวกเขากับรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก เป็นอะไรที่มันสุดยอดจริง ๆ.

สมควรกับพวกที่มีนิสัยไพร่โดยแท้.

ทำไม?

เพราะว่าสำนักไท่กู่เจิ้งอยู่ในมนทลชิงหยาง คนมนทลเดียวกันกับยอมให้คนต่างถิ่นว่ากล่าว แม้แต่ด่าตัวเองรวมไปด้วยกับรู้สึกพอใจ.

หากจุนซ่างเซียวรู้ แน่นอนว่าต้องเผยท่าทางดูถูกพวกเขาแน่นอน.

มีเพียงแค่ขยะเท่านั้น ที่จะรู้สึกดีเมื่อมีคนหัวเราะเยาะตัวเอง.

“เหม่ยเอ๋อ!”

ซีจิงเสวียนนั่งอยู่ที่รับรองด้านใน ได้ยินเสียงของจุนซ่างเซียว เผยยิ้มออกมา “เป็นเขา เขามาแล้วจริง ๆ.”

เหม่ยเอ๋อเบ้ปาก กล่าวออกไปว่า “กล้ามาจริง ๆ.”

คนส่วนมากที่ก่อนหน้า คิดว่าสำนักไท่กู่เจิ้งจะขี้ขลาดไม่กล้ามา.

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า.”

หม่าหยุนเถิงที่เล่นหมากรุกอยู่สวนลานด้านใน หัวเราะออกมาทันที “เจ้าสำนักจุนมาแล้วจริง ๆ.”

หวังตงหลินเอ่ย “ก่อนหน้านี้ท้าประลองสำนักเห่าฉี ตอนนี้ท้าประลองนิกายเซิ่งชวน เด็กคนนี้ เป็นคนที่บ้าบิ่นจริง ๆ!”

“คนหนุ่ม.”

หม่าหยุนเถิงกล่าว.“กับความกล้าที่ไม่ธรรมดา หาเจอได้ยาก.”

“มาแล้ว มาจริง ๆ.”

มู่หรงซินที่ยืนส่องมองผ่านหน้าต่าง ภายในใจที่สั่นไหวเผยอารมณ์ที่ซับซ้อนออกมา.

แม้นว่าเซียวจุ้ยจื่อจะได้รับชัยชนะเลิศการแข่งขันจะมีชื่อเสียงขึ้นมาบ้าง ทว่าการที่ตามเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งมาประลองกับนิกายเซิ่งชวน ไม่ใช่ว่ากำลังแสวงหาความอับอายให้กับตัวเองอีกรึ?

จะบอกว่า ตั้งแต่ตัวเองถูกนางถอนหมั้น ก็ไร้ซึ่งความรู้สึกด้านชาไปแล้ว?

“เฮ้อ.”

มู่หรงซินถอนหายใจ.

......

นิกายเซิ่งชวน หลังเขา.

ไต่ลู่ที่นั่งสมาธิอยู่ในถ้ำ หลังจากได้ยินเสียง ฝ่ามือทั้งสองข้างที่ส่องประกายแสงสีเขียว ปากที่เอ่ยกล่าวออกมาว่า “จุนซ่างเซียว ท้ายที่สุดเจ้าก็มา!”

บุรุษในชุดสีเขียวนับตั้งแต่เขากลับมาจากหอเหยี่ยวดำ เขาที่ได้รับความสามารถดูดพลังกลับมา ก่อนหน้านั้นเขาได้กลืนกินพลังบ่มเพาะของเฒ่าผี จนตัดผ่านไปยังระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่เจ็ด.

หลังจากที่เขากลับสำนัก มีการประลองภายในหลายครั้ง ด้วยผลงานที่ไม่เลวนัก ทำให้เขาได้กลายเป็นศิษย์สายนอกอย่างเป็นทางการ.

แน่นอน.

เขาไม่กล้าที่จะทำตัวเป็นจุดเด่นเกินไป นั่นก็เพราะต้องการตั้งสมาธิในการบ่มเพาะนั่นเอง.

ช่วงที่ผ่านมานั้น เขาลงเขาเพื่อล่าสัตว์ร้ายหลายต่อหลายครั้ง ทำให้พลังบ่มเพาะก้าวมาถึงระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่หนึ่งแล้ว.

กล่าวตามตรง เขาค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตน.

ด้วยพลังของตัวเองที่พิเศษเป็นอย่างมาก เป็นพลังที่กลืนกินพลังบ่มเพาะของคนอื่น ด้วยการหาเป้าหมายพลังภายนอกมากลืนกินให้เป็นของตัวเองนั้น หาได้ไม่ง่ายนัก ทำให้พลังบ่มเพาะของเขาเวลานี้ค่อนข้างช้า.

ไต่ลู่เคยคิดที่จะจากไปหลายครั้งเช่นกัน.

ทว่าคิดถึงว่าจุนซ่างเซียวจะนำศิษย์มาท้าประลอง เขาจึงต้องอดทนรอ.

สังหารสำนักหลิงชวนของข้า สังหารลูกพี่ลูกน้องของข้า.

ความแค้นที่ใหญ่โตนี้ ไม่สามารถยอมได้ จะต้องตายไปข้างหนึ่ง!

ไต้ลู่ที่วางแผนเอาไว้ เขาใช้แกนผลึกจำนวนมาก ติดสินบนอาวุโสเมื่อหลายวันก่อน ให้ตัวเองได้สิทธิ์เข้าร่วมประลองในครั้งนี้ด้วย.

“จุนซ่างเซียว!”

“ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ วันนี้ข้าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว!”

“ถึงกับกล้าคำรามตะโกนดังมาถึงที่นี่!”

“เหิมเกริมปานนั้น ถึงศิษย์สายในไม่ลงมือ ถึงจะสังหารอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ข้าจะทำให้เจ้าเจ็บปวดตายทั้งเป็น!”

ชายชุดเขียวที่กล่าวเสียงดัง.

เขาที่ต้องการท้าประลองศิษย์สายในของสำนักไท่กู่เจิ้ง ด้วยสถานะศิษย์สายนอก.

หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จ ข้าก็จะออกจากนิกายเซิ่งชวน ท่องเที่ยวไปทั่วยุทธภพ สั่งสมประสบการณ์เพื่อมากวาดล้างสำนักของเจ้าอีกครั้ง!

แล้วจะท้าประลองกับใคร?

ไว้ให้ถึงเวลาประลองค่อยเลือกก็ได้.

แน่นอน หากว่านิกายอนุญาต เขาจะเลือกศิษย์สายในที่แข็งแกร่งที่สุดของอีกฝ่าย ไม่เพียงแค่ตบหน้าจุนซ่างเซียวเท่านั้น ยังได้บรรเทาความแค้นของตัวเองลงบ้าง.

ในเมื่อข้าตัดผ่านไปยังระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่หนึ่งแล้ว พรุ่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าใหน? ข้าจะดูดพลังมันมาด้วย!

ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง คิดว่าใครจะมีคุณสมบัติมาประลองกับข้ารึ?

หืม.

หากให้ท้าประลองจริง ๆ ศิษย์สายในสำนักไท่กู่เจิ้งที่แข็งแกร่งที่สุด หากไม่ใช่ลู่เชียนเชียน คงจะเป็นเย่ซิงเฉิน.

จอมเขมือบ ปะทะราชันย์ยุทธ์กลับชาติมาเกิด จะเป็นใครกันที่จะได้รับชัย.

ไต่ลู่ที่เวลานี้กำลังฝันหวาน เขาต้องการที่จะทุบตีศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งทุกคน ทั้งหลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อ หากเป็นไปได้เขาจะจัดการด้วยตัวคนเดียวเลย.

“อิ อิ อิ!”

ไต้ลู่ที่กุมปาก หัวเราะอย่างชั่วร้าย ”จุนว่างเซียว เจ้าและศิษย์ จะกลายเป็นแท่นหินวางเท้าให้กับข้า ก้าวเดินไปจนถึงจุดสุดยอด.

......

ที่เชิงเขา.

จุนซ่างเซียวที่ตะโกนออกไปเสียงดัง เหล่าศิษย์เฝ้าประตูนิกายเซิ่งชวน เผยแววตาเหยียดหยัน.

สำนักไท่กู่เจิ้ง ระดับสำนักต่ำ ๆ เจ้าสำนักยังหนุ่ม แต่กับโอหังยิ่งนัก.

“ฮึ.”

หนึ่งในนั้นกล่าวเหยียด ๆ “เจ้าสำนักจุน นิกายเซิ่งชวนรอท่านมาถึงอยู่ เชิญขึ้นเขาได้เลย.”

จุนซ่างเซียวที่สะบัดมือ นำศิษย์ก้าวขึ้นเขาไป.

เย่ซิงเฉินที่ใบหน้าบิดเบี้ยวก้าวขึ้นบันไดหิน ภายในใจที่ไม่ยินดียิ่งนัก ที่เขาต้องเป็นคนแบกเครื่องเสียงขึ้นเขาไปด้วย.

บัดซบ!

ทำไมข้าต้องแบกเจ้าของอัปลักษณ์นี้ทุกครั้งด้วยกัน!

ประมุขอ้าย เจ้าเมืองเซี่ยและคนอื่น ๆ ที่แจ้งชื่อ และตามไปด้วยอย่างรวดเร็ว.

ขณะมองศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งก้าวขึ้นเขา แผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมา พวกเขาที่เผยความชื่นชมออกมาในทันที.

การท้าทายนิกายระดับห้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสราวกับการก้าวผ่านประตูนรก.

ทว่าศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งกับสุขุม ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใด ๆ เจ้าสำนักจุนฝึกฝนอย่างไรกัน.

“กึก ซี่!”

ประตูนิกายเซิ่งชวนที่เปิดออกมาช้า ๆ.

จุนซ่างเซียวที่สวมแว่นตากันแดดหรูหรา พร้อมกับสวมผ้าคลุมไหล่ขนสัตว์ ปากคีบบุหรี่ไฟฟ้า ก้าวเดินเข้าไปด้วยท่าทางวางมาด พร้อมกับเพลงประกอบตู่เฉิน(เทพพนัน).

***เป็นเพลงประกอบหนังเรื่อง God of Gambling(โจวเหวินฟะแสดงนำ) ความจริงชื่อเพลงคือ final countdown https://www.youtube.com/watch?v=pFi6f7k9DJ0

♫♫~♬ ♫~♬ ♪♩

♫♫~♬ ♫~♬ ♪♩

เพียงไม่นาน.

สายตาของทุกคนที่จับจ้องมองไปยังพวกเขาเป็นสายตาเดียวกัน.

“ฮึ!!”

“ทำเท่วางท่าไปเถอะ!”

“รอให้ขึ้นเวทีก่อนเถอะ การประลองเริ่มเมื่อไหร่ จะยังยืนอยู่ได้ไหม? กลัวว่าจะคุกเข่าขอความเมตตากับนิกายเซิ่งชวนละสิไม่ว่า.”

ผู้คนมากมายที่เผยความเหยียดหยันหมั่นใส้อีกฝ่ายอย่างหนัก.

อย่างไรก็ตาม.

ขณะที่จุนซ่างเซียวยืนอยู่ที่ลานยุทธ์ ศิษย์สองร้อยคนยืนอยู่ด้านหลัง ทุกคนที่เต็มไปด้วยความสุขุม เผยกลิ่นอายความอหังการ ทำให้เหล่ากลุ่มอิทธิพลที่จับจ้องมองใบหน้าแข็งค้างไปตาม ๆ กัน.

ศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้งแผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมา สายตาคมกล้า ไร้ซึ่งความกลัว หากไม่ได้ตาบอด คงจะบอกได้ว่าคนเหล่านี้ต่างก็มีระดับศิษย์ยุทธ์ พรสวรรค์ขั้นสูงอย่างแน่นอน!

“ข้า....เห็นภาพลวงตาอย่างงั้นรึ?”

“โอ้วสวรรค์ สำนักระดับแปด....”

“ผิดแล้ว.”

จุนซ่างเซียวที่ยกมือคีบบุหรี่ พร้อมกับพ่นควันเป็นวง นำตราของสมาคมรับรองศิษย์ออกมาพร้อมกับเอ่ยออกไปว่า “แหกตาสุนัขของเจ้า ดูให้ดีด้วย ผู้นำฉิน ไม่คิดเลยว่าท่านจะตาถั่วเหมือนเคย ดูให้ดีว่าแปดหรือเจ็ด.”

เพียงแค่คำพูดแรกก็กล่าวเหน็บแนมอีกฝ่ายแล้ว!

ฉินเห่าหรานที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว คำรามเสียงดัง “จุนซ่างเซียว แก....”

จุนซ่างเซียวที่ยกนิ้วกลางให้ กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล “แพ้ไปแล้ว ไม่มีคุณสมบัติมาเห่า ถอยไปให้ไกลจากหน้าของเปิ่นจั้ว.”

เขารู้ดีว่า คนผู้นี้เดินทางมายังนิกายเซิ่งชวน ก่อนหน้านี้ พร้อมกับกระทำการสกปรก ตอนนี้นำเหล่าสาวกของตัวเองมาอย่างครบครันเพื่อต้องการมาหัวเราะเยาะเขาโดยเฉพาะ.

คิดจะเยาะเย้ยเปิ่นจัว ต้องการให้เหล่าจื่อพูดดีด้วยอย่างงั้นรึ?

ต้องการทำให้ข้าอับอาย เจียมเนื้อเจียมตัวบ้าง!

ฉินเห่าหรานที่โกรธเกรี้ยว ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยปูดโปนออกมา ร่างกายสั่นเทิ้ม ทว่าไม่สามารถจะกล่าวอะไรออกมาได้อีก ต้องไม่ลืมว่ายิ่งโต้เถียงยิ่งกลายเป็นตัวตลก ทำให้เขาทำได้แค่เก็บคำพูดเอาไว้ จนปอดแทบระเบิดออกมาแล้ว!

“ฟริบ!”

จุนซ่างเซียวที่ขยับไหล่ ศิษย์ของเขาที่ก้าวเข้ามาเก็บผ้าคลุมไหล่ขนสัตว์ออกไป.

จุนซ่างเซียวที่ปล่อยผมสลวยพัดไปกับสายลม เอ่ยออกมาว่า “สำนักไท่กู่เจิ้งของข้ามาท้าประลอง คนของนิกายเซิ่งชวนไม่ออกมาต้อนรับ ดูเหมือนว่านี่คือมารยาทของนิกายใหญ่สินะ?”

ทุกคนที่มุมปากกระตุก.

กล้าท้าทายนิกายเซิ่งชวน ด้วยสำนักระดับแป....เจ็ดก็ได้ ช่างบ้าคลั่งยิ่งนัก!

“เหม่ยเอ๋อ.”

ซี่จิงเสวียนที่เดินออกมาจากลานด้านใน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสำนักจุนช่างร้ายกาจจริง ๆ น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้เห็นด้วยตัวเอง.”

ขณะกล่าว นางก็ยกมือกุมหน้าอก.

นางที่สัมผัสได้ถึงใบหน้าดวงตาที่กลมโต จมูกคมสัน.

ใช่แล้ว.

จิตสัมผัสของเจ้าวังซีนั้นกำลังตรวจสอบร่างของจุนซ่างเซียว สัมผัสดังกล่าวเองก็คมกล้าคล้ายกับความสามารถของสัตว์ร้าย!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด