ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 การทรยศก่อนวันสิ้นโลก

บทที่ 1 ความคลุ้มคลั่งก่อนวันสิ้นโลก


บทที่ 1

ความคลุ้มคลั่งก่อนวันสิ้นโลก

ความหวาดกลัว!

เสียงกรีดร้อง!

ความตาย!

ความสิ้นหวัง!

หากว่าความเมตตา การมอบให้ และการปกป้องคือสิ่งที่ทำให้อยู่รอด เช่นนั้นก็ควรถูกกระบวนการวิวัฒนาการกำจัดทิ้ง

“ยินดีต้อนรับสู่วันสิ้นโลก การนับถอยหลังเริ่มขึ้นแล้ว!”

เฉินเทียนเซิงพลันตื่นขึ้น

ขณะเวลานี้ตัวเขาเหงื่อชุ่มโชก ทั้งร่างกายมีแต่เม็ดเหงื่อที่พรั่งพรู

ด้วยลมหายใจหอบหนักพร้อมคำถามอันเคร่งเครียด ตัวเขาเอ่ยถามต่อจิตวิญญาณตนเองถึงสามครั้ง

“เรายังไม่ตาย?”

“เราเป็นใคร?”

“ที่นี่ที่ไหน?”

มันคือออฟฟิศทำงานธรรมดาแห่งหนึ่ง ภาพรักษาหน้าจอกำลังสว่างวาบไปมาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์

เฉินเทียนเซิงกำลังสับสน เป็นความสับสนที่สงสัยระหว่างความฝันและความเป็นจริง

เดิมตัวเขาคือคนงานต่ำต้อย ที่ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดจนวันสุดท้าย

แต่ทุกอย่างตรงหน้าตัวเขา มันราวกับเป็นสถานที่ซึ่งตัวเขาเคยทำงานก่อนจะถึง... วันสิ้นโลก!

“ตึง ตึง!”

เฉินเทียนเซิงเกิดตระหนักขึ้นมาได้ จนต้องเร่งร้อนไปตรวจสอบวันที่ในคอมพิวเตอร์ และยังยืนยันซ้ำด้วยการตรวจสอบสถานการณ์ภายนอกหน้าต่าง

แม้ไม่อยากเชื่อ แต่ตัวเขามั่นใจ ว่าได้หวนคืนชีวิต!

ความทรงจำมากมายเป็นประหนึ่งน้ำพุที่ไหลบ่า

ก่อนเกิดหายนะ ตัวเขาเป็นทาสผู้ทำงานอย่างหนัก เป็นคนที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย และทำงานในบริษัททางไอทีธรรมดาแห่งหนึ่ง

ภายหลังทำงานอยู่ไม่ถึงครึ่งปี หายนะมาเยือน โลกแปรเปลี่ยนในชั่วข้ามคืน ซอมบี้ออกอาละวาด กฎหมายไม่อาจดำรงอยู่ มนุษยชาติเลือนหาย

ตัวเขาที่ดำรงชีวิตในวันสิ้นโลก ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่สิบปี สุดท้ายความตายมาเยือนในยามที่กองซากศพเคลื่อนทัพ คนต่ำต้อยเช่นตัวเขาเป็นได้เพียงเหยื่อล่อ สุดท้ายความตายจึงมาเยือน

แต่ใครกันคาดคิด ว่าพระเจ้าจะมอบโอกาสให้ตัวเขาอีกครั้งหนึ่ง

นั่นคือการเกิดใหม่อีกครั้งในช่วงสิบปีก่อน!

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ตัวเขาอดไม่ได้ที่จะต้องหัวเราะดังออกมา ทั้งยังหันมองเวลาอย่างไม่รู้ตัว

7:49 AM

“หรือก็คือ นี่ยัง...”

“ติ๊งต่อง”

ขณะเฉินเทียนเซิงกำลังพูดคุยกับตนเอง ตัวเลขสีแดงเจิดจ้าพลันปรากฏพรวดขึ้นตรงหน้า

“นับถอยหลังสู่การสิ้นสุด 11 : 10:23”

ตัวเลขเริ่มลดจำนวนลง

“นี่มีการนับถอยหลังอยู่ด้วย?”

เฉินเทียนเซิงเหม่อมองยังการนับถอยหลังที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันราวไม่คิดเชื่อ ตัวเขาไม่อาจทราบได้ว่าเหตุใดจึงมีการเตือนเกิดขึ้น

“ปึก”

ขณะเฉินเทียนเซิงเหม่อลอย หลังศีรษะพลันถูกคนผู้หนึ่งตบเข้าใส่ ก่อนจะตามมาด้วยคำสบถเหยียดหยาม

“เป็นบ้าแล้วหรือไง? เข้าประตูใหญ่มาก็ได้ยินนายหัวเราะแล้วเนี่ย! ทำฉันกลัวแทบตาย!”

เฉินเทียนเซิงที่โกรธเกรี้ยวหันกลับมา พร้อมได้เห็นใบหน้าอันสุดน่ารังเกียจ

อีกฝ่ายมีชื่อว่าเจ้าจื่อหาว เป็นผู้จัดการดูแล                   การดำเนินงานและการพัฒนา เป็นน้องเขยของเจ้านาย และยังชอบกลั่นแกล้งตัวเขาก่อนจะถึงวันสิ้นโลก

ตั้งแต่เข้าทำงานที่บริษัทได้ครึ่งปี ตัวเขาก็ถูกกลั่นแกล้งอย่างหนักหนา

ไม่เพียงเท่านั้น ครั้งวันสิ้นโลกปะทุ พนักงานที่ติดอยู่ในบริษัทได้จัดตั้งกลุ่มขนาดเล็ก เจ้าจื่อหาวอาศัยสถานะของตนที่เป็นผู้จัดการ กระทำต่อเฉินเทียนเซิงประหนึ่งทาสรับใช้ ผลลัพธ์คือการที่ทรัพยากรเกิดขาดแคลนในช่วงวันสิ้นโลกกำลังวิวัฒน์

ความผิดก้าวแล้วก้าวเล่า ในช่วงสิบปีตัวเขาจึงได้อยู่เพียงแต่ก้นบึ้ง

ต้นตอความชั่วร้ายคืออีกฝ่าย เขาจึงเกลียดเจ้าจื่อหาวเข้ากระดูกดำ!

เพียงคิดถึงเรื่องนี้ เจตนาสังหารพลันพวยพุ่งจากดวงตาของเฉินเทียนเซิง

เพียงแต่เจ้าจื่อหาวไม่ตระหนักถึง ทั้งยังสบถคำต่อ

“ฉันขอให้นายทำงานล่วงเวลาทั้งคืนแล้ว ถึงแบบนั้นก็ยังทำไม่เสร็จ”

“แล้วนี่มองอะไร ไม่อยากได้โบนัสหรือยังไง?”

“กล้าดียังไงมองฉันแบบนี้!”

เจ้าจื่อหาวยกมือขึ้นเตรียมตบศีรษะเฉินเทียนเซิงเหมือนดังเมื่อครู่

แต่ก่อนที่มือจะทันยกขึ้น กลับถูกเฉินเทียนเซิงคว้าจับเอาไว้ได้

พร้อมสายตาที่มองมาด้วยความเกลียดชัง

“เป็นอะไรบ้า กล้าตอบโต้งั้นเหรอ? โอ๊ย!”

เจ้าจื่อหาวส่งเสียงร้องออกมาดังลั่นออฟฟิศ

พนักงานที่คุ้นเคยและมาถึงก่อนเวลา พบเห็นเรื่องราวจึงถึงกับชะงัก

ในบริษัทแห่งนี้ เฉินเทียนเซิงถือเป็นมนุษย์โปร่งแสงที่ต่ำต้อย ตามปกติมักจะขลาดกลัว ไม่ว่าใครก็หาเรื่องหรือ           เหยียดหยามได้ ตลอดมาทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับและยิ้มเป็นการขออภัยต่อเรื่องราว

เหตุใดวันนี้ เฉินเทียนเซิงราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน?

เฉินเทียนเซิงบีบข้อมือที่จับเอาไว้ราวกับคีมที่เริ่มบีบแน่น เจ้าจื่อหาวส่งเสียงร้องเจ็บปวด ตัวเขาไม่อาจพบเห็นสถานการณ์ที่แน่ชัด ดังนั้นจึงร้องสบถออกมาเสียงดังลั่น

“เฉินเทียนเซิง ไอ้เวรบุพการีไม่สั่งสอน กล้าหักแขนฉันคนนี้งั้นเหรอ นายต้องถูกไล่ออก อย่าได้คิดว่าจะได้ทั้งเงินเดือนและโบนัส!”

จิตสังหารในดวงตาเฉินเทียนเซิงยิ่งพวยพุ่ง โทสะถึงกับอัดแน่นทั้งกายและใจ

“ลองเรียกฉันว่าไอ้เวรอีกที ได้เห็นดีแน่!”

ถ้อยคำเอ่ยกระซิบเย็นเยือกกล่าวบอกที่ใกล้ใบหู

“ไอ้สารเลวเจ้า ตอนแรกฉันก็คิดฆ่าทิ้งเสีย แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว หากตายเสียวันนี้ นายคงไม่ได้ประสบกับความสิ้นหวังแห่งวันสิ้นโลก!”

เจ้าจื่อหาวที่เคยอวดดี ขณะนี้ทำได้เพียงสบถคำเสียงเบา

“คิดว่ากำลังขู่ใคร ฉันน่ะ...”

ก่อนเจ้าจื่อหาวจะพูดหมดคำ เฉินเทียนเซิงจึงหักแขนอีกฝ่ายอย่างรุนแรง เสียงกระดูกหักดังลั่น พร้อมแขนที่บิดเบี้ยวผิดรูปร่าง

“อ๊าก! แขนฉันหักแล้ว ไอ้เวรเฉินเทียนเซิง แกต้องไม่ได้ตายดี ฉันจะทำให้แกตายด้วยมือคู่นี้!”

ทว่าการกระทำนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น

เฉินเทียนเซิงคว้าจับมืออีกข้างขึ้น ก่อนจะพับมันด้วยการออกแรงสุดตัว

“อ๊าก!”

เจ้าจื่อหาวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด กระทั่งอยู่ชั้นอื่นก็ยังต้องได้ยิน

เสียงกระซิบของเพื่อนร่วมงานเริ่มดังผ่านอากาศ

“เฉินเทียนเซิงเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”

แน่นอนว่ามีสุนัขรับใช้บางคนต้องการเข้าไปห้าม เพื่อปกป้องผู้จัดการเช่นเจ้าจื่อหาว

เพียงแต่ยามพวกเขาเผชิญหน้ากับสายตาของ                เฉินเทียนเซิง จิตสังหารนั้นถึงขั้นทำพวกพนักงานตัวสั่น อย่างที่ไม่มีใครกล้าก้าวเข้าไปช่วย

“อ๊าก ฉันผิดไปแล้ว ขออภัยให้ฉันด้วย”

ความเจ็บปวดเป็นสิ่งกระตุ้นให้เจ้าจื่อหาวตระหนักถึงสถานะตนเอง ความอวดดีที่เคยมีแปรเปลี่ยนเป็นร้องขอความเมตตา แขนตัวเขาหักไปแล้วเรียบร้อย ไม่แปลกหากจะเผชิญความเจ็บปวดอันหนักหนา

“เหอะ”

สายตาของเฉินเทียนเซิงเชือดเฉือนประหนึ่งคมมีด

“นับจากวินาทีที่เรียกฉันว่าไอ้เวร ชีวิตนายมันก็จบสิ้นแล้ว!”

เพียงสิ้นคำ

“แกร๊ก”

กลุ่มคนต่างสูดลมหายใจเข้าลึก

เฉินเทียนเซิงใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบย่ำ

เสียงกรีดร้องประหนึ่งหมูในโรงเชือดเป็นเหตุให้กระดูกสันหลังกลุ่มคนเกิดเย็นเยือก พวกเขากล้าเพียงแค่รับชม ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะเข้าไปห้าม

เจ้าจื่อหาวร่ำร้องคลุกคลานกับพื้น ตัวพลิกกลับถอยจนหลังชนกับโต๊ะทำงาน สายตาของเฉินเทียนเซิงมองกลุ่มคนด้วยสายตาเย็นเยือก ก่อนจะนำปากกาลูกลื่นธรรมดาออกมาด้ามหนึ่ง

“ไอ้สารเลวเจ้า วันนี้หนี้ที่ค้างคาไว้ต้องได้รับการสะสาง!”

เจ้าจื่อหาวมองยังเฉินเทียนเซิงที่เดินเข้ามาใกล้ด้วยอาการชอกช้ำ สีหน้าตัวเขาแปรเปลี่ยนรุนแรง ท่าทีอวดดีเช่นก่อนหน้าไม่อาจมีได้อีกต่อไป

“ยังคิดจะทำอะไรอีก อย่าเข้ามาใกล้ โทรเรียกตำรวจ เรียกตำรวจ!”

เจ้าจื่อหาวมีสภาพไม่ต่างอะไรกับสุนัขจนตรอก ร่างนั้นล้มลงกับพื้นอย่างที่ไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน

เฉินเทียนเซิงนั่งยองลงกับพื้นตรงหน้า พร้อมมองอีกฝ่ายด้วยความเฉยชา

“ก่อนหน้านี้ทำอะไรกับฉันบ้างกันนะ? มือนี้ใช่ไหมที่ตบหัวฉันทุกวัน ใช้มันคุ้มแล้วมั้ง?”

เจ้าจื่อหาวถูกคว้าตัว ปากกาลูกลื่นขยับ พุ่งตรงปักเข้าที่แขน เลือดจึงไหลออกมาอย่างชวนน่าหวาดกลัว

ขณะกลุ่มผู้หญิงในบริษัทพบเห็นเลือด เพียงชั่วพริบตาพวกเธอถึงกับเป็นลมหมดสติไป

กลุ่มเพื่อนร่วมงานชายต่างตัวสั่นเทิ้ม พวกเขาเร่งร้อนนำโทรศัพท์มือถือออกมาโทรเรียกตำรวจ

เฉินเทียนเซิงไม่คิดสนใจคนอื่น รอยยิ้มฉีกกว้าง ก่อนจะกล่าวคำเสียงเบา

“เตรียมรับวันสิ้นโลกของนายไปเถอะ”

เพียงสิ้นคำกล่าว เขาจึงเมินเฉยจ้าวจื่อหาว ก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยอาการอันสงบ และกลับออกจากบริษัทด้วยรอยยิ้มเบิกบานภายใต้สายตาของผู้คน

“บ้าไปแล้ว บ้าบอสิ้นดี เฉินเทียนเซิงคลุ้มคลั่งไปแล้ว!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด