ตอนที่แล้วบทที่ 39 ปลดปล่อยแรงดันวิญญาณ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 41 ข้อมูลมีมากเกินไป!

บทที่ 40 เซเรย์เทย์? ราชันย์วิญญาณ!


บทที่ 40 เซเรย์เทย์? ราชันย์วิญญาณ!

ในอีกด้านหนึ่งของสนามรบ ฮิรุเซ็นกำลังต่อสู้อยู่กับเบียคุยะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในสนามรบฝั่งไรคาเงะโดยธรรมชาติ

หลังจากถอดเสื้อคลุมโฮคาเงะออก ข้างใต้เสื้อคลุมคือชุดรบประจำตัวของเขา

กระบองสีดำถูกแปลงร่างโดยสัตว์อัญเชิญ ‘ราชาวานรเอ็นมะ’ นั้นอยู่ในมือ!

“ช่างเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ”

ฮิรุเซ็นถอนหายใจในขณะที่เขามองดูไรคาเงะถูกเคมปาจิทุบตีไปมาเกือบทุกทิศทุกทาง

ในฐานะคาเงะรุ่นก่อน ฮิรุเซ็นรับรู้ได้ถึงพลังของโหมดอาภรณ์สายฟ้าแน่นอน

แม้ว่าไรคาเงะรุ่นสี่ยังอายุน้อย ความแข็งแกร่งยังคงไม่เท่ารุ่นที่สาม แต่ท้ายที่สุดแล้วก็คือคาเงะ

การถูกปราบปรามในสภาพนี้เพียงพอจะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกัปตันที่ชื่อเคมปาจิ

และที่สำคัญ ฮิรุเซ็นรู้ว่าเขาไม่มีโอกาสได้ช่วยเหลืออีกฝ่าย

เพราะคู่ต่อสู้ของเขาคือกัปตันเหมือนกัน

“อย่างที่ข่าวลือพูดกัน ฝีมือดาบงดงามมาก”

เมื่อมองไปยังเบียคุยะผู้ถือดาบตรงหน้า แล้วมองไปยังชุดต่อสู้ของเขาที่มีรอยขีดข่วนบนตัว ฮิรุเซ็นพูดขึ้นเบาๆ

“แต่เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งที่สหายร่วมทีมของเจ้าแสดงออกมา เจ้าควรออมมืออยู่?”

เขามองไปยังเบียคุยะอย่างเคร่งขรึม คำพูดดังกล่าวเป็นดั่งการซักถาม

“วิชาดาบ แรงดันวิญญาณ และวิถีมาร คือวิชาหลักสามประการของยมทูต”

แต่เหนือความคาดหมายของฮิรุเซน เบียคุยะอธิบายให้เขาฟังด้วยความสนใจอย่างยิ่ง

“แรงดันวิญญาณของซาราคินั้นทรงพลังโดยกำเนิด มันยังสามารถอยู่ในรูปแบบทางกายภาพได้”

“ถ้าเทียบกันแล้ว…วิชาดาบและวิถีมารฉันดีกว่า”

หลังจากได้ยินคำพูดของเบียคุยะ ฮิรุเซ็นเงียบไปเช่นกัน

แต่ในดวงตาของเขา แสงอันแหลมคมส่องสว่างอยู่ตลอดเวลา

‘แน่นอนเป็นอย่างที่มินาโตะพูด คนพวกนี้เรียกตัวเองว่ายมทูต’

‘แรงดันวิญญาณน่าจะหมายถึงออร่าสีทองบนร่างชายที่ชื่อซาราคิ เคมปาจิ…มันเหมือนกับจักระหรือเปล่า?’

‘สำหรับวิถีมาร ควรเป็นวิชานินจาที่เขาใช้ก่อนหน้านี้ มันไม่จำเป็นต้องมีการประสานอิน’

เขาคอยวิเคราะห์อยู่ในใจ เกือบทำให้เขาได้เห็นรูปแบบของพลังมหาศาล

ไม่เหมือนกับหมู่บ้านนินจา องค์กรเหล่านี้ที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณอาจมีวิธีการพิเศษคล้ายกับภูเขาเมียวโบคุ!

แต่ไม่นานฮิรุเซ็นก็หยุดคิด

เพราะตรงหน้าเขา เบียคุยะได้ยกดาบฟันวิญญาณในมือขึ้นด้วยท่าทีแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

แม้ไม่มีคำอธิบายด้วยวาจา แต่ฮิรุเซ็นยังสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงจากแรงกดดันของคู่ต่อสู้โดยสัญชาตญาณ

“ซาราคิปล่อยแรงดันวิญญาณแล้ว ดังนั้นฉันจะไม่เล่นกับแกอีกต่อไป”

เบียคุยะพูดด้วยเสียงต่ำ

“บังไค…”

ขณะเบียคุยะพูดสองคำที่ไม่ทราบความหมายนี้อย่างช้าๆ ดาบในมือของเขาเริ่มระเบิดแรงดันวิญญาณขนาดใหญ่ออกมาด้วย!

แรงกดดันอันใหญ่หลวงนั้นยังทำให้กระบองสีดำในมือของฮิรุเซ็น ซึ่งถูกแปลงร่างโดยราชาวานรเอ็นมะส่งเสียงเตือน: “อาวุธของชายคนนั้น…แปลกมาก!”

“ฉันรู้”

ฮิรุเซ็นพยักหน้า กล้ามเนื้อทั่วร่างกายเกร็งแน่น

แน่นอนว่าอีกฝ่ายกำลังใช้พลังทั้งหมดโจมตี

แต่ในตอนนั้นเอง…

“หือ?”

ฮิรุเซ็นเห็นว่าการเคลื่อนไหวของเบียคุยะชะงักงัน

โดยเฉพาะการแสดงออกอันสงบซึ่งแทบไม่เคยเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่ปรากฏตัว ในเวลานี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนอย่างยิ่ง

“เกิดอะไรขึ้น?”

ฮิรุเซ็นอดที่จะเกิดความสงสัยในใจอย่างมากไม่ได้

ในครู่ต่อมา เขาเห็นท้องฟ้าด้านหลังไม่ไกลจากเบียคุยะ…เริ่มแตกสลาย!

รอยแตกกระจายไปทั่วพื้นที่โดยรอบอย่างเงียบๆ

จากนั้นหลุมดำมืดปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้า

“มันคือนินจาอวกาศ!”

ในขณะนั้น นินจาอิวะผู้เคยได้เห็นหลุมดำพาเบียคุยะออกไปด้วยตาตัวเอง จดจำหลุมดำนั้นได้ทันที

แต่ในช่วงเวลาต่อมา พวกเขาตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด!

ก่อนหน้านี้ในสนามรบ เมื่อเบียคุยะคว้าร่างของไรคาเงะรุ่นสาม หลุมสีดำสนิทก็เป็นเพียงสีดำธรรมดา และขนาดของมันไม่ใหญ่เกินไป!

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าขนาดของหลุมดำนี้จะเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า

และเนื่องจากการขยายตัวของหลุมดำ ทำให้ทุกคนสามารถมองเห็นทางเดินในหลุมดำได้อย่างชัดเจน

ทุกคนมองต่างเห็นได้ลางๆ ว่ามีเส้นทางแปลกๆ นับไม่ท่วมกระพริบอยู่ตลอดเวลา

เมื่อมองจนสุดทาง พวกเขาเห็นเป็นเมืองขนาดใหญ่

กำแพงสีขาวสูงจำนวนนับไม่ถ้วนแบ่งเมืองออกเป็นเขต มีข่ายพลังทรงกลมป้องกัน ห่อหุ้มเมืองทั้งหมดไว้อย่างสมบูรณ์

จากภูมิประเทศโดยรอบจนสู่ศูนย์กลาง ในใจกลางเมืองมีพระราชวังขนาดใหญ่

พระราชวังแห่งนี้มีความเก่าแก่และสง่างาม ใจกลางพระราชวังมีบุคคลจำนวนนับไม่ถ้วนยืนอยู่ในชุดเครื่องแบบของยมทูตสิบสามหน่วยพิทักษ์

แม้จะมองแวบเดียว นินจาจากสามหมู่บ้านก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่าอีกด้านของหลุมดำอยู่ที่ไหน

นั่นคือสิ่งที่เอเนลพูดถึงก่อนหน้านี้

“เซเรย์เทย์…”

ฮิรุเซ็นจ้องไปยังเมืองอย่างตั้งใจราวกับพยายามจดจำสิ่งพิเศษบางอย่าง

แต่ในตอนนั้นเอง…

“เบียคุยะ เคมปาจิ กลับมายังเซเรย์เทย์ทันที”

อีกด้านหนึ่งของทางเดิน เสียงสงบค่อยๆ ดังออกมา

และความหมายของคำพูดนั้นคือการสั่งเคมปาจิกับเบียคุยะอย่างชัดเจน

ชั่วพริบตาต่อมา พวกเขาเห็นเคมปาจิผู้กำลังต่อสู้กับไรคาเงะหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงนี้

จากนั้นเขาหยุดต่อสู้ทันที ร่างนั้นกระพริบกลับมาอยู่เคียงข้างเบียคุยะอย่างรวดเร็ว

“...”

หลังจากเห็นฉากนี้ ไรคาเงะก็ตกตะลึง

ในฐานะคนที่ต่อสู้กับเคมปาจิ เขาได้สร้างตัวละครเคมปาจิในใจตัวเองขึ้นมาแล้ว นี่คือสัตว์ร้ายบ้าคลั่ง โหดเหี้ยม ผู้ชื่นชอบการต่อสู้ เป็นสัตว์ร้ายที่มีความปรารถนาตามสัญชาตญาณในการฆ่า!

แต่ผู้ชายประเภทนี้กลับหยุดสัญชาตญาณในการต่อสู้เพราะคำพูดไม่กี่คำจากอีกฝั่งจริงๆ งั้นเหรอ?

ไม่ใช่แค่ไรคาเงะ แม้แต่สึจิคาเงะและมินาโตะยังค้นพบสิ่งผิดปกติอย่างเห็นได้ชัดในเวลานี้!

เพราะทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น เอเนลกับครอกโคไดล์จึงหยุดต่อสู้กับพวกเขาทันที

“คนนอกกฎหมายสองคนนี้กังวลอะไรบางอย่างจริงๆ ?”

ดังนั้น ความอยากรู้อยากเห็นและความเคร่งขรึมในหัวใจของสามคาเงะกับมินาโตะได้มาถึงจุดสูงสุดเช่นกัน

แค่ประโยคเดียว…

เพียงประโยคเดียวทำให้กัปตันสองคนของสิบสามหน่วยพิทักษ์เชื่อฟัง

เพียงประโยคเดียวก็สามารถทำให้เจ็ดเทพโจรสลัดที่กล้าไปยังหมู่บ้านนินจาซึนะเพื่อแย่งชิงสัตว์หางต้องหยุดลง แสดงท่าทางเคร่งเครียดและเคร่งขรึม

“...ใครกัน?”

แต่ไม่นานพวกเขาก็ได้รับคำตอบ

เพราะตรงหน้าพวกเขา เคมปาจิกับเบียคุยะโค้งคำนับเล็กน้อยไปยังส่วนปลายทางเดินในหลุมดำ

ไม่ว่าจะเป็นเบียคุยะผู้เย่อหยิ่งหรือสัตว์ร้ายเคมปาจิผู้กระหายเลือด ต่างแสดงสีหน้าเคารพนอบน้อมออกมา

“ขอรับ…ฝ่าบาทราชันย์วิญญาณ”

…………………….

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด