ตอนที่แล้วChapter 5 : ความสามารถอันทรงพลังของพรสวรรค์หนึ่งเดียว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 7 : บอสปรากฎกาย

Chapter 6 : เหมือง


จอมเวทย์อสูรดินที่ถูกลู่หยวนโจมตีสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเสียดแทงที่ส่งผ่านมาจากร่างกาย มันคำรามอยู่ในลำคอและมองไปรอบๆด้วยความระแวดระวังหมายจะหาตัวผู้ที่กล้าโจมตีมันในเหมืองแห่งนี้

หากแต่หลังจากมองไปรอบๆ จอมเวทย์อสูรดินกลับต้องสับสนยิ่งกว่าเดิม

รอบๆนี้ไม่มีผู้ใดเลย ถ้าไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดที่แผดเผาร่างกายมันอยู่นั้นจอมเวทย์อสูรดินคงจะคิดไปว่ามันแค่หลอนไปเองเป็นแน่

ลู่หยวนเบ้ปากกับการกระทำของจอมเวทย์อสูรดินและแทงใส่มันต่ออย่างไม่ลังเล

[-17!]

[-21!]

[-13!]

[-19!]

...

หลังจากนั้นราวสิบวินาที

จอมเวทย์อสูรดินก็ล้มลงบนพื้นและกลายเป็นลำแสงสีขาวก่อนจะสิ้นชีพลงภายในเหมือง

กระทั่งจนตอนตายมันก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองตายได้ยังไง

อัตราการดรอปไอเทมในโลกแห่งอโพคาลิปนั้นต่ำมากและต่อให้ลู่หยวนสังหารมอนสเตอร์ที่เลเวลสูงกว่าถึง3เลเวลอย่างจอมเวทย์อสูรดินตัวนี้เขาก็ได้เงินมาเพียงไม่กี่เหรียญทองแดงเท่านั้น

อย่างไรก็ตามการสังหารข้ามระดับนั้นทำให้ได้โบนัสค่าประสบการณ์มากพอสมควร เขาสังหารจอมเวทย์อสูรดินไปเพียงตัวเดียวแต่มันกลับให้ค่าประสบการณ์ถึง20แต้ม ทำให้หลอดค่าประสบการณ์ของเขาเพิ่มมาถึง1%

ลู่หยวนไม่ได้ประหลาดใจแต่อย่างใด เขาเก็บเหรียญทองแดงขึ้นมาอย่างเงียบๆและมองไปที่จอมเวทย์อสูรดินตัวถัดไป

แล้วภาพเดิมก็ฉายซ้ำ

ลู่หยวนเร้นกายอยู่ในเงาประหนึ่งว่าเป็นยมทูตที่ซ่อนอยู่ในความมืด คอยเก็บเกี่ยวชีวิตของจอมเวทย์อสูรดินอย่างเลือดเย็น

ไม่นานนักลู่หยวนก็ถอยกลับออกมานอกเหมืองด้วยความรู้สึกกระปรี้ประเปร่ายิ่งนัก

การสังหารจอมเวทย์อสูรดินกว่าสิบตัวนั้นทำให้หลอดค่าประสบการณ์ของเขาขึ้นมาถึง19% ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้เงินมาถึง700เหรียญทองแดง โพชั่นฟื้นฟูมานาขนาดเล็ก3ขวดและหนังสือสกิลของจอมเวทย์อีกเล่มหนึ่ง

ดูเหมือนเขาจะโชคดีไม่น้อยถึงได้หนังสือสกิลมาในการฟาร์มรอบแรกแบบนี้

ลู่หยวนยิ้มแต้ เขาได้หนังสือสกิลมาหลังจากฆ่ามอนสเตอร์ไปเพียงไม่กี่สิบตัวเท่านั้นแถมหนังสือสกิลที่ว่ายังเป็นของอาชีพจอมเวทย์อีกด้วย

เจ้านี่สามารถกลบจุดด้อยในเรื่องที่เขาขาดสกิลโจมตีได้อย่างพอดิบพอดี

ส่วนที่สำคัญที่สุดในภารกิจของเขาเสร็จสิ้นลงแล้ว

[เวทย์ไฟระดับหนึ่ง : อัญเชิญเปลวเพลิง]

[คำอธิบาย : ในฐานะของเวทย์ระดับหนึ่งอันเป็นระดับเริ่มต้นแล้ว มันคือจุดเริ่มต้นสำหรับเวทย์มนตร์ประเภทธาตุ สามารถเรียกได้ว่าเป็นเวทย์แก่นแท้ของจอมเวทย์ทุกคน การเรียนรู้มันจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าใจลำนำของธาตุได้]

[ความสามารถ : เผาผลาญมานา20หน่วยเพื่ออัญเชิญบอลเพลิงออกมา - สร้างความเสียหายเวทย์มนตร์35+1.6*ค่าสติปัญญา ใส่ศัตรูเบื้องหหน้า ระยะเวลาคูลดาวน์ : 5วินาที]

ลู่หยวนเปิดหนังสือสกิลออกและทำการเรียนรู้ในทันที

หลังจากสกิลอัญเชิญเปลวเพลิงถูกเพิ่มเข้ามาในหน้าต่างค่าสถานะแล้วเขาก็มองไปที่โพชั่นฟื้นฟูมานาขนาดเล็ก3ขวดในช่องเก็บของ

[โพชั่นฟื้นฟูมานาขนาดเล็ก]

[คำอธิบาย : ผลงานทั่วไปของนักแปรธาตุระดับ2 แม้ว่าจะเป็นเพียงโพชั่นฟื้นฟูมานาขั้นพื้นฐานแต่ก็สามารถฟื้นฟูมานาให้กับนักผจญภัยมือใหม่ได้ในระดับหนึ่ง]

[ความสามารถ : ฟื้นฟูมานา10หน่วยต่อวินาที - คงอยู่เป็นระยะเวลา10วินาที]

ลู่หยวนทำการเพิ่มค่าสถานะคงเหลือทั้งหมดไปที่ค่าสติปัญญาทั้งหมดทำให้มานาสูงสุดของเขาเพิ่มขึ้นมาเป็น200หน่วย จากนั้นเขาก็ดื่มโพชั่นฟื้นฟูพลังเวทย์ขนาดเล็กลงไปสองขวดติดๆกัน

หลังจากรอให้มานาเต็มอยู่ราว20วินาที ลู่หยวนก็เดินไปเดินมารอบๆเหมืองและพบกับNPCที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนอยู่บนพื้น

[โซลาก้า , เลเวล19 , ทหารยามเมืองแอมเบอร์ (บาดเจ็บสาหัส)]

“สวัสดีมีอะไรให้ข้าช่วยไหม?” ลู่หยวนเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย ในฐานะมนุษย์ผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องแล้วตัวเขาจึงมีข้อได้เปรียบกว่าเผ่าพันธุ์อื่นเมื่ออยู่ต่อหน้าNPCsอย่างทหารยามประจำเมือง

กระทั่งในโลกแห่งอโพคาลิปนั้นก็ยังมีเรื่องที่เรียกกันว่าต่างเผ่าต่างความคิดและอาจจะถูกมองว่าเป็นศัตรูได้อยู่เช่นกัน

“สวัสดีสหายร่วมเผ่าพันธุ์ ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าจริงๆแต่เจ้านั้นอ่อนแอเกินไป ข้าไม่อยากให้เจ้าตายเพราะเรื่องนี้” โซลาก้ากล่าวพร้อมกับขยับริมฝีปากซีดเผือดตอบกลับลู่หยวน

“ข้าเป็นศิษย์ของท่านนอร์ม่าและข้าคิดว่าท่านต้องการความช่วยเหลือนะ” ลู่หยวนเอ่ยและอัญเชิญบอลเพลิงออกมาอย่างสบายๆ

มานา25หน่วยสูญสลายไปในพริบตาแต่กลับกันเขาก็ได้บอลเพลิงที่สามารถเปลี่ยนรูปได้ตามใจนึกมาแทน

“ถ้าเช่นนั้นก็เยี่ยมเลย อย่างไรก็ตามข้าก็จำเป็นต้องทดสอบความแข็งแกร่งของเจ้าก่อน เจ้าช่วยข้าสังหารราชันย์หมาป่าและนำเขี้ยวของมันกลับมาได้หรือไม่?” โซลาก้ากล่าว

ราชันย์หมาป่าเป็นบอสภายในหมู่บ้านมือใหม่ แม้ว่ามันจะมีเลเวลเพียง5แต่ด้วยความที่เป็นบอสนั้นทำให้ความแข็งแกร่งของมันไม่ด้อยไปกว่าจอมเวทย์อสูรดินทั่วๆไปเลย

ภารกิจแรกก็ให้ไปฆ่าบอสเลเวล5แล้ว ใครที่เห็นก็คงบอกได้ทันทีว่าภารกิจนี้ยากเย็นเพียงใด

“ได้ช่วยท่านนับว่าเป็นเกียรติของข้าแล้ว” ลู่หยวนค้อมหัวให้เล็กน้อย มารยาทของเขานั้นดีกว่าชาวพื้นเมืองบางคนด้วยซ้ำ

[โซลาก้ามีภารกิจให้แก่ท่าน ท่านต้องการรับภารกิจหรือไม่?]

[ชื่อภารกิจ : นำเขี้ยวของหมาป่ามา]

[ระดับภารกิจ : ระดับหนึ่ง]

[ความต้องการของภารกิจ : โซลาก้าผู้ได้รับบาดเจ็บหนักต้องการเขี้ยวของราชันย์หมาป่ามาใช้เป็นยารักษาบาดแผล โปรดไปนำเขี้ยวของหมาป่ามาภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง]

[รางวัลภารกิจ : ค่าความชื่นชอบของโซลาก้า+20 , เปิดภารกิจถัดไป , ค่าประสบการณ์150แต้ม , ผู้เล่นสามารถเลือกหนังสือสกิลระดับหนึ่งของอาชีพใดก็ได้]

ลู่หยวนรับภารกิจมาและเดินจากไป

โซลาก้ามีภารกิจต่อเรื่องให้แก่เขาและกระทั่งตัวโซลาก้าเองก็นับได้ว่าเป็นขุมสมบัติกองโต

เพราะโซลาก้าคือนักแปรธาตุ

ถ้าค่าความชื่นชอบของซลาก้าเพิ่มขึ้นเป็นชอบก็จะสามารถเปิดระบบอาชีพรองเพื่อเรียนรู้วิชาแปรธาตุจากโซลาก้าได้โดยการจ่ายเงิน

หลังออกจากเหมืองลู่หยวนก็เดินตรงไปยังพื้นที่เก็บเลเวลเลเวล2

หมาป่านั้นมีเลเวลเพียง2เท่านั้นและจะเกิดแค่เพียงแค่พื้นที่เลเวล2เท่านั้น

การเก็บค่าประสบการณ์ในอโพคาลิปนั้นเป็นเรื่องยากพอสมควร

ตอนนี้ผู้เล่นส่วนใหญ่ยังเลเวล1อยู่และมีเพียงคนที่บรรลุภารกิจลับและได้รับรางวัลมหาศาลอย่างลู่หยวนเท่านั้นที่สามารถอัพเลเวลได้ในเวลาสั้นๆ

ดังนั้นพื้นที่เลเวล2จึงมีผู้เล่นอยู่ไม่มากนัก

เมื่อลู่หยวนมาถึงก็พบว่าในพื้นที่เลเวล2นั้นมีผู้เล่นไม่กี่คนกระจัดกระจายเก็บเลเวลกันอยู่ ผู้เล่นส่วนใหญ่เหล่านี้มักจะรวมกลุ่มกันตามอาชีพเพื่อล่ามอนสเตอร์

หลังจากเข้ามาในพื้นที่เลเวล2ลู่หยวนก็ตรงเข้าหาหมาป่าตัวหนึ่งในทันที เมื่อเขาเข้าไปในระยะห้าเมตรก็ดึงดูดความโกรธของมันมาได้ หมาป่าตัวนั้นหันมามองลู่หยวนด้วยดวงตาสีแดงเข้มของมัน

“เฮ้พี่ชายรีบออกไปจะดีกว่า นี่มันพื้นที่เก็บเลเวลเลเวล2นะและนายคนเดียวไม่มีทางจัดการกับมอนสเตอร์ได้แน่ บทลงโทษจากการตายในอโพคาลิปมันรุนแรงดังนั้นอย่าหาเรื่องเลยน่ะ”

ผู้เล่นอาชีพนักบวชคนหนึ่งที่กำลังฟาร์มหมาป่าอยู่หันมาเห็นการกระทำราวกับคนหนุ่มเลือดร้อนของลู่หยวนจึงพยายามเอ่ยเตือนเขาให้ออกไปจากพื้นที่นี้

ในโลกแห่งอโพคาลิปนั้นมีระบบบทลงโทษจากการตายอยู่ด้วยหลังจากตายไปครั้งหนึ่งผู้เล่นจะติดสถานะอ่อนแอ ค่าสถานะทั้งหมดจะลดลง50%เป็นเวลา3ชั่วโมง

อาจจะกล่าวได้ว่าระบบนั้นเข้มงวดมาก

เพื่อเป็นการตอบสนองคำเตือนฉันท์มิตรของผู้เล่นนักบวชคนนั้น ลู่หยวนจึงหันไปยิ้มให้ ในเวลาเดียวกันมือของเขาก็ไม่ได้หยุดอยู่เฉยๆและอัญเชิญบอลเพลิงออกไปก่อนจะปาเข้าใส่หมาป่าที่กำลังกระโจนเข้ามา

ปัง!

เปลวเพลิงระเบิดออก

หมาป่าตัวนั้นถูกเป่าจนกระเด็น

ตัวเลขสีแดงขนาดมหึมาโผล่ออกมาจากร่างของมัน

[-108]

ตามปกติแล้วหากไม่นับเรื่องพลังป้องกันเวทย์มนตร์ เวทย์อัญเชิญเปลวเพลิงของลู่หยวนจะสร้างความเสียหายได้เพียง67หน่วยต่อครั้งเท่านั้น (35+(1.6*20))

หากแต่ในโลกแห่งอโพคาลิปนั้นถ้าความแตกต่างของเลเวลมากเกินไปก็จะมีเรื่องของการสะกดข่มด้านเลเวลด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อลู่หยวนที่มีเลเวล5สู้กับหมาป่าเลเวล2 ความเสียหายที่เขาทำได้จึงเพิ่มขึ้น50%

หมาป่านั้นมีพลังชีวิตไม่ถึง150หน่วยด้วยซ้ำ ดังนั้นอัญเชิญเปลวเพลิงของลู่หยวนจึงลดเลือดของมันไปกว่าสองในสาม

หมาป่าตัวนั้นเงยหน้าหอนเสียงดังพร้อมกัยลุกขึ้นมาและมองมาที่ลู่หยวนก่อนจะกระโจนเข้าใส่เขาอีกครั้ง

สกิลยังติดคูลดาวน์อยู่ก็จริงแต่ลู่หยวนก็ไม่ได้คิดจะยืนอยู่เฉยๆ เขาเดินตรงเข้าไปหาหมาป่าและแทงมีดสั้นมือใหม่เข้าใส่ลำคอของมัน

[-49!]

พร้อมกับตัวเลขสีแดงสด หมาป่าตัวนั้นก็ล้มตึงลงบนพื้นและกลายเป็นแสงสีขาว

ลู่หยวนเก็บไอเทมดรอปจากหมาป่าเข้าไปในช่องเก็บของอย่างลวกๆก่อนจะเบนเข็มไปหาหมาป่าตัวต่อไป

ภายใต้การสะกดข่มด้านเลเวล  เลเวล5เจอกับเลเวล2ก็เหมือนสู้กับเด็กนั่นแหละ ลู่หยวนไม่จำเป็นต้องใช้สกิลเลยด้วยซ้ำเพียงแค่โจมตีมันไปซักสามครั้งก็มากพอจะสังหารหมาป่าลงได้แล้ว

ผู้เล่นนักบวชที่อยู่อีกด้านหนึ่งนั้นมองดูเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลาและพบว่าลู่หยวนสามารถสังหารหมาป่าได้อย่างไม่ยากเย็น ริมฝีปากของเธอเผยอออกเล็กน้อยและพึมพำออกมา “ตายแล้ว!”

“ฉันจะตายแล้วจริงๆนะ พี่ชิงฮีลหน่อยยย” ด้านหน้าของนักบวชผู้นั้น นักรบที่ถือดาบเอเป้ในมือกำลังขวางหมาป่าเอาไว้ ในตอนนี้หลอดพลังชีวิตของเขาแดงก่ำแล้ว

“มาแล้วๆ” ผู้เล่นนักบวชคนนั้นที่พึ่งจะได้สติกลับมารีบร่ายเวทย์ฮีลในทันทีทำให้หลอดพลังชีวิตของนักรบฟื้นกลับมาข้อหนึ่ง

เมื่อเห็นว่าหมาป่าเบื้องหน้าใกล้จะถูกพวกเขาจัดการลงได้แล้ว นักบวชจึงหวนนึกไปถึงตอนที่ลู่หยวนใช้เวทย์สร้างความเสียหายได้ถึง108หน่วย เธออดที่จะลองขึ้นมาไม่ได้จึงเดินตรงเข้าไปเงื้อหมัดต่อยเข้าใส่ร่างของหมาป่า

[-1!]

ผู้เล่นนักบวชมองตัวเลขความเสียหาย [-1] และขบริมฝีปากของตัวเองเบาๆ จากนั้นเธอก็จมลงสู่ห้วงความคิดของตัวเอง

เมื่อเห็นว่าจอมโจรในปาร์ตี้ของเธอสร้างความเสียหายได้เพียง9หน่วยในการโจมตีหนึ่งครั้งเธอก็เข้าใจในทันที

“เข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญ” คิดได้ดังนี้ภาพที่เธอเอ่ยเตือนเขาว่าอย่าส่งตัวเองมาตายก็ทำให้ใบหน้าของเธอต้องร้อนผ่าวขึ้นมา

“พี่สาวชิงทำไมถึงเหม่ออีกแล้วล่ะ? ฮีลผมทีขอร้องล่ะ ผมจะตายแล้วจริงๆนะ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด