ตอนที่แล้วChapter 4 : ภารกิจเสร็จสิ้น – สกิลระดับเทวะหนึ่งเดียว!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 6 : เหมือง

Chapter 5 : ความสามารถอันทรงพลังของพรสวรรค์หนึ่งเดียว


ลู่หยวนชี้ไปที่สกิลที่ชื่อว่า [เงาติดตาม] บนหน้าจอและมองไปที่อันเดร

บนหน้าจอนั้นมีสกิลระดับตำนานอยู่กว่าสิบสกิลและแต่ละสกิลนั้นล้วนสามารถกล่าวได้ว่าทรงพลังอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามลู่หยวนกลับเลือก [เงาติดตาม] หลังจากคิดดูดีๆแล้ว

[เงาติดตาม] นั้นสามารถเรียกได้ว่าเป็นสกิลขั้นสูงของสกิลลอบเร้นและสามารถเรียนรู้ได้เมื่อไปถึงระดับ ‘พิเศษ’ แล้วเท่านั้น

แค่เพียงเรื่องที่ว่าสามารถโจมตีได้โดยไม่หลุดจากการหายตัวนั้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าสกิลนี้ทรงพลังเพียงใด

กระนั้นแล้วสกิลนี้ก็มีระยะเวลาเพียง30วินาทีเท่านั้นแต่ในอโพคาลิปนั้น30วินาทีก็มากพอจะใช้ทำอะไรต่อมิอะไรได้แล้ว

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขาสามารถทำภารกิจที่ดูเหมือนจะไม่มีทางเป็นไปได้ในชีวิตที่แล้วให้ลุล่วงได้ด้วยสกิลนี้

“ตามที่เจ้าต้องการ” อันเดรพยักหน้าและเหยียดมือออกมากุมหัวของลู่หยวนเอาไว้ ท่าทีของเขาดูราวกับเทพเทวาที่กำลังอำนวยพรให้เขาแข็งแกร่งขึ้นก็ไม่ปาน

[NPCอันเดรได้สอนสกิลระดับตำนาน [เงาติดตาม] ให้แก่ท่าน]

[กำลังทำการถ่ายทอด...]

[กำลังทำการถ่ายทอด...]

เมื่อเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นลู่หยวนพลันรู้สึกวิงเวียนขึ้นมาเล็กน้อราวกับกำลังผ่านการชำระล้าง

[การถ่ายทอดสกิลเสร็จสมบูรณ์ ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นด้วยที่ได้เรียนรู้สกิลระดับตำนาน [เงาติดตาม] ได้สำเร็จ]

[เนื่องจากท่านคือผู้เล่นคนแรกของทั้งเซิร์พเวอร์ที่สามารถเรียนรู้สกิลระดับตำนานได้สำเร็จ ระบบจะประกาศข่าวดีนี้ไปทั่วทั้งเซิร์พเวอร์ – ผู้เล่นต้องการซ่อนชื่อหรือไม่?]

“ไม่” ลู่หยวนเบ้ปาก

ในเมื่อเขาย้อนเวลากลับมาแล้วจะขี้ขลาดตาขาวได้ยังไง? เมื่อใดที่โลกแห่งเกมรุกรานโลกแห่งความเป็นจริงในอนาคต โลกมนุษย์ก็จำต้องมีผู้บัญชาการและผู้บัญชาการนั้นต้องมีทั้งชื่อเสียงและความแข็งแกร่ง

ไม่เพียงลู่หยวนไม่กลัวจะมีชื่อเสียงเท่านั้น ในทางกลับกันเขากลับปรารถนามันด้วยซ้ำไป

การประกาศทั่วทั้งเซิร์พเวอร์ของทางระบบนั้นเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น

[ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่น ‘ลู่หยวน’ ด้วยที่ได้รับสกิลระดับตำนานของจอมโจร ในฐานะผู้เล่นคนแรกของทั้งเซิร์พเวอร์ที่ได้รับสกิลระดับตำนาน ผู้เล่นลู่หยวนจะได้รับแต้มตำนาน1แต้มและค่าชื่อเสียง10แต้ม]

[ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่น ‘ลู่หยวน’ ด้วยที่ได้รับสกิลระดับตำนานของจอมโจร ในฐานะผู้เล่นคนแรกของทั้งเซิร์พเวอร์ที่ได้รับสกิลระดับตำนาน ผู้เล่นลู่หยวนจะได้รับแต้มตำนาน1แต้มและค่าชื่อเสียง10แต้ม]

[ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่น ‘ลู่หยวน’ ด้วยที่ได้รับสกิลระดับตำนานของจอมโจร ในฐานะผู้เล่นคนแรกของทั้งเซิร์พเวอร์ที่ได้รับสกิลระดับตำนาน ผู้เล่นลู่หยวนจะได้รับแต้มตำนาน1แต้มและค่าชื่อเสียง10แต้ม]

เสียงประกาศจากระบบสามครั้งติดนั้นดังกึกก้องไปทั่วฟ้าและเข้าสู่โสตประสาทการได้ยินของผู้เล่นทุกคนในอโพคาลิป

...

“เชี่ย...ลู่หยวนคนนี้คือใครวะเนี่ย? เขาแมร่งโคตรเจ๋งเลย ถึงฉันจะไม่รู้ว่าสกิลระดับตตำนานมันอยู่ในระดับไหนแต่กระทั่งระบบก็ยังประกาศออกมาแบบนี้ก็ต้องแข็งแกร่งมากแน่ๆ”

“ดูจากชื่อแล้วน่าจะเป็นคนจีนนะ คงต้องกล่าวจริงๆว่าจีนนี่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลจริงๆ”

“ฉันรู้จักลู่หยวนนะ เขากับฉันเราเป็นเพื่อนร่วมมหาลัยกัน พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันเลยแหละ ถ้าใครอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับลู่หยวนมากกว่านี้ก็เพิ่มเพื่อนมาได้เลย มาคุยส่วนตัวกันเถอะ”

...

ทันทีที่เสียงแจ้งเตือนจากระบบดังไปทั่วทั้งเซิร์พเวอร์นั้น ผู้เล่นจำนวนนับไม่ถ้วนก็พากันพูดคุยเกี่ยวกับตัวตนของลู่หยวน มีกระทั่งผู้เล่นหลายคนที่แสร้งว่าเป็นคนในครอบครัวหรือสหายของเขาด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทุกคนอยากรู้มากที่สุดคือรายละเอียดเกี่ยวกับสกิลระดับตำนานที่ระบบประกาศถึงนั่นต่างหาก

...

ภายในพื้นที่เก็บเลเวลบริเวณทุ่งราบเมเปิ้ลของหมู่บ้านมือใหม่หมายเลข46734 ชายหนุ่มที่ถือธนูและลูกธนูเอาไว้ในมือได้สังหารแมงมุมทะเลทราบเบื้องหน้าลงภายในลูกศรเดียว จากนั้นเขาก็หยุดทุกการกระทำ

“ลู่หยวน? หมอนี่ค่อนข้างโอ้อวดไม่เบา..น่าสนใจ” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง

...

“สกิลระดับตำนาน? หาข้อมูลเกี่ยวกับลู่หยวนมาซะ ไม่ว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ก็ต้องให้เขาเข้ากิลพวกเราให้ได้”

...

ด้านนอกหมู่บ้านมือใหม่ ลู่หยวนบอกลาอันเดรและก้าวเดินออกจากหมู่บ้านไป

เขาตอนนี้ได้สกิลระดับตำนานมาแล้ว เป้าหมายถัดไปก็คือการเก็บเลเวล

หลังจากคิดอยู่ซักพักลู่หยวนก็เปิดหน้าต่างค่าสถานะขึ้นมาดู

[ชื่อ : ลู่หยวน]

[เผ่าพันธุ์ : มนุษย์]

[พรสวรรค์เผ่าพันธุ์ : ใจแห่งปัญญา (ไร้ระดับ)]

[พรสวรรค์อาชีพ : ไม่มี]

[พรสวรรค์ตัวละคร : สกิลอัพเกรดไร้ขีดจำกัด (พรสวรรค์เทวะหนึ่งเดียว)]

[ค่าสถานะ : ความแข็งแกร่ง 15 , ร่างกาย 15 , ความเร็ว 15 , สติปัญญา 15 , การรับรู้ 15 , เสน่ห์ 19]

[ฝ่าย : เป็นกลาง]

[อาชีพ : อาชีพเสรีเลเวล5]

[พลังชีวิต : 150]

[มานา : 150]

[แต้มสกิลคงเหลือ : ไม่มี]

[แต้มค่าสถานะคงเหลือ : 5]

[สถานะ : ดี]

[สกิลอาชีพ : เงาติดตาม(เลเวลเต็ม)]

[สกิลเสริม : ไม่มี]

[ความชำนาญ : ไม่มี]

[แต้มตำนาน : 1 (แต้มตำนานนั้นจะได้รับก็ต่อเมื่อผู้เล่นบรรลุเหตุการณ์ระดับตำนานในโลกอโพคาลิป ภารกิจลับหรือเหตุการณ์บางเหตุการณ์นั้นจำเป็นต้องใช้แต้มตำนานในการเปิดภารกิจ)]

[ค่าชื่อเสียง : 10 (ชื่อเสียงของผู้เล่นภายในโลกอโพคาลิป)]

[การประเมิน : ในฐานะของอาชีพเสรีท่านจึงไม่มีสกิลของอาชีพหรือแนวโน้มที่จะโดดเด่นทางด้านใดเป็นพิเศษ ค่าสถานะของท่านอยู่ในเกณฑ์ค่าเฉลี่ย ความได้เปรียบเดียวคือท่านมีหน้าตาค่อนข้างจะหล่อเหลา ขอแนะนำให้ท่านเดินไปยังเมือง บางทีอาจจะมีหญิงสาวชนชั้นสูงบางคนสนใจในตัวท่าน...]

ค่าประสบการณ์ที่ได้จากภารกิจลับของอันเดรนั้นทำให้เลเวลของลู่หยวนเพิ่มขึ้นมาถึง5เลเวลและค่าสถานะหลักแต่ละอย่างเองก็เพิ่มมาค่าละ1แต้มต่อเลเวล

ในโลกอโพคาลิปนั้นทุกครั้งที่อาชีพระดับหนึ่งเลเวลอัพจะได้รับแต้มค่าสถานะฟรี1แต้ม ลู่หยวนยังไม่เลือกเพิ่มค่าสถานะใดและปรายตาไปมองที่สกิล [เงาติดตาม] กับพรสวรรค์ตัวละครของเขาแทน

‘จากคำอธิบายพรสวรรค์ของฉันฉันสามารถอัพเลเวลของสกิลได้สองครั้งต่อวันและยังสามารถทำลายขีดจำกัดเลเวลของสกิลได้ด้วยสินะ ถ้าฉันใช้กับสกิล [เงาติดตาม] จะได้ผลรึเปล่า?’ ลู่หยวนจมลงสู่ห้วงความคิด

คิดได้ดังนี้แล้วลู่หยวนก็ไม่ลังเลอีก

เขามองไปที่สกิล [เงาติดตาม] และคิดกับตัวเอง ‘ ใช้สกิลพรสวรรค์ เป้าหมายสกิลคือ [เงาติดตาม] ’

[ตรวจพบว่าสกิล [เงาติดตาม] นั้นไม่สามารถเพิ่มเลเวลได้...สกิลพรสวรรค์สามารถทำลายขีดจำกัดเลเวลของสกิลได้...ทำลายขีดจำกัดสำเร็จ...เลเวลของ [เงาติดตาม] +1] เสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้น

เชี่ย ได้ผลจริงๆด้วย...ดวงตาของลู่หยวนเปล่งประกายขึ้นมาพร้อมกับรีบเปิดดูรายละเอียดสกิลในทันที เขาอยากจะรู้ว่าสกิลระดับตำนานที่ทรงพลังสุดๆอยู่แล้วนั้นหลังจากโดนฝืนอัพเลเวลโดยพรสวรรค์ของเขาแล้วมันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดบ้าง

[สกิลระดับตำนาน : เงาติดตาม+1]

[คำอธิบาย : สกิลเรียกใช้งาน - สกิลเทวะที่หาได้ยากยิ่งในหมู่จอมโจรในตำนาน เผาผลาญมานา100หน่วยเพื่อเข้าสู่สภาวะเงาที่จะทำให้สามารถโจมตีได้โดยไม่ถูกค้นพบ ภายใต้สภาวะเงานั้นผู้เล่นจะได้รับความสามารถในการต้านทานความเสียหาย27% คงอยู่เป็นระยะเวลา1นาที ระยะเวลาคูลดาวน์ : 28นาที (หมายเหตุ : ไม่สามารถอัพเกรดได้)]

มานาที่ต้องใช้เพิ่มขึ้นมาเป็นเท่าตัวแต่ความสามารถในการต้านทานความเสียหายและระยะเวลาเองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน กระทั่งระยะเวลาคูลดาวน์เองก็ลดลงไประดับหนึ่ง

แม้ว่าจะไม่ได้มากมายแต่อย่าได้ลืมว่าลู่หยวนสามารถเลเวลอัพมันได้สองครั้งในทุกวัน เมื่อเวลาผ่านไปสกิลนี้จะถูกเสริมแกร่งจนถึงขั้นไหนคงไม่มีใครทราบได้

ลู่หยวนใช้โควตาในการอัพเกรดครั้งสุดท้ายของวันนี้กับสกิล [เงาติดตาม] อย่างไม่ลังเล

[สกิลระดับตำนาน : เงาติดตาม+2]

[คำอธิบาย : สกิลเรียกใช้งาน - สกิลเทวะที่หาได้ยากยิ่งในหมู่จอมโจรในตำนาน เผาผลาญมานา150หน่วยเพื่อเข้าสู่สภาวะเงาที่จะทำให้สามารถโจมตีได้โดยไม่ถูกค้นพบ ภายใต้สภาวะเงานั้นผู้เล่นจะได้รับความสามารถในการต้านทานความเสียหาย30% คงอยู่เป็นระยะเวลา2นาที ระยะเวลาคูลดาวน์ : 25นาที (หมายเหตุ : ไม่สามารถอัพเกรดได้)]

“ไร้เทียมทานแล้วสิเรา บางทีเราควรจะลองไปเก็บเลเวลที่พื้นที่เก็บเลเวลระดับสูงดูนะเนี่ย” ลู่หยวนถอนหายใจออกมาพร้อมกับปิดหน้าต่างค่าสถานะ

สกิล [เงาติดตาม] ที่ถูกอัพเลเวลมาสองเลเวลติดนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง ระยะเวลาสองนาทีนั้นมากพอจะทำอะไรก็ได้แล้ว

หลังจากได้สกิลระดับตำนานมา ลู่หยวนก็เดินกระโดดเริงร่าไปทีละก้าวๆและไม่นานนักเขาก็มาถึงเหมืองแห่งหนึ่ง

ใกล้ๆกับหมู่บ้านมือใหม่นั้นมีเหมืองอยู่หลายแห่งและเหมืองที่อยู่เบื้องหน้าเขาก็คือหนึ่งในนั้น

จอมเวทย์อสูรดินจำนวนมากที่มีเลเวลระหว่างเลเวล8-10เดินเตร่ไปเตร่มาอยู่ภายในเหมืองเหล่านี้ จอมเวทย์อสูรดินนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษภายในโลกแห่งอโพคาลิป พวกมันวิวัฒนาการมาจากจอมเวทย์มนุษย์ที่ตกลงสู่ความชั่วร้าย

ร่างกายของพวกมันแข็งแกร่งกว่าจอมเวทย์ทั่วๆไปเล็กน้อยแต่หากเทียบกับสิ่งมีชีวิตในเลเวลเดียวกันแล้วก็ถือว่าร่างกายของพวกมันนั้นยังอ่อนแออยู่มาก

สิ่งเดียวที่พอจะยกมาอวดโอ่ได้มีเพียงเวทย์มนตร์ของพวกมันเท่านั้นซึ่งเรียกได้ว่ามีพลังทำลายอันน่าตะลึงเลยทีเดียว

สำหรับผู้เล่นคนอื่นนั้นการเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่มีพลังโจมตีสูงแต่พลังชีวิตต่ำพวกนี้อาจจะเป็นเรื่องน่าปวดหัวอยู่บ้าง นั่นก็เพราะว่าพวกเขาอาจจะถูกฆ่าได้ทันทีหากถูกพวกมันพบเข้าแถมยังเข้าใกล้พวกมันไม่ได้เลยด้วย ถึงแม้ว่าร่างกายของจอมเวทย์อสูรดินจะอ่อนแอแต่พวกเขาก็ทำอะไรพวกมันไม่ได้อยู่ดี

หากแต่สำหรับลู่หยวนที่มี [เงาติดตาม] นั้นที่แห่งนี้ถือเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การเก็บเลเวลที่สุด

ก่อนจะเข้าไปในเหมือง ลู่หยวนสังเกตเห็นว่าด้านหน้าเมืองนั้นมีจอมเวทย์อสูรดินจำนวนหนึ่งเดินเตร่ไปเตร่มา เขาจึงเปิดใช้งานสกิลเงาติดตามในทันที

ร่างกายของเขาดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นเงามืดกลมกลืนไปกับความมืดและในที่สุดก็หายไปอย่างสมบูรณ์

ภายใต้สภาวะเงานั้น ลู่หยวนกระชับมีดสั้นมืดใหม่ที่ระบบให้มาเอาไว้แน่นและกเวเข้าไปหาหนึ่งในจอมเวทย์อสูรดินทีละก้าวๆ

หลังจากเข้าระยะโจมตีลู่หยวนก็แทงเข้าใส่หลังของจอมเวทย์อสูรดินตัวนั้นอย่างรุนแรง

[-11!]

ตัวเลขความเสียหายสีแดงเด้งขึ้นมาจากร่างของจอมเวทย์อสูรดินและในเวลาเดียวกันข้อมูลของมันก็ปรากฏขึ้นมา

[จอมเวทย์อสูรดิน]

[เลเวล : 8]

[พลังชีวิต : 500]

[สกิล : ไม่ทราบ]

[คำอธิบาย : ในฐานะของจอมเวทย์ฝึกหัดเมื่อเขาได้สัมผัสเข้ากับเสียงกระซิบจากขุมนรกเข้า ตัวเขาก็พลันเปี่ยมล้นไปด้วยความยาก ความไม่ยินดีและความทะเยอทะยานจนทำให้เขาถูกครอบงำและตกลงสู่ห้วงอเวจี]

NPCsภายในโลกแห่งอโพคาลิปนั้นไม่มีค่าสถานะตายตัว ความแข็งแกร่งของพวกเขาขึ้นอยู่กับเลเวลและสกิลที่มีล้วนๆ

และเนื่องจากลู่หยวนยังไม่ได้เรียนรู้สกิลตรวจสอบเขาจึงมองเห็นเพียงข้อมูลพื้นฐานส่วนใหญ่เท่านั้น

จากนั้นเขาก็สะบัดมือเหวี่ยงมีดสั้นลงไปอีกหน!

ลู่หยวนลงมืออย่างไม่ลังเล [เงาติดตาม] นั้นมีผลเพียงแค่สองนาทีเท่านั้นและตัวเขาเองก็ไม่ได้เรียนรู้สกิลโจมตีเลยด้วย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแทงมีดสั้นเข้าใส่ร่างของจอมเวทย์อสูรดินครั้งแล้วครั้งเล่า

ในโลกแห่งอโพคาลิปนั้นมีสิ่งที่เรียกว่าการโจมตีจุดอ่อนอยู่ด้วย..ลู่หยวนที่อยู่ในสถานะล่องหนจึงสามารถปรับตำแหน่งอย่างช้าๆเพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกการโจมตีของเขาจะสร้างความเสียหายให้แก่จุดอ่อนของอีกฝ่าย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด