ตอนที่แล้วบทที่ 30 ม้าของข้าหายไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 32 เฉียนเหนียนฉะ!

บทที่ 31 ทำไมไม่ไปสวรรค์


บทที่ 31 ทำไมไม่ไปสวรรค์

อู๋ฉีเรียกหาอู๋เอ๋อ และออกเดินทางพร้อมกัน

'ซือตงจิน' อู๋หยงในฐานะที่ปรึกษา เขาได้ขออู๋ฉีร่วมเดินทางเพื่อวางแผนด้วย

แน่นอนว่า อู๋ฉีย่อมอนุญาต…

ทั้งหมดขึ้นรถม้าและอู๋ฉีได้นำทหารถั่วหนึ่งร้อยคนออกจากหมู่บ้าน นอกจากดาบสังหารมังกรแล้ว เขายังถือถุงถั่วมาเพิ่มเติมอีกด้วย

ครั้งสุดท้ายที่อู๋ฉีไปที่เมือง เนื่องจากเขาไม่ได้นำถั่วติดตัวไปด้วย เขาจึงถูกโจมตีโดยพวกโจรโพกผ้าเหลืองอย่างเตียวเอี๋ยน และเขาไม่ได้เตรียมพร้อมเลย

โชคดีที่เขาใช้ระบบจับสลาก แล้วบังเอิญได้ถั่วกรอบมาหนึ่งซอง ไม่อย่างนั้นเขาคงลำบากมาก

ในเวลานั้น ทำไมข้าไม่ได้คิดที่จะไปร้านขายธัญพืชหรือบ้านของใครสักคนในเมืองเพื่อขอซื้อถั่วนะ ไม่งั้นเรื่องคงจบง่ายกว่านี้...อีกอย่าง การมาถึงของเตียวเอี๋ยนนั้นกะทันหันมากเกินไปด้วย!

กลุ่มคนทั้งหมดมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกด้วยท่าทีที่แข็งแกร่ง และไม่นานก็มาถึงที่เกิดเหตุ

ที่นั่น…ข้อพิพาทยังคงดำเนินอยู่…

สิ่งแรกที่อู๋ฉีเห็นคือ เตียวสิเผงที่กำลังพูดคุยกับอีกฝ่ายด้วยหน้าตาบูดบึ้งแต่ส่งเสียงทุ้มต่ำ ราวกับว่าเขากลัวจะทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคือง

ชายที่อยู่ตรงข้ามเขาเป็นชายสูงเกือบแปดเซี๊ย(180cm) ร่างหนาและผิดคล้ำ เขามีหนวดเคราใหญ่อยู่ใต้คาง ดวงตาของเขาโดดเด่นและใหญ่มาก รูม่านตามีขนาดผิดปกติ ซึ่งทำให้ตาขาวมองเห็นได้ชัดเจนเป็นพิเศษ มีตาขาวเป็นวงกลมรอบๆ รูม่านตา

ดวงตาประเภทนี้ในโหงวเฮ้งเรียกว่าตาวงแหวนและพบเห็นได้น้อย

สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของอู๋ฉีมากยิ่งขึ้นคือ เสียงที่ดังมากของอีกฝ่าย ซึ่งสามารถได้ยินจากระยะไกล และเสียงนี้ทำให้หูของผู้คนต้องส่งเสียงหึ่งๆ เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้

ชายร่างใหญ่ดวงตากลมโตพูดว่า  "ทำไมเจ้าถึงเป็นคนดื้อด้านขนาดนี้ ข้าจะเอาม้าไปและเลี้ยงดื่มเจ้าในวันอื่นเอง!"

เตียวสิเผงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ "จางจวงจู๊…มันเป็นไปไม่ได้! ม้าตัวนี้ถูกผู้อื่นอื่นสั่งไว้แล้ว ถ้าท่านแย่งม้าไป ข้าจะอธิบายให้พวกเขาฟังได้ยังไง!?"

จางจวงจู๊ตะโกนว่า "หนวกหูน่า! ทำไมถึงอธิบายไม่ได้ ทำไมเจ้าไม่ให้ม้าตัวอื่นให้เขาไปล่ะ"

เตียวสิเผงส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า  "ไม่ ไม่ได้ นี่คือม้าที่อู๋จวงจู๊เลือก..."

จางจวงจู๊สูดจมูกและดวงตาของเขาเบิกกว้างมากขึ้น  "ให้ตายเถอะ! อู๋จวงจู๊ไหน! ข้าไม่สนใจ เจ้าต้องมอบม้าตัวนี้ให้ข้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก๋ตาม!"

เตียวสิเผง “ทำไมท่านถึงไร้เหตุผลเช่นนี้!?”

จางจวงจู๊ "ข้ามีเหตุผลอยู่แล้ว ไอ้บ้าเอ้ย! เจ้าสิไร้เหตุผลกับข้าก่อน! บอกข้าหน่อยสิ ทำไมเจ้าถึงให้ม้าที่ไม่ดีเหล่านั้นให้ข้า แต่กลับให้ม้าดีๆ กับคนอื่น เจ้าดูถูกข้างั้นเหรอ?"

เตียวสิเผงปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำอีก  "ไม่จริง! ไม่มีใครกล้าดูถูกท่าน!"

“เจ้าหยุดพูดไร้สาระได้แล้ว!” ชายตาโตเริ่มโกรธ “พูดมา ทำไมเจ้าถึงไม่มอบม้าดีๆ ให้ข้าล่ะ?”

สีหน้าของเตียวสิเผงยิ่งขมขื่นมากขค้น "เพราะ...เพราะ..."

ในตอนนี้เอง ในที่สุดอู๋ฉีก็มาถึงและตะโกนว่า "พี่เตียวสิเผง ข้าอยู่นี่แล้ว!"

เตียวสิเผงราวกับว่าเขาได้รับการอภัยโทษ เขาออกจากจางจวงจู๊ และวิ่งไปหาอู๋ฉีราวกับว่าเขากำลังวิ่งหนี เขาทักทายและรีบพูดว่า "อู๊จวงจู๊ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่... อา! เรื่องนี้... ท่าน ท่านดูสิว่ามันเกิดเรื่อง… "

  

อู๋ฉีโบกมือ "ใจเย็นๆ ช้าๆ มันเกิดอะไรขึ้น?"

หลังจากนั้นเตียวสิเผงก็ค่อยๆ เล่าเรื่อง มันคล้ายกับที่อู๋เอ๋ออธิบายไว้ก่อนหน้านี้ เตียวสิเผงเคยทำธุรกิจกับจางจวงจู๊มาก่อน แต่ม้าที่มอบให้จางจวงจู๊นั้นเป็นม้าธรรมดา ซึ่งไม่สามารถเทียบได้กับม้าที่มอบให้อู๋ฉี

คราวนี้เมื่อเตียวสิเผงกำลังขนม้าจากเมืองนี้ไปยังอู๋ฉี แต่จางจวงจู๊ค้นพบมันด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่าเตียวสิเผงไม่ยุติธรรม เขาจึงเข้ามาสร้างปัญหา

อู๋ฉีพยักหน้าเพื่อแสดงว่าเขาเข้าใจ และเหมือนเคย…ก่อนที่จะมีเรื่องราวใหญ่โต เขาควรจะทำตัวเป็นคนมีเหตุผลก่อน

ดังนั้นเขาจึงหันกลับมาและประสานมือกับชายร่างใหญ่ที่มีดวงตากลมโตแล้วพูดว่า  "นี่...เอ่อ จางจวงจู๊ ข้ารู้อยู่แล้วว่าจางจวงจู๊มีเรื่องขัดแย้งกับพี่เตียวสิเผง ข้าไม่มีเจตนาที่จะเข้าไปแทรกแซงในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ข้าซื้อม้าเหล่านี้ทั้งหมดและเงินก็จ่ายไปเต็มจำนวนแล้ว กล่าวอีกนัยหนึ่ง ม้านั้นเป็นของข้าแล้วและมันไม่ได้เป็นของพี่เตียวสิเผงอีกต่อไป ดังนั้น…ได้โปรดเห็นแก่ข้าเถอะ!”

“ถุย!”

จางจวงจู๊ถ่มน้ำลาย  "เจ้าคืออู๋จวงจู๊งั้นเหรอ?"

อู๋ฉีขมวดคิ้ว  "ถูกต้อง"

จางจวงจู๊ "ข้าจะพาม้าพวกนี้กลับไปและเลี้ยงเครื่องดื่มให้เจ้าในภายหลัง!"

อู๋ฉี  “……”

เจ้าจะเอาม้าข้าไป!

แล้วเจ้าจะเลี้ยงเครื่องดื่มข้า!?

ข้าต้องการเครื่องดื่มจากเจ้าหรือไม่?

อู๋ฉียังไม่ได้พูด แต่อู๋เอ๋อที่อยู่ข้างๆ เขากลับพูดแล้ว!

เขาวางมือข้างหนึ่งบนเอวและชี้นิ้วอีกข้างไปข้างหน้าและสาปแช่งว่า "เฮ้ย! ไอ้อันธพาล ทำไมเจ้าพูดจาไม่รู้เรื่องเช่นนี้?"

ตอนนี้เขามีอู๋ฉีคอยสนับสนุน อู๋เอ๋อจึงเต็มไปด้วยความมั่นใจ!

เมื่อเห็นอู๋เอ๋อชี้หน้าเขา จางจวงจู๊จึงรู้สึกโกรธ  "แกเรียกใครว่าอันธพาล หา! เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้าจะหักขาสุนัขของเจ้า!"

อู๋เอ๋อตอบโต้ทันที "แน่นอนว่าเจ้าคือสุนัขอันธพาล!"

จางจวงจู๊ “เจ้า! เจ้า…”

อู๋เอ๋อ: "อะไร เจ้าอะไร? แถวนี้นอกจากสุนัขอัทธพาลอย่างเจ้าที่เห่าหอนแล้ว ข้าก็ไม่เห็นตัวอื่นอีก…ใช่ไหม?"

จางจวงจู๊ "อะไรนะ! ไอ้สารเลวเอ๊ย..."

  

อู๋เอ๋อ  "ทำไม เจ้าคิดว่ามีคนมากมายที่นี่ตอนนี้ แล้วเจ้าเก่งที่สุดงั้นเหรอ?"

จางจวงจู๊ "แน่นอน..."

  

อู๋เอ๋อ: "เจ้าสุดยอดมาก ทำไมไม่ไปสวรรค์ล่ะ?"

(ช่วงต้นราชวงศ์ถัง นักบวชลัทธิเต๋าพาสุนัขสีดำไปด้วยเมื่อเขาเดินทาง ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน เขาจะต้องแยกอาหารบางส่วนเพื่อให้มันเลี้ยง ต่อมา เมื่อนักบวชลัทธิเต๋าเตรียมที่จะเป็นเซียนและขึ้นสู่สวรรค์ สุนัขสีดำก็กลายร่างเป็นมังกรยาวหลายสิบฟุต และนักบวชลัทธิเต๋าก็ขี่มังกรขึ้นสู่สวรรค์ อู๋เอ๋อเปรียบจางจวงจู๊เป็นสุนัขที่มีสีดำนั่นเอง)

จางจางจู๊งุนงงเล็กน้อย "ทำไมข้าต้องไปสวรรค์..." "อ๊ากก...ไอ้สารเลว!"

จางจวงจู๊โกรธมากและรีบวิ่งเข้าไปทุบตีอู๋เอ๋อ

อู๋ฉีรีบดึงอู๋เอ๋อไว้ข้างหลังเขา โดยคิดกับตัวเองว่า อู๋เอ๋อคนนี้เก่งในทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ความสามารถของเขาในการล้อเลียนคนอื่นนั้น มันยอดเยี่ยมที่สุด

อู๋ฉีหยุดอยู่ตรงหน้าจางจวงจู๊ และกำลังจะพูดอย่างอื่น

โดยไม่คาดคิด จางจวงจู๊ไม่แม้แต่จะมองเขา เขายื่นมือใหญ่ของเขาออกมาราวกับพัดใบตาลวางบนไหล่ของอู๋ฉีแล้วดึงเขาออกไป!

แต่ไม่น่าเชื่อ...

อู๋ฉีไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย

“หือ?”

จางจวงจู๊ไม่เชื่อเรื่องเวทมนตร์ชั่วร้าย ดังนั้นเขาจึงออกแรงในมือมากขึ้น และผลักร่างของอู๋ฉีไปด้านข้าง

อู๋ฉียิ้มออกมาเล็กน้อยและมองดูอีกฝ่ายออกกำลังอย่างเงียบๆ... ไม่สิ เขาเฝ้าดูอีกฝ่ายออกแรงเอง

จางจวงจู๊พยายามอย่างเต็มที่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่สามารถผลักดันได้ หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่อู๋ฉีแล้วพูดว่า "เจ้าแข็งแกร่งมาก!"

อู๋ฉียิ้มตอบ “ขอบคุณ!”

จางจวงจู๊รู้สึกมีพลังมากขึ้น  "เยี่ยมมาก! มา มา…เจ้ามาสู้กับข้าสักสามร้อยรอบเถอะ!"

อู๋ฉียิ้มอย่างขมขื่น โดยคิดว่าคนโบราณพวกนี้ช่างเป็นคนโง่ ทำไมพวกเขาถึงชอบทะเลาะกันอยู่เสมอ

อู๋ฉีจึงพูดว่า  "เจ้าสามารถต่อสู้กับข้าได้ แต่ต้องมีเงื่อนไข!"

จางจวงจู๊ "พูดเงื่อนไขมา!"

  

อู๋ฉีบอกว่า "ถ้าข้าชนะ เจ้าจะต้องคืนม้าของข้ามาให้หมดและขอโทษข้า หากเจ้าชนะ ม้าพวกนั้นจะเป็นของเจ้า ข้าจะมอบม้าให้เจ้า ตกลงไหม?"

จางจวงจู๊พยักหน้าทันที “ตกลง!”

อู๋ฉีพยักหน้า  "เอาล่ะ เจ้าชื่อแซ่อะไร?"

จางจวงจู๊ตบหน้าอกของเขาแล้วพูดว่า "ข้า…เฒ่าจาง ยืนไม่เปลี่ยนชื่อ นั่งไม่เปลี่ยนแซ่ ข้าคือ…จางเฟย(เตียวหุย) ชื่อรองอี้เต๋อ!"

อู๋ฉี: “!!!”

แม่ง!

เตียวหุย(จางเฟย)?

เชี้ยแล้ว…ทำไมพักนี้ข้าเจอแต่คนมีชื่อเสียงวะ?

เวรเอ๊ย... นี่...มีผิวคล้ำ มีหัวเสือดาวมีตากลมโต และมีเสียงที่ดังราวฟ้าร้อง...แม่งเข้ากับคำบรรยายจริงๆ!

แล้วทำไมเตียวหุยถึงอยู่ที่นี่...

เดี๋ยวก่อน ที่นี่ที่ไหนนะ?

โจวจุน, จุนเฉิง ไม่ใช่สิ...จัวจวิน

(เตียวหุยเกิดในอำเภอจัวจวิน ปัจจุบันคือ อำเภอจัวโจว)

ให้ตายเถอะ ข้าควรจะคิดเรื่องนี้ก่อนหน้านี้ มันถูกกล่าวถึงในบทแรกของหนังสือสามก๊กของหลอก้วนจง!

แม้งเอ๊ย…ไม่น่าแปลกใจเลยที่ระบบสุนัขยอมทุ่มเงินทั้งหมดเพื่อมอบเหรียญห้างสรรพสินค้าให้เขาถึงห้าพันเหรียญ ปรากฎว่ามันต้องการให้ข้าท้าทายเตียวหุย!

ภารกิจตอนนี้ดูเหมือนไม่ใช่แค่เอาม้าคืนกลับธรรมดา แต่มันคงต้องหลั่งเลือด…ใช่ไหม?

ข้าจะต้องท้าทายเตียวหุยเพื่อเงินห้าพัน ซึ่งเขาเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งต้านหมื่นเนี้ยนะ!?

ระบบสุนัข…นี่คือแผนของแกใช่ไหม?

【ถูกต้อง】

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด