ตอนที่แล้วบทที่ 27 ฝึกฝนทหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 29 ม้าและสุรา

บทที่ 28 บรรดาศักดิ์


บทที่ 28 บรรดาศักดิ์

อู๋ฉี "อ่า…ในที่สุดผลก็ออกมาแล้ว! แกเงียบหายไปนานมาก ฉันเกือบลืมมันไปเลย!"

【ถูกต้อง ระบบลืมจริงๆ】

อู๋ฉีกระพริบตา “ระบบ ฉันพบว่าแกหน้าหนาขึ้นเรื่อยๆ นะ!”

  

【เพื่อให้บริการโฮสต์ VIP ส่วนใหญ่ได้ดียิ่งขึ้น ระบบจะปรับวิธีการพูดโดยอัตโนมัติตามบุคลิกภาพและลักษณะพฤติกรรมของโฮสต์ ระบบหวังว่าโฮสต์จะพอใจ! 】

  

อู๋ฉีเบิกตากว้าง "อะไรวะ? นี่คือความผิดของฉันอะดิ?"

【ถูกต้อง มันคือความผิดของโฮสต์】

อู้ฉีเงียบไปพักใหญ่ หลังจากนั้นเขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า "...ลืมไปซะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก ระบบ…ตรวจสอบผลการแข่งขัน!"

  

【การแข่งขันการแข่งขันโอ้อวดหรือโชว์ออฟนี้สิ้นสุดลงแล้ว โฮสต์จะถูกจัดอันดับตามคะแนนที่ทำได้ตามการจัดอันดับ และจะมีการแจกจ่ายตำแหน่งพิเศษของการแข่งขัน รวมถึงรางวัลที่เกี่ยวข้อง]

【หลังจากเช็กสถิติแล้ว ผู้เข้าแข่งขันอู๋ฉีทำคะแนนรวม 8,850,105 แต้มในการแข่งขัน โฮสต์อยู่อันดับที่หก】

อู๋ฉีรู้สึกสงสัย "อะไรนะ?ฉันมีคะแนนเกือบสิบล้านคะแนน แต่ฉันยังอยู่อันดับทีที่หกเท่านั้น? แล้วอันดับที่หนึ่งล่ะ"

【หนึ่งร้อยล้าน...】

อู๋ฉี "โอ้…ก็ไม่เลวนะ! คราวหน้าข้าเจอไป๋เซี่ย(จักรพรรดิเล่าหง) อีกครั้ง ข้าจะไม่ทำอะไรอีกแล้ว ข้าจะผลักเขาลงไปที่พื้นแล้วเฆี่ยนตีเขาจนเรียกหาบิดา วิธีนั้นก็จะได้คะแนน…”

  

【คะแนนสองเท่าของที่หนึ่งทันที...】

อู๋ฉีตบมือทันที “…เจ๋งมาก!”

[ประกาศรางวัลสิบอันดับแรกแล้ว อันดับหนึ่งจะได้รับฉายาพิเศษของการแข่งขัน "บี้หวาง(บังคับกดขี่ราชา)" รับทักษะ "คาถาแห่งการโอ้อวด" รับสิ่งประดิษฐ์ "สคริปถ้อยคำโอ้อวดอันศักดิ์สิทธิ์" รับอาวุธเวทย์มนตร์ "ลูกแก้วมหาเสน่ห์" และรับแต้มโชค 10,000 แต้ม รับคริสตัลนักบุญหนึ่งพัน]

【อันดับที่ 2 ได้รับฉายาพิเศษจากการแข่งขัน "บี้ฉ่วย(บังคับกดขี่ผู้นำ)" ได้รับทักษะ...】

  

อู๋ฉี: "เอาล่ะ โอเค! ฉันไม่สนใจคนพวกนั้น บอกแค่อันดับของฉันก็พอ!"

【อันดับที่หกอู๋ฉีได้รับฉายาพิเศษของการแข่งขัน 'บี้เหริน' 】

(逼人  bī rén บังคับกดขี่ผู้คน)

อู๋ฉี  “……”

เขาโกรธมากจนโวยวายออกมา "ระบบ ได้โปรดอธิบายมา ฉายาการบังคับใครสักคนนี่ มันหมายถึงอะไร? แกจงใจยั่วยุฉันหรือเปล่า?"

  

【สิบอันดับแรกในการแข่งขันล้วนมีฉายาพิเศษ คนแรกคือบี้หวาง(ราชา) ตามด้วยบี้ฉ่วย(ผู้นำ) บี้เย่(ปู่) บี้ปา(บิดา) และบี้เกอ(พี่ชาย) เมื่อมาถึงอันดับโฮสต์ โฮสต์ย่อมกลายเป็นบี้เหริน(ผู้คน) โดยธรรมชาติ 】

(逼 บี้ แปลว่า บังคับ)

อู๋ฉี  "...แล้วอันดับที่อยู่ต่อไปล่ะ?"

【บี้เอ๋อ ,บี้ซุน ,บี้ชง,บี้ซา】

(บังคับลูก บังคับหลาน บังคับแมลง บังคับขยะ)

  

อู๋ฉี  "มารดามัน! ถ้าฉันรู้ก่อนหน้า ฉันคงไม่เข้าร่วมการแข่งขันเส็งเคร็งนี้! มันคือความอัปยศสำหรับตัวฉันเองโดยสิ้นเชิง!"

"นายท่าน!"

ผู้ดูแลรีบเข้ามา "เราได้รวบรวมทุกคนแล้ว และพวกเขากำลังรอนายท่าน!"

อู๋ฉีพยักหน้าตอบรับ “เข้าใจแล้ว!”

เมื่อเขามาถึงพื้นที่โล่งนอกลานหมู่บ้าน ผู้ดูแลได้จัดเตรียมคนมาจัดเวทีที่นั่น เพื่อให้อู๋ฉีขึ้นไปยืนอย่างโดดเด่นได้

อู๋ฉียืนขึ้นและมองดูฝูงชนอันมืดมิดด้านล่าง มีผู้คนมากกว่าแปดพันคน ทุกคนยังดูหนุ่มและแข็งแกร่ง

ชายหนุ่มจำนวนมากมีจำนวนใกล้เคียงกับประชากรของเทศมณฑลขนาดเล็ก

ราชวงศ์ฮั่นสืบทอดระบบมาจากรัฐฉินและกำหนดจำนวนประชากรของเทศมณฑล โดยเทศมณฑลที่มี หนึ่งหมื่นครัวเรือนเรียกว่าเทศมณฑลใหญ่ และขุนนางปกครองเทศมณฑลเรียกว่า "ลิ่ง" เทศมณฑลที่มีน้อยกว่าหนึ่งหมื่นครัวเรือนเรียกว่าเทศมณฑลเล็ก และขุนนางปกครองเทศมณฑลเรียกว่า "ฉ่าง"

ในปีที่แล้ว ไม่ว่าอู๋ฉีจะรวยแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถเลี้ยงดูชายหนุ่มจำนวนมากขนาดนี้ได้

แต่สถานการณ์ปัจจุบันแตกต่างออกไป ราชสำนักมืดมน ประชาชนตกทุกข์ลำบาก และประชาชนที่อยู่ชั้นล่างก็หนีกันตายกลายเป็นผู้ลี้ภัย ไม่ว่าจะทำงานเป็นโจรหรือซ่อนตัวอยู่ในภูเขาและป่าไม้ บ่อยครั้งพวกเขาจะออกมาทำงานรับใช้ตระกูลที่ร่ำรวยและได้รับการดูแลโดยตระกูลที่มีอำนาจ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกราชสำนักบีบบังคับ

นั่นคือเหตุผลที่อู๋ฉีสามารถรวบรวมผู้คนได้มากมาย

“คำนับอู๋จวงจู๊…”

ผู้คนด้านล่างต่างก็แสดงความเคารพต่ออู๋ฉี แม้ว่าเสียงของพวกเขาจะไม่สม่ำเสมอและพวกเขาก็ยืนในลักษณะที่ไม่เป็นระเบียบทำให้ดูเหมือนมีเสียงดัง แต่ความเคารพของพวกเขาต่ออู๋ฉีก็เป็นเรื่องที่แน่นอนมาก

อู๋ฉีมองไปที่พวกเขา เขารู้สึกภูมิใจมากในใจ

หาก "เป็นที่รู้จักในมณฑลและเทศมณฑล" ที่ระบบมอบให้เขาเป็นศักดิ์ศรีที่ค่อนข้างลวงตา คนเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้าเขาก็เป็นศูนย์รวมของศักดิ์ศรีที่แท้จริง

ไม่เพียงแต่อู๋ฉีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชนชั้นสูงทั้งหมดของราชวงศ์ฮั่นด้วย พวกเขาสามารถกล่าวได้ว่าเป็นราชาในพื้นที่ท้องถิ่น

เมื่อเมืองมีปัญหาขึ้นมา มันก็ต้องอาศัยคนชั้นสูงในการจัดหากำลังคนและเงิน เมื่อเทศมณฑลไม่สามารถจัดการได้ มันก็ต้องอาศัยคนชั้นสูงมาจัดการคนระดับล่างเหล่านี้ด้วย

เจ้าจำเป็นต้องรู้ว่าสำนักงานประจำเทศมณฑลมีเจ้าหน้าที่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น มันย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ขุนนางประจำเทศมณฑลจะปกครองผู้คนที่มีนับหมื่นคนได้ด้วยคนเพียงไม่กี่คน พวกเขาต้องพึ่งพาอำนาจท้องถิ่นมาช่วย

ตั้งแต่การช่วยเก็บภาษี รับผิดชอบด้านการศึกษา รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน จัดการกับความขัดแย้งในละแวกบ้าน การต่อต้านสัตว์ป่าและโจรกลุ่มเล็กๆ...ทั้งหมดได้รับการจัดการโดยผู้มีอำนาจท้องถิ่นทั้งสิ้น ซึ่งกล่าวได้ว่าพวกเขาบูรณาการทางการเงิน การศึกษา ความยุติธรรม และการทหารทั้งหมดนั่นเอง

'อำนาจของจักรวรรดิไม่อาจขยายไปถึงเทศมณฑล' นี้ไม่ใช่ข้อความที่พูดเล่นเฉยๆ

คนในชนบทแทบไม่ได้ละทิ้งสถานที่ที่ตนเติบโตมา ตั้งแต่แรกเกิด พวกชนชั้นสูงในประเทศเหล่านี้คือ "ธรรมชาติ" ของพวกเขา มาหลายชั่วอายุคน พวกเขายอมรับเฉพาะชนชั้นสูงในท้องถิ่นเท่านั้น ไม่ใช่พวกขุนนางที่เข้ามาปกครองท้องถิ่น

เมื่อเหล่าชนชั้นสูงรู้สึกว่าตนถูกดูหมิ่น พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องกบฏ เพียงแค่ยุยงให้ชาวบ้านสร้างปัญหาในเมืองหรือในเทศมณฑล แล้วเหล่าเจ้าหน้าที่เทศมณฑลก็จะยอมจำนนไปเอง

ดังนั้น พวกสำนักงานประจำเทศมณฑลจึงเชื่อฟังพวกชนชั้นสูงมาโดยตลอด และไม่กล้าที่จะรุกรานพวกเขาง่ายๆ

ส่วนราชสำนักนั้น ไม่เพียงแต่ยอมรับความจริงในข้อนี้เท่านั้น แต่พวกเขายังต้องมอบตำแหน่งอย่างเป็นทางการบางส่วนให้ด้วย เช่น หลี่เจิ้ง(นายทะเบียน) ถิงจ่าง(ผู้ดูแลความสงบในชุมชน) หรือซานเล่า(ผู้ดูแลการศึกษา) เป็นต้น เพื่อที่พวกเขาจะได้เพลิดเพลินกับสถานะนี้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

แน่นอนว่าอู๋ฉีไม่ได้ขอตำแหน่งอย่างเป็นทางการนั้น เขามีบรรดาศักดิ์ "กงเฉิง" อยู่แล้วซึ่งเป็นบรรดาศักดิ์ลำดับที่แปดในลำดับบรรดาศักดิ์ทั้งยี่สิบของราชวงศ์ฮั่น

มันก็แค่ว่า...

ในช่วงปีแรก ๆ ของราชวงศ์ฮั่น บรรดาศักดิ์มันยังคงมีค่ามาก แม้แต่ตำแหน่งต่ำๆ ก็สามารถจัดสรรที่ดิน เงิน เมล็ดพืชและยังสามารถเพลิดเพลินกับสถานะทางการเมืองบางอย่างได้

น่าเสียดายที่ตำแหน่งเหล่านี้แพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป ในตอนท้ายของราชวงศ์ฮั่น นอกจากตำแหน่งกวนเน่ยโหวชั้นที่สิบเก้าขึ้นไปแล้ว บรรดาศักดิ์ระดับล่างที่เหลือก็เกือบจะเป็นของตกแต่งและมีค่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

(บรรดาศักดิ์ระดับล่าง คือลำดับที่ 1-9 1.กงถู่   2.ซ่างเจ้า 3.จันเหนี่ยว  4.ปู้เกิง 5.ต้าฟู   6.กวนต้าฟู

7.กงต้าฟู  8.กงเฉิง 9.อู่ต้าฟู

บรรดาศักดิ์ระดับกลาง คือลำดับที่ 10-18 10.จั่วซู่จ่าง 11.โย่วซู่จ่าง 12.จั่วเกิง 13.จงเกิง 14.โย่วเกิง 15.เส้าซ่างเจ้า 16.ต้าซ่างเจ้า 17.ซื่อเชอซู่จ่าง 18.ต้าซู่จ่าง

บรรดาศักดิ์ลำดับสูง ลำดับที่ 19-20 19.กวนเน่ยโหว (ราชวงศ์ฉินใช้เน่ยโหว,หลุนโหว)  20.เช่อโห)

ในสมัยโบราณผู้คนยังยึดถือในตำแหน่งและยศ เรียกได้ว่า สมัยที่ขุนนางยังได้รับการปฏิบัติอย่างดีในสมัยโบราณ คนจะมีความสุขเมื่อได้รับตำแหน่งขุนนาง แต่กลับกลัวเมื่อถูกลิดรอนตำแหน่ง แต่ในสมัยสามก๊กนี้ ขุนนางหมดสิ้นอำนาจไปแล้ว ประชาชนไม่รู้ว่าขุนนางมีประโยขน์อะไร ถ้าเอาไป ประชาชนก็ไม่กลัว ถ้าให้แล้ว ประชาชนจะไม่ชอบ  มันเลยกลายเป็นเพียงตำแหนงที่ไร้ประโยชน์

“เงียบๆ เงียบกันเดี๋ยวนี้! ฟังอู๋จวงจู๊ของเรา!” ผู้ดูแลเริ่มรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับอู๋ฉีทันทีที่เขาออกมา

อู๋ฉีไอเบาๆ และเริ่มพูดคุยกับชาวบ้าน เนื้อหาไม่มีอะไรมากไปกว่ากลุ่มโจรโพกผ้าเหลืองที่กำลังมา เราต้องป้องกันตัวเอง เราจึงต้องฝึกกำลังทหาร และตอนนี้เราต้องคัดเลือกทหารพันคนผ่านการคัดเลือก

อันที่จริง เขาไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมาก ชาวบ้านเคารพอู๋ฉีมาโดยตลอด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีปัญหากับมัน

พวกเขาสนใจแค่สิ่งที่อู๋ฉีพูดในตอนท้าย: เมื่อพวกเขาได้เข้าร่วมกองทัพอย่างเป็นทางการ เขาจะได้รับค่าจ้างทางทหาร ซึ่งก็คือเดือนละห้าพันเฉียน!

(ในสมัยสามก๊กใช้ค่าเงินอู่จู 1ซันจู=1เหรียญ(เหรียญที่มีรูตรงกลาง) 1 ซันจู คือเหรียญที่มีน้ำหนัก 3 เฉียน, 1 ซื่อจู คือเหรียญที่มีน้ำหนัก 4 เฉียน ,อู่จู คือเหรียญที่มีน้ำหนัก 5 เฉียน , น้ำหนัก 4 เฉียนเท่ากับ 1 ตำลึง ,1 ซื่อจูมีค่าเท่ากับ 1 ตำลึงทองแดง)

ตามรายงานของ "จูหยานฮั่นเจี่ยน" ซุ่ยฉาง (เทียบเท่ากับหัวหน้าหน่วย) ที่ประจำการอยู่ที่ชายแดนในราชวงศ์ฮั่นมีรายได้ประมาณหนึ่งพันเฉียนต่อเดือน

(จูหยานฮั่นเจี่ยน คือม้วนตำราไม้ไผ่ที่ประเทศจีนขุดพบในหลุมฝังศพของอดีตขุนนางในยุคสามก๊ก)

และอู๋ฉีก็ให้ค่าจ้างมากกว่าถึงห้าเท่า!

  

นั่นคือวิธีที่เขาใช้เงินเพื่อสร้างทหารอย่างยอดเยี่ยมจริงๆ!

ดังคำกล่าวที่ว่า…ผู้กล้ามักจะได้รับรางวัลใหญ่ ชาวบ้านจึงสมัครอย่างกระตือรือร้นทันที

ดังนั้นอู๋ฉีจึงคัดเลือกชาวบ้านได้ประมาณสามพันคนสำหรับการฝึกอบรม และเขาจะคัดเลือกเพื่อให้เหลือทหารชั้นยอดหนึ่งพันคน และพวกเขาจะได้รับเงินเดือนสูงถึงห้าพันเฉียนต่อเดือน

ส่วนทหารถั่วห้าร้อยคน เอ่อ…เพราะไอคิวของพวกเขาต่ำเกินไป ดังนั้นอู๋ฉีจึงทำอะไรไม่ได้ บางคนจะอยู่ในหมู่บ้าน และอีกส่วนหนึ่งอยู่กับเขาในฐานะองครักษ์ส่วนตัว

หากอู๋ฉีสั่งการเป็นการส่วนตัว ทหารถั่วเหล่านั้นก็ยังสามารถนำมาใช้ได้

หลังจากนั้น…อู๋ฉีอาศัยทักษะฝึกอบรมทหารระดับหนึ่งของตัวเอง เพื่อเริ่มฝึกฝนชาวบ้านเหล่านั้นทันที

ในขณะที่อู๋ฉีกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่นั้น อู๋เอ๋อก็มารายงานว่า มีพ่อค้าหลายคนข้างนอกต้องการพบเขา

อู๋ฉีถามว่า: "พวกเขามาซื้อสุราเฉินเซียน(สุรานางฟ้า)เหรอ? ให้พวกเขากลับมาทีหลัง ตอนนี้ข้ายุ่งมากและไม่มีเวลา!"

อู๋เอ๋อตอบว่า “ไม่ใช่ พวกเขาบอกว่า พวกเขามาที่นี่เพราะได้รับการแนะนำจากเฉิงเซี่ยนลิ่ง”

ทันใดนั้น…ดวงตาของอู๋ฉีก็สว่างขึ้น  "โอ้? พ่อค้าม้า! เร็วเข้า ให้พวกเขาเข้ามาเร็วๆ!"

ในไม่ช้า พ่อค้าสองคนก็เข้ามาในห้องนั่งเล่นและทักทายอู๋ฉี: "ข้า เตียวสิเผง/เล่าสง คารวะอู๋จวงจู๊แห่งหมู่บ้านสกุลอู๋!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด