ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 550 - รวมกลุ่มหน้าปราสาท!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 552 - ไร้ทางถอย!

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 551 - เข้าคุก!?


“ที่นี่ถูกเรียกว่า ‘คุกขังเทพ’ ไม่ใช่ปราสาทราชวังอะไรทั้งนั้น จากข้อมูล มันถูกสร้างขึ้นมาโดยเทพที่แท้จริงเพื่อใช้เป็นที่คุมขังนักโทษระดับสูง ตัวตนที่ทรงพลังและแข็งแกร่งเกินไปที่จะปล่อยให้อยู่สร้างความวุ่นวายในโลกภายนอก” คนที่อธิบายออกมาในคราวนี้ ‘ธีล่า’ สมาชิกหญิงคนเดียวในกลุ่ม

เดวิดสะดุ้งไปเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดว่าที่นี่เป็นปราสาทที่อยู่อาศัยของขุนนางหรือผู้นำระดับสูงของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ก่อสงครามขึ้นมาในโลกใบนี้ แต่มันดันกลายเป็นเพียงแค่ ‘คุก’ อย่างนั้นหรือ ทำไมจะต้องสร้างให้หรูหราหมาเห่าแบบนี้ด้วย

“คุกที่ขังตัวตนระดับสูงเอาไว้อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็เป็นสถานที่อันตรายที่ควรจะหลีกเลี่ยงสินะ! แล้วพวกเรามารวมตัวทำไมกันอยู่ที่นี่ได้? กลุ่มอื่น ๆ ก็เช่นกัน พวกเขารออะไรกันอยู่อย่างนั้นหรือ? แล้วทำไมไม่มีใครบุกเข้าไปเสียที?” เดวิดรัวคำถามออกมาด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น

“หืม? ทำไมพวกเราถึงมารวมตัวกันอยู่ที่นี่? แน่นอน! พวกเราจะเข้าไปสำรวจด้านใน แม้ว่านี่จะเป็นคุกที่เอาไว้สำหรับนักโทษระดับสูง แต่ด้วยระยะเวลาที่ผ่านมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันปีแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ภายในก็คงจะมีแค่ซากศพของพวกเขาเท่านั้น ต่อให้อาจจะมีอันตรายอยู่บ้าง แต่มันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงไม่ใช่หรือ?

ส่วนเหตุที่พวกเรายังคงรีรอไม่ลงมือ นั่นก็เป็นเพราะว่าประตูทางเข้านั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก การจะทำลายมันและบุกเข้าไปด้านใน กำลังคนแค่นี้ยังไม่เพียงพอ!” นายน้อยอลันเอ่ยตอบออกมา

“นายกำลังล้อฉันเล่นอยู่หรือยังไง?” เดวิดกล่าวขึ้นด้วยเสียงหัวเราะ ก่อนที่จะหยุดลง เมื่อกวาดตามองไปยังเหล่าผู้คนที่จับกลุ่มกันอยู่อีกครั้งอย่างพิจารณา ไม่มีใครแสดงอาการว่าล้อเล่นเลยแม้แต่นิดเดียว

สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม น้ำเสียงที่เอ่ยเตือนออกมานั้นจริงจังเป็นอย่างมาก “นายน้อยอลัน! ฉันแน่ใจว่านายน่าจะรู้อยู่แล้วว่าตัวตนระดับอาตมันมีความแข็งแกร่งขนาดไหน ถึงแม้จะผ่านระยะเวลามาอย่างยาวนาน แต่จิตใต้สำนึกที่ได้รับการยอมรับจากจิตวิญญาณแห่งโลกก็ไม่มีทางสูญสลายไปได้อย่างง่าย ๆ แน่ ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น มันอาจจะไม่ได้มีแค่ระดับอาตมันอยู่ข้างในอย่างแน่นอน!”

“ฮ่าฮ่า! ฉันเข้าใจสิ่งที่นายเป็นกังวลดีเดวิด แต่! นายลืมอะไรไปบางอย่างเช่นกัน ที่นี่คือสนามรบโบราณ นักโทษที่ถูกจับขังเอาไว้ไม่มีทางอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว และจากข้อมูลที่ได้รับมา มันเป็นอย่างที่นายพูดเอาไว้จริง ๆ ภายในนั้นยังมีจิตใต้สำนึกที่แข็งแกร่งหลงเหลืออยู่ แต่ไม่ใช่ในสภาพที่สมบูรณ์แบบและแข็งแกร่งทรงพลังจนเกินที่พวกเราจะจัดการได้เลย และนักโทษส่วนใหญ่กลายเป็นศพที่นอนนิ่ง ๆ ไปหมดแล้ว พวกมันไม่ได้กลายเป็นซอมบี้เสียด้วยซ้ำ” นายน้อยอลันตอบกลับอย่างอดทน ก่อนจะกล่าวต่อออกมาอีก

“ส่วนเรื่องตัวตนที่เหนือกว่าระดับอาตมัน สนามรบโบราณแห่งนี้น่าจะมีอายุหลายหมื่นปี แม้แต่กึ่งเทพก็ไม่มีอายุไขที่ยืนยาวได้ถึงขนาดนั้นหรอก ไม่ใช่ในสภาพที่ถูกกักขังและไร้ทรัพยากรในการฝึกฝนแบบนี้แน่ ตอนนี้พวกเขากลายสภาพเป็นทรัพยากรอันล้ำค่าให้พวกเรามาเก็บเกี่ยวไปใช้ประโยชน์แทนแล้วต่างหาก”

คิ้วของเดวิดคลายออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็พยักหน้าออกไปเป็นเชิงยอมรับว่าคำอธิบายพวกนั้นมีเหตุผล แน่นอน! เขาไม่ได้เชื่อสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวออกมาทั้งหมด มันต้องมีข้อมูลอะไรที่สำคัญปกปิดเอาไว้อย่างแน่นอน เหล่านายน้อยคุณหนูของตระกูลต่าง ๆ ถึงได้กล้าเอาชีวิตมาเสี่ยงในสถานที่อันตรายแบบนี้ ระดับอาตมัน ระดับกึ่งเทพที่แท้จริง!? ตัวตนระดับนี้คาดเดาอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเป็นพันเป็นหมื่นปีแล้วก็ตาม เจ้าแก่โอวหยางฟงที่เดวิดเคยประสบพบเจอมาด้วยตัวเองเป็นตัวอย่างชั้นดี เขาไม่มีทางประมาทกับสถานการณ์แบบนี้เด็ดขาด

เสียงแค่นในลำคอดังขึ้นมาเบา ๆ จากอฮาลี ดูเหมือนว่าจะเป็นการทำขึ้นเพื่อเยาะเย้ยอาการตื่นตระหนกและระแวงเกิดกว่าเหตุของเดวิด เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะสัญญากับตัวเองเอาไว้ในใจว่าถ้ามีโอกาส เจ้าหนุ่มแพนด้าตัวนี้ได้กลายเป็นศพแน่ เดวิดถึงกับจดจำกลิ่นอายของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างแม่นยำแล้วด้วยซ้ำ

เมื่อรับรู้แล้วว่าแผนการสำรวจจะเป็นอย่างไรต่อไป เดวิดก็เลือกที่จะเดินหลบออกไปนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ร่มไม้เล็ก ๆ ต้นหนึ่งเงียบ ๆ ดวงตาถูกเปิดขึ้นมองสังเกตผู้คนที่ทยอยเดินทางมาเพิ่มอยู่เป็นระยะ ในเวลาเพียงไม่นานเขาก็ต้องหลุดปากออกมาเบา ๆ อย่างยินดี

“น่าประทับใจจริง ๆ” ขบวนสาวงามจากเผ่าอเมซอนที่นำมาโดยองค์หญิงธีเซียร่าเดินทางมาถึงแล้วเช่นกัน เดวิดประหลาดใจเล็กน้อยที่พวกเธอรอดออกมาได้ทุกคนแบบแทบจะไร้รอยขีดข่วน ตระกูลใหญ่ยังไงเสียก็ยังเป็นตระกูลใหญ่ ไพ่ตายสำหรับเอาไว้ป้องกันตัวคงจะไม่ขาดแคลนเลยจริง ๆ

จากการกวาดตาออกไปจำแนกอย่างคร่าว ๆ ในหมู่ผู้คนจำนวนมากกว่า 100 คนที่รวมกันอยู่หน้าคุกขังเทพแห่งนี้มาจากตระกูลต่าง ๆ เพียง 6 ตระกูลเท่านั้น และดูเหมือนว่าทายาทจากตระกูลเคียร์รินจะนำผู้ติดตามมาด้วยน้อยที่สุดแล้ว นายน้อยคุณหนูของตระกูลอื่น ๆ มีผู้คุ้มกันอย่างน้อย ๆ ก็ 10 คนขึ้นไป จำนวนคณะสำรวจส่วนใหญ่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้วจริง ๆ

เรื่องเดียวที่น่าประหลาดใจในความคิดของเดวิด นั่นก็คือการที่เขาไม่พบคนจาก 3 ตระกูลที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ 9 ตระกูลใหญ่มาเข้าร่วม ไม่มีกลุ่มตัวแทนจากตระกูลไลแคน ตระกูลรีดราโก และตระกูลฮันเตอร์ปรากฎตัวขึ้นแม้แต่คนเดียว

ตระกูลฮันเตอร์ได้ชื่อว่าเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เมื่อวัดจากความแข็งแกร่งของกำลังพลและทรัพย์สินโดยรวมทั้งหมด แต่พวกเขาก็เหนือกว่าตระกูลรีดราโกที่อยู่ในอันดับ 2 ไม่มากนัก จะได้เปรียบก็แค่เพียงเรื่องความมั่งคั่งที่มากกว่าเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 ที่ตระกูลไลแคนครอบครองอยู่ในตอนนี้ถูกเปลี่ยนมือแทบจะทุก ๆ 10 ปีเลยทีเดียว พวกเขาไม่ได้มีความแข็งแกร่งจากตระกูลที่เหลือมากเท่าไรนัก และมีจุดเด่นเพียงแต่จำนวนสมาชิกในตระกูลที่มากกว่าตระกูลอื่น ๆ เท่านั้น

นายน้อยอลันที่เดินเข้าไปร่วมประชุมวางแผนกับนายน้อยคุณหนูคนอื่น ๆ เดินกลับมาในที่สุด สีหน้าของเขาเริ่มมีความตื่นเต้นปรากฏขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

“เอาล่ะ! เตรียมตัวให้พร้อม ได้เวลาแล้ว!”

เดวิดลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ในที่สุดการรอคอยที่น่าเบื่อหน่ายก็สิ้นสุดลงเสียที แม้ว่าท่าทีที่เขาแสดงออกมาให้เห็นคือไม่ต้องการที่จะเข้าไปเสี่ยงอันตรายในคุกขังเทพแห่งนี้ แต่ภายในใจนั่นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เหตุผลหลัก ๆ ก็คือ ถ้าอาจารย์ของตัวเองเข้ามาในสนามรบโบราณแห่งนี้จริง ๆ คุกแห่งนี้น่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่สถานที่ที่จะสามารถกักตัวตาแก่บ้านั่นเอาไว้ได้ และอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญยิ่งกว่าเหตุผลแรกเสียด้วยซ้ำ เดวิดต้องการจะเข้าไปกวาดทรัพย์สินของมีค่าทั้งหมดมาเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะซากที่สมบูรณ์ของระดับอาตมัน! เขาแทบจะรอไม่ไหวแล้วจริง ๆ

ความกลัวอย่างเดียวที่มีอยู่ในใจของเดวิด คือการที่ซากศพเหล่านั้นจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นซอมบี้ไปเหมือนกับซากศพข้างนอกนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นมันจะไร้ประโยชน์ต่อการเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของเขาอย่างสิ้นเชิง เลือดและเนื้อสด ๆ เท่านั้นที่จะทำให้ร่างแวมไพร์และร่างมนุษย์หมาป่าพัฒนาขึ้นไปได้อีกระดับ จุดเชื่อมต่อที่ 7 ในโครงข่ายดีเอ็นเอยังรอการกระตุ้นอยู่ แม้ว่าตอนนี้ร่างแวมไพร์และร่างมนุษย์หมาป่าของเดวิดจะเรียกว่าอยู่ในระดับร่างสมบูรณ์แล้ว แต่ร่างผสมยังไม่ใช่ โครงข่ายดีเอ็นเอหรือแผนที่พันธุกรรมนั้นยังไม่ถูกกระตุ้นอย่างสมบูรณ์ นี่ยังไม่รวมกับชิ้นส่วนดีเอ็นเอของร่างมังกรที่ยังไม่ได้ถูกกระตุ้นจนครบเลย

เขากำลังต้องการเลือดที่ทรงพลัง เลือดของสิ่งมีชีวิตระดับอาตมัน หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น เลือดของสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพ! ถ้าโชคดีได้รับมันขึ้นมาจริง ๆ โอกาสที่กายาเทวราชจะบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์ในชั่วชีวิตนี้อาจจะไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป

การประชุมวางแผนของเหล่าทายาทจากตระกูลต่าง ๆ ดูจะมีประสิทธิภาพไม่น้อย คนจำนวน 100 กว่าคนยืนเรียงแถวหน้ากระดานอยู่หน้าประตูสีทองขนาดใหญ่อย่างเป็นระเบียบ และดูเหมือนว่านายน้อยอลันจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำในการลงมือครั้งนี้เสียด้วย เพราะเป็นเขาที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังกังวานจนได้ยินทั่วกัน

“ขอให้ทุกคนอย่าได้ออมกำลังเอาไว้อย่างเด็ดขาด พวกเราต้องการการโจมตีที่ทรงพลังที่สุด”

เหล่านายน้อยคุณหนูและผู้ติดตามต่างพากันพยักหน้ารับรู้อย่างเคร่งขรึม ต่างพากันกำหมัดเกร็งพลังขึ้นมาอย่างพร้อมเพียงแล้ว

“ลงมือ!”

สิ้นเสียงตะโกนสั่งการ เดวิดที่กระตุ้นใช้ทักษะเพลิงพิโรธออกมาแบบ ‘เต็มที่’ ก็ต่อยเข้าไปที่ประตูอย่างไม่ลังเล

ตึง!!!!!!!!!!!!!!

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหวเมื่อการโจมตีนับร้อยพุ่งเข้าปะทะเป้าหมายแบบพร้อมเพียงกัน แต่! ประตูสีทองเพียงแค่สั่นไหวอย่างหนัก ไม่มีร่องรอยของความเสียหายอื่นปรากฏออกมาให้เห็นเลย

“อีกครั้ง!”

ตึง!!!!!!!!!!!!!!!

“อีก!”

ตึง!!!!!!!!!!!!!!!

แคร็ก!!!!!!

“ทุกคนถอยเร็ว!!”

คำสั่งที่แปลกประหลาดหลุดออกมาจากปากของนายน้อยอลัน หลังจากการโจมตีครั้งที่ 10 บนประตูมีรอยแตกปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างชัดเจน แต่เขากลับสั่งให้ทุกคนถอย!

แม้ว่าจะเป็นคำสั่งที่ดูจะขัดกับสิ่งที่ทุกคนกำลังคิดอยู่ในใจ แต่ก็ไม่มีใครขัดคำสั่งนั้น เดวิดถอยกลับออกมายืนขมวดคิ้วอยู่อย่างสงสัยไม่น้อยเลยทีเดียว...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด