ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 400 - รวมพลก่อนออกเดินทาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 402 - ประสาทสัมผัสพิเศษ!

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 401 - พลังจิต!?


การเดินทางครั้งนี้ราบรื่นเป็นอย่างมาก ไม่มีการโจมตีจากสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์อันแข็งแกร่งที่อาศัยอยู่บนท้องฟ้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว มันอาจจะเป็นเพราะเรือเหาะลำนี้ใช้เทคโนโลยีปกปิดตัวเองระดับสูงสุดที่เพิ่งติดตั้งให้โดยสถาบันก็ได้ แม้ว่าจะเป็นเรือเหาะที่มีขนาดใหญ่มหาศาล แต่ก็ไม่ดึงดูดความสนใจ และแทบจะไม่สังเกตเห็นได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ทำไมเดวิดกับนักเรียนคนอื่นจากสถาบันแทมเบรียถึงได้รู้เรื่องนี้? ก็เพราะในที่สุดพวกเขาก็รับรู้ว่ายอดฝีมือแปลกหน้าอีก 3 คนที่เดินทางมาพร้อมกับศาสตราจารย์อาวุโสสถาบัน ที่แท้คือเหล่าอาจารย์ของสำนักซิกนิส ผู้รับผิดชอบนำพวกเขาเดินทางกลับไปยังสำนัก หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องอย่างแม่นยำ พวกเขาพาลูกศิษย์แลกเปลี่ยนมาส่ง และรับนักเรียนแลกเปลี่ยนกลับไปในคราวเดียวกันเลย

อาจารย์วัยกลางคนที่มีดวงตาสีน้ำเงินเป็นผู้ที่ดูแลพวกเขาอย่างใกล้ชิดที่สุดตลอดระยะเวลาการเดินทาง จุดเด่นและข้อดีของเขาคือเป็นคนที่ใจดีและพร้อมตอบคำถามทุกข้ออย่างเต็มใจ แต่นั่นก็กลับกลายเป็นข่าวร้ายของนักเรียนทุกคนด้วย เพราะเมื่ออาจารย์คนนี้ได้เริ่มพูดแล้ว เขาไม่เคยหยุดปากอีกเลย

รายละเอียดของสำนักซิกนิสพรั่งพรูออกมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงแรกเดวิดและนักเรียนคนอื่นตั้งใจรับฟังเรื่องที่เขากล่าวออกมาเป็นอย่างมาก แต่หลังจากผ่านไป 3 วัน ใช่! อาจารย์ของสำนักซิกนิสคนนี้พูดออกมาไม่หยุดตลอดระยะเวลา 3 วันแรก นักเรียนจากสถาบันแทมเบรียเริ่มเหนื่อยและหมดความสนใจกับสิ่งที่เขาพูดออกมาไปเรื่อย ๆ เมื่อรับรู้ได้ว่าส่วนใหญ่แล้วมีแต่น้ำมากกว่าเนื้อ ข้อมูลที่สำคัญจริง ๆ หลุดออกมาจากปากของอาจารย์คนนี้น้อยมาก

ในช่วงสุดท้ายเหลืออยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังพยายามฟังอย่างตั้งใจอยู่ ‘แชด’ ผู้ชนะเลิศของนักเรียนชั้นปี 2 ไม่แน่ใจว่าเขาสนใจจริง ๆ หรือแค่ต้องการสร้างความประทับใจให้กับอาจารย์ของสำนักที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเป็นเวลาหลายเดือนกันแน่ แต่เขาเป็นคนเดียวที่นั่งฟังได้จนจบระยะเวลา 3 วันแรกที่ยาวนานนั้น

เดวิด!? เขาถอนตัวออกมาตั้งแต่วันแรก และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือทางด้านพันธุกรรมที่ศาสตราจารย์ไวท์มอบให้ไว้ก่อนที่เขาจะออกไปทำภารกิจ มันช่วยฆ่าเวลาได้เป็นอย่างดี แน่นอน! เดวิดยังเอียงหูฟังสิ่งที่ชายวัยกลางคนเล่าออกมาเป็นระยะ แม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่ข้อมูลที่สำคัญมากนัก แต่ก็ยังสามารถนำมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน สามารถคาดเดาสภาพแวดล้อมคร่าว ๆ ของสำนักซิกนิสที่พวกเขากำลังจะต้องไปเรียนแลกเปลี่ยนได้บ้าง

การศึกษาในสำนัก! ถ้าฟังเผิน ๆ แล้วก็ไม่แตกต่างจากการเรียนในสถาบันมากนัก แต่จากเท่าที่วิเคราะห์จากสิ่งที่ได้ฟังมา บรรยากาศการแข่งขันดูเหมือนจะไม่เข้มข้นเท่ากับการแข่งขันกันของนักเรียนในสถาบัน อย่างน้อย ๆ การต่อสู้นั้นมีกฎที่ช่วยป้องกันความปลอดภัยให้กับลูกศิษย์มากกกว่า การสังหารศิษย์ร่วมสำนักเป็นข้อห้ามขั้นเด็ดขาดไม่ว่าในกรณีไหนก็ตาม ผู้ที่ทำผิดกฎข้อนี้จะต้องได้รับโทษที่รุนแรงจนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

การประลอง การต่อสู้ ยังเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ในสำนักที่เต็มไปด้วยผู้ฝึกฝนที่ไล่ตามความแข็งแกร่งแบบนี้ ข้อพิพาทหรือการทะเลาะเบาแว้งยังคงตัดสินกันด้วยกำลังและการต่อสู้เป็นส่วนใหญ่ แต่การลงมือกับเพื่อนร่วมสำนักหนักจนอีกฝ่ายพิการ หรือบาดเจ็บหนักก็เป็นสิ่งที่ทางสำนักป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เลย

สิ่งที่สะกิดใจเดวิดเป็นอย่างยิ่ง คือวิธีการฝึกฝนของพวกเขานั้นแตกต่างจากการฝึกฝนของทางสถาบันอย่างสิ้นเชิง มันไม่ใช่แค่การดื่มเซรั่มผสานยีนเข้าไปในร่างกาย ไม่ใช่การเพิ่มอัตราการหมุนเวียนเลือด ไม่ใช่การฝึกฝนทักษะที่มุ่งเน้นความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อในร่างกาย ทักษะที่พวกเขาฝึกฝนไม่ได้มุ่งเน้นที่การไหลเวียนเลือด หรือการสั่นไหวของกล้ามเนื้อเลยแม้แต่นิดเดียว

สิ่งที่สำนักซิกนิสฝึกฝนเป็นหลัก คือสมอง!

มันเป็นข้อมูลที่ทำให้นักเรียนของสถาบันแทมเบรียทุกคนต้องเบิกตากว้าง และพากันซักถามเพื่อรับรู้รายละเอียดที่มากขึ้น แม้แต่เวเธอร์ที่ปกติจะทำตัวแปลกแยกเย็นชาก็ไม่เว้น อันที่จริงเขาดูจะสนใจในหัวข้อนี้มากกว่าคนอื่น ๆ มากเสียด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดาย ชายวัยกลางคนที่มีตาสีน้ำเงินคนนี้ไม่เปิดเผยข้อมูลอะไรที่ลึกซึ้งออกมาอีกเลย เขาได้แต่กล่าววนไปวนมาเรื่อยเปื่อย และเปลี่ยนเรื่องไปในท้ายที่สุด

การฝึกฝนที่เน้นที่สมอง!? เมื่อได้ยินคำนี้ ความคิดมากมายแวบเข้ามาในหัวของเดวิด ภาพการฝึกฝนของผู้ฝึกตนมากมายในโลกเก่าผุดขึ้นมา การฝึกฝนจิตใจเพื่อควบคุมร่างกายให้แสดงประสิทธิภาพเหนือขีดจำกัดของร่างกายธรรมดา หรือว่ามันเป็นการฝึกฝนพลังจิตกันแน่? มันมีวิชาและความสามารถแปลกประหลาดในโลกใบเก่ามากมาย ถ้าสิ่งมีชีวิตในตำนานเคยมีตัวตนจริง ๆ อยู่ในโลกใบนี้ วิธีการฝึกตนที่น่าเหลือเชื่อพวกนั้น บางทีอาจจะเป็นจริงในโลกนี้ด้วยเช่นกันก็ได้

........................

มันใช้เวลาในการเดินทางไปทั้งหมด 2 อาทิตย์ นักเรียนแลกเปลี่ยนทุกคนอยู่ในสภาวะที่ทั้งเบื่อหน่ายและเหนื่อยอ่อน แต่ในที่สุดเรือเหาะก็เริ่มชะลอความเร็วและลดระดับความสูงของมันลง

เดวิดรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวกับการเดินทางในครั้งนี้ เขารีบเก็บหนังสือและปิดหน้าต่างโฮโลแกรมอย่างดีใจเมื่อรู้สึกได้ว่าเรือเหาะกำลังลดระดับลงอย่างรวดเร็ว นั่งตัวตรงและรอเวลาอย่างใจจดใจจ่อ เรือเหาะลำนี้เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางระยะไกลมาอย่างพร้อมสรรพ ระยะเวลา 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา มันไม่ต้องจอดพักเพื่อเติมพลังงานเลยด้วยซ้ำ เดวิดไม่มีโอกาศได้ออกไปยืดเส้นยืดสายสูดอากาศภายนอกเลยแม้แต่วินาทีเดียว

ในห้องโดยสารรับรู้ถึงอาการสั่นสะเทือนได้เล็กน้อยเมื่อเรือเหาะร่อนแตะลงที่พื้น ประตูห้องโดยสารเปิดตัวขึ้นหลังจากนั้นไม่นานนัก อากาศบริสุทธิ์จากภายนอกพัดโชยมาสร้างความสดชื่นให้กับนักเรียนแลกเปลี่ยนทุกคนที่ต่างรีบลุกขึ้นยืนจากที่นั่งอย่างไม่รีรอ พวกเขาพากันเดินลงจากเรือเหาะโดยไม่รอให้มีใครมาบอกเลยด้วยซ้ำ

“หือ? อากาศที่นี่ดูเหมือนว่าจะมีอะไรแตกต่างจากปกตินะ!” เสียงของเฟรต้าที่ยืนอยู่ด้านข้างของเดวิดดังออกมาเบา ๆ เธอสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดอีกครั้ง ก่อนจะขมวดคิ้วครุ่นคิด พยายามจะหาความแตกต่างที่ตัวเองรู้สึกให้ได้อย่างชัดเจน

เดวิดเองก็รับรู้ได้ถึงความแตกต่างที่เกิดขึ้น อากาศของที่นี่ให้ความรู้สึกแปลก ๆ ไม่ใช่ว่ามันมีการปนเปื้อน กลับกัน มันให้ความรู้สึกถึงบริสุทธิ์ที่สูงกว่าอากาศในสถาบัน รวมทั้งมีพลังงานบางอย่างเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย เหมือนว่าเจ้าพลังงานที่ว่านี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้สมองรู้สึกสดชื่นขึ้นมามากกว่าปกติไม่น้อยเลยทีเดียว

แต่ความสนใจในตอนนี้ของเขาไม่ได้อยู่ที่อากาศเลย สายตาของเดวิดกำลังจ้องมองไปยังอาคารจำนวนมากที่เรียงรายกันอยู่ด้านหน้า มันมีอาณาเขตที่กว้างใหญ่ไพศาลจนสุดลูกหูลูกตา โครงสร้างและลักษณะของอาคารที่ปรากฏให้เห็นแตกต่างไปจากสิ่งปลูกสร้างของสถาบันแทมเบรียอย่างสิ้นเชิง ไม่สิ! แม้แต่ในหมู่อาคารเหล่านั้นเอง ก็ไม่มีอาคารไหนมีลักษณะเหมือนกันอยู่เลยด้วยซ้ำ แถมยังมีอาคารที่สูงระฟ้าอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยไปกว่าอาคารสูงในสถาบันเลย

“เอาล่ะ! พวกเรามาถึงแล้ว ด้านหน้านี้คือสำนักซิกนิสที่พวกเธอจะต้องอาศัยอยู่เป็นเวลาอย่างน้อย ๆ 3 เดือน ไปเถอะ! เข้าไปด้านในกัน พวกเธอจะได้ทำความคุ้นเคยกับมันภายหลัง ตอนนี้ตามฉันเข้าไปด้านในก่อน” อาจารย์หญิงของสำนักซิกนิสเดินออกมาจากเรือเหาะ และกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ก่อนที่เธอและอาจารย์อีก 2 คนจะเดินนำหน้าไปอย่างไม่รอให้เหล่านักเรียนแลกเปลี่ยนตั้งคำถามอะไรออกมาเลย

ไม่มีทางเลือก! นักเรียนของสถาบันแทมเบรียทั้ง 5 คนเดินตามพวกเขาไปอย่างไม่ชักช้า หลังจากที่เดินผ่านอาคารและผู้คนมากมายมาได้สักระยะ พวกเขาก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าอาคารสูงหลังหนึ่งที่มีป้ายระบุเอาไว้ว่า ‘ฝ่ายทะเบียน’

“เอาล่ะ! ตอนนี้ก็หมดหน้าที่ของพวกเราแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่พวกเธอจะต้องทำคือการลงทะเบียนเป็นศิษย์ใหม่ของสำนัก หลังจากที่ได้รับหมายเลขประจำตัวแล้ว ทางสำนักจะจัดที่พัก เสื้อผ้า และสิ่งของที่จำเป็นในการฝึกฝนให้ พวกเธอแค่เข้าไปและทำตามขั้นตอนก็พอ”

เดวิดและนักรียนคนอื่นที่เหลือยืนมองอาจารย์ทั้ง 3 คนที่พาพวกเขามาที่นี่จากไปด้วยใบหน้าที่สับสน คำถามมากมายที่ผุดขึ้นมาถูกกลืนลงคอไปอีกครั้ง การดูแลที่เคยให้สัญญาเอาไว้ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นเรือเหาะมาอยู่ที่ไหน? อาจารย์ตาสีน้ำเงินคนนั้นเคยพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะต่อหน้าเหล่าศาสตราจารย์อาวุโสของสถาบันว่าจะดูแลนักเรียนแลกเปลี่ยนเป็นพิเศษไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงได้กลายเป็นอย่างนี้ไปได้?

เหล่านักเรียนที่ถูกทอดทิ้งยืนมองหน้ากันไปมา ก่อนที่จะเริ่มก้าวเท้าเข้าไปในอาคารเพื่อทำตามสิ่งที่ได้รับคำแนะนำอย่างไม่มีทางเลือก ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่จะได้รับข้อมูลล่วงหน้าแล้วว่าพวกเขาจะมา ขั้นตอนทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น หลังหยดเลือดเข้าไปที่เครื่องลงทะเบียน เชื่อมต่อป้ายประจำตัวที่มีอยู่แล้วเข้ากับระบบของสำนัก พวกเขาก็ได้รับกระเป๋าที่ใส่ข้าวของจำเป็นคนละใบ และกลายเป็นลูกศิษย์ของสำนักซิกนิสอย่างเต็มตัว...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด