ตอนที่แล้วChapter 230 หนึ่งก้าวสังหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 232 ตัดรากถอนโคน!

Chapter 231 สังหารพวกมารให้หมด.


“พรึด ซี่!”

อีกฝั่งรองเจ้าหอที่ถูกทะลวงหน้าอกด้วยกระบี่หานเฟิง.

แม้นว่าจะมีพลังบ่มเพาะอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่สอง ทว่าต่อหน้าศิษย์ยุทธ์ขั้นที่เก้า รากวิญญาณขั้นสุดยอดเช่นหลี่ชิงหยาง ก็ถูกจัดการในสองกระบวนท่าเท่านั้น.

โดยเฉพาะเวลานี้พลังของเขาที่เพิ่มขึ้นมาไม่น้อย.

ปรกติแล้วเพียงพรสวรรค์ระดับสูง ก็เพียงพอที่จะให้หลี่ชิงหยางจัดการอีกฝ่ายได้แล้ว.

“พรึด โครม!”

รองเจ้าหอที่คุกเข่าล้มลงบนพื้น แววตาที่ค่อย ๆ ไร้ประกาย.

เพียงแค่ร่อนลงมาถึงพื้น ยังไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตายแล้ว เรื่องนี้คาดไม่จริง ๆ.

หัวหน้าหน่วยสามคน ถูกซูเซียวโม่สังหารด้วยกระบี่ และเถียนซีก็สังหารอีกคน คนสุดท้ายถูกหอกผู้พิชิตของหลงจื่อหยางทะลวงจนตายไป.

“ซี่ ซี่.”

จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา กล่าวออกมาว่า “ความแข็งแกร่งไม่เลว.”

หากหลงจื่อหยางได้ยินคงต้องร้องไห้อย่างแน่นอน.

โหย เจ้าสำนัก ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นมานานแล้ว ทว่าอยู่ในหุบเขาแห่งความตาย มีเหล่าสัตว์หลาดศิษย์สายในแย่งความเด่นไปหมด ข้าจะเฉิดฉายได้อย่างไร?!

เห็นรองเจ้าหอและหัวหน้าหน่วยถูกสังหารไปทั้งหมด เหล่าศิษย์หอเหยี่ยวดำที่เหลืออยู่ต่างก็ตื่นตกใจ ภายในใจที่สะดุ้งงงงวยไปหมด.

หนีรึ?

เป็นไปไม่ได้.

พวกเขาที่เพิ่งกระโดดลงมาจากหน้าผา เพียงแค่แตะพื้นก็อยู่ในวงล้อมศัตรูแล้ว จะมีที่ใดให้หนีได้.

“พรึด ซี่!”

“พรึด ซี่!”

จางเหว่ยและศิษย์คนอื่น ๆ ที่ใช้กระบี่หานเฟิงและหอกผู้พิชิต สังหารคนที่เหลือทันที.

“แก๊ก แก๊ก แก๊ก!”

ลู่เชียนเชียนที่ยกมือขวาขึ้น ไอเย็นที่ลอยฟุ้ง แช่แข็งศัตรูคนหนึ่งเอาไว้ นางเอ่ยออกไปว่า “ศิษย์น้องหลิง สังหารเขาซะ.”

“เอ่อ....ได้......”

หลิงหยวนเสวี๋ยที่ถือกระบี่เดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เหวี่ยงกระบี่ออกไป.

ก่อนหน้านี้ที่นางเฉือนร่างโกวจื่อชายหื่นกาม นางหลับตาข้างเดียว ตอนนี้นางลืมตาทั้งสองข้าง เห็นชัดเจนว่านางเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก.

เหล่าศิษย์ไท่กู่เจิ้ง ที่ลงมือสังหารศัตรูอย่างเด็ดขาด คนของหอเหยี่ยวดำที่ล้มตายทั้งหมด ไม่มีใครเหลือรอดสักคน.

เหมือนเดิม.

หลังจากสังหารทุกคนเสร็จแล้ว ก็ค้นหาและเก็บแหวนมิติ.

ทว่าดูเหมือนจะมีเพียงรองเจ้าหอและหัวหน้าหน่วยเท่านั้นที่มีของมีค่า.

มีตั๋วเงิน 70,000-80,000 และศิลาวิญญาณอีกหลายก้อน.

จุนซ่างเซียวที่คิดในใจ “การปล้นสำนักมารครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะมีของมีค่าอยู่ไม่น้อย.”

“เจ้าสำนัก!”

ซูเซียวโม่ที่นำกระบอกไม้จากรองเจ้าหอออกมา “สิ่งนี้คืออะไร?”

จุนซ่างเซียวรับมา จ้องมองอย่างระมัดระวัง “คงจะเป็นพลุไฟสัญญาณ.”

เขาที่คิดถึงคำพูดของพวกเขาก่อนหน้านี้ บอกว่าส่งคนอ้อมมาด้านหลังแล้วก็จะให้สัญญาณ ล้อมวงโจมตีศัตรู.

นี่ได้โอกาสแล้ว.

สามารถใช้สิ่งนี้ล่อศัตรูเข้ามาได้.

จุนซ่างเซียวที่เอ่ย “ศิษย์ชายถอดเสื้อพวกมันและเปลี่ยนมาสวมใส่ชุดพวกมันซะ.”

“รับทราบ!”

แม้นว่าจะไม่เข้าใจความหมาย แต่ก็รับคำในทันที.

เพียงไม่นาน หลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อและศิษย์คนอื่น ๆที่ถอดชุดที่มีอักขระ“อิง”แม้นว่าจะไม่พอดีตัว แต่ก็พอใส่ได้.

“เฮ้ย!”

ซูเซียวโม่ที่บีบจมูกตัวเอง “โคตรเหม็น.”

“ไป.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “กลับ!”

ทุกคนที่กลับไปยังเส้นทางเดิม.

หลังจากกลับมารวมตัวกับตึกฝนพรำ จุนซ่างเซียวเอ่ยออกมาว่า “ทางเข้ามีใครออกมาหรือไม่?”

“ไม่.”หลี่ลั่วฉิวเอ่ย.

ในเวลานั้นนางที่เห็นกลุ่มหลี่ชิงหยางสวมชุดของสำนักเหยี่ยวดำ กล่าวออกมาด้วยความสงสัย “เจ้าสำนัก จะปลอมเป็นพวกเขาเข้าไปอย่างงั้นรึ?”

“ไม่.”

จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่บนโขดหิน หลังจากครุ่นคิด ก็กล่าวออกมาว่า “ล่อหนูออกจากรู.”

หลี่ลั่วฉิวที่งงงวย.

จุนซ่างเซียวที่สั่งการให้ศิษย์ประจำจุดต่าง ๆ.

“พร้อมรึยัง?”

“พร้อมแล้ว.”

ทุกคนที่ตอบรับเสียงเบา.

จุนซ่างเซียวที่ยืนขึ้น เมื่อทุกคนประจำที่หมดแล้ว ก็นำสิ่งหนึ่งออกมาเหมือนกับบ้องไม้ไผ่.

ใช้ยังไงว่ะ?

ขณะที่เขาตรวจสอบอยู่พักหนึ่ง ก็พบว่ามันสามารถเปิดออกมาเหมือนกับฝาขวด ก่อนที่เขาจะเปิดมันออกมา มีควันแปลก ๆปรากฏขึ้นในทันที.

เจ้าสำนักจุนที่ตกใจ กลั้นหายใจทันที.

หลังจากใคร่ครวญ.

ก็พบว่าควันดังกล่าวนั้นไม่ได้มีพิษ แม้นว่าจะเหม็นเล็กน้อย ทว่ากลับสามารถที่จะแพร่กลิ่นออกไปได้ไกลจนถึงห้องโถงหอเหยี่ยวดำ.

เหล่ยเห่ยซาที่รอคอยอย่างกระวนกระวาย ท้ายที่สุดก็ได้กลิ่นผงลับ จึงได้เผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา “รองหอส่งสัญญาณมาแล้ว เซียนเซิงหยางลงมือเลยหรือไม่?”

“ตกลง.”หยางจื่อเอ่ย.

“ฟิ้ว!”

เหล่ยเห่ยซาที่สั่งการนำศิษย์กว่า 300 คนออกมา.

พวกเขาไม่ได้ออกมาทางประตู ทว่ากระโดดออกสูงลงมาบนชั้นบันไดศิลา.

“เป็นกลิ่นสัญญาณงั้นรึ?.”

จุนซ่างเซียวบนต้นไม้ นำแว่นตากันแดดหรูหราออกมา ด้วยกล้องส่งทางไกลแปดเท่าเขาสามารถมองเห็นกลุ่มคนที่กำลังลงมาได้.

หนึ่งในนั้นมีระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นปลาย แม้แต่มีรากวิญญาณระดับสูง พอจะคาดเดาได้ว่า คงจะเป็นเจ้าหอเหยี่ยวดำ.

ประมุขสำนักระดับเจ็ด มีระดับบ่มเพาะอาจารย์ยุทธ์ขั้นปลาย นับว่ายอดเยี่ยมทีเดียว.

ฉินเห่าหรานที่เป็นสำนักระดับหก เพิ่งจะก้าวไปถึงระดับบรรพชนยุทธ์เมื่อไม่นานมานี้เอง.

แน่นอน.

จุนซ่างเซียวสามารถบอกได้ว่า เจ้าหอเหยี่ยวดำ ไม่ใช่ว่ามีพรสวรรค์อย่างเดียว ยังบ่มเพาะวิชามารด้วยถึงได้ก้าวหน้าถึงเพียงนี้.

ดังนั้นต่อหน้าศัตรูที่ดุร้าย จึงต้องลงมืออย่างเด็ดขาด.

“โจวหง.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “คนที่กำลังลงมามีระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นปลาย ตอนนี้มอบให้กับเจ้า.”

“รับทราบ.”โจวหงเอ่ย.

หลังจากที่เขากลับสำนัก ก็ไม่ได้เข้าไปฝึกฝนในหอคอยเก็บประสบการณ์เลย ทุ่มเวลาทั้งหมดในการฝึกฝนวิชาลับเทพกระบี่เหมันตร์.

แม้นว่าจะผ่านมาไม่ถึงครึ่งเดือน ทว่าวิถีกระบี่ของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เป็นการเติบโตที่ไม่ธรรมดา.

จุนซ่างเซียวที่เคยถามเขาเช่นกัน ว่าไม่จำเป็นต้องยกระดับกายเนื้ออย่างงั้นรึ?

โจวหงที่ตอบว่า “มือกระบี่นั้น เพื่อตระหนักสัจธรรมกระบี่ ก็เท่ากับกลั่นกายเนื้อไปด้วย.”

เพียงแค่ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ก็ถือว่าเป็นการกลั่นร่างกายอย่างงั้นรึ?

จุนซ่างเซียวไม่เข้าใจวิถีกระบี่เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงไม่ได้โต้เถียงอะไรออกไป.

“เจ้าสำนัก.”

เย่ซิงเฉินทีเอ่ยออกมาว่า “ไม่จำเป็นต้องถึงมือศิษย์น้องโจวหรอก ข้าขออาสาจัดการระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นปลายนั่นเอง.”

“ประมุขสำนักมาร ไม่รู้ว่ามีวิชาชั่วร้ายอะไรหรือไม่.”จุนซ่างเซียวเอ่ย “เจ้ามั่นใจอย่างงั้นรึ?”

“มั่นใจ.”เย่ซิงเฉินเอ่ย.

ประมุขมารสำนักระดับเจ็ด ไม่มีอะไรเลยแม้แต่น้อย ในอดีตเขาเคยสังหารระดับจักรพรรดิมารและปราชญ์ยุทธ์มารมาแล้ว.

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ประมุขมารก็มอบให้เจ้าก็แล้วกัน.”

หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เขาก็เอ่ยออกมาว่า “ทุกคนประจำตำแหน่งทำตามแผน.”

“รับทราบ!”

สมาชิกหอฝนพรำ เหล่ารองเจ้าหอและหัวหน้าหน่วย ได้เข้าไปประจำที่เช่นกัน.

ในเวลานั้น พวกเขาที่ประจำล้อมกรอบ.

ใช่แล้ว.

กลุ่มของหลี่ชิงหยางที่ปลอมตัวกำลังชักอาวุธล้อมรอบสำนักไท่กู่เจิ้ง.

กำลังแสดงว่ากำลังต่อสู้เอาเป็นเอาตายได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝั่ง กับศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง.

โดยเฉพาะลี่ซ่างเทียนที่แสดงเกินจริง.

นอนกองบนพื้น ลิ้นห้อย ราวกับได้ตายอย่างอนาถ.

พวกเขาที่นำโลหิตมาป้ายร่าง มีคาบเลือดบนใบหน้า.

“ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!”

เหล่าสมาชิกหอเหยี่ยวดำที่ลงมาจากเขา นำศิษย์ลงมาอย่างรวดเร็ว มองเห็นเพียงการต่อสู้ท่ามกลางแสงจันทร์ และมีศพที่นอนเกลื่อนบนพื้น.

หมายความว่าอย่างไร?

การต่อสู้ใกล้จะจบแล้วรึ?

เจ้าหอที่ครุ่นคิด รองเจ้าหอ จัดการได้เร็วมาก กลับไปคงต้องตบรางวัล.

อย่างไรก็ตามเขาที่หยุดคิดเรื่องอื่นสั่งการเสียงดัง คำรามด้วยความโกรธ “ล้อมสังหารพวกบัดซบ สังหารพวกมันให้หมด!”

“รับทราบ.”

ศิษย์ทุกคนที่วิ่งลงมาด้วยความเร็ว.

อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นมีเพียงหยางจื่อที่ขมวดคิ้วไปมา.

เขาสัมผัสได้ถึงความผิดปรกติ มันไม่ควรจะง่ายขนาดนี้.

“ฟิ้ว!”

เหล่ยเห่ยจื่อที่มาถึงเป็นคนแรก กระบี่ที่ชักออกมา หัวเราะด้วยความสะใจ “เจ้าสาม ทำได้ดีมาก.”

อย่างไรก็ตาม.

รองเจ้าหอที่ราวกับหลบห่างออกจากตน.

เหล่ยเหยซาที่สงสัย แล้วจะไปใหนกัน.

ทว่าขณะจะก้าวตามไป หยางจื่อก็ตะโกนออกไปว่า “เจ้าหอ พวกเขาไม่....”

“ปัง!”

ริ้วแสงปืนที่พุ่งเข้าหน้าผากของเขาทันที.

หยางจื่อที่พูดยังไม่จบด้วยซ้ำ ดวงตาเบิกกว้าง ก่อนที่ประกายแสงภายในดวงตาจะมอดดับไป.

หลังจากสังหารกุนซืออีกฝั่ง ศิษย์ที่นอนตายอยู่กับพื้นก่อนหน้านี้ ก็ลุกกระโดดขึ้นมา ยืนขึ้นต่อหน้าสมาชิกของหอเหยี่ยวดำทันที.

“ศิษย์ทุกคนรับคำสั่ง.”

เสียงของจุนซ่างเซียวที่ดังก้อง “สังหารคนสำนักมารให้หมด.”

“รับทราบ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด