ตอนที่แล้วChapter 47 กำปั้นหนักกว่ามาก.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 49 ศัตรูในทางแคบ

Chapter 48 ค่ายวายุทมิฬ เปิ่นจั้วกวาดล้างเอง.


ขณะที่เขาตรวจสอบสินค้าศิษย์ แม้นว่าจะเป็นสินค้าระดับขั้นต้นเหมือนกัน ทว่าผลของมันนั้นไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรนัก.

ยกตัวอย่างเช่นสินค้าผงรวมวิญญาณ สินค้าดังกล่าวนั้นเป็นสินค้าที่ลดระดับจากเม็ดยารวมวิญญาณ ผลของมันมีเพียงสองเท่าและประสิทธิภาพก็เพียงแค่หกชั่วยามเท่านั้น.

“คุณภาพลดลงไปมาก.”

จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา ก่อนที่จะตรวจสอบสินค้าอื่นต่อ.

เขาได้พบอาวุธชิ้นแรกในร้านค้ามือใหม่ศิษย์ ถึงกับพูดไม่ออกเหมือนกัน “กระบี่ไม้? มันจะคุณภาพลดลงไปเยอะเกินไปไหม!”

อย่างไรก็ตามคิดถึงกระบี่หานเฟิงระดับสามัญขั้นต้น เขาก็พอบอกได้ว่ากระบี่ไม้ก็ควรจะมีคุณภาพที่ดี อย่างน้อยเมื่อเทียบกับกระบี่อื่น ๆ ในทวีปชิงหยุน ควรจะมีระดับต่ำขั้นกลางหรือไม่?

จุนซ่างเซียวที่กวาดตามองสินค้าชิ้นแล้วชิ้นเล่า พบว่าส่วนมากไม่สามารถใช้การได้เลย จากนั้นเขาจึงซื้อผงรวมวิญญาณและกระบี่ไม้มา.

ขณะเดียวกันสินค้าก็ถูกส่งเข้ามาในแหวนมิติ และที่ด้านหลัง ซูเซียวโม่มีอักษรขึ้นว่า ค่าสนับสนุนจะรีเซ็ตในเร็ว ๆ นี้.

“ทำไมไม่มีเสียงแจ้งเตือนล่ะ?”จุนซ่างเซียนกล่าว.

ระบบเอ่ย “การซื้อสินค้าให้ศิษย์ยังไม่อยู่ในภาวะสมบูรณ์ รอการปรับปรุง หากโฮสน์ชอบเมื่อกลับสู่ปรกติจะส่งเสียงอีกครั้ง.”

“ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงระบบ.”

จุนซ่างเซียวที่ไม่ได้ยินเสียงแจ้งเตือน จึงคิดว่ามีปัญหา.

“หืม กำลังปรับปรุงระบบอย่างงั้นรึ?”

“ใช่แล้ว ทำให้ตอนนี้ไม่สามารถแจ้งเตือนได้ชั่วคราว.”

“ชั่วคราว?”

จุนซ่างเซียวกล่าวต่อ “หมายความว่าอย่างไร?”

ระบบกล่าว “ระดับของโฮสน์ที่ยกระดับสูงขึ้น ระดับสิ่งก่อสร้างสำนักสูงขึ้น ระบบเองก็ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นด้วยเช่นกัน.”

จุนซ่างเซียวกล่าว “ข้าแข็งแกร่งขึ้น เจ้าก็แข็งแกร่งขึ้นด้วยอย่างงั้นรึ?”

“เข้าใจก็ดีแล้ว.”ระบบตอบ.

จุนซ่างเซียวที่เอ่ยกล่าวหยั่งเชิง “งั้นถ้าเจ้าแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ วันหนึ่ง ไม่ทรยศข้าหรอกรึ?”

ระบบตอบ “โฮสน์สลาย ระบบก็สลายด้วยเช่นกัน.”

“เป็นเช่นนี้นะเอง.”

จุนซ่างเซียวที่รู้สึกเบาใจขึ้นและกล่าวออกมว่า “ตอนนี้ผลของยันต์ความเร็วเหลือเวลาเท่าใด?”

“45 นาที.”ระบบตอบ.

จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา “ด้วยเวลาที่เหลือ ข้าน่าจะเดินทางไปยังเมืองชิงหยาง เพื่อขอรับรางวัลหนึ่งพันทองจากทางการได้.”

“เทียนฉี.”

“อยู่นี่แล้ว!”

“เปิ่นจั้วจะออกไปด้านนอก เจ้านำพาคนอื่น ๆ ไปฝึกฝนให้ดี.”

“ครับ!”

ด้วยผลของยันต์ความเร็วเหลืออยู่ไม่มาก จุนซ่างเซียวไม่อยากเสียเวลา เขาออกจากสำนักไท่กู่เจิ้งทันที พริบตาเดียวก็หายไปจนลับสายตาแล้ว.

ความเร็วที่เขามีตอนนี้มากมายเป็นอย่างมาก พริบตาเดียวก็มาอยู่ที่เชิงเขา.

“หากมีสิ่งนี้ ดูเหมือนว่าจะใช้เดินทางได้สะดวกเป็นอย่างมาก.”

“น่าเสียดาย ที่ไม่มีขายอีกแล้ว ไม่เช่นนั้นจะต้องซื้อเก็บเอาไว้แน่.”

ระหว่างที่กล่าวนั้น ร่างของเขาก็หายไป เร่งรีบเดินทางไปยังเมืองชิงหยางเต็มกำลัง.

......

ในทุ่งหญ้าป่าเขาลำเนาไพร.

สตรีผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ใบหน้าเผยท่าทางเหนียมอาย “พี่หลี่ ท่านอย่าทำอะไรน่าอาย ไม่กลัวว่าจะมีคนผ่านมาเห็นรึ?”

ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าพี่หลี่นั้น ยื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าของนาง กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ที่นี่ไม่มีใคร ไม่ต้องกลัวถูกพบ พี่ชายมาที่นี่หลายวันแล้วไม่เห็นใครนอกจากเจ้า และยังไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วด้วย.”

“อ๊า.”

สตรีคนดังกล่าวที่ก้มหน้าลง กล่าวเสียงกระเส่า “ข้าก็เหมือนกัน.”

ชายหนุ่มหญิงสาวที่กำลังโอบกอดพร้อมกับจูบอย่างดูดดื่ม ราวกับลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น คล้ายกับเวลาได้หยุดลงไปแล้ว.

ทว่าเวลาเดียวกัน สตรีคนดังกล่าว ดวงตาพริมกระพริบเผลอมองขึ้นไปด้านบนก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันที บนต้นไม้มีผู้เยาว์คนหนึ่งที่เผยยิ้มอย่างมีเลศนัยน์ให้กับนาง.

“กรี๊ด ๆ !”

เสียงที่ดังก้องไปทั่วป่า.

“เกิดอะไรขึ้น?”พี่หลี่เร่งรีบกล่าวออกมาทันที.

หญิงสาวที่ชี้ขึ้นไปบนต้นไม้ ด้วยน้ำเสียงหวาดผวา “ต้นไม้...บนต้นไม้มีคน!”

พี่หลี่เร่งรีบจ้องมองขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ก็พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งเช่นกัน.

“เอ่อ......”

จุนซ่างเซียวที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางอักอ่วน เกาศีรษะไปมาและเอ่ยออกมาว่า “ขอโทษที รบกวนทั้งสองแล้ว.”

พี่หลี่ที่คำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้าเป็นใคร มาตั้งแต่เมื่อ......”

ยังกล่าวไม่จบด้วยซ้ำ ชายหนุ่มบนต้นไม้ก็ค่อยสลายหายไป พี่หลี่ที่กล่าวเสียงสั่นด้วยความหวาดผวา “มารดาเถอะ.....ผี ๆ ๆ......!”

ไม่เอ่ยกล่าวอะไรอีกต่อไป ทั้งคู่ที่วิ่งหนีกลับหมู่บ้านอย่างเอาเป็นเอาตาย.

จุนซ่างเซียวที่ไปหยุดที่ภูเขาอีกลูก เห็นชายหนุ่มที่ไม่ลืมที่จะพาหญิงสาวคนรักหนีไปด้วย จึงได้เอ่ยกล่าวออกมาว่า “ควรจะเป็นคู่รักที่รักกันด้วยความจริงใจ เปิ่นจั้วเองก็อยากมีความรู้สึกนี้เช่นกันเหมือนกัน รักกัน อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า.”

“เฮ้อ.”

เขาที่เป็นเหมือนหมาโสด อดไม่ได้เลยที่จะกล่าวออกมาด้วยความเศร้า “อีกหนึ่งเดือนจะ18 ปีแล้วนะ เมื่อไหร่ข้าจะมีกับเขาบ้าง?”

เขามาจากต่างโลก ต้องพัฒนาสำนักอย่างแข็งขัน หากว่ามีคนรักย่อมเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม.

ลู่เชียนเชียน?

โอ้ย โอ้ย.

สตรีคนนี้มีอดีต อย่าเล่นกับไฟเลยดีกว่า.

......

เมืองชิงหยาง.

จุนซ่างเซียวมาหยุดที่ประตูเมือง.

จากสำนักไท่กู่เจิ้งจนมาถึงที่นี่ เขาใช้เวลาเพียงห้านาทีเท่านั้น แม้ว่าจะหยุดเพื่อชมวิวทิวทัศน์บ้างเล็กน้อย แต่ก็เพิ่มความเร็วเดินทางมาที่นี่เต็มกำลัง.

“เอ๊ะ?”

“มีคนมากมายขนาดนี้เลยรึ?”

“เจ้าสำนักจุน ท่านก็มาด้วยอย่างงั้นรึ?!”

ที่ทางเข้าประตูเมืองมีชาวยุทธ์คนหนึ่ง ที่จดจำจุนซ่างเซียวได้.

“เจ้าสำนักจุน.”

ชาวยุทธ์คนดังกล่าวเร่งรีบเข้ามาหา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ามีปัญหาเรื่องวิถียุทธ์ ยินดีที่จะจ่าย 200 เงิน ทว่าข้าต้องการ.....”

“ข้ายังไม่มีเวลา.”

จุนซ่างเซียวที่ก้าวเท้าเข้าไปในเมืองทันที.

กล่าวได้ว่านับตั้งแต่งานร้อยสำนักจบลง เขาก็เป็นที่รู้จักในเมืองชิงหยางเป็นอย่างมาก หลังจากเข้ามาในเมือง จึงกลายเป็นที่จับตามองของทุกคน.

จุนซ่างเซียวหาได้สนใจใคร เขาจ้องมองไปยังป้ายประกาศ ด้วยแววตาเป็นประกายขึ้นมาทันที.

ประกาศที่เขียนเอาไว้นั้นดูเหมือนงานศิลปะ แต่มีความหมาย เจ้าเมืองต้องการขอบคุณผู้กล้าที่ทำลายค่ายโจรวายุทมิฬ ยินดีที่จะมอบของขวัญหนึ่งพันทอง ขอเพียงเดินทางไปยังตำหนักเจ้าเมืองเพื่อรับรางวัล.

“จอแจ.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “คาดไม่ถึงเลยว่าเปิ่นจั้วทำลายค่ายวายุทมิฬ จะได้รับเงินพันทองเป็นรางวัล.”

กึก.

พื้นที่รอบ ๆ เงียบไปในทันที.

จุนซ่างเซียวที่ตระหนักได้ว่ามันผิดปรกติ จึงได้กวาดตามองไปรอบ ๆ เหล่าคนจรและผู้ฝึกยุทธ์ได้จ้องมองมายังเขาด้วยแววตาเหลือเชื่อ.

ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่หันหน้ามาและเอ่ยสอบถาม “เจ้าสำนักจุน ค่ายวายุทมิฬท่านเป็นคนกวาดล้างอย่างงั้นรึ?”

“ใช่.”จุนซ่างเซียวเอ่ยตอบรับตามความจริง.

“......”

ทุกคนถึงกับปากกระตุก.

ก่อนหน้านี้เขาเอาชนะอาวุโสสำนักหลิงชวน ทำให้ชาวยุทธ์ทั่วเมืองรู้จักเขา พวกเขารับรู้ด้วยว่าเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งนั้นมีอาวุธที่มีคุณภาพสูง.

แต่เขากำจัดโจรภูเขาค่ายวายุทมิฬนะรึ? เป็นคำกล่าวที่ไร้สาระแน่นอน!

“เฮ้.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย.“ตำหนักเจ้าเมืองไปทางใหน?”

ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งเอ่ยสอบถามเสียงเบา “เจ้าสำนักจุนท่านจะไปรับเงินรางวัลจริงรึ?”

จุนซ่างเซียวที่ชี้ไปยังป้ายประกาศ “บนประกาศไม่ได้เขียนไว้รึ? ใครกำจัดโจค่ายวายุทมิฬ จะได้รับเงินรางวัล?”

ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนที่กล่าวสอดขึ้นมา “เจ้าสำนักจุน คิดจะแกล้งปลอมตัวเป็นผู้กล้าไปรับรางวัล จะถูกขังคุกเอานะ แม้แต่บางคนยังถูกลงโทษกุดศีรษะไปด้วย.”

“แกล้งรึ?”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ค่ายโจรวายุทมิฬเป็นเปิ่นจั้วทำลายไปจริง ๆ.”

“เฮ้อ.”

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆ ถึงกับส่ายหัว “ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามืดบอดด้วยความโลภจนมองไม่เห็นอันตราย.”

เหล่าคนที่ผ่านไปมาเองตลอดจนประชาชนทั่วไปต่างก็ส่ายหน้าไปมาเช่นกัน.

ทุกคนต่างก็เชื่อว่า เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งคงหิวละโมบในตัวเงิน ถึงกับต้องการแสร้งเป็นผู้กล้าไปรับรางวัล.

จุนซ่างเซียวถึงกับพูดไม่ออก.

ความรู้สึกของพวกเขา ผู้กล้าที่ช่วยขับไล่ปิศาจร้ายนั้นทรงพลังร้ายกาจมาก พวกเขาจึงยากที่จะยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นได้.

กับพลังที่อ่อนด๋อยของเขาเวลานี้ จะเป็นไปได้อย่างไร หากเปลี่ยนเป็นเจ้าสำนักนิกายเขาชางซาน ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า เขากำจัดค่ายโจรวายุทมิฬไป พวกเขาถึงจะไม่สงสัย.

“เจ้าสำนักจุน?”

ที่ด้านข้างออกไป บิดาของหลี่ชิงหยาง ประมุขหลี่ได้ก้าวเข้ามา เผยยิ้มยกมือประสานเอ่ยออกมาว่า “ท่านมาที่เมืองชิงหยางตั้งแต่เมื่อใด.”

หนึ่งเดือนที่ไม่เห็นหน้า กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนไปมาก การชี้แนะครั้งนั้นเขาได้ผลประโยชน์ไม่น้อย แม้แต่ระดับพลังฝึกตนก็ก้าวหน้าขึ้นมากด้วย.

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ประมุขหลี่มาได้จังหวะพอดี ช่วยพาข้าไปยังตำหนักเจ้าเมืองหน่อย.”

ประมุขหลี่ที่ตกใจ “เจ้าสำนักจุน มีเรื่องอะไรกับสำนักเจ้าเมืองอย่างงั้นรึ?”

“ไปรับเงินรางวัล.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

กึก.

ใบหน้าของประมุขหลี่ถึงกับแข็งค้าง.

หลังจากผ่านไปนานเหมือนกัน ปากของเขาก็กระตุกและเอ่ยออกมาว่า “เจ้าสำนักจุน อย่าบอกนะ ว่าท่านเป็นคนทำลายค่ายโจรวายุ...”

“ไม่ผิด!”

จุนซ่างเซียวที่รู้สึกหงุดหงิด “ค่ายโจรวายุทมิฬเป็นเปิ่นจั้วทำลายไป จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม โปรดพาข้าไปยังตำหนักเจ้าเมืองด้วย!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด