ตอนที่แล้วตอนที่ 29 เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต +12
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 31 ท้องฟ้าสีคราม

ตอนที่ 30 หม่าหวู่แสดงความปรารถนาดี


ตอนที่ 30 หม่าหวู่แสดงความปรารถนาดี

ห้องลับถูกเปิดออก

มีคนไม่มากนักที่เข้าไป มีสมาชิกกองเจิ่นหวู่ที่มีความแข็งแกร่งสูงสี่คน ผู้บัญชาการกองเจิ่นหวู่แห่งเมืองหยงเหอ จ้าวเหวินปิน หม่าหวู่ ซูหยาง และเย่เจียง

รวมทั้งหมดแปดคน

ทันทีที่เปิดห้องลับ ก็มีเลือดไหลออกมาจากข้างใน

ซูหยางขมวดคิ้ว และรีบปกป้องตัวเองด้วยเจตจำนงดาบ และกลั้นหายใจ

อย่าพูดถึงการริเริ่มปรับตัวอย่างแข็งขัน ถ้าหลีกเลี่ยงได้จะทนรับมันอย่างดื้อด้านไปทำไม อนาคตเขาจะไม่เข้าร่วมสนามรบ เลยไม่ต้องปรับตัวกับของเช่นนี้

ซูหยางสังเกตเย่เจียง และคนอื่นๆ ท่าทางของพวกเขาก็เหมือนเดิม เขาไม่รู้ว่าพวกเขาทำเหมือนกันหรือเปล่า หรือว่าพวกเขาคุ้นเคยกับมันจริงๆ

ห้องลับไม่ใหญ่มาก และทางเข้าสามารถเดินพร้อมกันได้ไม่เกินสองคน

หลังจากเดินไปได้สักพักมันก็โล่งขึ้น

เมื่อตรวจดูอย่างใกล้ชิด พวกเขาก็มาถึงห้องใต้ดินอันกว้างขวาง

ที่นี่กลิ่นเลือดแรงขึ้นอีกหลังจากเข้ามาจะได้เห็นกองกระดูกที่เหมือนห่มผิวหนังหลวมๆ

ด้วยรูปลักษณ์นี้ มันเรียกว่ามัมมี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ

นอกจากซากกระดูก และศพเหล่านั้นแล้ว ยังมีโต๊ะล้อมรอบโดยมีภาพวาดวางอยู่ด้วย

พวกเขาได้ทำการตรวจค้นที่นี่อย่างละเอียดถี่ถ้วน

ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทั้งหมดจะถูกรวบรวมกลับไป

93 ศพที่ราวกับกระดูกแห้ง

เมื่อได้รับข้อมูลนี้ หม่าหวู่ก็ไม่สามารถระงับความโกรธของตนได้เลย และจิตสังหารก็แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา กดดันจ้าวเหวินปินที่เป็นผู้บัญชาการกองเจิ้นหวู่แห่งเมืองหยงเหอ

“กองเจิ้นหวู่มัวทำอะไรอยู่ มีผู้เสียชีวิตถึง 93 คนแต่พวกเจ้ากลับไม่เห็นความผิดปกติใดๆ หรือต้องรอให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อย หรือนับพันคนก่อนพวกเจ้าถึงจะเริ่มเอะใจอะไรบางอย่างได้?”

"จ้าวเหวินปินถ้าเจ้าไม่ให้คำอธิบายที่ดีพอกับข้า ตำแหน่งของเจ้าก็จบลงแล้ว”

มีผู้เสียชีวิตถึง 93 คน พวกเขาไม่ควรตายในเวลาเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าผู้ฝึกฝนปีศาจแห่งสำนักกลั่นโลหิตได้มาอยู่ที่นี่เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว

นี่คือ สิ่งที่พวกเขาเห็นเท่านั้น จริงๆ แล้วมีมากกว่า 93 คนด้วยซ้ำ

แม้ผู้คนจะหายตัวไปเป็นจำนวนมาก แต่กองเจิ้นหวู่แห่งเมืองหยงเหอก็ไม่เห็นความผิดปกติเลย

หากซูหยางไม่พบอีกฝ่ายในครั้งนี้ จางเปาจะซ่อนตัวไปอีกนานแค่ไหน?

หม่าหวู่ไม่สามารถจินตนาการถึงผลที่ตามมาได้ว่าจะเลวร้ายไปถึงระดับใด

ว่ากันว่าตอนนี้กองเจิ้นหวู่มีแต่คนทุจริต คนที่เข้าร่วมแค่อยากได้รับค่าตอบแทน และไม่มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือผู้คนอย่างที่ควรมี

ในยุคนี้ที่ชีวิตคนบางครั้งมีค่าไม่ต่างจากหญ้าริมทาง การใช้ชีวิตคนเพื่อสร้างความมั่งคั่งพบเจอได้ทั่วไป

หม่าหวู่ไม่เคยเห็นมันมาก่อน และเขาไม่คิดว่ากองเจิ้นหวู่จะน่าเศร้าใจอย่างที่ข่าวลือกล่าวไว้

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสิ่งที่มาถึงหูของเขาจะเบากว่าที่เป็นอยู่จริงด้วยซ้ำ!

ขาของจ้าวเหวินปินอ่อนแรงจากจิตสังหารของหม่าหวู่ เขารู้สึกเหมือนภูเขาซากศพ และทะเลเลือดกดทับตัวเขาเอาไว้ จิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวนั้นทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว

เพื่อปกป้องตัวเองเขาจึงรีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า "ใต้เท้าโปรดใจเย็นก่อน ข้าไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ต้องมีคนซ่อนมันไว้จากข้าอย้างแน่นอน ข้าจะสอบสวนทันทีเมื่อกลับไป และให้คำอธิบายแก่ท่าน”

หม่าหวู่ตะคอกอย่างเย็นชา และสงบลง "ฮึ่ม ข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!"

"นอกจากนี้ จัดกำลังคนเพื่อดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียดในเมืองหยงเหอ และเมืองอื่นๆ โดยรอบทั้งหมด เมื่อมีการค้นพบผู้ฝึกฝนปีศาจคนหนึ่ง นั่นหมายความว่ามีผู้ฝึกฝนปีศาจจำนวนมากได้แทรกซึมเข้ามาในที่แห่งนี้แล้ว"

"นอกจากนี้คนๆ นี้มาจากแก๊งต้าเหอใช่ไหม?"

"ขอรับ"

"กักตัวคนของแก๊งต้าเหอเอาไว้ก่อน และจนกว่าการสอบสวนจะชัดเจนใครก็ตามที่ทำอะไรแปลกๆ จะถูกฆ่าอย่างไร้ความเมตตา!"

เมื่อเผชิญกับสำนักกลั่นโลหิตที่น่าสะพรึงกลัว หม่าหวู่ไม่กล้าที่จะประมาท

มาตรฐานรับมือจะต้องอยู่ในระดับสูงสุด

ข้ายอมฆ่าผู้บริสุทธิ์นับพัน ดีกว่าปล่อยคนของสำนักกลั่นโลหิตให้รอดไปได้!

ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ หม่าหวู่ตระหนักดีถึงความน่าสะพรึงกลัวของสำนักกลั่นโลหิต

เมื่อ 12 ปีที่แล้ว เขารับราชการอยู่ในกองทัพชิงจู้ของจังหวัดจู้หลิว

ในปีนั้น สำนักกลั่นโลหิตได้วางค่ายกลขนาดใหญ่ขึ้นในจังหวัดจู้หลิว และเริ่มสังเวยเลือด

ในเวลาเพียงสามวัน จังหวัดจู้หลิวซึ่งเป็นพื้นที่ๆ มีผู้คนมากกว่าล้านคนอาศัยอยู่ ได้สูญเสียประชากรไปเจ็ดในสิบส่วน

มีผู้เสียชีวิตเกินกว่า 700,000 คน!

จังหวัดจู้หลิวที่เจริญรุ่งเรืองแต่เดิมเปลี่ยนไปหลังจากเหตุการณ์นั้น

เมื่อมองไปรอบๆ เหลือแต่กองกระดูกที่ไร้เนื้อเลือด

เขาโชคดีพอที่ชีวิตรอดมาได้เนื่องจากทักษะที่เขาฝึกฝน แต่เขาได้เห็นกับตาตัวเองว่าคนนับไม่ถ้วนถูกดูดกลืนพลังชีวิตจนกลายเป็นศพแห้ง

หลายๆ ชีวิตค่อยๆ หลุดลอยไป ขณะนั้นเขาได้แต่นิ่งเงียบ เขาก็ไม่สามารถหยุดมัน หรือช่วยเหลือใครได้เลย

ผู้ที่สูญเสียพลังชีวิตไปนั้นต้องรู้สึกเจ็บปวดมากจนใบหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยว และพวกเขาอยากจะฆ่าตัวตายมากกว่ามีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว

เมื่อใดก็ตามที่ข่าวเกี่ยวกับสำนักกลั่นโลหิตปรากฏขึ้น สีหน้าอันเจ็บปวดของคนเหล่านั้นในตอนนั้นจะปรากฏขึ้นในใจของเขาโดยไม่รู้ตัว

หลายปีที่ผ่านมา มันกลายเป็นปมในใจของเขา

ในชีวิตนี้ เขาต้องการทำลายสำนักกลั่นโลหิตในสักวันหนึ่ง

แต่ด้วยความแข็งแกร่งที่มี มันจึงเป็นเพียงความเพ้อฝัน เมื่อ 12 ปีที่แล้ว หลังจากการสังเวยผู้คน มากกว่า 700,000 คน ใครบางคนจากสำนักกลั่นโลหิตก็ทะลวงผ่านเป็นยอดปรมาจารย์

เหนือระดับ 1 คือปรมาจารย์ และเหนือปรมาจารย์คือ ยอดปรมาจารย์

เขาอยู่ที่ระดับ 3 เท่านั้น และทำอะไรได้ไม่มาก

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ทำอะไรเลย

คืนนั้น หม่าหวู่เขียนจดหมายออกคำสั่งฉุกเฉิน และส่งกลับไปยังเมืองเทียนเฟิงในชั่วข้ามคืน โดยแจ้งให้คนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทราบล่วงหน้า และเตรียมการรับมือโดยเร็วที่สุด

ในคืนนั้น กองเจิ้นหวู่แห่งเมืองหยงเหอก็ได้สอบสวนอย่างละเอียดว่าใครกันที่เป็นผู้ปกปิดความผิดให้กับจางเปาที่ได้ทำสิ่งต่างๆ ในเงามืดมานานหลายปี

หลังจากการสอบสวนพบว่ามีหัวหน้าหน่วยตรวจตราที่รับสินบนเป็นทรัพยากรบ่มเพาะ และเนื่องจากจางเปาเป็นพ่อบ้านของแก๊งต้าเหอ ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงปกปิดในนามของเขา

หัวหน้าหน่วยตรวจตราคนนี้ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะร้ายแรงถึงขนาดนี้ เขาแค่ทำในสิ่งที่ทุกคนก็ทำกัน

หม่าหวู่ไม่ได้พูดอะไรมาก มีเพียงสองคำ ‘ตัดหัว’

หลังจากปัญหาภายในได้รับการแก้ไข กองเจิ้นหวู่ก็ส่งคนออกไปอีกครั้งในชั่วข้ามคืนเพื่อควบคุมแก๊งต้าเหอทั้งหมด

และเนื่องจากมีกำลังคนไม่เพียงพอ ซูหยาง เย่เจียง และผู้ร่วมการประเมินอีกแปดคนจึงต้องออกไปเสริมกำลังเพื่อช่วยเหลือ

ตามคำสั่ง ใครก็ตามในแก๊งต้าเหอที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะถูกควบคุมตัว และรอการพิจารณาคดี ผู้ที่ต่อต้านการจับกุมจะถูกสังหารอย่างไร้ปรานี

คืนนั้น จ้าวต้าเหอ หัวหน้าแก๊งต้าเหอในเมืองหยงเหอยืนนิ่งอย่างเชื่อฟังต่อหน้าหม่าหวู่เหมือนหลานชาย

เขาไม่กล้าพูดเกินครึ่งประโยค

ทุกคนที่อยู่ใกล้จางเปาถูกจับกุม และสอบปากคำในชั่วข้ามคืน

บ้านพักที่พวกเขาอาศัยอยู่ก็ถูกตรวจสอบในชั่วข้ามคืนเช่นกัน

ในคืนเดียว มีผู้ฝึกฝนปีศาจหกคนจากสำนักกลั่นโลหิตถูกค้นพบ แต่ไม่มีสักคนเดียวที่แข็งแกร่ง สองคนอยู่ในระดับ 7 และสี่คนอยู่ในระดับ 8

ซูหยางสังเกตเห็นว่าคนเหล่านี้มีระดับบาปอยู่เหนือหัว

สองคนที่ระดับ 7 มีบาประดับ 7 และ 6 ตามลำดับ และสี่คนที่ระดับ 8 มีบาประดับ 3 ทั้งหมด

ก่อนรุ่งสาง จะได้ยินเสียงกีบม้านอกเมืองหยงเหอ

ทหารม้าสามพันคนจากกองทัพเฟิงหลางเดินทางข้ามคืนเพื่อปิดล้อมเมืองหยงเหอเอาไว้

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการกองเจิ้นหวู่ของเมืองเทียนเฟิง และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางบางคนก็ติดตามมาด้วย

หลังจากมาถึงจุดนี้แล้ว ซูหยาง และคนอื่นๆ ก็สามารถพักผ่อนได้ในที่สุด

ด้วยร่างกายที่ไม่ต่างจากคนธรรมดามากนักของซูหยาง เขาเหนื่อยมากหลังจากทำงานตลอดทั้งคืน

แต่ในใจของเขา เขากำลังคิดถึงวิธีที่จะได้เป็นคนฆ่าผู้ฝึกฝนปีศาจทั้งหกคนนั้น

ก่อนที่ซูหยางจะพูดอะไร ทหารคนหนึ่งก็มาหา และบอกว่าหม่าหวู่ต้องการพบเขา

ซูหยางเดินตามไปอย่างมีความสุข และพลางคิดว่าควรจะพูดขออย่างไรดี

เมื่อมาถึงห้องโถงของแก๊งต้าเหอ ครั้งนี้แตกต่างไปจากครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง

จ้าวต้าเหอยืนอย่างเชื่อฟังในห้อง ในขณะที่หม่าหวู่นั่งอยู่บนที่นั่งหลัก

เมื่อหม่าหวู่ที่มีใบหน้าเคร่งขรึมเห็นซูหยางมาถึง เขาก็ฝืนยิ้มแข็งกระด้าง ซึ่งดูแปลกมากสำหรับคนที่ไม่ได้ยิ้มมาตลอดทั้งปี และจู่ๆ ก็อยากจะยิ้ม และดูเป็นมิตรมากขึ้น

“ซูหยาง การที่เราสามารถค้นพบผู้ฝึกฝนปีศาจร้ายในครั้งนี้เจ้ามีส่วนร่วมอย่างมาก ข้าต้องขอขอบคุณจริงๆ”

“นอกจากนี้ จากที่ข้าเห็นดูเหมือนเจ้าจะต้องการฆ่าคนพวกนี้ที่มาจากสำนักกลั่นโลหิต เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าลงมือ เจ้าคิดว่าไง?”

หม่าวู่ไม่ทราบเหตุผล แต่ความตั้งใจของซูหยางไม่เคยถูกซ่อนไว้ และเขาก็มองเห็นมันได้

ในกรณีนี้ ควรแสดงความปรารถนาดีจะดีกว่า

ซูหยางรู้สึกมีความสุข มีสิ่งดีๆ มาถึงหน้าประตู เขาย่อมจะไม่ปฏิเสธ

“ขอบคุณท่านแม่ทัพ เมื่อข้าได้ยินสิ่งที่พวกเขาได้ทำ ข้าก็รู้สึกโกรธมากจริงๆ”

“แต่นี่ไม่ใช่แค่เพื่อระบายความโกรธเท่านั้น ทักษะที่ข้าฝึกฝนนั้นค่อนข้างพิเศษ การฆ่าผู้ฝึกฝนปีศาจเหล่านี้จะช่วยเร่งความก้าวหน้าได้ ส่วนหนึ่งข้าก็ทำเพื่อตัวเอง”

ซูหยางพูดสิ่งที่เขาคิดมาเป็นเวลานานออกไป

หม่าหวู่พยักหน้าอย่างลับๆ แม้จะเพื่อประโยชน์ของตัวเองส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความชอบธรรมในใจของอีกฝ่ายได้

ต้าเซี่ยต้องการคนที่ซื่อสัตย์ นี่คือกระดูกสันหลังของอาณาจักรต้าเซี่ย!

5 2 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด