บทที่ 20 : อาวุธต้องสาป
บทที่ 20 : อาวุธต้องสาป
ซังวูรู้สึกว่าเสียงที่ดังก้องอยู่ภายในหัวของหมายเลข 1 นั้นดังมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ภาษาที่ได้ยินนั้นก็ยังไม่ใช่ภาษาเกาหลีอีกด้วย แต่กระนั้นเขาก็กลับสามารถเข้าใจมันได้อย่างน่าประหลาดใจ
' มันเป็นคำสาปหรอ? มันเอาแต่พูดเรื่องที่น่ากลัวและน่าขนลุกออกมา'
ซังวูสั่งให้หมายเลข 1 วางดาบลง
จากนั้นเสียงกระซิบหลอนหูก็หายไปในทันที
เมื่อเขาถือมันไว้ในมืออีกครั้ง เขาก็ได้ยินเสียงกระซิบหลอนหูนั้นอีกครั้ง
' นี่มันดาบอะไรกันเนี่ย? มันคืออาวุธต้องสาปหรอ?'
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่ามันมีเสียงกระซิบหลอนหูแล้ว มันก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีอันตรายใดๆ ต่อซังวูอีก
ในทางกลับกัน เมื่อเสียงกระซิบดังขึ้นในจิตใจของหมายเลข 1 ซังวูก็รับรู้ได้ทันทีว่าพลังของหมายเลข 1 นั้นเพิ่มขึ้นมาสูงขึ้น
ดูเหมือนมันจะเป็นไอเทมเวทย์มนตร์ที่มีผลเสริมพลังบางอย่างด้วย
ถ้าจะชี้ให้เห็นข้อเสีย มันก็คงมีเพียงความหมายของเสียงกระซิบที่น่าขนลุกนั่น
'โอ้ใช่ หากมันมีความสามารถพิเศษ มันก็จะมีราคาแพงมากอย่างแน่นอน ก่อนอื่นฉันต้องดูแลมันแล้วค่อยเอามันไปขายผ่านคุณตัวแทน หมายเลข 1 กลับมาที่โมเทลได้เลย วิ่งหน้าวิ่ง!'
ซังวูสั่งให้หมายเลข 1 หยิบดาบขึ้นสนิมแล้ววิ่งกลับออกมาทางพอร์ทัล
' ฉันควรฝึกฝนเพื่อเพิ่มค่าสถานะทุกครั้งที่มีโอกาส'
เขาไม่ได้จบสกิลแฟมิเลียเพราะเขาพยายามจะอัพเลเวลมัน
หลังจากตรวจสอบเบื้องต้นที่สถานีตามปกติแล้ว หมายเลข 1 ก็กำลังจะเดินออกมา
อย่างไรก็ตาม มันก็เกิดปัญหาขึ้นเมื่อเขาเดินผ่านเครื่องสแกน
ปี๊บ-
สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นแล้ว
' เอ่อ.. มีอะไรอีกเนี่ย?'
เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาได้รับสิทธิ์การเข้าถึงซ้ำซ้อน นั่นจึงไม่น่าจะเป็นปัญหาใดๆ
กระบวนการเข้าพอร์ทัลนั้นไม่เพียงแต่ต้องมีกำไลข้อมือประจำตัวเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงหมายเลขทะเบียนผู้อยู่อาศัยและการสแกนลายนิ้วมือด้วย
ด้วยเหตุนี้เอง ซังวูจึงคิดว่ามันน่าจะมีปัญหากับดาบที่เขาหยิบขึ้นมา
' เป็นเพราะดาบนี่งั้นหรอ?'
เครื่องสแกนนี้ไม่ใช่อุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้ตรวจจับวัตถุที่เป็นโลหะ
มันเป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้ตรวจจับการเคลื่อนไหวของมานาเทียมหรือปฏิกิริยาชีวิตซึ่งอาจเป็นอันตราย
ซังวูถึงกับผงะไปเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้
“คุณครับ ช่วยออกมาตรงนี้สักครู่หน่อยจะได้ไหมครับ?”
อันดับแรก ตามคำแนะนำของทหารที่รับผิดชอบการตรวจสอบ ซังวูได้ย้ายหมายเลข 1 ไปไว้ข้างทีมตรวจสอบ
“คุณช่วยบอกชื่อของคุณมาหน่อยได้ไหมครับ?”
“ฮันเตอร์แรงค์ F จองซังวู”
ทหารตรวจสอบรายชื่อตามคำตอบของหมายเลข 1
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก็ได้สั่งให้ถอดอุปกรณ์ออกจากร่างของหมายเลข 1
“กรุณาปลดอุปกรณ์ที่คุณสวมใส่อยู่แล้ววางมันไว้ในล็อคเกอร์ข้างๆ คุณด้วยครับ”
“ครับ”
“กรุณากลับเข้าสู่เครื่องสแกนอีกครั้งทีครับ”
เมื่อหมายเลข 1 เดินผ่านเคลื่อนสแกนอีกครั้ง ครั้งนี้มันก็ไม่มีเสียงเตือนดังขึ้น
“นี่คืออุปกรณ์ที่คุณได้รับมาจากในพอร์ทัลใช่ไหมครับ?”
“ใช่ครับ”
“ผมคิดว่ามันมีบางอย่างผิดปกติกับอุปกรณ์นะครับ กรุณารอสักครู่”
ตามคำแนะนำของทหาร หมายเลข 1 ยืนรออย่างเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง
ในขณะนี้ นายทหารที่กำลังตรวจสอบรายชื่ออยู่ก็ตะโกนใส่นายทหารที่อยู่ข้างๆ เขา
“อะไรเนี่ย! ทำไมบันทึกการเข้าของเขาถึงมีสองครั้ง?”
“นั่นเป็นไปไม่ได้ เขาแค่มีชื่อเหมือนกันรึเปล่า?”
“เวลาถูกประทับไว้ห่างจากครั้งแรกสองชั่วโมง ดูสิ ทั้งคู่มีวันเกิดเหมือนกันด้วย”
“เอ่อ..? นี่มันไม่ใช่ข้อผิดพลาดของระบบใช่ไหม?”
ซังวูที่ฟังความโกลาหลผ่านหมายเลข 1 ที่อยู่ข้างๆ กำลังตกตะลึง
' เอ๊ะ? ฉันสมัครขอสิทธิ์การเข้าถึงซ้ำซ้อนไปแล้วนี่'
อาจเป็นเพราะซังวูได้รับการอนุมัติเพียงชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้นข้อมูลจึงดูยากที่จะตรวจสอบ
“...นี่คือสิบเอกลีพิลฮวานแห่งสถานีรักษาความปลอดภัยหมายเลข 33 เราเจอปัญหาเข้าให้แล้ว”
นายทหารซึ่งเป็นคนตรวจสอบในทีแรกเดินกลับเข้ามาหาหมายเลข 1 หลังจากคุยกับนายทหารอีกคนเสร็จ
“ฮันเตอร์จองซังวู? เราต้องทำการตรวจสอบอะไรบางอย่าง เชิญไปกับพวกเราด้วยครับ”
“...จริงๆ แล้ว ผมได้สมัครขอสิทธิ์การเข้าถึงซ้ำซ้อนเอาไว้ ถ้าตรวจสอบกับสมาคมมันก็จะขึ้นเองครับ”
“สิทธิ์การเข้าถึงซ้ำซ้อน? นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินมันเลย”
เห็นได้ชัดว่าเนื่องจากไม่ใช่ทุกคนที่จะสมัครขอรับสิทธิ์ประเภทนี้ ดังนั้นมันจึงเกิดข้อผิดพลาดในกระบวนการตรวจสอบเป็นครั้งคราว
ซังวูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องให้ความร่วมมือ
“เอาล่ะ งั้นผมจะไปกับพวกคุณก่อนก็ได้ แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นกับอุปกรณ์ของผมครับ?”
“หลังจากการตรวจสอบแล้วหากไม่มีปัญหาใดๆ เราก็จะส่งคืนมันให้กับคุณ ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยตามผมมาด้วยครับ”
“เข้าใจแล้วครับ”
ซังวูเริ่มกังวลเกี่ยวกับดาบ
“แต่เดี๋ยวก่อนนะ ดาบเล่มนั้นดูแปลกนิดหน่อย ผมรู้สึกเหมือนถูกมันสาป”
“ถูกสาปหรอครับ? ผมจะบันทึกมันไว้”
อย่างไรก็ตาม นายทหารก็ดูไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
หมายเลข 1 เข้าไปในอาคารรักษาความปลอดภัยที่อยู่ข้างๆ
นายทหารให้หมายเลข 1 นั่งรอบนเก้าอี้หน้าโต๊ะและรายงานไปยังหน่วยงานระดับสูงเพื่อขอการยืนยันตัวตนและดูว่ามีข้อผิดพลาดในระบบหรือไม่
จากนั้นนายทหารก็เริ่มการซักถามสั้นๆ
มันไม่ใช่บรรยากาศที่ตึงเครียดอะไรมากนัก
“ฮันเตอร์แรงค์ F จองซังวู นี่คือคุณใช่ไหม?”
“ถูกต้องเลย”
“ผมชื่อสิบเอกลีพิลฮวาน จากกองร้อยรักษาความปลอดภัยที่ 17 ตอนที่ผมตรวจสอบ มันมีบันทึกการเข้าใช้งานที่นี่สองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน”
“ใช่ครับ จริงๆ แล้วผมมีสกิลร่างโคลน ดังนั้นผมเลยออกล่าโดยใช้ร่างโคลนของผม ดังนั้นผมจึงยื่นขอสิทธิ์การเข้าถึงซ้ำซ้อนกับสมาคมและได้รับการอนุมัติชั่วคราว ถ้าคุณดูบันทึกประวัติของผม มันก็น่าจะแสดงให้เห็นแล้ว”
หมายเลข 1 หรือซังวูตอบกลับไปอย่างชัดเจน
“สกิลร่างโคลนงั้นหรอ?”
“ใช่ครับ ผมสามารถสร้างร่างกายที่เหมือนกันกับตัวผมและใช้งานมันทำสิ่งต่างๆ ได้”
สิบเอกลีพิลฮวานยังคงดูสงสัยในตัวเขา
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดภัยพิบัติครั้งนั้นขึ้น ผู้คนที่มีความสามารถเหนือธรรมชาติทุกประเภทก็ได้ปรากฎตัวขึ้นมาบนโลก ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เชื่อ
“...ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยแสดงสกิลของคุณให้ผมดูหน่อยจะได้ไหมครับ?”
“มันมีคูลดาวน์น่ะครับ ดังนั้นผมจึงยังใช้มันไม่ได้ในตอนนี้”
เมื่อเขาบอกอีกฝ่ายว่าเขาไม่สามารถใช้สกิลร่างโคลนได้ในขณะนี้ ลีพิลฮวานก็ดูสงสัยเขาขึ้นมาโดยทันที
ซังวูรู้สึกหงุดหงิดเพราะเขารู้สึกเหมือนกำลังถูกสงสัยโดยไม่มีเหตุผล
“เอาล่ะ ก่อนอื่นอาจเป็นข้อผิดพลาดของระบบ ดังนั้นเราจึงขอตรวจสอบบันทึกในคอมพิวเตอร์และกล้องวงจรปิดดูก่อน อย่างไรก็ตาม มันก็ยืนยันได้ยากเนื่องจากเป็นช่วงเช้าตรู่และไม่มีผู้รับผิดชอบ คุณคงจะต้องรอสักหน่อย”
จ่าลีพิลฮวานพูดอย่างใจเย็น
' เวรกรรม เสียเวลาชะมัด'
เขาสามารถเรียกหมายเลข 1 กลับมาได้เลย แต่ซังวูก็ไม่ได้ทำอย่างนั้นเพราะเขาคิดว่ามันจะทำให้เกิดปัญหายุ่งยากขึ้นเอาภายหลัง
ซังวูตัดสินใจรอและสั่งให้หมายเลข 1 ตอบคำถามที่ได้รับไปอย่างเหมาะสม จากนั้นเขาจึงปลดสกิลแฟมิเลียของเขา
เมื่อวิสัยทัศน์ของเขากลับมา เขาก็เห็นเพดานของโมเทล
เวลาที่แสดงอยู่บนนาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์ของโมเทลคือ [04:41]
ในเวลานั้น จู่ๆ คังจุนโมก็โผล่เข้ามาในความคิดของเขา
ในฐานะพระผู้ช่วยของเขา คังจุนโมก็น่าจะมีวิธีแก้ปัญหาให้กับเขาแน่
ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าจะเป็นการรบกวนเพราะนี่เป็นช่วงเวลาเช้าตรู่ แต่ซังวูก็ยังพยายามโทรหาคังจุนโม
หลังจากนั้นสักพักสัญญาณปลายสายก็ดังขึ้น
คังจุนโมรับโทรศัพท์ด้วยเสียงง่วงนอน
“สวัสดีครับคุณตัวแทน นี่ผมจองซังวูนะครับ”
-ครับคุณฮันเตอร์ การล่าปลาสองขาของคุณเป็นไปด้วยดีไหมครับ?
ดูเหมือนว่าคังจุนโมจะหลับไปแล้วหลังจากส่งหมายเลข 2 ไปที่บ้านของซังวูหลังจากล่าเสร็จ
ซังวูอธิบายเรื่องราวทั้งหมด
“...ครับ การล่าเป็นไปด้วยดี แต่ผมก็ประสบกับปัญหานิดหน่อยน่ะครับ”
-ครับ? ปัญหาหรอ?
“ครับ ดูเหมือนจะมีปัญหากับสิทธิ์การเข้าถึงซ้ำซ้อน ดังนั้นตอนนี้ผมเลยถูกกักอยู่ที่อาคารรักษาความปลอดภัย”
-ดูเหมือนว่าจะมีปัญหากับการอนุมัติชั่วคราวสินะครับ เอาล่ะ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ!
คังจุนโมที่ตื่นจากการหลับใหลต้องประหลาดใจเมื่อได้ยินซังวูบอกว่าขณะนี้เขาถูกควบคุมตัวอยู่ที่อาคารรักษาความปลอดภัย
‘อย่าคิดมาทำลายแหล่งรายได้ของฉันนะโว้ย!’
หลังจากวางสาย ซังวูก็หลับตาลงครู่หนึ่ง
ฉันดูนาฬิกาอีกครั้ง [5:10]
ผ่านไปประมาณ 30 นาที
' เออใช่ ฉันควรจะบอกนายทหารเอาไว้ล่วงหน้าด้วยว่าคุณตัวแทนกำลังจะมา'
ซังวูใช้สกิลแฟมิเลียกับหมายเลข 1 อีกครั้งเพื่อบอกจ่าลีพิลฮวานว่ามีตัวแทนกำลังจะเข้าไป
จากนั้นภายในอาคารรักษาความปลอดภัยก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา
“ย้ากกก!”
“...หยุดนะ!”
อย่างไรก็ตาม จ่าลีพิลฮวานก็ไม่ได้ปรากฎตัวขึ้นในสายตาของเขา กลับกัน มันกลับมีความโกลาหลเกิดขึ้นที่ด้านนอก
' อะไรน่ะ?'
ซังวูย้ายหมายเลข 1 และสั่งให้เขาออกไปนอกอาคารรักษาความปลอดภัย
จากนั้นจุดตรวจพอร์ทัลก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
เกิดความวุ่นวายขึ้นที่นั่น
ทหารคนหนึ่งถือดาบและเหวี่ยงมันอย่างบ้าคลั่งไปทุกทิศทาง
'อะ.. อะไรกันเนี่ย!'
ทหารดูเหมือนจะเสียสติไปแล้ว ดวงตาของเขาแดงก่ำเป็นสีเลือด
นอกจากนี้ มันก็มีทหารคนหนึ่งนอนอยู่ มันมีเลือดไหลออกมาจากหน้าอกของเขา
“สิบโทคิม คุณบ้าไปแล้วหรอ!”
“ขา! ยิงเขาที่ขา!”
นี่มันบ้าไปแล้ว!
เสียงปืนดังขึ้นจนหนวกหู
ในเวลาไม่นาน สิบโทคิมก็ถูกยิงกระสุนหลายนัดเข้าที่ขา
เขาสูญเสียการควบคุมร่างกายส่วนล่างและล้มลงกับพื้น
อย่างไรก็ตาม บางทีอาจเป็นเพราะเขาบ้าไปแล้วจริงๆ เขาจึงพยายามโจมตีด้วยการคลานโดยใช้เพียงความแข็งแกร่งของร่างกายส่วนบนเท่านั้นต่อไป
เป้าหมายของเขาคือหมายเลข 1 ที่เพิ่งเดินออกมาจากอาคารรักษาความปลอดภัย
หมายเลข 1 หรือซังวูที่เพิ่งเดินออกมาจากอาคารรักษาความปลอดภัย ไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ เขารู้สึกหวาดกลัวเมื่อเห็นทหารที่มีลักษณะคล้ายกับซอมบี้เปื้อนเลือดกำลังพยายามคลานเข้ามาโจมตีเขา
'เชี่ยเชี่ยเชี่ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย!'
โชคดีที่หมายเลข 1 สามารถหลบหนีออกมาจากระยะการโจมตีได้อย่างง่ายดาย
เมื่อซังวูขยายระยะห่างออกไปเล็กน้อย สถานการณ์ก็เริ่มชัดเจนขึ้น
' หรือว่าเขาจะกลายเป็นบ้าเพราะดาบเล่มนั้น?'
ดาบขึ้นสนิมอยู่ในมือของทหารชื่อสิบโทคิม
ซังวูรู้ว่าดาบเล่มนั้นแปลกแค่ไหนเพราะเขาสัมผัสมันมาแล้วผ่านหมายเลข 1
' ถ้าเขาถูกสาปเพราะดาบเล่มนั้น...'
สื่อคือดาบ ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นก็แค่ปลดดาบออก
ในขณะที่ซังวูกำลังตัดสินใจ ทหารรอบตัวเขาก็เถียงกันเสียงดังว่าพวกเขาควรจะฆ่าหรือพยายามหยุดสิบโทคิมดี
“มันกำลังมาทางนี้แล้ว!”
“รักษาระยะห่างไว้! ไปร้องขอการสนับสนุน!”
“จ่า คุณจะยิงผมหรอ? คุณจะฆ่าผมหรอ?”
หัวหน้าทหารทำอะไรไม่ถูก นี่เป็นเพราะคำสั่งของเขาคือสิ่งที่จะกำหนดว่าบุคคลนั้นจะมีชีวิตอยู่หรือตาย
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นแอง หมายเลข 1 ก็ได้กระโดดเข้าหาสิบโทคิม
สิบโทคิมที่ได้ยินเสียงวิ่งดังเข้ามาใกล้ได้ขยับร่างกายส่วนบนของเขาแล้วเหวี่ยงดาบขึ้นสนิมไปทางหมายเลข 1
วิถีดาบนั้นต่ำมาก มันฟันได้ถึงแค่น่องเท่านั้น
หมายเลข 1 หลบมันได้อย่างหวุดหวิด เขากระโดดสูงขึ้นและไปปรากฎตัวอีกทีที่ด้านหลังของสิบโทคิม
จากนั้นเขาก็โจมตีสิบโทคิมจากด้านบนในทันทีและคว้าแขนขวาของสิบโทคิมเอาไว้
“อ้าก!”
สิบโทคิมต่อสู้ดิ้นรนอย่างดุเดือด
อาจเป็นเพราะความแข็งแกร่งของหมายเลข 1 ที่อ่อนแอ หรือเป็นเพราะสิบโทคิมนั้นแข็งแกร่ง ร่างกายของหมายเลข 1 จึงสั่นแม้ว่าเขาจะจับแขนข้างหนึ่งและเกาะร่างไว้ทั้งตัวแล้วก็ตาม
ซังวูที่กำลังบังคับร่างหมายเลข 1อยู่รีบสั่งให้คนอื่นเข้ามาช่วย
“พวกคุณทำอะไรกันอยู่! อย่ามัวแต่ดูสิ ช่วยกันด้วย!”
จากนั้นทหารที่กำลังกระสับกระส่ายขณะเฝ้าดูก็รีบรุดไปข้างหน้า
ทหารแต่ละคนพยายามล็อคแขนขา ลำตัวและศีรษะของสิบโทคิมเอาไว้
หลังจากที่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของสิบโทคิมได้ในที่สุด ทหารคนหนึ่งก็พยายามที่จะเอาดาบขึ้นสนิมออกไปจากมือของสิบโทคิม
“ไม่! อย่าแตะต้องดาบนั่น!”
ซังวูตกใจมากจึงขยับหมายเลข 1 ไปหยุดทหารคนนั้น
'ถ้าดาบเล่มนี้เป็นดาบต้องสาป มันก็จะอันตรายมากสำหรับคนธรรมดาที่จะไปสัมผัสมัน'
จากนั้นมือของหมายเลข 1 ก็แย่งดาบขึ้นสนิมไปจากสิบโทคิม
ไม่นานหลังจากนั้นสิบโทคิมก็เป็นลมและมีน้ำลายฟูมปาก
“โอเค มันจบแล้วหรอ?”
ถึงกระนั้น เหล่าทหารก็ยังคงจับสิบโทคิมล็อคต่อไปอีกหลายนาทีจนกระทั่งพวกเขามั่นใจแล้วว่ามันไม่มีอะไรแล้ว
“จ่าลี! สิบโทคิมเป็นลมไปแล้วครับ!”
“มัดไอ้เวรนั่นไว้!”
“รับทราบครับ!”
“รีบติดต่อทีมแพทย์และไปดูแลบยองซิกด้วย.. ไม่สิ! แกไม่รู้วิธีปฐมพยาบาลนี่หว่า ไอ้ควายเอ้ย!”
จ่าสิบเอกลีพิลฮวานนำทหารไปมัดสิบโทคิมและควบคุมเขา เขาปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บและเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บไปนอนพัก
เมื่อความปั่นป่วนสงบลง จ่าลีพิลฮวานก็เดินเข้ามาหาหมายเลข 1 หรือก็คือซังวู เขาจ้องมองหมายเลข 1 อย่างว่างเปล่าและเหนื่อยล้า
“ขอบคุณครับสำหรับความช่วยเหลือของคุณ”
“ไม่เลยครับ แน่นอนว่าผมควรช่วยอยู่แล้ว แต่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”
“จู่ๆ สถานการณ์นี้ก็เกิดขึ้นในขณะที่ผมกำลังคุยกับฮันเตอร์คนอื่นอยู่ ดังนั้นผมจึงไม่ทราบแน่ชัดด้วยเหมือนกัน”
“ด้วยเหตุผลบางอย่าง ดาบที่ผมนำมาจากดันเจี้ยนก็ดูเหมือนจะเป็นตัวปัญหาสินะครับ”
“...แล้วคุณถูกสาปรึเปล่าครับ?”
“...ไม่ครับ ยิ่งไปกว่านั้น ผมก็อยากพักผ่อนแล้ว ผมจะกลับบ้านได้เมื่อไหร่ครับ?”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ คุณสามารถไปได้หลังจากการสอบสวนสิ้นสุดลงแล้วเท่านั้น”
จ่าสิบเอกลีพิลฮวานเป็นผู้ที่หนักแน่นในหน้าที่มาก
เขาบอกให้ซังวูรออยู่ในอาคารเพราะเขาต้องออกไปเก็บกวาดเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน
'ไอ้ฟักทองหวาน น่ารำคาญจริง ถ้าไม่ใช่เพราะดาบนั่นนะ ฉันก็คงจะอัญเชิญหมายเลข 1 กลับมาและกลับบ้านไปพักผ่อนตั้งนานแล้ว”
เนื่องจากเขาใช้สกิลแฟมิเลียอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นความเหนื่อยล้าของเขาจึงรุนแรงมาก
‘รู้สึกเหมือนกับการเมารถเลย’
ก่อนอื่น เนื่องจากยังเป็นเวลาเช้าตรู่และอากาศก็ยังหนาวเย็น ซังวูจึงปล่อยให้หมายเลข 1 เข้าไปพักอยู่ในอาคาร
ซังวูที่กำลังมึนงงกำลังฆ่าเวลาโดยสั่งให้หมายเลข 2 ที่กำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้านอย่างสบายๆ (?) ออกกำลังกายเนื่องจากเขายังไม่มีคำสั่งพิเศษ
ไม่นานหลังจากนั้น ประตูอาคารก็เปิดออก
“คุณฮันเตอร์!”