ตอนที่แล้วตอนที่ 1 เกิดใหม่ในโลกวันพีช ระบบอยู่ไหนวะเห้ยย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 3 หมาแดงชอบไป๋ซาน

ตอนที่ 2 โฮสต์อ่อนจนระบบทนดูไม่ได้


“เขาคือไป๋ซาน ฉันเจอเขาที่เมืองเมืองนึงนึง ทั้งเมืองถูกโจรสลัดสังหารและเหลือแค่เขาคนเดียว” การ์ปพยักหน้า จากนั้นหันกลับไปที่ที่นั่งของเขา

“น่าเสียดาย เด็กคนนี้ดูมีวินัย แต่เขาไม่มีพรสวรรค์เลย”

เซ็นโงคุเคยเห็นไป๋ซานแอบฝึกฝนคนเดียวมาก่อน

“ไม่ๆ แกคิดผิดแล้ว” จู่ๆ การ์ปก็โต้กลับโดยไม่คาดคิด

"โอ้? แกกำลังจะบอกว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นใช่ไหม"

"การแข็งแกร่งขึ้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์เท่านั้น บางครั้ง การทำงานหนักและทัศนคติก็สำคัญกว่าพรสวรรค์"

ในฐานะบุคคลสำคัญในกองทัพเรือ การ์ปได้พบเห็นอัจฉริยะที่ตกต่ำมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่หายากที่จะเห็นชายหนุ่มที่ขยัน จริงจังเช่นนี้

ไป๋ชานซึ่งยังคงเสพติดการเรียนรู้แบบลับๆ ไม่รู้เกี่ยวกับการสนทนาเช่นนี้อย่างแน่นอน เพราะในช่วงเช้าวันนี้ การที่เขาได้เรียนรู้ทักษะพื้นฐาน2จาก6รูปแบบทำให้เขามีความสุขมากๆ

แต่ทำไมมันถึงคาอยู่ที่ระดับเริ่มต้น 100% ทำไมไม่อัพเกรดเป็นขั้นต่อไป?

“ระบบ เกิดอะไรขึ้น ทำไมมันติดอยู่แบบนี้?”

“โฮสต์ขาดการต่อสู้จริง การเรียนรู้จากการดูสามารถไปถึงแค่ระดับเริ่มต้นได้ หากคุณต้องการอัพเกรดต่อ คุณต้องหาคนมาต่อสู้ด้วย และสั่งสมประสบการณ์ในการใช้ทักษะ”

ในกองทัพเรือมีการซ้อมต่อสู้ด้วยกันเป็นเรื่องปกติ

แต่ถ้าตัวไป๋ซานทำแบบนั้น นั่นก็จะเปิดเผยความจริงที่ว่าคุณได้เรียนรู้ทักษะพวกนี้แล้ว

ไป๋ซานลังเลเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

ในช่วงบ่าย กองทัพเรือถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มเพื่อฝึกซ้อม และไป๋ซานก็เฝ้าดูด้วยความหงุดหงิด

'โอ้ยไม่สนใจแล้ว เปิดเผยความจริงแล้วไง ช่างแม่ง'

ไป๋ซานคิดคำแก้ต่างไว้ จากนั้นก็ไปพบกับนาวาเอก เคน ที่กำลังสอนการฝึกอยู่

ในขณะนี้ เคนกำลังต่อสู้กับทหารเรือธรรมดาๆ หลายคนเพียงลำพัง ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้อยู่ภายใต้ความกดดันใดๆ

ในเมื่อระบบต้องการประสบการณ์การต่อสู้ เพราะงั้นต้องหาคนที่แข็งแกร่ง และนาวาเอกเคนผู้นี้ก็เป็นคนที่รับผิดชอบการสอนเหล่าทหารเรือ เขาเป็นที่รู้จักในนาม "พรีเดเตอร์" มีความแข็งแกร่งและโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก!

ในกองทัพเรือ ยศนาวาเอกนั้นต่ำกว่าพลเรือจัตวาเพียงเท่านั้น การได้เป็นนาวาเอก นั่นหมายถึงคุณเป็นคนที่แข็งแกร่งมากๆอย่างแน่นอน แม้แต่สโมคเกอร์ที่มีฉายาว่า “นักล่าสีขาว” ที่แข็งแกร่งก็มียศนาวาเอกเช่นกัน

“นายคือไป๋ซานใช่ไหม มีอะไรรึเปล่า?”

“ผมขอประลองกับท่านได้ไหมครับ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เคนก็แสดงท่าทีไม่เชื่อสายตา

“ประลองกับฉัน? นายไม่แม้แต่จะใช้ทักษะ6รูปแบบได้ใช่ไหม? นายไม่คู่ควร!”

ความหมายก็คือปฏิเสธไป๋ซานนั่นเอง

"ไม่ ฉันได้เรียนรู้โซลกับดัชนีเหล็กแล้ว"

เมื่อมองดูการแสดงออกของเคนที่ดูช็อกและไม่เชื่อแล้ว ไป๋ซานไม่ได้ตั้งใจที่จะอธิบายเพิ่มเติมและตั้งท่าทางต่อสู้โดยตรง เคนไม่ใช่ญาติหรือคนสนิทของเขา เพราะงั้นเขาจะจัดเต็มแน่นอนไม่มีออมมือ!

“เคน โปรดชี้แนะ”

“ไป๋ซาน”

ทั้งสองยืนนิ่ง และในช่วงเวลาต่อมา พวกเขาก็หายตัวไปพร้อมๆ กัน

โซล!

ทั้งสองคนปะทะกัน

ครู่ต่อมา เสียงของระบบก็ดังขึ้นในใจของไป๋ซาน : "ทักษะโซลของโฮสต์นั้นแตกต่างจากเคนค่อนข้างมากทำให้ระบบทนดูไม่ไหวอีกต่อไป"

"โซลได้ถูกบัพมืดเป็นครั้งแรก โซลกลายเป็นก้าวพริบตา คุณสามารถข้ามอวกาศและไปถึงจุดเป้าหมายได้ทันที”

เมื่อก่อนตอนใช้โซลจะมีดีเลย์เล็กน้อย

แต่ตอนนี้ ไป๋ซานสามารถข้ามระยะทางสั้น ๆ ได้โดยตรง โดยไม่มีเวลาให้คู่ต่อสู้ของเขาโต้ตอบ!

วินาทีต่อมา ทั้งสองก็ขยับอีกครั้ง และรอบนี้ไป๋ซานก็โผล่ข้างหลังเคนทันที!

ก่อนที่เคนจะทันตั้งตัว ไป๋ซานก็เอานิ้วจ่อไปที่เอวของเขา!

แต่ไป๋ซานระงับไว้ไม่ได้โจมตีออกไป

“ฉันยอมแล้ว” เคนรู้ดีว่าเขาต้านไม่ไหวแน่ๆ จึงยอมแพ้แต่โดยดี

“ไป๋ซาน นายนี่มันแข็งแกร่งมากจริงๆ”

ไป๋ซานยิ้มและไม่ได้พูดอะไร

เมื่อไป๋ซานกำลังจะหาคนมาประลองด้วยต่อ ก็มีเสียงปรบมือดังมาจากด้านข้าง

"เยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก" ไป๋ซานหันกลับมาและได้เห็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในกองทัพเรือแห่งนี้เดินมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

พลเรือเอกคนปัจจุบัน อาคาอินุ ซาคาสึกิ

“ขอบคุณมากครับ แต่ดูไม่ค่อยคุ้นเลย คุณเป็นใครหรอครับ?”

ไป๋ซานแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเขา

“เรียกฉันว่าอาคาอินุเถอะ หนุ่มน้อย คุณชื่อไป๋ซานสินะ?”

“ใช่แล้ว ฉันชื่อไป๋ซาน คุณคือนายพล อาคาอินุ ซาคาสึกิหรือเปล่า?”

นี่ถือเป็นตัวละครสุดแกร่งที่เขาพบคนที่สองต่อจากการ์ปในโลกใบนี้ ไป๋ชานยังระมัดระวังเล็กน้อย เขาตื่นเต้นและก็ประหม่าสุดๆ

“ฉันเป็นผู้บัญชาการที่นี่และมีหน้าที่รับผิดชอบในการสอนทหารเหล่านี้ในทักษะ6รูปแบบโรคุชิกิ”

“เอ่อท่านครับ ถ้าหากท่านไม่ว่าอะไร ผมขอมาฝึกซ้อมด้วยได้ไหมครับ?”

“แน่นอน นายมาได้เสมอนั่นแหละ” อาคาอินุเห็นไป๋ซานมานานแล้ว และรู้ด้วยว่าไป๋ซานมักจะแอบฝึกฝนและเรียนรู้อยู่คนเดียว

แต่ความก้าวหน้าของไป๋ซานนั้นคาดไม่ถึงจริงๆ

เมื่อพิจารณาจากการต่อสู้ที่เขาเห็นเมื่อครู่นี้ มันแข็งแกร่งกว่าพวกหัวกะทิที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาสะอีก!

เป็นไปได้ไหมว่าไป๋ซานเคยซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อาคาอินุก็เริ่มรู้สึกชอบไอเด็กคนนี้ขึ้นมา

มาดูกันก่อน ถ้าเกิดไป๋ซานคือสุดยอดอัจฉริยะขึ้นมาจริงๆ ก็เอาเขามาอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาดีกว่า

การฝึกซ้อมในช่วงบ่ายสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว ไป่ซานประลองไปทั้งหมด8ครั้งและชนะทุกครั้ง

วิธีที่เขาชนะคือใช้ความเร็วของเขา ไม่มีใครสามารถตอบสนองความเร็วของเขาทันเลยสักคน

“ไป๋ซาน พรุ่งนี้นายก็มาฝึกซ้อมกับพวกเราที่นี่ ฉันจะไปบอกหัวหน้าของนายเองว่านายไม่ต้องทำความสะอาดอีกต่อไปแล้ว” เมื่อเห็นไป๋ซานต่อสู้ชนะเรื่อยจนถึงขั้นไม่มีใครกล้าสู้กับเขา อาคาอินุก็พูดกับไป๋ซาน

"ครับท่าน ขอบคุณมากครับ"

ไป๋ซานมากที่กำลังจะได้เป็นส่วนหนึ่งของหัวกองทัพเรือหัวกะทิอย่างเป็นทางการ

ตอนนี้ในช่วงพัก ไป๋ซานรีบทานอาหารเสร็จแล้วก็รีบกลับไปที่ห้องพักของเขา

ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว และจะแข็งแกร่งขึ้นอีก เพราะงั้นคงเปิดกล่องที่ตาแก่หนวดเฟิ้มทิ้งไว้ให้ได้แล้วใช่ไหม?

ด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง ไป๋ซานเปิดกล่องไม้

ข้างในมีกระดาษจดหมายและแผ่นหินบางอย่างที่เหมือนจะสลักอะไรสักอย่างไว้

ไป๋ซานไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขารู้สึกว่าเขาอาจจะพอเดาได้

‘นี่อาจเป็นโพเนกลีฟในตำนาน!’

ทำไมตาแก่จากหมู่บ้านธรรมดาถึงมีของแบบนี้?

ไป๋ชานเลิกคิดและหยิบกระดาษจดหมายขึ้นมาอ่านก่อน

“ไป๋ซาน เมื่อเธอได้อ่านจดหมายนี้ ฉันคงตายไปแล้ว”

"ตอนนี้ถึงเวลาบอกความจริงบางอย่างกับเธอ"

"ชื่อของเธอก็มีตัว D เช่นกัน ชื่อจริงของเธอคือ จารอส ดี ไป๋ซาน"

"บางทีคุณอาจยังไม่รู้ว่า D ย่อมาจากอะไร ไปค้นหามัน! เอาโพเนกลีฟไปด้วย ไปค้นหาประวัติชีวิตของคุณและความจริงเกี่ยวกับโลกใบนี้!”

เมื่อเขาเห็นข้อความเหล่านี้ ไป๋ซานก็ประหลาดใจมาก

ทั้งเรื่องที่แผ่นหิวนั่นเป็นโพเนกลีฟจริงๆ แถมเขายังเป็นคนตระกูล "ดี" อีกด้วย

ดี ย่อมาจากอะไร ไป๋ซานไม่รู้ตั้งแต่ตอนดูอนิเมะแล้ว

กลายเป็นว่าพอมาถึงโลกนี้ก็ต้องมาตามหาความหมายของมันอีกหรอเนี่ย?

พล็อตแบบนี้เขาเกือบคิดว่าเขาเป็นตัวเองไปแล้วสะอีก

แต่พูดก็พูดเถอะ ตาแก่นั่นต้องไปธรรมดาแน่ๆ

ตอนแรกก็คิดว่าเป็นแค่ตาแก่ธรรมดา น่าเสียดายจริงๆ

เขาเอาของเหล่านี้ใส่ในกระเป๋าส่วนตัวของเขา จากนั้นก็ขึ้นไปนอนบนเตียงและคลิ๊กไปที่ระบบบัพมืดของเขาเงียบๆ

“หลังจากการฝึกซ้อมการต่อสู้จริง ทักษะการต่อสู้ของโฮสต์ ก้าวพริบตา และ ดัชนีพิฆาต ได้ประสบความสำเร็จในการทะลวงไปสู่ขั้นชำนาญ และความก้าวหน้าในปัจจุบันคือ 0%” ไป๋ซานครุ่นคิดอย่างระมัดระวังในห้อง และพบว่าเขาสามารถควบคุมทั้งษะทั้งสองนี้ได้อย่างละเอียดอ่อนมากยิ่งขึ้น

ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ แม้ตัวเขาเองจะรวดเร็ว แต่ทักษะมันก็ยังดูหยาบๆอยู่ดี

เหมือนตอนใช้โซล ฉันสามารถไปถึงเป้าหมายได้ แต่เปลี่ยนการเคลื่อนไหวกลางคันไม่ได้

แต่ตอนนี้ หลังฉันใช้ท่าโซลหรือก้าวพริบตาแล้ว ฉันสามารถเปลี่ยนจุดหมายช่วงกลางทางได้แล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด