ตอนที่แล้วตอนที่ 28 ผู้ฝึกฝนปีศาจแห่งสำนักกลั่นโลหิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 30 หม่าหวู่แสดงความปรารถนาดี

ตอนที่ 29 เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต +12


ตอนที่ 29 เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต +12

“สหายซู” ร่าง และเสียงของเย่เจียงดูเหมือนภูติผี ปรากฏขึ้นในทันใด

“เป็นอย่างไรบ้าง?”

ซูหยางถามอย่างใจเย็น

“คนที่อยู่ข้างในนั้นไม่ธรรมดา เขาเป็นผู้ฝึกฝนปีศาจแห่งสำนักกลั่นโลหิต เราต้องจับกุมเขาให้ได้” เย่เจียงกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ผู้ฝึกฝนปีศาจแห่งสำนักกลั่นโลหิต?” ซูหยางไม่เข้าใจความหมาย แต่เขาก็รู้ด้วยว่าผู้ฝึกฝนปีศาจย่อมไม่ใช่คนดี

“เจ้าไม่รู้รึ?” เย่เจียงกระพริบตา “แต่เอาถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดถึงเรื่องนี้ ไปจับกุมจางเปากันก่อน”

“ตกลง” ซูหยางสังเกตเห็นได้ว่าเย่เจียงดูรีบเร่งเล็กน้อย

ดูเหมือนว่าจางเปาจะไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นภายนอก

เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูหยางก็จริงจังมากขึ้น

ภายใต้คำแนะนำของเย่เจียง เขามาถึงหน้าห้องของจางเปาได้อย่างง่ายดาย

เจตจำนงดาบแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย และประตูก็พังทลายในความคิดเดียว เผยให้เห็นภาพในห้องได้อย่างรวดเร็ว

จางเปากำลังดื่มชา และการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนั้นไม่ได้ทำให้เขาตกใจ

แต่เขากลับตอบสนองทันที ลุกขึ้น และวิ่งหนีไป

แต่ซูหยางจะปล่อยอีกฝ่ายไปได้อย่างไรในเมื่อเขาเตรียมพร้อมไว้แล้ว?

ในตอนนี้ เจตจำนงดาบของเขาเพียงอย่างเดียวสามารถครอบคลุมรัศมีสามสิบจั้งได้ และสภาพแวดล้อมทั้งหมดโดยรอบอยู่ภายในขอบเขตของเจตจำนงดาบของเขา

ซูหยางเพียงแค่คิด เจตจำนงดาบก็จะพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา และกดลงบนตัวจางเปาในพริบตา

อีกฝ่ายถูกปราบทันที

หลังจากนั้น ซูหยาง และเย่เจียงก็ก้าวเข้าไปในห้อง

เมื่อเห็นผู้มาเยือน จางเปาก็ระงับความโกรธ และเสแสร้งต่อไป

“ใต้เท้าทั้งสอง ข้าได้ทำอะไรให้พวกท่านขุ่นเคืองงั้นรึ ถึงทำกับข้าเช่นนี้?” จางเปาดกล่าวอย่างสับสน

“เจ้าไม่จำเป็นต้องเสแสร้งต่อหน้าข้า เจ้ามาจากสำนักกลั่นโลหิตสินะ” เย่เจียงเปิดเผยตัวตนของจางเปาด้วยประโยคเดียว

เมื่อได้ยิน ลมหายใจของจางเปาหยุดชะงักที่ชั่วครู่ และเขาก็จ้องมองทั้งสองคนด้วยสายตาที่แน่วแน่

เนื่องจากเย่เจียงได้เปิดเผยตัวตนของเขาอย่างตรงไปตรงมา อีกฝ่ายต้องมีหลักฐานที่แน่ชัด

“เจ้ารู้ได้อย่างไร”

เขาคิดว่าตนระมัดระวังเป็นอย่างดี และไม่มีโอกาสที่จะถูกเปิดเผยได้เลย?

ยิ่งไปกว่านั้น สองคนนี้เพิ่งมาถึงวันนี้ และพบกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

เมื่อจางเปานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ เมื่อซูหยางถามชื่อของเขากับจ้าวต้าเหอ เขาอาจถูกเปิดเผยตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

แต่เขาไม่ได้แสดงพิรุธอะไร มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

“สหายซู ทำให้เขาพิการก่อนแล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันหลังจากนั้น” เย่เจียงไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรกับอีกฝ่ายมากนัก

เขาต้องการให้คนๆ นี้หมดหนทางต่อต้านโดยเร็วที่สุด

มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากความขี้เกียจ และไม่สนใจอะไรเลยก่อนหน้านี้

นี่เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าเย่เจียงให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายมากแค่ไหน

"ตกลง" ซู่หยางพยักหน้า เขาก็คิดเช่นนั้น เมื่ออีกฝ่ายพิการก็จะรับมือได้ง่าย

ใบหน้าของจางเปาเปลี่ยนไปอย่างมาก และเขาก็ดิ้นรนอย่างเต็มที่ วงกลมของหมอกสีแดงปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวของเขา และพลังปราณที่ระเบิดออกมาจากร่างกายของจางเปา พยายามหลุดพ้นจากการกักขังของซูหยาง

น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของจางเปาอยู่ที่ระดับ 6 เท่านั้น และเขาก็อ่อนแออย่างน่าสมเพชต่อหน้าซูหยาง ผู้ที่มีเจตจำนงดาบที่ทรงพลัง

ไม่มีประโยชน์แม้ว่าเขาจะดิ้นรนมากแค่ไหนก็ตาม

พัฟ! พัฟ!

ด้วยเสียงที่เจาะทะลวงหลายครั้ง ตันเถียนของจางเปาถูกทำลาย ชี่และเลือดก็หลั่งไหลออกมาจากร่างกายของเขา

เมื่อตันเถียนถูกทำลาย กลิ่นเลือดที่แรงมากก็อบอวลไปทั่ว

“อ๊า!”

จางเปากรีดร้องพร้อมใบหน้าที่ซีดเผือด เมื่อตันเถียนของเขาแตกเป็นเสี่ยง เขาก็จบสิ้นแล้ว

รูปร่างหน้าตาของเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

ไม่มีรูปลักษณ์ของคนซื่อสัตย์ และมีความรับผิดชอบอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นเหมือนคนเลวทราม และโหดเหี้ยม

เห็นได้ชัดว่าจางเปาตัวจริงถูกฆ่าไปนานแล้ว และถูกสวมรอย

เย่เจียงก็โล่งใจเมื่อเห็นสิ่งนี้

“สหายซู เจ้าคอยดูเขาไว้ ข้าจะกลับไปแจ้งให้แม่ทัพหม่าทราบ”

“เข้าใจแล้ว”

ซู่หยางพยักหน้าเพื่อแสดงความเข้าใจ

จากนั้น เย่เจียงก็จากไปอย่างรวดเร็ว

ซูหยางจ้องมองที่จางเปา และคอยสำรวจ ดวงตาของเขาเปล่งแรงกระตุ้นเล็กน้อยที่จะลองบางอย่าง แต่ก็ถูกเขายับยั้งเอาไว้

ซูหยางต้องการฆ่าผู้ชายคนนี้ และดูว่าบาประดับ 12 คืออะไรกันแน่

ความแข็งแกร่งของจางเปาที่แสดงออกมาก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ระดับ 6 เท่านั้น

เช่นนี้มันหมายความว่าบาประดับ 12 ไม่ได้แสดงถึงความแข็งแกร่งอย่างแน่นอน

แล้วมันคืออะไร?

เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต?

เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของเย่เจียง คนๆ นี้น่าจะมีความสำคัญมากกว่านี้ และยังไม่สามารถถูกฆ่าได้ในตอนนี้

สำนักกลั่นโลหิตควรเป็นกองกำลังหนึ่ง

เป็นไปได้ไหมว่าทุกคนในสำนักกลั่นโลหิตจะมีคำว่า ‘บาป’ อยู่บนหัว?

ผู้ฝึกฝนปีศาจแห่งสำนักกลั่นโลหิตทรุดตัวลงบนพื้นด้วยดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวา เขาไม่สามารถวิ่งหนีได้ ด้วยบาปที่เขาทำ ความตายจึงเป็นจุดหมายปลายทางเดียว

หลังจากนั้นไม่นาน เย่เจียงก็รีบกลับพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่

หม่าหวู่ก็อยู่ในหมู่พวกเขาเช่นกัน

“ปิดกั้นที่เกิดเหตุ”

หม่าหวู่โบกมือ และสั่งให้ปิดล้อมพื้นที่ทั้งหมด

“ซูหยาง เจ้าทำได้ดีมาก ข้าจะรายงานเรื่องนี้ให้ผู้บัญชาการกองตรวจการทราบ และข้าจะแจกจ่ายรางวัลให้กับเจ้าเมื่อการประเมินเสร็จสิ้น”

"ขอบคุณผู้บัญชาการหม่า แต่ข้าต้องการรู้ว่าท่านจะจัดการกับเขาอย่างไร "ซูหยางขอบคุณอีกฝ่าย และถามเกี่ยวกับข้อกังวลของเขา

"โดยทั่วไปแล้ว หลังการสอบสวนเสร็จสิ้น เขาจะถูกประหารชีวิต" หม่าหวู่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า

"น่าเสียดาย คนๆ นี้ก็มีเมล็ดโลหิตในร่างกายของเขา ถ้าเขาพูดเกี่ยวข้องกับความลับบางอย่างมันจะถูกกระตุ้นในทันที เมื่อนั้นเขาจะกลายเป็นกองเลือด ดังนั้นจึงยากที่จะได้เบาะแสใดๆ”

“สิ่งที่มีค่าที่สุดในการค้นพบคนของสำนักกลั่นโลหิตไม่ใช่ตัวพวกเขาเอง แต่เป็นที่ๆ พวกเขาอาศัยอยู่”

“ด้วยเบาะแสบางอย่างเราอาจค้นพบแผนการที่ซ่อนเอาไว้ของพวกเขาได้ แม้ว่าเราจะไม่พบสิ่งใดเลยเราก็ต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดในพื้นที่บริเวณนี้”

“เช่นนั้นเหรอ?” จากนั้นซูหยางพูดอย่างเคร่งขรึม “ท่านให้ข้าฆ่าเขาได้หรือไม่?”

“หืม?” หม่าหวู่มองไปที่ซูหยางอย่างสงสัย เขาเงียบไปครู่หนึ่ง และไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นเขาก็พูดว่า

"ถ้าเจ้าต้องการฆ่าเขาด้วยตัวเองก็ลงมือเลย หลังจากการสอบสวน เขาอาจกลายเป็นกองเลือด" "

“ขอบคุณ” ซูหยางขอบคุณ

เขาสงสัยจริงๆ ว่าบาประดับ 12 คืออะไร ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ถามเช่นนี้

“เจ้าจับคนๆ นี้ได้ ดังนั้นเจ้าย่อมมีสิทธิ์ที่จะจัดการกับเขา” ใบหน้าของหม่าหวู่เคร่งขรึมขณะที่เขาพูด

"แต่ก่อนการสอบสวนจะเสร็จสิ้น เจ้าไม่สามารถเอาข้าวของของคนๆ นี้ไปได้ ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด"

"แต่อย่ากังวล ทุกอย่างจะถูกแปลงเป็นแต้มผลงาน สิ่งที่เจ้าต้องการสามารถแลกเปลี่ยนได้ที่บ้านสมบัติของกองเจิ้นหวู่”

ซูหยางตอบรับ แน่นอนว่าข้าไม่มีความคิดเห็นอื่น และเขาก็เห็นด้วย

ตอนนี้เมื่อหม่าหวู่อนุญาติแล้ว ซูหยางก็ลงมือ

ด้วยเจตจำนงดาบ หัวก็ประเด็นออกมา

ในเวลานี้ หมอกสีขาวจำนวนมากผุดออกมาจากร่างกายของอีกฝ่าย จากนั้นก็สลายไป และในที่สุดก็กลายเป็นเส้นด้ายสีขาวใสบริสุทธิ์ และบินเข้าไปในร่างของซูหยาง

[ เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต +12 ]

ซู่หยางรู้สึกมีความสุข บาประดับ 12 นี้ดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของเจตจำนงแห่งสรรพชีวิตทั้ง 12 ดวง

แต่เหตุใดเจตจำนงแห่งสรรพชีวิตจึงปรากฏอยู่ในตัวอีกฝ่าย? เขายังไม่อาจตอบได้

ต่อจากนั้น สมาชิกกองเจิ้นหวู่เริ่มรวบรวมทุกสิ่งที่เป็นประโยชน์ในที่เกิดเหตุ

ภายใต้การแนะนำของเย่เจียง สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ห้องลับ

“ไปดูด้วยกันเถอะ” หม่าหวู่พูด แต่เขาดูไม่ค่อยดีนัก

ดูเหมือนเย่เจียงจะรู้อะไรบางอย่างแล้วจึงพูดกับซู่หยางอย่างใจเย็น "ต่อไปเจ้าจะต้องเตรียมใจให้พร้อม"

"หือ?" ซูหยางงงงวย "พูดเช่นนี้ เจ้าหมายความว่ายังไง"

เย่เจียงให้คำอธิบายคราวๆ เกี่ยวกับสำนักกลั่นโลหิตแก่ซูหยาง

สำนักนี้กลั่นมนุษย์เป็นยา ผู้ฝึกฝนทุกคนในสำนักเติบโตด้วยความตาย และกองกระดูกของผู้คนจำนวนมาก

บางคนเหยีบบนกองกระดูกของคนนับร้อย หรือนับพันเป็นอย่างน้อย

หลังจากทำความเข้าใจสั้นๆ ซูหยางก็เข้าใจเหตุผลที่เย่เจียงรู้เกี่ยวกับห้องลับนี้ แต่ไม่ได้เข้าไปตรวจสอบมันก่อน

เขาก็อยากรู้ว่าสถานการณ์ข้างในจะเป็นอย่างไรเช่นกัน

แล้วสิ่งที่เรียกว่าบาประดับ 12 คือชีวิตมนุษย์ที่คนๆ นี้ฆ่าไป?

120 คน หรือ 1200 คน?

ซูหยางคาดเดาอยู่ในใจ

แม้ว่าตัวเลขนี้จะแสดงถึงชีวิตมนุษย์ ซูหยางก็ไม่มีความรู้สึกพิเศษใดๆ อยู่ในใจ

ไม่มีความโกรธ ท้ายที่สุด แม้จะเห็นอกเห็นใจ มันก็เปลื่ยนสิ่งที่เกิดไปแล้วไม่ได้

แต่ซูหยางก็มีความคิดอย่างหนึ่งปรากฏขึ้นมา

ผู้ชายคนนี้สมควรตาย และผู้ฝึกฝนปีศาจก็สมควรตายเช่นเดียวกัน!

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด