ตอนที่แล้วChapter 278 ออกเดินทาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 280 บ้า

Chapter 279 นิกายเซิ่งชวน


บนทวีปชิงหยุนนั้น พื้นที่แต่ละแห่งมีพลังวิญญาณที่แตกต่างกัน เหล่ากลุ่มอิทธิพลใหญ่ที่แข็งแกร่งย่อมตั้งอยู่บนภูเขาที่เปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณหนาแน่น.

ภายในมนทลชิงหยางนั้นมีเทือกเขามากมายหลายพันลูก แต่ละแห่งนั้นมีพลังวิญญาณที่แตกต่างกัน ทว่าเทือกเขาเกือบทั้งหมดค่อนข้างแห้งแล้งเป็นอย่างมาก.

อย่างไรก็ตามบนเทือกเขาพื้นที่นอกมนทลแห่งหนึ่ง กับเต็มไปด้วยพลังวิญญาณที่เปี่ยมล้นออกมาราวกับน้ำพุ ที่นี่ถูกเรียกว่าภูเขาเซิ่งชวน(น้ำพุศักดิ์สิทธิ์).

800 ปีที่แล้ว มียอดฝีมือคนหนึ่งได้มาก่อตั้งสำนักที่นี่ และเรียกสำนักตัวเองว่าเซิ่งชวน ก่อนที่จะพัฒนาเติบโตจนกลายเป็นนิกายดั่งเช่นทุกวันนี้.

ในวันนี้พวกเขาเป็นนิกายระดับห้า พื้นที่รอบ ๆ หลายพันลี้ เปี่ยมล้นไปด้วยพลังวิญญาณอันเหลือล้น.

ผู้ฝึกยุทธ์มากมายเชื่อว่า นิกายเซิ่งชวนที่ประสบความสำเร็จจนก้าวมาถึงระดับนี้ได้นั้น เป็นเพราะที่ตั้งนิกายที่อุดมสมบูรณ์ เปี่ยมไปด้วยปราณวิญญาณและทรัพยากรฝึกฝนมากมาย.

น่าเสียดาย.

คนที่ไม่ได้สังกัดนิกายดังกล่าว ไม่สามารถดื่มด่ำกับพลังวิญญาณที่หนาแน่นแห่งนี้ได้.

วันนี้ ที่ด้านหน้าประตูนิกายเซิ่งชวน มีกลุ่มอิทธิพลมากมายที่มาเยือน ระหว่างทางขึ้นเขา ที่สร้างขึ้นจากบันไดศิลาคงอยู่มาหลายร้อยปี เต็มไปด้วยผู้มาเยือน.

“นิกายระดับห้าช่างยิ่งใหญ่จริง ๆ!”

ชาวยุทธ์มากมายที่จ้องมองอากาศที่หนาแน่นไปด้วยพลังวิญญาณ แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉา.

“หากไม่เพราะสำนักไท่กู่เจิ้งท้าประลองนิกายเซิ่งชวน พวกเราเกรงว่าคงไม่มีโอกาสที่จะได้เข้ามาในนิกายที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้แน่.”

“จะให้พูดก็พูดเถอะ สำนักระดับแปดไปกินดีหมีมาจากใหน คาดไม่ถึงเลยว่าจะใจกล้าท้าทายนิกายเซิ่งชวน.”

“หลายปีมานี้พวกเขาก็สร้างเรื่องมากมาย ไม่คิดเลยว่าจะอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้?”

“ท้าทายสำนักระดับหก ท้าทายนิกายระดับห้า หากพ่ายแพ้ คงยากจะมีหน้าอยู่ในยุทธภพต่อไปได้.”

เสียงของชาวยุทธ์ที่พูดคุยกันไปต่าง ๆ นานา.

พวกเขามาจากดินแดนที่แตกต่างกัน แม้นว่าการเดินทางครั้งนี้ต้องการมาชมการต่อสู้ของสำนักไท่กู่เจิ้งประลองกันนิกายเซิ่งชวน ทว่าก็ต้องการมาเห็นนิกายระดับห้าด้วย.

ทำไม?

เพราะว่า หากไม่มีเหตุการณ์ประลอง สำนักไท่กู่เจิ้งไม่ท้าทายนิกายระดับห้า ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะก้าวขึ้นมาบนนิกายที่ยิ่งใหญ่ได้แม้แต่บันไดหินขั้นเดียว.

......

นิกายเซิ่งชวนใหญ่โตมาก.

ลานยุทธ์ด้านนอกนั้น พื้นที่ใหญ่โตกว่าพื้นที่ของลานยุทธ์ประจำเมืองลี่หยางมนทลระดับแปดซะอีก.

แม้แต่บนเวทีประลองยังราบเรียบกว้างใหญ่ ดูอลังการ เพียงแค่มองก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่าเกรงขามได้แล้ว.

นิกายที่มีความเป็นมากว่า 800 ปี สามารถที่จะก้าวไปถึงนิกายระดับห้าได้ ไม่ต้องบอกเลยว่าจะยิ่งใหญ่ขนาดใหน.

เวลานี้กลุ่มชาวยุทธ์มากมายมาออกันที่หน้าประตู ทุกคนที่อยู่ล้อมลานยุทธ์ ใบหน้าเคร่งขรึมเงียบงัน สายตาจดจ้องมองไปยังห้องโถงใหญ่ ด้วยท่าทางเคารพ.

คู่ควรที่จะเป็นนิกายใหญ่!

แม้นว่าจะยืนอยู่ด้านนอกห่าง ๆ ภายในใจยังเต็มไปด้วยความเคารพ.

อย่างไรก็ตาม ขณะที่พวกเขาเห็นศิษย์มากมายที่กำลังวุ่นวายอยู่นั้น แต่ละคนแผ่กลิ่นอายที่สะกดข่ม มีระดับศิษย์ยุทธ์เกือบทั้งหมด ก็ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก.

เหล่าศิษย์ยุทธ์ยังเป็นเพียงศิษย์ทั่วไปรึ?

พวกเขาบอกได้ว่า เหล่าศิษย์ของนิกายเซิ่งชวนนั้น แผ่กลิ่นอายที่เหมือนกับยอดฝีมือระดับสูงทั้งนั้นออกมา.

ในทวีปชิงหยุนนั้น ความน่าเกรงขามไม่ใช่แค่ดินแดนยุทธ์ ยังมีการแบ่งระดับพรสวรรค์ออกเป็นต่ำ ระดับกลาง สูงและสุดยอดด้วย.

ยกตัวอย่างระดับศิษย์ยุทธ์.

ความแข็งแกร่งทั่วไปของศิษย์ยุทธ์ขั้นหนึ่งจะอยู่ที่ 1000-2000 จิน.

คนที่มีความแข็งแกร่ง 1000 คือคนที่อยู่ในระดับต่ำ คนที่มีพลังก้าวไปถึงระดับ 1500 จิน จะถูกเรียกว่าพรสวรรค์ระดับกลาง และมากกว่า 2000 ก็จะถูกนับว่าเป็นระดับสูง.

และระดับศิษย์ยุทธ์พรสวรรค์ระดับสุดยอดนั้นจะต้องมีระดับความแข็งแกร่งมากกว่า 2500 จิน!

ความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันนั้นขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ ดังนั้นศิษย์ระดับสุดยอด จึงถูกนับว่าเป็นยอดพรสวรรค์ของผู้ฝึกยุทธ์นั่นเอง!

เมื่อเป็นเช่นนั้น ความแตกต่างของระดับสุดยอดกับระดับทั่วไปจะแตกต่างกันขนาดใหน?

ต้องบอกว่าแตกต่างกันมาก!

ยกตัวอย่างระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นปลาย.

พรสวรรค์ระดับทั่วไปจะมีความแข็งแกร่งสูงสุดเพียง 12,000 จิน หากแต่ศิษย์ยุทธ์ขั้นปลายพรสวรรค์ระดับสุดยอดนั้นมีพลังขั้นต่ำ 25,000 จิน.

ความแตกต่างสองเท่า ระดับสุดยอดสามารถสังหารระดับทั่วไปในทันที.

เหล่าศิษย์นิกายเซิ่งชวนที่วุ่นวายกับงานทั่วไปอยู่นั้น ก้าวของพวกเขาดูมั่นคง ทำให้เหล่ากลุ่มอิทธิพลต่าง ๆจ้องมองตาโต คนเหล่านี้ต้องเป็นศิษย์ระดับสูงอย่างไม่ต้องสงสัย.

เมื่อนำมาเทียบกับศิษย์ของพวกเขาแล้ว ในวันนี้สามารถมองเห็นช่องว่างที่ดูใหญ่โตเป็นอย่างมาก.

“ทุกท่าน.”

ในเวลานั้น ศิษย์คนหนึ่งที่น่าเกรงขามเดินเข้ามา “พื้นที่ต้อนรับจัดเตรียมไว้แล้ว โปรดมากับข้า.”

เหล่าแขกผู้มาเยือนเต็มไปด้วยความตกใจตะลึงงัน.

ศิษย์คนดังกล่าวน่าจะมีอายุไม่ถึง 20 ปี ทว่ากับมีระดับอาจารย์ยุทธ์แล้ว กลิ่นอายที่แผ่ออกมา ต้องเป็นศิษย์ระดับสูงอย่างแน่นอน.

“เขาคือศิษย์สายตรงของนิกายเซิ่งชวน นามชิงหลินเฟิง!”

“เขาเคยถือกระบี่สามฉื่อลุยเดี่ยวบุกเข้าค่ายโจร สังหารโจรร้ายกว่า 300 คน เพียงคนเดียวมาแล้ว”

“นับว่าเป็นยอดฝีมือตั้งแต่ยังเยาว์!”

เหล่าแขกที่ก้าวตามมานั้น สายตาจดจ้องมองเหล่าผู้เยาว์ที่เปี่ยมพรสวรรค์ไม่วางตา.

นิกายเซิ่งชวนศิษย์สายตรงจะมีรากวิญญาณขั้นสุดยอด ต่างก็มีที่พักของตัวเอง สมฐานะของผู้เยาว์พรสวรรค์.

เดี๋ยวนะ!

ในเวลาเดียวกัน ผู้คนที่จับจ้องมองไปยังลานสวนด้านใน จ้องมองไปยังสตรีผู้งดงามผู้หนึ่ง ที่ล้อมรอบไปด้วยศิษย์สตรี.

“นั่นมัน...เจ้าวังเมี่ยวฮัว!

“โอ้วสวรรค์ เจ้าวัง นิกายระดับสี่มาที่นี่อย่างงั้นรึ?”

“คาดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะเป็นแขกของนิกายเซิ่งชวนด้วย?”

ผู้คนมากมายที่เผยความประหลาดใจออกมา.

ชิงหลินเฟิงเอ่ยออกมาว่า “เจ้าวังซีที่ ได้ยินมาว่านิกายไท่กู่เจิ้งต้องการท้าประลองนิกายเซิ่งชวนของพวกเรา จึงตั้งใจเดินทางมาชมการแข่งขันโดยเฉพาะ.”

ทุกคนที่มุมปากกระตุก.

สำนักระดับแปดท้าทายนิกายระดับห้า เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก ทว่าการที่เจ้าวัง วังเมี่ยวฮัวระดับสี่เดินทางมาชมด้วยความสนใจ เรื่องนี้ยากจะเชื่ออยู่เล็กน้อย!

ในเวลาเดียวกัน สตรีสองคนที่ก้าวออกมาจากลานด้านใน ที่ไหล่ของพวกนางนั้นปักษ์รูปดอกไป๋เหอ(ลิลลี่)เอาไว้!

สายตาของทุกคนที่เบิกกว้างกลมโต.

ลายปักษ์ดอกไป๋เหอ บางที....

ชิงหลินเฟิงเอ่ย “พวกเขาเป็นศิษย์ของนิกายไป๋เหอเซิง เดินทางมาเพื่อชมการแข่งขันเช่นกัน.”

แฮก ๆ!

ทุกคนที่สูดหายใจที่เย็นเยือบเข้าไป.

สำนักไท่กู่เจิ้งท้าทายนิกายเซิ่งชวน แม้แต่คนของนิกายระดับสองยังเดินทางมา นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน!

“สตรีผู้นั้น บางทีคงเป็นสุดยอดพรสวรรค์ของเมืองเทียนไห่ มู่หรงซิน?”

“วิ้ง วิ้ง สตรีผู้นี้ข้าได้ยินมาเช่นกัน นางมีรากวิญญาณระดับสุดยอด เป็นคนที่สวรรค์โปรดปราณของมนทลเทียนไห่.”

“ได้ยินมาว่า อาวุโส 11 ของนิกายไป๋เหอเซิ่งเดินทางมารับเป็นศิษย์สายตรงด้วยตัวเอง เรื่องในครั้งนั้นสั่นสะเทือนไปทั่วมนทล.”

“เฮ้เฮ้ ยังมีเรื่องที่น่าตื่นตะลึงยิ่งกว่านั้น นางได้นำคนของนิกายไป๋เหอเซิ่ง เดินทางไปยังตระกูลเซียวมนทลชิงหยางเพื่อถอนหมั้นอีกด้วย.”

“ข้าได้ยินเช่นกัน ดูเหมือนว่าจะเป็นสุดยอดพรสวรรค์รากวิญญาณระดับสุดยอดเช่นกัน ทว่าหลังจากพลังบ่มเพาะถดถอย ก็กลายเป็นขยะ ทำให้มู่หรงซินทอดทิ้งไปในทันที.”

“บุรุษที่ถูกสตรีทอดทิ้งในทวีปชิงหยุน ไม่รู้ว่าจะยังมีหน้ามีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่ เป็นข้าคงอับอายแทรกแผ่นดินหนีไปแล้ว น่าขายหน้ายิ่งนัก.”

เสียงพูดคุยของเหล่าแขก มู่หรงซินที่ได้ยินเช่นกัน แววตาของนางที่เผยความโกรธออกมา.

“ศิษย์น้อง.”

ศิษย์พี่ของนางที่กล่าวเสียงเบา “อย่าได้ไปสนพวกชั้นต่ำเหล่านี้เลย.”

ทุกคนที่จ้องมองไปยังมู่หรงซินที่เผยความโกรธออกมา พวกเขาก็หุบปากไปในทันที ก่อนที่จะก้าวตามชิงหลินเฟิงไป.

ศิษย์พี่ของนางเอ่ย “ศิษย์น้องเรื่องที่เจ้าถอนหมั้น มันเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว พวกปากสว่างชอบนินทา ไม่สามารถห้ามได้ ดังนั้นอย่าได้สนใจ.”

มู่หรงซินไม่เอ่ยอะไร ภายในใจที่รู้สึกผิดขึ้นมา.

นางเข้าใจดี ที่นางโกรธ ไม่ใช่ว่าคนเหล่านั้นดูแคลนนาง ทว่าพวกเขาดูถูกเซียวจุ้ยจื่อนั่นเอง.

หลีกเลี่ยงไม่ได้ การกระทำในครั้นนั้น นางคิดน้อยเกินไป การถอนหมั้นของนาง ได้กระทำการโฉ่งฉางเกินไป จนทำให้กลายเป็นเรื่องที่ใหญ่โตผู้คนรู้กันไปทั่ว.

“เซียวจุ้ยจื่อ ข้าขอโทษ ข้าต้องการอิสระ ไม่ได้ต้องการทำร้ายเจ้า.”มู่หรงซินที่กล่าวในใจ.

ขอโทษแล้วมีประโยชน์อะไร?

เรื่องนานาจิตนัง ทุกคนต่างจิตต่างใจ มีมุมมองที่แตกต่างกัน.

ทว่าเรื่องนี้จุนซ่างเซียวที่มองเห็นเช่นกัน ว่ามู่หรงซินนั้นไม่ได้ตั้งใจ ท่าทางของนางที่แสดงต่อเซียวจุ้ยจื่อ ที่เผยความรู้สึกผิด ทว่ากับเซียวจุ้ยจื่อเองก็มีศักดิ์ศรีของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงได้กำหนดเวลาสองปี ที่จะนำศิษย์เดินทางไปยังนิกายไป๋เหอเซิ่งเพื่อทวงคืนความยุติธรรม.

ในโลกใบนี้ ไม่มีคำว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในเมื่อกระทำอะไรลงไปแล้ว ย่อมต้องจ่ายค่าตอบแทบที่เท่า ๆ กัน!

รู้สึกผิดจริง ๆ รึ?

ในเมื่อเจ้านำคนมากมายไปยังตระกูลเซียวใช้พลังข่มขู่ สร้างความขายหน้าให้พวกเขา ในครั้งหน้าข้าก็จะนำคนของสำนักไท่กู่เจิ้ง ไปหาเพื่อแสดงอำนาจบ้างเช่นกัน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด