ตอนที่แล้วChapter 31 ขจัดมารร้ายที่คุกคามผู้คน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 33 สถานะของลู่เชียนเชียน?

Chapter 32 เป้าหมายลำดับแรกของสำนัก


จุนซ่างเซียวขึ้นเขาเพียงคนเดียว เพื่อมานำศิษย์ลงจากเขา.

เวลานี้ เหล่าโจรภูเขาทั้งหมด ตลอดจนค่ายวายุทมิฬได้กลายเป็นเถ้าถ่าน ทุกอย่างได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว.

การเดินทางมาครั้งนี้ สามารถเก็บเกี่ยวได้มากมาย.

คาดไม่ถึงเลยว่าจะทำภารกิจลับสำเร็จ ได้รับ 50 แต้มสนับสนุน ทอง เงินและอัญมณีมากมายเป็นเทือกเขาเลากอ ถูกใส่เข้าไปในแหวนมิติของเขา.

จุนซ่างเซียวไม่รู้เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเป็นค่าเงินในทวีปชิงหยุนแห่งนี้ แต่พอจะคาดเดาคร่าว ๆ ว่า หากเปลี่ยนเป็นเงินทั้งหมด อย่างน้อยก็ต้องมีมูลค่าต่ำสุด 10, 000 เหรียญ.

“มีเงินซ่อมแซมสวนด้านในแล้ว.”

ระหว่างทาง เจ้าสำนักจุน ยิ้มแย้มตลอดเวลา ทว่าภายในใจนั้นเผยแววตาเงียบงำเย็นชา.

สำหนักหลิงชวน.

ถึงกับว่าจ้างโจรภูเขาให้มาจับตัวศิษย์ของข้า.

ตั้งแต่แรก เมื่อเขาเข้าไปยังค่ายโจร โจวเทียนป้าเอ่ยนามของเขา จุนซ่างเซียวก็สงสัยบ้างแล้ว ใครจะคิดล่ะว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการที่ถูกวางเอาไว้.

“ลักพาศิษย์ของข้าเพื่อเรียกค่าไถ่ หากข้าไม่ไป ก็จะทำให้ศิษย์คนอื่น ๆผิดหวัง แม้แต่ปล่อยข่าวทำลายชื่อเสียง หากข้าไป ไม่เพียงแต่ได้เงิน ยังปลิดชีวิตข้าด้วย.”

“ไม่เลววางแผนได้ดี.”จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา “น่าเสียดาย หัวหน้าใหญ่และสำนักหลิงชวนคงจะไม่คาดฝัน ว่าข้ามีดาบหนานโชว ที่สามารถสังหารพวกมันได้โดยง่าย.”

“เฮ้อ.”

เขาลูบแก้มและเอ่ยกล่าวออกมาว่า “ข้าเพียงต้องการพัฒนาสำนักในทวีปชิงหยุนอย่างค้อมต่ำ ไม่ต้องการข้องเกี่ยวสร้างปัญหาให้กับใคร ทำไมถึงต้องมาหาเรื่องข้าด้วย?”

“สำนักหลิงชวน.”

เสียงที่แค่น เย็นชา ดังขึ้นเบา ๆ “เปิ่นจั้วจะต้องไปถามหาความยุติธรรมจากเจ้าไม่ช้า ก็เร็ว ๆ นี้แน่.”

ทำไมอีกไม่ช้าไม่นาน ไม่ใช่ตอนนี้? เพราะว่าดาบหนานโชวถูกผนึก การไปยังสำนักหลิงชวนเพื่อถามหาความยุติธรรมด้วยพลังบ่มเพาะตอนนี้ ยังคงเป็นเรื่องที่ยากลำบากไม่น้อย.

“ร้านค้าสำนักมียันต์เปิดผนึกขายหรือไม่?”

จุนซ่างเซียวที่เปิดคอนโซนคำสั่ง เลือกร้านค้า หากแต่ไม่อาจหายันต์เปิดผนึกได้เลย.

ระบบเอ่ย “ยันต์เปิดผนึกนั้นไม่ใช่สินค้าไว้ขาย โฮสน์จำเป็นต้องทำภารกิจพิเศษ จึงจะมีโอกาสได้รับมา.”

“ภารกิจพิเศษ ถึงจะมีโอกาสได้รับมาอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวยักไหล่ “หมายความว่า การที่ข้าจะได้ยันต์เปิดผนึกมา ขึ้นอยู่กับโชคสินะ?”

“ไม่ผิด.”

“แต่โอกาสไม่ได้ต่ำเตี้ยเหมือนซื้อลอตเตอรี่......”

เจ้าสำนักจุนที่กล่าวเสียงแผ่ว เขาเชื่อว่า เมื่อทำภารกิจหลาย ๆ ครั้ง จะต้องโชคดีได้รับมาสักครั้งแน่นอน.

......

“ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ศิษย์พี่รอง!”

“เจ้าสำนักนำศิษย์พี่ศิษย์น้องกลับมาแล้ว!”

ศิษย์คนหนึ่งที่วิ่งมาจากด้านนอก พร้อมกับตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น.

หลี่ชิงหยางที่เร่งรีบออกมาจากห้องโถง จดจ้องมองเจ้าสำนักที่ปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน พร้อมกับจ้องมองเหล่าศิษย์กว่า 30 คนด้านหลัง ภายในใจก็ผ่อนคลายลดความวิตกกังวลลงได้ในที่สุด.

แม้นว่าจะเพิ่งเข้าร่วมสำนักเวลาสั้น ๆ ทว่าที่เมืองชิงหยางเขาก็ยอมรับจุนซ่างเซียวอย่างสมบูรณ์.

แตกต่างจากลู่เชียนเชียนที่เข้ามาก่อนเขา แต่ก็ยังปฏิบัติต่อจุนซ่างเซียวอย่างไร้ความรู้สึกใด ๆ.

เจ้าสำนักกลับมา สำนักไท่กู่เจิ้งก็ดูคึกครื้นขึ้นมาทันที.

“อะไรนะ?”

“ค่ายวายุทมิฬ บนเทือกเขาทมิฬถูกกำจัดโดยเจ้าสำนักทั้งหมดเลยอย่างงั้นรึ?”

เหล่าศิษย์ถึงแม้นว่าจะไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทว่าก็เห็นศพมากมายก่ายกอง ก็พอจะคาดเดาเรื่องทั้งหมดได้แล้ว.

หลี่ชิงหยางไม่อยากเชื่อเลยแม้แต่น้อย เอ่ยออกมาว่า “เจ้าสำนัก โจรภูเขาบนเทือกเขาทมิฬ ถูกท่านทำลายไปจนสิ้นแล้วรึ?”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “อืม.”

หลี่ชิงหยางที่ยกมือประสานระหว่างอก พร้อมกับกล่าวด้วยความชื่นชม “โจรภูเขาเทือกเขาทมิฬนั้นได้สร้างหายนะให้กับหมู่บ้านต่าง ๆ มานานหลายปีแล้ว เจ้าสำนักจัดการพวกมันไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าได้ขจัดภัยร้ายให้กับผู้คน!”

“เรื่องเล็กน้อย ไม่ควรค่าให้กล่าวถึง.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

กองกำลังทางการและสำนักต่าง ๆ ที่ขึ้นเขาไป ต่างก็พ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าสำนักเพียงคนเดียวจัดการได้ทั้งหมด คาดไม่ถึงเลยว่า จะบอกเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แล้วอะไรคือเรื่องใหญ่ล่ะ!

ในเวลานั้น หลี่ชิงหยางที่เผยท่าทางสงสัย ก่อนเอ่ยกล่าวออกมาว่า “เจ้าสำนัก ศิษย์ที่ถูกจับมี 32 คน ทำไมขาดไปหนึ่งคนล่ะ?”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เป็นผู้เยาว์ที่หวาดกลัวความตาย ถูกโจรภูเขาสังหารไปแล้ว.”

เป็นศิษย์ที่ขอความเมตตาจากโจวเทียนป้า สร้างความผิดหวังให้กับเขามาก ทำให้เขาตระหนักได้ว่า มีศิษย์บางคนที่ยังคงมีจิตวิญญาณและความภัคดีที่เป็นปัญหา.

ผู้เยาว์ที่หวาดกลัวความตายรึ?

หลี่ชิงหยางที่ราวกับเข้าใจอะไรได้ ดังนั้นจึงไม่ได้สอบถามอะไรต่อไปอีก.

ลู่เชียนเชียนที่ยืนอยู่ด้านหน้าตำนักเอ่ย “เจ้าสำนัก ค่ายวายุทมิฬ ในเมื่อท่านกำจัดไปหมดแล้ว ก็ควรจะเก็บเกี่ยวได้ไม่เลวใช่หรือไม่?”

จุนซ่างเซียวเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ก็เล็กน้อย.”

หลี่ชิงหยางที่รู้ว่าโจรภูเขาถูกกำจัด ก็คิดถึงการขจัดมารร้ายแก่เหล่าผู้คน อธิบายได้ว่าเขามีจิตใจของผู้กล้า.

ส่วนลู่เชียนเชียนที่เอ่ยถึงการเก็บเกี่ยว เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สนใจอะไรเลย สนใจเพียงแค่เงินที่ได้รับมาก.

ศิษย์คนโตและศิษย์คนที่สอง ช่างมีนิสัยแตกต่างกันลิบลับ.

“เจ้าสำนัก.”หลี่ชิงหยางเอ่ย “เช่นนั้นการปรับปรุงลานสวนด้านใน?”

“ต้องปรับปรุงสร้างขึ้นใหม่แน่นอน.”

จุนซ่างเซียวมีเงินแล้วในเวลานี้ เขาที่นำกองทองออกมาวางไว้ “เพียงแค่นี้พอหรือไม่?”

“พอ...พอแน่นอน!”

แม้ว่าหลี่ชิงหยางจะมาจากตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียง ทว่าวัน ๆ เขาเอาแต่ฝึกฝนแค่เพียงอย่างเดียว มีที่ใหนล่ะ จะได้เห็นเงินทองมากมายเช่นนี้.

“ศิษย์คนอื่น มาลงทะเบียนหมดรึยัง?”

“รายงานเจ้าสำนัก มาหมดแล้ว!”

“ถ่ายทอดคำสั่ง พรุ่งนี้เช้าให้ประชุมที่ลานยุทธ์.”

“รับทราบ!”

......

เช้าวันถัดมา.

จุนซ่างเซียวสวมชุดยาวสะอาดสะอ้าน ยืนอยู่บนขั้นบันไดโถงตำหนัก.

บนลานยุทธ์ ศิษย์ 98 คนที่เข้าแถวดูลายตาเป็นอย่างมาก เพราะว่าชุดที่พวกเขาใส่นั้นหลากสี แตกต่างกันออกไป เมื่อยืนเรียงกันยิ่งเห็นความต่างมากขึ้นเท่านั้น.

ดูเหมือนว่าข้าต้องหาช่างตัดเสื้อให้เร็วที่สุดเพื่อสร้างเครื่องแบบของสำนักให้เป็นรูปแบบเดียวกัน.

“แค๊ก แค๊ก!”

จุนซ่างเซียวที่ไอแห้ง ๆ สองสามครั้ง จากนั้นมือทั้งสองข้างได้ไขว้หลังและเอ่ยออกมาว่า “พวกเจ้าในเมื่อมายังสำนักไท่กู่เจิ้งแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องรับรู้คือต้องทำตามเป้าหมายสำนักด้วยความเคารพ ถึงจะถือว่าเป็นคนของสำนักไท่กู่เจิ้ง นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนของสำนักไท่กู่เจิ้งต้องกระทำ!”

“ทำอย่างไรจึงจะถือเป็นคนของสำนักไท่กู่เจิ้ง เรื่องอะไรที่สำนักไท่กู่เจิ้งต้องทำ?”

จุนซ่างเซียวที่หยุดและเอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล.“ทุกคนต้องดำรงไว้ซึ่งเกียรติยศ ไม่สร้างความอับอายขายหน้าให้กับสำนัก แบกรับชื่อเสียงของสำนักให้เป็นที่รู้จัก นี่ถึงจะเป็นคนของสำนักไท่กู่เจิ้ง!”

เหล่าศิษย์ที่กล่าวทวนคำไปมา “ดำรงไว้ซึ่งเกียรติยศ ไม่สร้างความอับอายขายหน้าให้กับสำนัก แบกรับชื่อเสียงของสำนักให้เป็นที่รู้จัก!”

จุนซ่างเซียวกล่าวต่อ “สามารถเผชิญหน้ากับคำดูถูกยั่วยุ ตอบแทนคืนด้วยพลัง ถึงแม้นว่าจะต้องเผชิญหน้ากับความตาย ก็ไม่ขาดเขลาหวาดกลัว นี่ถึงจะเป็นคนของสำนักไท่กู่เจิ้ง!”

“รับทราบ!”

ศิษย์ทุกคนที่ตะโกนออกมาเสียงดัง.

“เอาล่ะ แยกย้าย.”จุนซ่างเซียวที่สะบัดมือสลายการประชุม.

เหล่าศิษย์มากมายที่จับจ้องมองด้วยท่าทางโง่งมไปเหมือนกัน ต่างก็คิดในใจ การที่เจ้าสำนักเรียก ชุมนุมครั้งนี้ ต้องการสิ่งใดกันแน่?

......

นี่คือการชุมนุมครั้งแรกของเหล่าศิษย์ จุนซ่างเซียวจึงไม่มีแผนที่จะพูดอะไรยืดยาว เขาเลือกพูดในสิ่งสำคัญ เพียงแค่เป้าหมายของสำนักก็พอแล้ว.

แน่นอนว่า มันไม่ได้มีเพียงแค่นี้ เป้าหมายของสำนักรวมทั้งกฎเกณฑ์และระเอียดส่วนอื่น ๆ นั้น เขาจะเรียกหลี่ชิงหยางมาปรึกษาพูดคุยกันอีกครั้ง.

“เจ้าสำนัก เกี่ยวกับกฎเกณฑ์การปกครองของสำนักควรจะเป็นหน้าที่ท่าน เพียงคนเดียว ศิษย์ไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วม.”หลี่ชิงหยางที่กล่าวอย่างถ่อมตน.

“เปิ่นจั้วบอกเจ้ามีคุณสมบัติ ก็หมายถึงเจ้ามี.” นี่เพราะจุนซ่างเซียวต้องการผู้ช่วยนั่นเอง “เร็วเข้า มา ๆ ข้าต้องการความเห็นและผู้ช่วย.”

“เรื่องนี้......”

หลี่ชิงหยางที่รู้สึกกระอักกระอ่วน ทว่าก็รับกระดาษกฎเกณฑ์จากเจ้าสำนัก เป็นกฎของสำนัก ยกตัวอย่างเช่น ห้ามศิษย์ออกจากสำนักโดยพลการ ห้ามสังหารกันและกัน.

หลังจากปรึกษาพูดคุยกันเนิ่นนาน กฎเกณฑ์สำนักขั้นต้นก็เสร็จสมบูรณ์.

ไม่ได้แตกต่างจากกฎเกณฑ์ของสำนักอื่นนัก ทว่ามีการปรับให้เข้ากับสำนักไท่กู่เจิ้ง และบางข้อก็มีเพียงแค่ในสำนักไท่กู่เจิ้งเท่านั้น.

จากนั้นจุนซ่างเซียวก็ได้ส่งแบบร่างเครื่องแบบให้กับหลี่ชิงหยาง “เจ้าเข้าไปในเมือง หาช่างเย็บผ้าที่มีฝีมือ ตัดเย็บชุดตามแบบนี้ และวัดสัดส่วนของเหล่าศิษย์ชายหญิง ตัดเย็บเครื่องแบบสำนักให้กับทุกคน.”

“เครื่องแบบสำนัก?”

หลี่ชิงหยางที่งงงวยเล็กน้อย.

จุนซ่างเซียวกล่าว “นี่คือเครื่องแบบที่จะทำให้สำนักเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน.”

“โอ้ว.”

หลี่ชิงหยางที่รับแบบร่างชุดเครื่องแบบชายหญิงที่ดูแปลกประหลาด ขณะเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตะลึง “เจ้า..เจ้าสำนัก...ชุดนี้มันออกจะ......”

“ไปเร็วเข้า!”

“ครับ!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด