ตอนที่แล้วบทที่ 28 บรรดาศักดิ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 30 ม้าของข้าหายไป

บทที่ 29 ม้าและสุรา


บทที่ 29 ม้าและสุรา

เตียวสิเผง(จางซือปิง)?

เล่าสง(ซู่ซวง)?

สองคนนี้คือ……

อู๋ฉีถามระบบทันที "ระบบ ทั้งสองคนนี้...คือสองคนที่อยู่ในนิยายหรือเปล่า?"

[ถูกต้อง บันทึกทางประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า เตียวสิเผง(จางซือปิง)และเล่าสง(ซู่ซวง) คือพ่อค้าที่ยอดเยี่ยมในเมืองจงซาน พวกเขาร่ำรวยด้วยทองคำและขายม้าไปทั่วเมืองจัวจวิน(ตุ้นก้วน) เมื่อพวกเขาพบกับเล่าปี่ พวกเขาจึงได้มอบม้าให้ 50 ตัว ทั้งยังมอบเหล็กให้อีก 1,000 ชั่ง และเงินอีก 500 ตำลึงด้วย

ใช่แล้ว มันคือพวกเขาทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าโฮสต์นั่นเอง]

อู๋ฉีหัวเราะออกมา "ฮ่าฮ่าฮ๋า…ดี ดีมาก! ข้าเจอคนดังอีกแล้ว!"

เตียวสิเผงและเล่าสง คนหนึ่งอ้วนและอีกคนผอม แม้ว่าพวกเขาจะสวมชุดฮั่น แต่ก็มีเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ ห้อยอยู่บนร่างกาย ซึ่งมันทำให้พวกเขาดูแตกต่างออกไปมาก

อู๋ฉีต้อนรับทั้งสองคนอย่างสุภาพ  "ยินดียินดี พี่เตียวสิเผงและพี่เล่าสง ข้าได้ยินชื่อเสียงพวกท่านมานานแล้ว และข้าก็ชื่นชมพวกท่านมาก! เมื่อข้าเห็นพวกท่านในวันนี้ สิ่งที่ข้ารู้มาว่าท่านพิเศษ มันไม่ผิดจริงๆ!"

พวกเขาทั้งสองตอบรับสุภาพว่า "ไม่กล้า…ไม่กล้า! ข้าสองคนเป็นเพียงคนค้าคนขาย ข้าจะสมควรได้รับความเคารพจากอู๋จวงจู๊ได้อย่างไร? เราสองคนต่างหากที่ควรเคารพอู๊จวงจู๊!"

พวกเขาคิดว่าอู๋ฉีได้รับการแนะนำให้รู้จักกับพวกเขาโดยเฉิงเซี่ยนลิ่ง ดังนั้นพวกเขาจึง "เป็นที่รู้จักมานานแล้ว" และพวกเขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่พวกเขาไม่รู้ว่า อู๋ฉีเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขามาก่อน ตั้งแต่ชีวิตที่แล้วของอู๋ฉีเอง

พวกเขาทั้งหมดจับมือกันและพูดว่า "อู๋จวงจู๊เริ่มต้นการค้าตั้งแต่เริ่มต้นและสร้างธุรกิจขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี ท่านคือแบบอย่างสำหรับพวกเราอย่างแท้จริง! ข้าโชคดีมากที่ได้พบกับอู๋จวงจู๊ในวันนี้  ข้าถือว่าตลอดชีวิตของข้า วันนี้ข้ามีความสุขอย่างแท้จริง!”

ในฐานะพ่อค้าพวกเขาเดินทางไปทั่วประเทศและมีความรู้มากมาย พวกเขาย่อมเคยได้ยินชื่อเสียงของอู๋ฉีเมื่อนานมาแล้ว

ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของอู๋ฉีตั้งแต่เริ่มต้น มันทำให้พวกเขาตั้งอู๋ฉีเป้าหมายแรกในชีวิต นั้นคือการสร้างรายได้มหาศาลให้ได้ แน่นอนว่าอู๋ฉีย่อมได้รับการยกย่องว่าเป็น 'ดาวเด่นแห่งการพ่อค้า'

ดังนั้น สิ่งที่พวกเขาพูด มันไม่ใช่คำชม…แต่สิ่งที่ออกมาจากใจ

เมื่อได้ยินคำเยินยอเช่นนี้ อู๋ฉียิ้มออกมาและโบกมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายสุภาพกันไปมาสักพัก พวกเขาก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อหลักทันที

“เอาล่ะ…ข้าเป็นคนตรงไปตรงมาและข้าจะไม่ทุบตีพุ่มไม้โดยรอบ เฉิงเซี่ยนลิ่งกล่าวว่าเจ้ามีม้าที่แข็งแกร่งจำนวนมากที่สามารถใช้เป็นม้าศึกได้ เรื่องนี้คือเรื่องจริงหรือไม่?”

เตียวสิเผงและเล่าสงพยักหน้า พวกเขารู้สึกชื่นชอบอู๋ฉีมากยิ่งขึ้น

ทั้งสองเคยเจอคนสำคัญๆ มาแล้วมากมาย และพบว่ายิ่งพวกเขาสถานะสูงเท่าไหร่ พวกเขายิ่งชอบพูดอ้อมๆ พูดเรื่องไร้สาระมากขึ้น ซี่งมันเป็นการเสียเวลาทำมาหากินอย่างมาก

สำหรับพ่อค้า…เวลาคือเงิน!

เตียวสิเผงตอบว่า "พูดตรงๆ เรามีกลุ่มม้าจากทุ่งหญ้า ข้าได้มาจากชนเผ่าเซียนเป่ย!"

มันไม่น่าแปลกใจเลย!

ตามที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ม้าเป็นทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ และม้าคุณภาพสูงส่วนใหญ่ที่สามารถใช้เป็นม้าศึกได้ พวกมันมักมาจากทุ่งหญ้าทางตอนเหนือ ซึ่งก็คือจากชนเผ่าเร่ร่อน

เซียนเป่ย, อู่หวนและซ่งหนู นั่นคือชนเผ่าเร่ร่อนทั้งสามชนเผ่านี้นั่นเอง

ในหมู่พวกเขา ซ่งหนูไม่เท่าไหร่ พวกเขาคือข้าราชบริพารของราชวงศ์ฮั่น และราชสำนักสามารถเรียกใช้พวกเขาได้ตามต้องการ ส่วนชาวอู่หวนมีความคลุมเครือมากกว่า ส่วนใหญ่พวกเขามักย้ายเข้ามาและปะปนกับชาวฮั่น บางครั้งพวกเขาก็แสดงความเคารพต่อราชวงศ์ฮั่น และบางครั้งก็พวกเขาก็กบฏ

ทว่าเซียนเป่ย...

พวกเขาคือศัตรูกับราชวงศ์ฮั่นอย่างสิ้นเชิง

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ราชวงศ์ฮั่นและเซี่ยเป่ยทำสงครามกันหลายครั้ง ตานซีหวนอดีตผู้นำของ เซียนเป่ยได้โจมตี "เก้ามณฑลชายแดน" ของราชวงศ์ฮั่นและแคว้นเหลียวตงซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขายังปฏิเสธ "การสมรสเพื่อสันติภาพ" และตำแหน่งเฟิงอ๋องที่ราชวงศ์ฮั่นแต่งตั้งให้อีกด้วย

หลังจากที่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันเล่าหงขึ้นครองบัลลังก์ ชายแดนของมณฑลโหยวโจว(อิวจิ๋ว) มณฑลปิงโจว(เป๊งจิ๋ว) และมณฑลเหลียงโจว(เลียงจิ๋ว) ทั้งหมดต่างก็ถูกเซียวเป่ยเข้าโจมตีทุกปี ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนถูกฆ่าและถูกปล้นสะดม

ในเดือนสิงหาคมของปีที่หกแห่งรัชสมัยซีผิง (ค.ศ. 177) ราชวงศ์ฮั่นและกองกำลังพันธมิตรซ่งหนูได้ออกเดินทางจากด่านเหยียนเหมินกวน(ห่านป่า) และแบ่งกองกำลังออกเป็นสามกลุ่มเมื่อออกจากป้อมปราการ และเกิดสงครามครั้งใหญ่กับเผ่าเซียนเป่ย

ผลก็คือกองทัพฮั่นพ่ายแพ้ และมีทหารเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้นที่หลบหนีเข้ามาในด่านเหยียนเหมินกวนได้

เพราะเรื่องนี้ ราชวงศ์ฮั่นรู้สึกละอายใจมากอยู่เสมอ

แน่นอนว่า เตียวสิเผงและคนอื่นๆ พวกเขาก็ไปที่ดินแดนเซียนเป่ยและหาซื้อม้าจากชาวเซียนเป่ย อู๋ฉีต้องบอกว่า พวกเขายอดเยี่ยมมากจริงๆ

อู๋ฉียิ้มกล่าวว่า "เยี่ยมมาก พี่เตียวสิเผง พี่เล่าสง เจ้าทั้งสองช่วยตั้งราคาให้ข้าเลยเถอะ ข้าต้องการพวกมันทั้งหมด!"

“อะไรนะ!” ทั้งสองคนตกใจมาก

เฉิงเซี่ยนลิ่งบอกว่าทั้งสองแค่ "อู๋ฉีต้องการม้า" แต่ไม่ได้บอกปริมาณ เจ้าต้องการทั้งหมดเลยงั้นเหรอ?

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็ฟื้นสติขึ้นมา  "พวกข้าได้ยินเรื่องนี้มานานแล้วว่า มีอู๋ครึ่งเมืองอยู่ในเทศมณฑลฟางเฉิง ซึ่งเขาร่ำรวยพอๆ กับประเทศ วันนี้ข้าได้เห็นกับตาแล้ว เขาสมควรได้รับชื่อเสียงที่เลื่องลือนี้จริงๆ! "

อู๋ฉียิ้มและพูดว่า  "อย่างที่ข้าพูดไป ไม่จำเป็นต้องสุภาพ แค่ยื่นข้อเสนอ! ธุรกิจก็คือธุรกิจและมิตรภาพก็คือมิตรภาพ เรามาพูดถึงธุรกิจกันหลังจากที่เราพูดถึงมิตรภาพเสร็จแล้ว!"

"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า..."เตียวสิเผงหัวเราะ "อู๋จวงจู๋กล่าวได้ดี ธุรกิจคือธุรกิจ…มิตรภาพคือมิตรภาพ! ในอดีตเมื่อ ผู้แซ่เตียว(จาง) ผู้นี้พบกับผู้ซื้อมานับครั้งไม่ถ้วน พวกเขามักจะใช้คำว่ามิตรภาพเพื่อขอลดราคากับผู้แซ่เตียว(จาง) เสมอ  เยี่ยมมาก…เรามาคุยเรื่องราคากันดีกว่า!”

หลังจากการพูดคุยกัน เตียวสิเผงก็เต็มใจที่จะขายม้าทั้งหมดสามร้อยตัวที่เขามีอยู่ให้กับอู๋ฉีในราคา หนึ่งหมื่นเฉียนสำหรับม้าแต่ละตัว

ตามข้อมูลในเวลานั้น ราคาของม้าในพื้นที่ชายแดนอยู่ระหว่างสี่พันเฉียนถึงสองล้านเฉียน

แน่นอนว่า สองล้านเฉียนต้องเป็นม้าที่หายากและมีชื่อเสียงมาก โดยทั่วไปแล้ว ราคาของม้าลากเกวียนจะอยู่ที่ประมาณสี่ถึงห้าพันเฉียน

ม้าที่อยู่ในมือของเตียวสิเผงนั้นคือม้าศึกทั้งหมด ดังนั้นราคาของมันจึงสูงกว่าตามธรรมชาติ

เพียงว่าราคาที่ขายให้อู๋ฉีอยู่ที่หนึ่งหมื่นเฉียน มันเป็นราคาที่ต่ำมาก

หากขายม้าตัวนี้ให้กับผู้อื่นในเมืองลฟางเฉิน โดยปกติแล้วพวกเขาจะขายในราคามากกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันเฉียน และหากนำไปที่บ้านเกิดของพวกเขาที่เมืองจัวจวิน(ตุ้นก้วน) มณฑลจี้โจว(กิจิ๋ว)ละก็…ราคาจะเพิ่มขึ้นสองเท่า เป็นอย่างน้อยสามหมื่นเฉียนอย่างแน่นอน

ถ้าส่งพวกมันไปทางใต้ มันจะยิ่งแพงขึ้นไปอีก และขายได้เป็นแสนเฉียน!

เพราะตอนนี้เตียวสิเผงชื่นชมอู๋ฉีเป็นอย่างมาก เขาให้ราคาพิเศษแก่อู๋ฉีสำหรับการทำธุรกรรมครั้งแรก อีกอย่าง ความร่ำรวยของอู๋ฉีที่จะซื้อทุกอย่างในครั้งเดียว มันทำให้เขาคิดถึงการซื้อขายระยะยาวอีกในอนาคต

เจ้าต้องรู้ว่าการค้าม้าก็มีความเสี่ยงมากเช่นกัน มีทั้งการขู่กรรโชกของทางการ โจรทั่วไปและที่แย่กว่านั้นคือม้าที่เสียชีวิตจากการเจ็บป่วยในระหว่างกระบวนการค้าพวกมัน

หากเขาสามารถขายให้อู๋ฉีได้เสมอในอนาคต อย่างน้อยความเสี่ยงเหล่านี้ก็จะลดลงอย่างมาก

นอกจากนี้ หากเขาซื้อในปริมาณมากเป็นเวลานาน มันจะเป็นราคาขายส่งและราคาขายส่งก็จะถูกกว่าอย่างแน่นอน!

อู๋ฉีรู้ดีถึงสถานการณ์ตลาดของม้าโดยธรรมชาติ เมื่อได้ยินข้อเสนอของพวกเขาที่หนึ่งหมื่นเฉียน เขาหัวเราะและขอบคุณว่า "เยี่ยม! พวกเจ้าจริงใจมาก ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าเสียเที่ยว!"

หลังจากนั้นเขาก็ตระโกนสั่งสั่งว่า "ผู้ดูแล รีบไปเอาสุราเฉินเซียน(สุรานางฟ้า)มา!"

เมื่อได้ยินที่อู๋ฉีสั่ง ผู้ดูแลรีบไปเอาสุรามาทันที

เตียวสิเผงตกตะลึง: "อู๋จวงจู๊ นี่...นี่คือสุราในตำนานงั้นเหรอ?"

อู๋ฉียิ้มและพยักหน้า  "ถูกต้อง! ข้ามีสุราเฉินเซียนอยู่ที่นี่ ไม่มีที่อื่นอีก!"

ไม่นานนักผู้ดูแลก็นำขวดสุราไหเล็กมา

เล่าสงตกตะลึงพูดว่า "นี่...นี่คือสุราเฉินเซียนงั้นเหรอ?"

อู๋ฉียิ้มเล็กน้อยและไม่พูดอะไร เขาหยิบไหสุราแล้วตบโคลนที่ปากไหออก

ในตอนนี้ กลิ่นหอมเย้ายวนของสุราก็พรั่งพรูออกมาจากภายในทันที!

เตียวสิเผงและเล่าสงทั้งสองรีบหลับตาและดมกลิ่น!

“มันมีกลิ่นหอม...มันหอมมาก!”

“มันคือสุราวิเศษจริงๆ!”

“เพียงได้กลิ่นนี้ ข้าก็รู้สึกเมาแล้ว!”

คนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ วางถ้วยสุรา และอู๋ฉีก็เทมันให้พวกเขาทั้งสองคนด้วยตัวของเขาเอง

สุรามีความโปร่งใสและไม่มีสี มันดูราวกับน้ำเปล่า แต่กลิ่นหอมของสุรานั้นกลมกล่อมมากกว่าสุราเก่าๆ ที่เตียวสิเผงและเล่าสงเคยพบเห็นมา!

“เชิญ!” อู๋ฉีเชิญด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าอย่างนั้น ข้าไม่เกรงใจละนะ!” ทั้งสองรีบหยิบมันขึ้นมาและดื่มลงไปทันที

"อา!"

"นี้มัน……"

“มันอร่อยมาก!”

“นี่คือ... นี่คือสุราจริงเหรอ?”

“ถ้านี่คือสุรา ข้าจที่ข้าเคยดื่มมาก่อนมันคือสุนัขอะไร?”

“เพ่ย….มันคือปัสสาวะม้า!”

ทั้งสองคนดื่มอีกครั้ง

“สมควรแล้วกับชื่อสุราเฉินเซียน(สุรานางฟ้า)!”

  

"ข้า...อ่า! ข้ารู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเซียนไปแล้ว!"

“สุราที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นเซียน มันคือสุราของเทพเซียนที่แท้จริง!”

อู๋ฉีรู้สึกว่าคนโบราณเหล่านี้น่าสงสารจริงๆ ข้าแค่ใช้วิธีสมัยใหม่ในการผลิตสุราที่มีความเข้มข้นสูงเท่านั้น และเมื่อถึงปากพวกเขา มันก็กลายเป็นสุราของเทพเซียนทันที

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นเป็นความจริง กล่าวคือ สุราส่วนใหญ่ในสมัยโบราณนั้นไม่ค่อยดีนัก!

มันเปรี้ยวและขุ่น มันไม่ดีไปกว่าน้ำส้มสายชู!

ดูเหมือนว่า...ในบางที่พวกเขาจะใช้สุราเป็นน้ำส้มสายชูและน้ำส้มสายชูก็ใช้เป็นสุราสำหรับดื่ม มารดามัน...พวกคนโบราณช่างน่าสงสารจริงๆ!

อู๋ฉีมองไปที่เตียวสิเผงและเล่าสงที่ยังคงมึนเมาอยู่  ทันใดนั้นเขาก็พูดว่า  "พวกเจ้าอยากลองขายสุราเฉินเซียนนี้ดูไหม?"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด