ตอนที่แล้วบทที่ 19 : ปลดล็อคค่าพลังฟื้นฟู มนุษย์ปลา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 21 : ความไว้วางใจ สกิลใหม่

บทที่ 20 : อาวุธต้องสาป


บทที่ 20 : อาวุธต้องสาป

ซังวูรู้สึกว่าเสียงที่ดังก้องอยู่ภายในหัวของหมายเลข 1 นั้นดังมาก

ยิ่งไปกว่านั้น ภาษาที่ได้ยินนั้นก็ยังไม่ใช่ภาษาเกาหลีอีกด้วย แต่กระนั้นเขาก็กลับสามารถเข้าใจมันได้อย่างน่าประหลาดใจ

' มันเป็นคำสาปหรอ? มันเอาแต่พูดเรื่องที่น่ากลัวและน่าขนลุกออกมา'

ซังวูสั่งให้หมายเลข 1 วางดาบลง

จากนั้นเสียงกระซิบหลอนหูก็หายไปในทันที

เมื่อเขาถือมันไว้ในมืออีกครั้ง เขาก็ได้ยินเสียงกระซิบหลอนหูนั้นอีกครั้ง

' นี่มันดาบอะไรกันเนี่ย? มันคืออาวุธต้องสาปหรอ?'

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่ามันมีเสียงกระซิบหลอนหูแล้ว มันก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีอันตรายใดๆ ต่อซังวูอีก

ในทางกลับกัน เมื่อเสียงกระซิบดังขึ้นในจิตใจของหมายเลข 1 ซังวูก็รับรู้ได้ทันทีว่าพลังของหมายเลข 1 นั้นเพิ่มขึ้นมาสูงขึ้น

ดูเหมือนมันจะเป็นไอเทมเวทย์มนตร์ที่มีผลเสริมพลังบางอย่างด้วย

ถ้าจะชี้ให้เห็นข้อเสีย มันก็คงมีเพียงความหมายของเสียงกระซิบที่น่าขนลุกนั่น

'โอ้ใช่ หากมันมีความสามารถพิเศษ มันก็จะมีราคาแพงมากอย่างแน่นอน ก่อนอื่นฉันต้องดูแลมันแล้วค่อยเอามันไปขายผ่านคุณตัวแทน หมายเลข 1 กลับมาที่โมเทลได้เลย วิ่งหน้าวิ่ง!'

ซังวูสั่งให้หมายเลข 1 หยิบดาบขึ้นสนิมแล้ววิ่งกลับออกมาทางพอร์ทัล

' ฉันควรฝึกฝนเพื่อเพิ่มค่าสถานะทุกครั้งที่มีโอกาส'

เขาไม่ได้จบสกิลแฟมิเลียเพราะเขาพยายามจะอัพเลเวลมัน

หลังจากตรวจสอบเบื้องต้นที่สถานีตามปกติแล้ว หมายเลข 1 ก็กำลังจะเดินออกมา

อย่างไรก็ตาม มันก็เกิดปัญหาขึ้นเมื่อเขาเดินผ่านเครื่องสแกน

ปี๊บ-

สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นแล้ว

' เอ่อ.. มีอะไรอีกเนี่ย?'

เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาได้รับสิทธิ์การเข้าถึงซ้ำซ้อน นั่นจึงไม่น่าจะเป็นปัญหาใดๆ

กระบวนการเข้าพอร์ทัลนั้นไม่เพียงแต่ต้องมีกำไลข้อมือประจำตัวเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงหมายเลขทะเบียนผู้อยู่อาศัยและการสแกนลายนิ้วมือด้วย

ด้วยเหตุนี้เอง ซังวูจึงคิดว่ามันน่าจะมีปัญหากับดาบที่เขาหยิบขึ้นมา

' เป็นเพราะดาบนี่งั้นหรอ?'

เครื่องสแกนนี้ไม่ใช่อุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้ตรวจจับวัตถุที่เป็นโลหะ

มันเป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้ตรวจจับการเคลื่อนไหวของมานาเทียมหรือปฏิกิริยาชีวิตซึ่งอาจเป็นอันตราย

ซังวูถึงกับผงะไปเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้

“คุณครับ ช่วยออกมาตรงนี้สักครู่หน่อยจะได้ไหมครับ?”

อันดับแรก ตามคำแนะนำของทหารที่รับผิดชอบการตรวจสอบ ซังวูได้ย้ายหมายเลข 1 ไปไว้ข้างทีมตรวจสอบ

“คุณช่วยบอกชื่อของคุณมาหน่อยได้ไหมครับ?”

“ฮันเตอร์แรงค์ F จองซังวู”

ทหารตรวจสอบรายชื่อตามคำตอบของหมายเลข 1

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก็ได้สั่งให้ถอดอุปกรณ์ออกจากร่างของหมายเลข 1

“กรุณาปลดอุปกรณ์ที่คุณสวมใส่อยู่แล้ววางมันไว้ในล็อคเกอร์ข้างๆ คุณด้วยครับ”

“ครับ”

“กรุณากลับเข้าสู่เครื่องสแกนอีกครั้งทีครับ”

เมื่อหมายเลข 1 เดินผ่านเคลื่อนสแกนอีกครั้ง ครั้งนี้มันก็ไม่มีเสียงเตือนดังขึ้น

“นี่คืออุปกรณ์ที่คุณได้รับมาจากในพอร์ทัลใช่ไหมครับ?”

“ใช่ครับ”

“ผมคิดว่ามันมีบางอย่างผิดปกติกับอุปกรณ์นะครับ กรุณารอสักครู่”

ตามคำแนะนำของทหาร หมายเลข 1 ยืนรออย่างเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง

ในขณะนี้ นายทหารที่กำลังตรวจสอบรายชื่ออยู่ก็ตะโกนใส่นายทหารที่อยู่ข้างๆ เขา

“อะไรเนี่ย! ทำไมบันทึกการเข้าของเขาถึงมีสองครั้ง?”

“นั่นเป็นไปไม่ได้ เขาแค่มีชื่อเหมือนกันรึเปล่า?”

“เวลาถูกประทับไว้ห่างจากครั้งแรกสองชั่วโมง ดูสิ ทั้งคู่มีวันเกิดเหมือนกันด้วย”

“เอ่อ..? นี่มันไม่ใช่ข้อผิดพลาดของระบบใช่ไหม?”

ซังวูที่ฟังความโกลาหลผ่านหมายเลข 1 ที่อยู่ข้างๆ กำลังตกตะลึง

' เอ๊ะ? ฉันสมัครขอสิทธิ์การเข้าถึงซ้ำซ้อนไปแล้วนี่'

อาจเป็นเพราะซังวูได้รับการอนุมัติเพียงชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้นข้อมูลจึงดูยากที่จะตรวจสอบ

“...นี่คือสิบเอกลีพิลฮวานแห่งสถานีรักษาความปลอดภัยหมายเลข 33  เราเจอปัญหาเข้าให้แล้ว”

นายทหารซึ่งเป็นคนตรวจสอบในทีแรกเดินกลับเข้ามาหาหมายเลข 1 หลังจากคุยกับนายทหารอีกคนเสร็จ

“ฮันเตอร์จองซังวู? เราต้องทำการตรวจสอบอะไรบางอย่าง เชิญไปกับพวกเราด้วยครับ”

“...จริงๆ แล้ว ผมได้สมัครขอสิทธิ์การเข้าถึงซ้ำซ้อนเอาไว้ ถ้าตรวจสอบกับสมาคมมันก็จะขึ้นเองครับ”

“สิทธิ์การเข้าถึงซ้ำซ้อน? นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินมันเลย”

เห็นได้ชัดว่าเนื่องจากไม่ใช่ทุกคนที่จะสมัครขอรับสิทธิ์ประเภทนี้ ดังนั้นมันจึงเกิดข้อผิดพลาดในกระบวนการตรวจสอบเป็นครั้งคราว

ซังวูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องให้ความร่วมมือ

“เอาล่ะ งั้นผมจะไปกับพวกคุณก่อนก็ได้ แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นกับอุปกรณ์ของผมครับ?”

“หลังจากการตรวจสอบแล้วหากไม่มีปัญหาใดๆ เราก็จะส่งคืนมันให้กับคุณ ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยตามผมมาด้วยครับ”

“เข้าใจแล้วครับ”

ซังวูเริ่มกังวลเกี่ยวกับดาบ

“แต่เดี๋ยวก่อนนะ ดาบเล่มนั้นดูแปลกนิดหน่อย ผมรู้สึกเหมือนถูกมันสาป”

“ถูกสาปหรอครับ? ผมจะบันทึกมันไว้”

อย่างไรก็ตาม นายทหารก็ดูไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

หมายเลข 1 เข้าไปในอาคารรักษาความปลอดภัยที่อยู่ข้างๆ

นายทหารให้หมายเลข 1 นั่งรอบนเก้าอี้หน้าโต๊ะและรายงานไปยังหน่วยงานระดับสูงเพื่อขอการยืนยันตัวตนและดูว่ามีข้อผิดพลาดในระบบหรือไม่

จากนั้นนายทหารก็เริ่มการซักถามสั้นๆ

มันไม่ใช่บรรยากาศที่ตึงเครียดอะไรมากนัก

“ฮันเตอร์แรงค์ F จองซังวู นี่คือคุณใช่ไหม?”

“ถูกต้องเลย”

“ผมชื่อสิบเอกลีพิลฮวาน จากกองร้อยรักษาความปลอดภัยที่ 17 ตอนที่ผมตรวจสอบ มันมีบันทึกการเข้าใช้งานที่นี่สองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน”

“ใช่ครับ จริงๆ แล้วผมมีสกิลร่างโคลน ดังนั้นผมเลยออกล่าโดยใช้ร่างโคลนของผม ดังนั้นผมจึงยื่นขอสิทธิ์การเข้าถึงซ้ำซ้อนกับสมาคมและได้รับการอนุมัติชั่วคราว ถ้าคุณดูบันทึกประวัติของผม มันก็น่าจะแสดงให้เห็นแล้ว”

หมายเลข 1 หรือซังวูตอบกลับไปอย่างชัดเจน

“สกิลร่างโคลนงั้นหรอ?”

“ใช่ครับ ผมสามารถสร้างร่างกายที่เหมือนกันกับตัวผมและใช้งานมันทำสิ่งต่างๆ ได้”

สิบเอกลีพิลฮวานยังคงดูสงสัยในตัวเขา

อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดภัยพิบัติครั้งนั้นขึ้น ผู้คนที่มีความสามารถเหนือธรรมชาติทุกประเภทก็ได้ปรากฎตัวขึ้นมาบนโลก ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เชื่อ

“...ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยแสดงสกิลของคุณให้ผมดูหน่อยจะได้ไหมครับ?”

“มันมีคูลดาวน์น่ะครับ ดังนั้นผมจึงยังใช้มันไม่ได้ในตอนนี้”

เมื่อเขาบอกอีกฝ่ายว่าเขาไม่สามารถใช้สกิลร่างโคลนได้ในขณะนี้ ลีพิลฮวานก็ดูสงสัยเขาขึ้นมาโดยทันที

ซังวูรู้สึกหงุดหงิดเพราะเขารู้สึกเหมือนกำลังถูกสงสัยโดยไม่มีเหตุผล

“เอาล่ะ ก่อนอื่นอาจเป็นข้อผิดพลาดของระบบ ดังนั้นเราจึงขอตรวจสอบบันทึกในคอมพิวเตอร์และกล้องวงจรปิดดูก่อน อย่างไรก็ตาม มันก็ยืนยันได้ยากเนื่องจากเป็นช่วงเช้าตรู่และไม่มีผู้รับผิดชอบ คุณคงจะต้องรอสักหน่อย”

จ่าลีพิลฮวานพูดอย่างใจเย็น

' เวรกรรม เสียเวลาชะมัด'

เขาสามารถเรียกหมายเลข 1 กลับมาได้เลย แต่ซังวูก็ไม่ได้ทำอย่างนั้นเพราะเขาคิดว่ามันจะทำให้เกิดปัญหายุ่งยากขึ้นเอาภายหลัง

ซังวูตัดสินใจรอและสั่งให้หมายเลข 1 ตอบคำถามที่ได้รับไปอย่างเหมาะสม จากนั้นเขาจึงปลดสกิลแฟมิเลียของเขา

เมื่อวิสัยทัศน์ของเขากลับมา เขาก็เห็นเพดานของโมเทล

เวลาที่แสดงอยู่บนนาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์ของโมเทลคือ [04:41]

ในเวลานั้น จู่ๆ คังจุนโมก็โผล่เข้ามาในความคิดของเขา

ในฐานะพระผู้ช่วยของเขา คังจุนโมก็น่าจะมีวิธีแก้ปัญหาให้กับเขาแน่

ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าจะเป็นการรบกวนเพราะนี่เป็นช่วงเวลาเช้าตรู่ แต่ซังวูก็ยังพยายามโทรหาคังจุนโม

หลังจากนั้นสักพักสัญญาณปลายสายก็ดังขึ้น

คังจุนโมรับโทรศัพท์ด้วยเสียงง่วงนอน

“สวัสดีครับคุณตัวแทน นี่ผมจองซังวูนะครับ”

-ครับคุณฮันเตอร์ การล่าปลาสองขาของคุณเป็นไปด้วยดีไหมครับ?

ดูเหมือนว่าคังจุนโมจะหลับไปแล้วหลังจากส่งหมายเลข 2 ไปที่บ้านของซังวูหลังจากล่าเสร็จ

ซังวูอธิบายเรื่องราวทั้งหมด

“...ครับ การล่าเป็นไปด้วยดี แต่ผมก็ประสบกับปัญหานิดหน่อยน่ะครับ”

-ครับ? ปัญหาหรอ?

“ครับ ดูเหมือนจะมีปัญหากับสิทธิ์การเข้าถึงซ้ำซ้อน ดังนั้นตอนนี้ผมเลยถูกกักอยู่ที่อาคารรักษาความปลอดภัย”

-ดูเหมือนว่าจะมีปัญหากับการอนุมัติชั่วคราวสินะครับ เอาล่ะ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ!

คังจุนโมที่ตื่นจากการหลับใหลต้องประหลาดใจเมื่อได้ยินซังวูบอกว่าขณะนี้เขาถูกควบคุมตัวอยู่ที่อาคารรักษาความปลอดภัย

‘อย่าคิดมาทำลายแหล่งรายได้ของฉันนะโว้ย!’

หลังจากวางสาย ซังวูก็หลับตาลงครู่หนึ่ง

ฉันดูนาฬิกาอีกครั้ง [5:10]

ผ่านไปประมาณ 30 นาที

' เออใช่ ฉันควรจะบอกนายทหารเอาไว้ล่วงหน้าด้วยว่าคุณตัวแทนกำลังจะมา'

ซังวูใช้สกิลแฟมิเลียกับหมายเลข 1 อีกครั้งเพื่อบอกจ่าลีพิลฮวานว่ามีตัวแทนกำลังจะเข้าไป

จากนั้นภายในอาคารรักษาความปลอดภัยก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา

“ย้ากกก!”

“...หยุดนะ!”

อย่างไรก็ตาม จ่าลีพิลฮวานก็ไม่ได้ปรากฎตัวขึ้นในสายตาของเขา กลับกัน มันกลับมีความโกลาหลเกิดขึ้นที่ด้านนอก

' อะไรน่ะ?'

ซังวูย้ายหมายเลข 1 และสั่งให้เขาออกไปนอกอาคารรักษาความปลอดภัย

จากนั้นจุดตรวจพอร์ทัลก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

เกิดความวุ่นวายขึ้นที่นั่น

ทหารคนหนึ่งถือดาบและเหวี่ยงมันอย่างบ้าคลั่งไปทุกทิศทาง

'อะ.. อะไรกันเนี่ย!'

ทหารดูเหมือนจะเสียสติไปแล้ว ดวงตาของเขาแดงก่ำเป็นสีเลือด

นอกจากนี้ มันก็มีทหารคนหนึ่งนอนอยู่ มันมีเลือดไหลออกมาจากหน้าอกของเขา

“สิบโทคิม คุณบ้าไปแล้วหรอ!”

“ขา! ยิงเขาที่ขา!”

นี่มันบ้าไปแล้ว!

เสียงปืนดังขึ้นจนหนวกหู

ในเวลาไม่นาน สิบโทคิมก็ถูกยิงกระสุนหลายนัดเข้าที่ขา

เขาสูญเสียการควบคุมร่างกายส่วนล่างและล้มลงกับพื้น

อย่างไรก็ตาม บางทีอาจเป็นเพราะเขาบ้าไปแล้วจริงๆ เขาจึงพยายามโจมตีด้วยการคลานโดยใช้เพียงความแข็งแกร่งของร่างกายส่วนบนเท่านั้นต่อไป

เป้าหมายของเขาคือหมายเลข 1 ที่เพิ่งเดินออกมาจากอาคารรักษาความปลอดภัย

หมายเลข 1 หรือซังวูที่เพิ่งเดินออกมาจากอาคารรักษาความปลอดภัย ไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ เขารู้สึกหวาดกลัวเมื่อเห็นทหารที่มีลักษณะคล้ายกับซอมบี้เปื้อนเลือดกำลังพยายามคลานเข้ามาโจมตีเขา

'เชี่ยเชี่ยเชี่ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย!'

โชคดีที่หมายเลข 1 สามารถหลบหนีออกมาจากระยะการโจมตีได้อย่างง่ายดาย

เมื่อซังวูขยายระยะห่างออกไปเล็กน้อย สถานการณ์ก็เริ่มชัดเจนขึ้น

' หรือว่าเขาจะกลายเป็นบ้าเพราะดาบเล่มนั้น?'

ดาบขึ้นสนิมอยู่ในมือของทหารชื่อสิบโทคิม

ซังวูรู้ว่าดาบเล่มนั้นแปลกแค่ไหนเพราะเขาสัมผัสมันมาแล้วผ่านหมายเลข 1

' ถ้าเขาถูกสาปเพราะดาบเล่มนั้น...'

สื่อคือดาบ ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นก็แค่ปลดดาบออก

ในขณะที่ซังวูกำลังตัดสินใจ ทหารรอบตัวเขาก็เถียงกันเสียงดังว่าพวกเขาควรจะฆ่าหรือพยายามหยุดสิบโทคิมดี

“มันกำลังมาทางนี้แล้ว!”

“รักษาระยะห่างไว้! ไปร้องขอการสนับสนุน!”

“จ่า คุณจะยิงผมหรอ? คุณจะฆ่าผมหรอ?”

หัวหน้าทหารทำอะไรไม่ถูก นี่เป็นเพราะคำสั่งของเขาคือสิ่งที่จะกำหนดว่าบุคคลนั้นจะมีชีวิตอยู่หรือตาย

อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นแอง หมายเลข 1 ก็ได้กระโดดเข้าหาสิบโทคิม

สิบโทคิมที่ได้ยินเสียงวิ่งดังเข้ามาใกล้ได้ขยับร่างกายส่วนบนของเขาแล้วเหวี่ยงดาบขึ้นสนิมไปทางหมายเลข 1

วิถีดาบนั้นต่ำมาก มันฟันได้ถึงแค่น่องเท่านั้น

หมายเลข 1 หลบมันได้อย่างหวุดหวิด เขากระโดดสูงขึ้นและไปปรากฎตัวอีกทีที่ด้านหลังของสิบโทคิม

จากนั้นเขาก็โจมตีสิบโทคิมจากด้านบนในทันทีและคว้าแขนขวาของสิบโทคิมเอาไว้

“อ้าก!”

สิบโทคิมต่อสู้ดิ้นรนอย่างดุเดือด

อาจเป็นเพราะความแข็งแกร่งของหมายเลข 1 ที่อ่อนแอ หรือเป็นเพราะสิบโทคิมนั้นแข็งแกร่ง ร่างกายของหมายเลข 1 จึงสั่นแม้ว่าเขาจะจับแขนข้างหนึ่งและเกาะร่างไว้ทั้งตัวแล้วก็ตาม

ซังวูที่กำลังบังคับร่างหมายเลข 1อยู่รีบสั่งให้คนอื่นเข้ามาช่วย

“พวกคุณทำอะไรกันอยู่! อย่ามัวแต่ดูสิ ช่วยกันด้วย!”

จากนั้นทหารที่กำลังกระสับกระส่ายขณะเฝ้าดูก็รีบรุดไปข้างหน้า

ทหารแต่ละคนพยายามล็อคแขนขา ลำตัวและศีรษะของสิบโทคิมเอาไว้

หลังจากที่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของสิบโทคิมได้ในที่สุด ทหารคนหนึ่งก็พยายามที่จะเอาดาบขึ้นสนิมออกไปจากมือของสิบโทคิม

“ไม่! อย่าแตะต้องดาบนั่น!”

ซังวูตกใจมากจึงขยับหมายเลข 1 ไปหยุดทหารคนนั้น

'ถ้าดาบเล่มนี้เป็นดาบต้องสาป มันก็จะอันตรายมากสำหรับคนธรรมดาที่จะไปสัมผัสมัน'

จากนั้นมือของหมายเลข 1 ก็แย่งดาบขึ้นสนิมไปจากสิบโทคิม

ไม่นานหลังจากนั้นสิบโทคิมก็เป็นลมและมีน้ำลายฟูมปาก

“โอเค มันจบแล้วหรอ?”

ถึงกระนั้น เหล่าทหารก็ยังคงจับสิบโทคิมล็อคต่อไปอีกหลายนาทีจนกระทั่งพวกเขามั่นใจแล้วว่ามันไม่มีอะไรแล้ว

“จ่าลี! สิบโทคิมเป็นลมไปแล้วครับ!”

“มัดไอ้เวรนั่นไว้!”

“รับทราบครับ!”

“รีบติดต่อทีมแพทย์และไปดูแลบยองซิกด้วย.. ไม่สิ! แกไม่รู้วิธีปฐมพยาบาลนี่หว่า ไอ้ควายเอ้ย!”

จ่าสิบเอกลีพิลฮวานนำทหารไปมัดสิบโทคิมและควบคุมเขา เขาปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บและเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บไปนอนพัก

เมื่อความปั่นป่วนสงบลง จ่าลีพิลฮวานก็เดินเข้ามาหาหมายเลข 1 หรือก็คือซังวู เขาจ้องมองหมายเลข 1 อย่างว่างเปล่าและเหนื่อยล้า

“ขอบคุณครับสำหรับความช่วยเหลือของคุณ”

“ไม่เลยครับ แน่นอนว่าผมควรช่วยอยู่แล้ว แต่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”

“จู่ๆ สถานการณ์นี้ก็เกิดขึ้นในขณะที่ผมกำลังคุยกับฮันเตอร์คนอื่นอยู่ ดังนั้นผมจึงไม่ทราบแน่ชัดด้วยเหมือนกัน”

“ด้วยเหตุผลบางอย่าง ดาบที่ผมนำมาจากดันเจี้ยนก็ดูเหมือนจะเป็นตัวปัญหาสินะครับ”

“...แล้วคุณถูกสาปรึเปล่าครับ?”

“...ไม่ครับ ยิ่งไปกว่านั้น ผมก็อยากพักผ่อนแล้ว ผมจะกลับบ้านได้เมื่อไหร่ครับ?”

“ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ คุณสามารถไปได้หลังจากการสอบสวนสิ้นสุดลงแล้วเท่านั้น”

จ่าสิบเอกลีพิลฮวานเป็นผู้ที่หนักแน่นในหน้าที่มาก

เขาบอกให้ซังวูรออยู่ในอาคารเพราะเขาต้องออกไปเก็บกวาดเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน

'ไอ้ฟักทองหวาน น่ารำคาญจริง ถ้าไม่ใช่เพราะดาบนั่นนะ ฉันก็คงจะอัญเชิญหมายเลข 1 กลับมาและกลับบ้านไปพักผ่อนตั้งนานแล้ว”

เนื่องจากเขาใช้สกิลแฟมิเลียอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นความเหนื่อยล้าของเขาจึงรุนแรงมาก

‘รู้สึกเหมือนกับการเมารถเลย’

ก่อนอื่น เนื่องจากยังเป็นเวลาเช้าตรู่และอากาศก็ยังหนาวเย็น ซังวูจึงปล่อยให้หมายเลข 1 เข้าไปพักอยู่ในอาคาร

ซังวูที่กำลังมึนงงกำลังฆ่าเวลาโดยสั่งให้หมายเลข 2 ที่กำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้านอย่างสบายๆ (?) ออกกำลังกายเนื่องจากเขายังไม่มีคำสั่งพิเศษ

ไม่นานหลังจากนั้น ประตูอาคารก็เปิดออก

“คุณฮันเตอร์!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด