บทที่ 15 การประเมินทักษะภาคปฏิบัติ
สิบโมงเช้า
มีจํานวนผู้สมัครมากกว่า 40 คน
ผู้ช่วยหญิงที่เคาน์เตอร์รับสมัครตรงเวลามาก
เมื่อถึงเวลา เธอพาคนที่มาสอบรวมทั้งหลี่จิ้งไปที่ห้องสอบและแจกกระดาษทดสอบพร้อมปากกาเพื่อเริ่มการสอบข้อเขียน
การสอบข้อเขียนนั้นง่ายกว่าที่หลี่จิ้งคิดไว้มาก
ส่วนมากเป็นข้อสอบแบบเลือกตอบและเป็นความรู้พื้นฐานต่างๆ
มีคําถามไม่มากนัก และเกินครึ่งเป็นข้อสอบแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หลี่จิ้งก็ทำเสร็จแล้ว
คนที่เหลือที่มาสอบโดยพื้นฐานแล้วจะเสร็จภายในครึ่งชั่วโมง
เมื่อทุกคนตอบเสร็จแล้ว ผู้ช่วยหญิงก็พาทุกคนไปยังพื้นที่เปิดโล่งด้านหลังบริเวณแผนกผู้ช่วยผู้ตรวจการ
ในเวลานี้ มีชายคนวัยกลางคนคนหนึ่งยืนรออยู่ในที่โล่งแล้ว
เมื่อเห็นฝูงชนมา ชายคนนั้นก็ยิ้มกว้าง
"สาวสวยเนื้อหอม วันนี้ขายดีจัง! พาผู้สมัครมาตั้ง 40 คนแน่ะ?"
เมื่อเผชิญกับเสียงล้อเล่นของชายคนนั้น หลี่จิ้งยิ้มด้วยมุมปากในขณะที่เขาอยู่ในฝูงชน
ดูแวบแรกชายคนนี้เหมือนกับชายผู้ช่ำชองในการเย้าแหย่
หยอกล้อเพื่อนร่วมงานอย่างโจ่งแจ้ง
ขายดีจัง นี่คือคำพูดทักทายปกติงั้นเหรอ?
เห็นได้ชัดว่าผู้ช่วยหญิงที่ถูกเรียกว่าสาวสวยเนื้อหอมชินกับนิสัยของกงอู่ เธอกลอกตาไปมาอย่างไม่ใส่ใจ
เธอหันกลับไปมองฝูงชนที่อยู่ข้างหลังเธอและยิ้มอย่างมืออาชีพ
“ฉันอยากจะแนะนําให้คุณรู้จักว่านี่คือกงอู่ ผู้คุมสอบที่รับผิดชอบการทดสอบทักษะภาคปฏิบัติ ขอบเขตที่ 3 ในช่วงระยะเวลาการประเมิน ฉันจะอัปโหลดผลการสอบข้อเขียนไปยังระบบ ในขณะนั้น ผู้ตรวจสอบกงอู่จะอ้างอิงผลการทดสอบข้อเขียนและการทดสอบทักษะภาคปฏิบัติเพื่อคัดเลือกผู้ผ่านการทดสอบ
หลังจากเธอพูดจบ เธอก็พยักหน้าให้ฝูงชนแล้วเดินออกไป
ก่อนจากไป เธอไม่ลืมที่จะหันหัวไปมองแรงใส่กงอู่
กงอู่ไม่อายที่ถูกกลอกตาใส่สองรอบติดต่อกัน เขายิ้มและดูเธอจากไป แล้วมองไปที่ฝูงชน
“สาวน้อยคนนั้นชี้แจ้งไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาเราจะมาเริ่มการทดสอบทักษะภาคปฏิบัติกันเลย”
ขณะที่เขาพูด เขาก็ยกขากระทืบลงบนพื้นอย่างแรง
ด้วย "เสียงหึ่งๆ" ม่านแสงที่มองไม่เห็นซึ่งแทบจะจับได้ด้วยตาเปล่าก็ลอยขึ้นจากทั่วพื้นที่เปิดโล่ง ครอบคลุมพื้นที่เปิดโล่งทั้งหมดในนั้น
"นี่คือค่ายกลป้องกันขั้นที่สาม ผู้ซึ่งต่ำกว่าขอบเขตที่สี่จะไม่สามารถทําลายได้"
กงอู่พูด
"ทุกคนไม่ต้องสนใจ ค่ายกลป้องกันนี้ใช้เพียงป้องกันเหตุฉุกเฉินเท่านั้น"
ในขณะที่พูด เขาโบกมือแล้วแท็บเล็ตก็โผล่ออกมาและเริ่มดําเนินการ
"ลู่หยางเฉิง"
"ฉันอยู่นี่"
ชายหนุ่มรูปหล่อเดินออกมาจากฝูงชน
ยังไม่ทันยืนนิ่ง กงอู่ก็หยิบมีดเหล็กออกมา และก้าวไปข้างหน้าฟันไปที่เขาอย่างรวดเร็ว
ไม่ต้องพูดถึงลู่หยางเฉิง คนอื่นๆรวมถึงหลี่จิ้งก็ตกใจเช่นกัน
แต่หลังจากนั้นทันที
ทุกคนพบว่าไม่มีปราณวิญญาณบนบนมีดเหล็ก เป็นเพียงการฟันธรรมดาเท่านั้น
"ปัง!"
มีดเหล็กฟันลงบนหน้าอกของลู่หยางเฉิงและเด้งขึ้นอย่างสูง
"ดี ชุดเกราะวิญญาณระดับความเชี่ยวชาญเล็กน้อย"
กงอู่ ก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าวแล้ววางมีดเหล็กลง
"ขอดูควบคุมลมที่คุณได้เรียนรู้หน่อย"
"..."
ลู่หยางเฉิง
มีดที่กงอู่ฟันใส่เมื่อกี้เป็นเพียงการโจมตีธรรมดา แต่ก็พอทำให้เขากลัวได้แล้ว
ประเด็นคือเขาไม่ได้เตรียมจิตเตรียมใจไว้เลย
กงอู่ฟันมีดใส่เขาโดยไม่พูดอะไรสักคํา เขาจะไม่ตกใจได้ยังไง?
ในฝูงชนที่สอบ หลี่จิ้งมองไปที่กงอู่ที่มีสีหน้าธรรมดา
ฉันต้องบอกว่า กงอู่เป็นคนซื่อๆและเด็ดขาดมาก
เจอหน้าแล้วโจมตี ไม่มีการลังเลแม้แต่น้อย
และไม่กังวลว่าลู่หยางเฉิงจะปลอมข้อมูลที่จดทะเบียนหรือไม่ ในกรณีที่ระดับคาถาชุดเกราะจิตวิญญาณที่เขาลงทะเบียนนั้นเป็นเท็จ
หรือระดับเป็นเพียงแรกเริ่ม...
เขาคงไม่รอดจากการโจมตีของกงอู่
ที่นั่น ลู่หยางเฉิง ซึ่งอยู่ระหว่างการทดสอบแทบจะรวบรวมสติไม่ได้ เขาเปิดใช้ปราณวิญญาณในร่างกายของเขาเพื่อใช้ควบคุมลม และควบคุมสายลม ลอยขึ้นอยู่กลางอากาศ
กงอู่พยักหน้าเมื่อเห็นสิ่งนี้
"โอเค ลงมาเถอะ"
ด้วยเหตุนี้เขาจึงหยิบแท็บเล็ตขึ้นมา
"คาถาโจมตีทั้งหกที่คุณได้เรียนรู้เป็นเพียงระดับแรกเริ่มและไม่มีค่าประเมิน กลับไปรอผล"
ลู่หยางเฉิงไม่เต็มใจและหยุดอยู่กับที่
ทำไมคาถาโจมตีระดับแรกเริ่มจึงไม่มีค่าสําหรับการประเมิน
ดูถูกคน จำเป็นต้องทำแบบนี้เลยหรอ?
อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับกงอู่ที่ไร้อารมร์แล้วนั้น
เขาไม่เพียงแต่เป็นผู้คุมสอบครั้งนี้เท่านั้น และยังเป็นผู้บ่มเพาะพลังอมตะขอบเขตที่สาม
คุณเป็นเพียงช่วงแรกเริ่มขอบเขตที่หนึ่งหรือสองเอง ไม่สามารถท้าทายเขาได้
เมื่อหลี่จิ้งได้ยินว่าลู่หยางเฉิงได้เรียนรู้คาถาโจมตีหกแบบ เขาก็มองไปด้วยความประหลาดใจ
นี่ดูเหมือนจะรวยมาก?
ทั้งควบคุมลมและชุดเกราะจิตวิญญาณ มีราคาแพงมาก
แม้ว่าคาถาทั้งหกที่ลู่หยางเฉิงเรียนรู้จะเป็นของถูก แต่ยังไงก็ต้อง 1.5 ล้านขึ้นไป
นอกจากนี้ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าเขามีแค่6คาถาเท่านั้น อาจจะมีคาถาอื่นอีก
ถ้าไม่รวยจะซื้อคาถามากมายแบบนี้ได้ยังไง?
กงอู่ส่งลู่หยางเฉิงลงไปและเรียกชื่อคนต่อไป
"อี้ซิวจู่"
"ฉันอยู่ที่นี่"
ในฝูงชน ชายหนุ่มที่มีร่องรอยความเย็นชาเดินออกมาข้างหน้า
เมื่อเห็นเช่นนี้ กงอู่กําลังจะทำเหมือนกับที่ทำกับลู่หยางเฉิง ทันใดนั้นชายคนนี้ก็หยิบดาบหยกออกมาปาดคอของตัวเอง
เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนในนั้นทั้งหมดต่างก็ตกใจ
ผู้ชายคนนี้ดูเย็นชาเล็กน้อย แต่กลับโหดเหี้ยมอย่างมาก...
ถ้าเขาดูไม่ผิด กระบี่ในมือของอี้ซิวจู่ก็เป็นกระบี่บินที่มีค่าของจริง
กระบี่บินต้องใช้ร่วมกับทักษะการควบคุมกระบี่จึงจะสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม ในฐานะอาวุธมีคม ความคมของมันนั้นคมกว่าใบมีดธรรมดามาก
แม้ว่าจะกรีดแบบสบายๆ แต่ความเจ็บปวดของมันก็รุนแรงกว่ากรีดด้วยดาบเหล็กในมือของกงอู่มาก
ประเด็นสําคัญคือแค่เอามือไปวางที่คอ อี้ซิวจู่ก็ปาดมันทันที
แม้ว่าคุณจะกล้าหาญ แต่คนปกติก็ทําแบบนี้ไม่ได้
ในฐานะผู้ตรวจการ กงอู่มีความคิดคล้ายกับหลี่จิ้ง
อี้ซิวจู่คนนี้ผิดปกติเล็กน้อย
เขามองไปที่อี้ซิวจู่ซึ่งมีรอยสีขาวที่ตรงคอ
"โอเค คุณผ่านการสอบปฎิบัติแล้ว"
อี้ซิวจู่เงียบและกลับไปที่ทีมสอบ
คนอื่นๆต่างมองหน้ากันแต่ไม่มีใครพูดอะไร
อี้ซิวจู่เป็นชายในตระกูลร่ำรวยอย่างไม่ต้องสงสัย
มีกระบี่บิน
ประการแรก มันพิสูจน์ให้เห็นว่าเขารวยมากและไม่ขาดเงิน และเขาคงได้เรียนรู้คาถามากมาย
กล้าปาดคอด้วยกระบี่บินพิสูจน์ได้ว่าคาถาป้องกันของเขาอย่างน้อยก็อยู่ที่ระดับแรกเริ่ม
คาถาป้องกันทั้งหมดอยู่ที่ระดับแรกเริ่ม และคาถาอื่นๆจะไม่เลวร้ายไปกว่านี้อย่างแน่นอน
เมื่ออี้ซิวจู่เดนออกไปแล้ว กงอู่ก็เรียกชื่ออีกครั้ง
"หลี่จิ้ง"
หือ?
หลี่จิงตกตะลึงและไม่คาดคิดว่าถึงตาเขาแล้ว
หลังจากขานรับ หลี่จิ้งก็เดินออกมา
กงอู่ยังเหมือนเดิม เขาฟันดาบออกไปโดยตรง
ด้วยบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากรอบของลู่หยางเฉิง หลี่จิ้งจึงเตรียมตัวมาแล้วบ้าง
เขาไม่ได้หลบดาบเหล็ก
ชุดเกราะจิตวิญญาณระดับเล็กน้อยยังสามารถทนต่อการฟันด้วยดาบเหล็กได้ แล้วคาถาชุดวิญญาณคุ้มกายระดับสมบูรณ์ของเขาจะได้รับบาดเจ็บได้ยังไง?
"ปัง!"
ดาบเหล็กกระทบหน้าอกของหลี่จิ้งและเกิดร้อยร้าวจนหัก
ใบมีดที่หักเด้งกระแทกไปโดนหน้าผากของกงอู่
หลี่จิง: ????
กงอู่ที่ถูกตีเข้าที่หน้าผาก:????