ตอนที่แล้วตอนที่ 22 ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการความช่วยเหลือ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 24  มาขอความช่วยเหลือจากหมอวู่จิง

ตอนที่ 23 ความลับของ "กระดูกหยก"


ตอนที่ 23 ความลับของ "กระดูกหยก"

ภายในห้องอันเงียบสงบ หลี่จงหวง และ ลู่ชางเฉิง กำลังนั่งอยู่ในห้อง

ลู่ชางเฉิงเหลือบมองไปรอบๆด้วยความแปลกใจ

“เจ้านี่กล้าจริงๆ เจ้าเล่นอาศัยอยู่ใกล้กับตระกูลเจามาก” ลู่ชางเฉิงพูดขณะที่มองไปที่หลี่จงหวง

เขานั้นคุ้นเคยกับหนานหยางมากและรู้ที่ตั้งของบ้านหลังนี้ได้ทันที

ตระกูลเจานั้นอยู่ห่างออกจากที่นี่ไปแค่หนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น

“ที่ๆอันตรายที่สุดคือที่ๆปลอดภัยที่สุดไงล่ะ แม้ว่าตระกูลเจาจะมีอํานาจ แต่ก็คงไม่คิดหรอกว่าข้าจะอยู่ใกล้พวกเขามากขนาดนี้” หลี่จงหวงพูดขณะที่เธอนอนอยู่บนพื้นและเปิดทางเดินที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงออก

ทางเดินนั้นมีขนาดเล็กและสามารถซ่อนของได้จำนวนหนึ่ง

หลี่หงจวงยกหีบขนาดใหญ่ออกมาจากข้างใน

"แกร๊ก"

หลี่หงจวงเปิดหีบออก

ในหีบนั้นเต็มไปด้วยม้วนคัมภีร์โบราณหลายม้วน

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อได้เห็นชื่อบนม้วนหนังสือ แววตาของลู่ชางเฉิงจึงเปล่งประกายออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“นี่มันศิลปะการต่อสู้นี่!”

คัมภีร์ทั้งหมดในหีบใหญ่นี้เป็นศิลปะการต่อสู้ประเภทต่างๆ

ซึ่งแน่นอนว่ามันมีศิลปะการต่อสู้และเทคนิคต่างๆอย่างน้อยหนึ่งร้อยแบบ

ดูเหมือนว่าหลี่จงหวงนั้นจะไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ

แต่ถึงอย่างนั้นลู่ชางเฉิงก็ไม่ได้ถามถึงตัวตนของหลี่จงหวง เพราะทุกคนต่างก็มีความลับเป็นของตัวเอง

เขาตามหลี่จงหวงมาที่นี่ก็เพื่อซื้อขายศิลปะการต่อสู้เท่านั้น

หลี่จงหวงเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างใจเย็นว่า "ข้าได้คัดลอกศิลปะการต่อสู้และเทคนิคการต่อสู้ทั้งหมดที่เจ้าซื้อจากข้ามาก่อน"

“ซึ่งทักษะการต่อสู้ดั้งเดิมนั้นอยู่ภายในหีบนี้”

“เจ้าเลือกดูเอาเองก็แล้วกันว่าเจ้าต้องการซื้อศิลปะการต่อสู้ใด”

การที่หลี่จงหวงได้พาลู่ชางเฉิงเข้าไปที่ที่ซ่อนลับของเธอและแสดงให้เขาเห็นถึงศิลปะการต่อสู้ "ต้นฉบับ" นั่นหมายความว่าเธอนั้นไว้ใจลู่ชางเฉิงมาก

ลู่ชางเฉิงเริ่มดูแต่ละอย่างทันที

ม้วนคัมภีร์ส่วนใหญ่นั้นเป็นศิลปะการต่อสู้ และบางอย่างเขาก็เคยฝึกมาก่อนแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้นมีศิลปะการต่อสู้อีกมากมายที่เขายังไม่เคยฝึกฝน

ยิ่งไปกว่านั้น ลู่ชางเฉิงยังสามารถบอกได้ว่าศิลปะการต่อสู้บางอย่างนั้นยอดมาก บางทีมันอาจเป็นศิลปะการต่อสู้ระดับสามหรือระดับสี่ด้วยซ้ำ

ขณะที่เขายังคงเลือกอยู่ เวลาก็ผ่านไปเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง

ลู่ชางเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆและเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง สายตาของเขาก็เปลี่ยนไป

"บอกราคามาได้เลย"

ลู่ชางเฉิงต้องการศิลปะการต่อสู้และเทคนิคทั้งหมดที่เขายังไม่เคยฝึกในหีบ แต่เขาก็รู้ว่าราคานั้นไม่ธรรมดาแน่ๆ

“ถ้าข้าค่อยๆทยอยขายศิลปะการต่อสู้และเทคนิคเหล่านี้ในตลาดมืด ข้าจะสามารถขายพวกมันแต่ละอย่างได้มากกว่าหนึ่งครั้ง” หลี่จงหวงอธิบาย "แต่ตอนนี้ข้ากำลังต้องการเงินอย่างมาก"

“และเนื่องจากเจ้าได้ช่วยชีวิตข้าเอาในครั้งนี้ ข้าจึงไม่เรียกเงินจากเจ้ามาก ข้าเอาแค่ 3,000 เตลก็พอ!”

ลู่ชางเฉิงพิจารณาและคิดว่าราคานั้นสมเหตุสมผลมาก นอกจากนี้ เขาก็มีเงินเหลือๆ

“ได้ นี่คือเงิน 3,000 เตล ของเจ้า”

ลู่ชางเฉิงมอบเงิน 3,000 เตล ให้กับเธอทันที

"การซื้อขายสำเร็จ"

หลี่จงหวงรับเงินมาและถอนหายใจออกมายาวๆด้วยความโล่งอก

ลู่ชางเฉิงนั้นผูกหีบไว้ที่ด้านหลังของเขาแล้วถามว่า “การที่เจ้าทําให้ตระกูลเจาขุ่นเคืองนั้น มันอาจทำให้เจ้าอยู่ที่เมืองหนานหยางนี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้วล่ะ”

“ใช่ ตระกูลเจานั้นมีอำนาจมากและข้าก็ไม่ต่อกรกับพวกเขาได้” หลี่จงหวงตอบ “โชคดีที่ตอนนี้ข้ามีเงินมากพอแล้ว และข้าจะวางแผนที่ออกไปจากเมืองหนานหยางนี้ในไม่ช้า”

ลู่ชางเฉิงพยักหน้าแล้วหันหลังไปโดยไม่หันกลับมา จากนั้นจึงหายตัวไปอย่างรวดเร็ว

"ลาก่อน..."

หลี่จงหวงจ้องมองไปที่ที่ลู่ชางเฉิงหายตัวไปด้วยความสงสัยที่ปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ

…..

ลู่ชางเฉิงกลับมาที่สำนักเมียวชูอย่างปลอดภัย

เขาล็อคประตูและหน้าต่าง จากนั้นจึงวางหีบลงและหยิบคัมภีร์ศิลปะการต่อสู้ออกมาทีละเล่มและจัดหมวดหมู่ของมันเอาไว้

โดยรวมแล้ว เขามีศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการแบ่งเบากระดูกแปดอย่าง ศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะสามอย่าง ทักษะการต่อสู้แปดสิบหกอย่าง และเทคนิคการต่อสู้อื่นๆอีกเก้าสิบเจ็ดอย่าง!

นี่ถือว่าเยอะมากสำหรับเขา!

ด้วยจำนวนศิลปะการต่อสู้และเทคนิคต่างๆเหล่านี้ มันมากเพียงพอที่จะทำให้ลู่ชางเฉิงใช้เวลาฝึกฝนเป็นเวลาอีกนาน

ตอนนี้ลู่ชางเฉิงกำลังสนใจศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการแบ่งเบากระดูกมากที่สุด

เขารีบตรวจสอบคู่มือศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการแบ่งเบากระดูกทั้งแปดอย่างละเอียด

เจ็ดอย่างนั้นเป็นศิลปะการต่อสู้แบบขอบเขตการแบ่งเบากระดูกธรรมดา แต่อีกหนึ่งอย่างนั้นคือศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการแบ่งเบากระดูกที่เหนือกว่าที่เรียกว่า "เทคนิคกระดูกเยือกแข็ง"

ภายในคู่มือของศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการแบ่งเบากระดูกนี้ มีคําอธิบายประกอบเอาไว้อย่างคลุมเครือ

และไม่ชัดเจนว่าใครที่เป็นผู้ให้คําอธิบายนี้

แต่คําอธิบายบางส่วนได้กล่าวถึงแง่มุมที่ลู่ชางเฉิงนั้นไม่เคยรู้มาก่อน

การที่จะเข้าถึงขั้นการปรับแต่งสภาพร่างกายนั้นยังไม่ยากเท่ากับการปรับแต่งกระดูกสองสามครั้ง

บางคนนั้นสามารถบรรลุ "กระดูกหยก" ได้ด้วยการปรับแต่งกระดูกเพียงเล็กน้อย แต่คนอื่นๆแม้ว่าจะผ่านการปรับแต่งกระดูกมาหลายสิบครั้งก็ยังไม่มีทีท่าของ "กระดูกหยก" จะเกิดขึ้น

ก่อนอื่น กระดูกของมนุษย์นั้นจะถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ได้แก่ ผิวนอก เนื้อใน และไขกระดูก

มีเพียงการปรับแต่ไขกระดูกเท่านั้นที่จะทำให้สามารถบรรลุ "กระดูกหยก" ได้

ส่วนกระดูกผิวนอกนั้นสามารถเพื่อความแข็งแกร่งได้ด้วยการปรับแต่งกระดูกเพียงไม่กี่ครั้ง ซึ่งการเพิ่มความแข็งแกร่งของเนื้อกระดูกด้านในนั้นยากกว่ามาก

เพื่อให้พลังฉีและเลือดเข้าลึกไปในกระดูกชั้นในได้ จําเป็นต้องมีศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการแบ่งเบากระดูกที่อยู่ในระดับสูงเพื่อค่อยๆปรับแต่งกระดูกชั้นในด้วยวิธีพิเศษ

นอกจากนี้ ยังจําเป็นต้องมีอาหารสมุนไพรเพื่อบํารุงกระดูกโดยเฉพาะเพื่อซ่อมแซมอาการบาดเจ็บหรือผลข้างเคียงที่เกิดจากกระบวนการปรับแต่งกระดูก

สําหรับการปรับแต่งไขกระดูกนั้น จะต้องใช้ศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการแบ่งเบากระดูกชั้นยอดที่สุด ซึ่งลู่ชางเฉิงนั้นยังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ

หากไม่มีศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการแบ่งเบากระดูกชั้นยอด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุ "กระดูกหยก" สินะ?

ลู่ชางเฉิงขมวดคิ้ว

ศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการแบ่งเบากระดูกชั้นยอดนั้นเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย

หากไม่มีศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการแบ่งเบากระดูกชั้นยอด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุ "กระดูกหยก" หรือเปล่า?

ลู่ชางเฉิงยังคงอ่านต่อไป

น่าแปลกที่คำอธิบายของ "เทคนิคกระดูกเยือกแข็ง" มีวิธีการเริ่มฝึกอย่างง่ายๆบอกเอาไว้

หากไม่มีศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการแบ่งเบากระดูกชั้นยอด วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการปรับแต่งกระดูกซ้ำๆด้วยศิลปะการต่อสู้ ขอบเขตการแบ่งเบากระดูกธรรมดา

และด้วยการปรับแต่งที่มากมายหลายครั้ง มันอาจสร้างผลลัพธ์ที่ค่อยๆทันซ้อนขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อเวลาผ่านไป ด้วยการสะสมของปริมาณผลลัพธ์ที่ทับซ้อนกันนั้น "กระดูกหยก" อาจจะปรากฎขึ้นได้

แต่ถึงอย่างนั้น วิธีนี้ก็ใช่ไม่ได้สําหรับคนส่วนมาก

การฝึกศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการแบ่งเบากระดูกแต่ละครั้งมักใช้เวลาหลายปีเพื่อที่จะให้เชี่ยวชาญอย่างเต็มที่

และถ้าหากใช้วิธีที่กล่าวไว้ในข้างต้น ผู้ฝึกฝนจะต้องฝึกศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการแบ่งเบากระดูกกี่แบบ?

ซึ่งมันอาจจะใช้เวลาหลายปีหรืออาจถึงหลายสิบปี ซึ่งมันก็ไม่รับประกันว่าผู้ฝึกจะบรรลุ "กระดูกหยก" ได้ด้วย

แต่สำหรับวิธีนี้ ลู่ชางเฉิงคิดว่ามันเหมาะกับเขามาก

นอกจากนี้ ตอนนี้ลู่ชางเฉิงก็เข้าใจแล้วว่าทําไม "กระดูกหยก" ถึงได้สําคัญมากขนาดนั้น

นักศิลปะการต่อสู้ทุกคนนั้นล้วนปรารถนาที่จะบรรลุ "กระดูกหยก" ให้ได้ในชีวิต เพราะมีเพียง "กระดูกหยก" เท่านั้นที่สามารถต้านทานต่อแรงกดดันมหาศาลได้เมื่อทะลวงเข้าไปในขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์

ยิ่งกระดูกแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งสามารถทนต่อแรงกดดันได้มากขึ้นเท่านั้น

เมื่อพวกเขาทะลวงถึงขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์แล้ว นักศิลปะการต่อสู้ที่มี "กระดูกหยก" จะอยู่เหนือกว่าคนอื่นที่อยู่ในขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์มาก

ข้าจะต้องบรรลุถึง "กระดูกหยก ให้ได้!"

“ข้าเคยฝึกศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการแบ่งเบากระดูกมาแล้วสองครั้งและปรับแต่งกระดูกของข้ามาแล้วแปดครั้ง ซึ่งนั่นก็เทียบเท่ากับการปรับแต่งผิวกระดูกภายนอกของข้าไปแล้ว”

“ถ้าข้าสามารถฝึกฝน 'เทคนิคกระดูกเยือกแข็ง' นี้ได้ ข้าก็อาจจะสามารถปรับแต่งเนื้อกระดูกภายในได้!”

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ลู่ชางเฉิงจึงเริ่มฝึกเทคนิคกระดูกเยือกแข็งทันที

แม้ว่าเขาจะสามารถฝึกฝนได้ตลอด แต่การจะทำได้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เขาจะต้องฝึกในสภาพแวดล้อมที่เย็นจัด

ลู่ชางเฉิงจะต้องอยู่ในที่เย็นหรือฝึกกับก้อนน้ำแข็งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ในตอนนี้ ฤดูหนาวเพิ่งเริ่มต้นขึ้นและอากาศกำลังจะเย็นลงในไม่ช้า

เมื่อถึงตอนนั้น เทคนิคกระดูกเยือกแข็งของเขาก็จะเสร็จสมบูรณ์

นอกจากนี้ ศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการแบ่งเบากระดูกยังต้องการอาหารสมุนไพรที่เฉพาะส่วน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการปรับแต่งกระดูก

“อาหารบำรุงกระดูกรึ?... พรุ่งนี้ข้าควรไปที่ร้านขายสมุนไพรเพื่อถามเรื่องนี้ดูสักหน่อย”

ลู่ชางเฉิงจึงเริ่มฝึกฝนเทคนิคกระดูกเยือกแข็งสองสามครั้งและเนื่องจากไม่มีน้ำแข็งหรืออาหารบํารุงกระดูก ทำให้ความก้าวหน้าที่ขึ้นมามีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหยุดฝึกฝนและพักผ่อนแทน

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด