ตอนที่แล้วบทที่ 49 ซอมบี้ระดับ 3
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 51 สู้กลับ

บทที่ 50 แบ่งพรรคพวกมาอยู่กับผม


บทที่ 50

แบ่งพรรคพวกมาอยู่กับผม

เถ้าแก่วัยกลางคนชี้หน้าตัวเอง ผ่านไปนานกว่าจะรู้ตัว เขาลนลานเปิดประตูลงมาจากรถ ก่อนวิ่งตัวสั่นมาหา                 เฉินเทียนเซิงด้วยความกลัว

ทันใดนั้นแข้งขาก็อ่อนแรง ทรุดลงคุกเข่าคล้ายคำนับลงกับพื้น

“วีรบุรุษ ได้โปรดอย่างฆ่าผมเลย ผมไม่อยากตาย ผมมีเงินนะ คุณอยากได้อะไรผมจะยกให้หมดเลย”

“ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร จินหยวน เถ้าแก่โรงงานเหล็กของเจียงเฉิง ผมไม่ต้องการเงินของคุณหรอก”

เฉินเทียนเซิงย่อตัวลงตรงหน้า ก่อนเอ่ยเย้าแหย่

“ผมอยากให้คุณนำทางไปโรงงานเหล็กของคุณต่างหาก!”

เถ้าแก่จินหยวนคำนับรับคำงก ๆ

“ขอแค่คุณไม่ฆ่าผม ผมนำทางไปได้ทุกที่ตามที่คุณต้องการเลย”

เฉินเทียนเซิงเงยหน้ามองเฉยเมย และหันไปหาหญิงสาวที่ยังนั่งคุดคู้หลบมุมด้วยท่าทีหวาดกลัวสิ้นสติ

“คุณพาเธอไปด้วย”

จินหยวนเดินย่องอ้อมซอมบี้ตัวใหญ่ไป ขณะอดทนกับอาการมวนท้อง เมื่อมาถึงตัวเธอก็ช่วยประคองขึ้นพลางบอก

“ลุกขึ้นได้แล้ว หัวหน้าใหญ่กองบรรณาธิการกู้หง ไปเร็วเข้า อย่ามัวแต่เหม่อ”

เฉินเทียนเซิงรู้ว่าทั้งสองรู้จักกัน ฝ่ายชายชื่อจินหยวน เจ้าของโรงงานเหล็ก ส่วนฝ่ายหญิงชื่อกู้หง เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์เจียงเฉิง

ชาติก่อนตอนเขาได้รับความช่วยเหลือและมาถึงฐานผู้รอดชีวิต อีกฝ่ายมีหน้าที่ต้อนรับและจัดแจงชีวิตของเขา

ทว่าผ่านไปไม่กี่วันจินหยวนก็ถูกย้ายไป ได้ยินว่าออกปฏิบัติการใหญ่ไปยังโรงงานเหล็ก เพื่อนำเหล็กทั้งหมดที่โรงงานกลับมายังฐานผู้รอดชีวิต

จินหยวนเป็นผู้มีบทบาทสำคัญและถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าแผนกผลิตโลหะ รับผิดชอบดูแลการทำอาวุธให้กับผู้รอดชีวิต มีดยาวที่ทำให้หยางเซวี่ยโด่งดังไปทั่วโลกก็เป็นฝีมือของจินหยวน

ส่วนหัวหน้าใหญ่กองบรรณาธิการ กู้หง เธอเป็นผู้บริหารจัดการเรื่องภายในฐานผู้รอดชีวิต ซึ่งอาจถือว่ารับตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารทรัพยากรมนุษย์ของฐานผู้รอดชีวิต

มันถือเป็นงานง่ายในชาติก่อน เฉินเทียนเซิงจึงไม่รอช้าเข้าไปสอพลอเธอ

นึกไม่ถึงว่าในชาตินี้เขาจะเป็นคนมาช่วยเหลือทั้งสองคนนี้ สมกับคำว่าสามสิบปีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำสามสิบปีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ

*สามสิบปีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำสามสิบปีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ หมายถึง เรื่องราวเปลี่ยนแปลงรุ่งเรืองตกต่ำไม่แน่นอน

จินหยวนช่วยพยุงกู้หงเดินผ่านซากปรักหักพังออกมา เฉินเทียนเซิงต่อยซอมบี้แล้วเอ่ยโดยไม่หันหลังไปมอง

“พวกคุณสองคนตามผมมา”

จินหยวนเอ่ยเสียงสั่น

“วีรบุรุษ ผมยังมีของมีค่าหลายอย่างที่บ้าน กลับไปเอาได้ไหม”

“ไม่ได้!”

เขาสวนกลับทันควัน “ถ้าอยากตายก็กลับไปเอามันก็ได้ ผมจะไม่ห้ามคุณหรอก”

“ไม่ๆๆๆ ไม่เอาแล้ว”

จินหยวนโบกมือปัดป่าย คล้ายบอกว่าเมื่อครู่เขาเพียงพูดไปอย่างนั้น

เฉินเทียนเซิงนำหน้าเปิดทางและฆ่าซอมบี้ที่บุกเข้ามา โดยมีทั้งสองประคองกันเดินตามหลังมาในระยะประชิด

เขายืนอยู่บนท้องถนนรกร้างหลังพ้นประตูเขตชุมชนออกมา สายตาจ้องไปยังห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เพียงแห่งเดียวของเขตพัฒนา

ในเมื่อมีซอมบี้ระดับ 3 ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ คงไม่เหลือใครรอดในห้างแห่งนี้แล้ว โชคดีที่พบตัวมันทันการ หากปล่อยให้วิวัฒนาการเป็นระดับ 4 และมีความสามารถพิเศษ อาจต้องสู้ชนิดหืดขึ้นคอ

ทว่าตอนนี้ซอมบี้ระดับ 3 ตายแล้ว แถวนี้จึงไม่มีภัยคุกคามอีกต่อไป

เขานำทางทั้งสองกลับไปยังรถบรรทุกคันโต ให้พวกเขาขึ้นด้านหลัง ส่วนเขารีบขับไปรับพรรคพวกทั้งสาม

เสียงจากปฏิบัติการกู้ภัยดังสนั่น ดึงดูดซอมบี้ที่อยู่ห่างออกไปหลายไมล์ ลัวหลงกับลัวเฟิงดูแลบริเวณถนนเส้นหลัก ลมไฟทำงานร่วมมือกัน โหมกระพือให้ไฟยิ่งลุกโชน

หยางเซวี่ยว่องไว ไม่เผชิญหน้ากับซอมบี้ตรง ๆ ลอบฆ่าพวกมันในพริบตาโดยไม่ต้องขยับเท้า

ทั้งสามรับดูแลรับผิดชอบศูนย์กลางการคมนาคมไล่เรียงกันไป ป้องกันไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ห่างออกไปข้ามเขตมาก่อกวนทีมกู้ภัย

รถบรรทุกเคลื่อนตัวออกไป เฉินเทียนเซิงบีบแตรส่งสัญญาณให้หยางเซวี่ย

หยางเซวี่ยพลันแทงหัวซอมบี้ ก่อนมาถึงรถบรรทุกอย่างรวดเร็ว

เฉินเทียนเซิงเหยียบคันเร่งพุ่งชนซอมบี้ที่เหลือจนกระเด็นลอยหวือกลางอากาศ ก่อนมุ่งหน้าไปยังจุดที่สองพี่น้องตระกูลลัวคอยดูแลอยู่

ตอนนี้ลัวหลงกับลัวเฟิงกำลังสนุกกับการฆ่า ท้องถนนตกอยู่ท่ามกลางกองไฟอย่างกับบ่อเพลิง ยังไม่ต้องเอ่ยถึงซอมบี้ แม้กระทั่งร้านรวงและป้ายโฆษณาตามถนนยังมอดไหม้ดำ

“ปี๊น ๆ”

รถบรรทุกมาถึงก่อนเสียง ลัวเฟิงเหลียวหลังมอง

“พี่ เลิกเล่นแล้วไปกันได้แล้ว!”

แม้ลัวหลงยังจัดการไม่เสร็จ แต่ก็วิ่งกลับมาที่รถบรรทุกพร้อมน้องสาว

เจ้าตัวรีบกระโดดขึ้นรถก่อนเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “อาจารย์ ตอนนี้ผมฝีมือพัฒนาขึ้นเยอะเลยนะ ควบคุมไฟได้แล้ว กางเกงคงไม่ไหม้แล้วล่ะครับ”

“ยังไม่พอ!”

เฉินเทียนเซิงเหยียบคันเร่งและหักเลี้ยวทันที มุ่งหน้าไปยังถนนที่จากมาและรีบออกไป

ทีมกู้ภัยทำข้อตกลงตอนออกเดินทาง ว่าหลังจากการกู้ภัยเสร็จสิ้นจะไปเจอกันที่รอบนอกเขตพัฒนา แน่นอนว่าเพื่อกลับไปพร้อมกัน

แม้รถบรรทุกจะแล่นช้าแต่ก็ไม่ได้รั้งท้าย ขับมาพักใหญ่กว่าจะพบทีมกู้ภัยจากทางอื่นก่อนเหยียบคันเร่ง

ขบวนรถมาถึงจุดนับพบ เจ้าหน้าที่ทหารที่เฝ้ารอใจจดใจจ่อชะโงกหน้าออกมานอกหน้าต่าง

ผู้รอดชีวิตที่ได้รับการช่วยเหลือซึ่งอยู่บนรถตื่นตระหนกและเอาแต่โวยวาย

“ทำไมไม่ไปสักที นานแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกซอมบี้จะไม่ตามมาทันหรอกเหรอ?”

“นี่ คุณเจ้าหน้าที่ ไปกันเถอะ เราเป็นคนธรรมดานะ สู้กับพวกซอมบี้ไม่ได้หรอก”

“ใช่แล้ว เราไม่อยากอยู่รอความตายกับพวกคุณหรอกนะ”

เหล่าผู้รอดชีวิตพูดคุยกันไม่หยุดปาก ก่อนการถกเถียงจะสิ้นสุดลง

“หุบปาก!”

หัวหน้ากองกำลังได้รับคำพร่ำบ่นไม่ขาดหู เขาหันไปตวาดใส่บรรดาผู้รอดชีวิต

การได้ฟังถ้อยคำปวดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดการทำภารกิจหลายวันที่ผ่านมา ต่อให้คนใจเย็นที่สุดยังเหลืออดได้

“ขึ้นเสียงใส่ฉันเหรอ ฉันเป็นแค่คนธรรมดา ทำตัวแบบนี้ได้ยังไง คอยดูเถอะ ฉันจะร้องเรียนคุณ”

หญิงสูงวัยคนหนึ่งตะโกนสุดเสียง อย่างกับบรรดาเจ้าหน้าที่ไปติดค้างอะไรเธอไว้

“ทุกคนห้ามพูดอะไรทั้งนั้น ยังมีคนจากทีมกู้ภัยที่ยังไม่กลับออกมา เราตกลงกันแล้วว่ามาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกัน”

สวี่หว่านชิงทำหน้าที่ผู้ไกล่เกลี่ยความบาดหมางระหว่างสองฝ่าย ทว่าทันทีที่เอ่ยออกไป คุณป้าท่านหนึ่งก็แผดเสียงบอก

“ต้องรอเนี่ยนะ เราไม่อยากอยู่รอความตายกับเธอหรอก!”

ตอนนี้เองที่เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อทุกคนหันมองก็เห็นรถบรรทุกคันหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้น

ทว่าไม่ใช่เพื่อนร่วมภารกิจกู้ภัย!

ความดีใจของเหล่าเจ้าหน้าที่ดับมอดลง ยิ่งทวีให้ผิดหวัง

“คงจริงอย่างที่บอกกันว่าคนดีอยู่ไม่นาน คนชั่วกลับอายุยืนนับพัน”

อาสาสมัครกล่าวกับตนเอง

หากแต่หลังจากนั้นก็เห็นรถบรรทุกอีกคันแซงออกมาจากด้านหลังรถบรรทุกคันนั้น

“นั่นคนของเรา”

พวกเขาถอนหายใจโล่งอก ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และคงดีถ้ากลับมากันอย่างปลอดภัย

รถบรรทุกและยานพาหนะของทีมกู้ภัยทยอยมารวมตัวกันทีละคัน

ในจังหวะที่หัวหน้าทีมขึ้นรถเตรียมสั่งออกเดินทาง        เฉินเทียนเซิงกลับเหยียบเบรกกลางทาง

ทุกคนตกใจอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ทำเช่นนั้น

ประตูรถเปิดออก เขาวิ่งไปขึ้นหลังรถบรรทุกพร้อมเอ่ยปากสั่ง

“ทุกคนฟังทางนี้ ทิ้งพรรคพวกกลุ่มหนึ่งไว้กับผมเพื่อยึดครองเขตพัฒนาและจัดตั้งพื้นที่ด่านหน้า”

ระหว่างนั้นก็เปิดหลังรถ ก่อนชี้ไปทางกู้หงและสั่ง

“ลงจากรถและตามพวกเขากลับไปพื้นที่ปลอดภัย!”

จินหยวนชี้หน้าตัวเอง

“แล้วผมล่ะ?”

“คุณอยู่ที่นี่มีประโยชน์”

ว่าจบก็ลากกู้หงลงจากรถพาไปส่งให้นายทหารที่เร่งรีบอยู่ โดยไม่แยแสสีหน้าเหยเกคล้ายจะร้องไห้ของจินหยวน

“หมายความว่ายังไง”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด