ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 399 - คำวิจารณ์และของขวัญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 401 - พลังจิต!?

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 400 - รวมพลก่อนออกเดินทาง


“เฮเซล! เธอเชื่อมต่อกับแหวนเก็บของวงนี้ได้ใช่มั้ย?” สิ่งแรกที่เดวิดทำหลังจากขึ้นมาบนเรือเหาะ คือการสวมแหวนเข้าไปในนิ้วมือ แล้วเอ่ยปากถามออกมาเบา ๆ

“ได้สิ! ฉันรับรู้ได้ถึงคลื่นสัญญาณที่ส่งออกมาจากตัวแหวน มันเป็นคลื่นความถี่ที่เชื่อมต่อและเข้ารหัสได้ หลังจากที่ทำการเชื่อมต่อสำเร็จ นายน่าจะใช้งานมันผ่านฉันได้เหมือนอุปกรณ์ไฮเทคชิ้นอื่น ๆ และถ้าฉันแยกคลื่นความถี่นี้ไม่ผิด มันน่าจะผูกติดอยู่กับดีเอ็นเอของนายคนเดียวด้วย” เฮเซลเอ่ยตอบกลับมาพร้อมคำอธิบายอันยืดยาว

“ยอดเยี่ยม! ถ้าอย่างนั้นก็เชื่อมต่อได้เลย” เดวิดรีบสั่งการทันที

“การเชื่อมต่อเสร็จสิ้น!”

เดวิดชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวถามออกมาอย่างสับสน “หือ? ง่าย ๆ อย่าง...”

แต่ก่อนที่เขาจะกล่าวได้จบประโยค นิ้วชี้ที่สวมแหวนเอาไว้ก็รับรู้ได้ว่าเหมือนมีเข็มเล็ก ๆ จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังทิ่มแทงลงในผิวหนัง มันทำให้เดวิดขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวด แต่แปลกใจที่เข็มพวกนี้สามารถทิ่มทะลุผิวของตัวเองลงมาได้อย่างง่ายดาย ทั้ง ๆ ที่ไม่ควรจะเป็นแบบนั้นเลย

ตามความเข้าใจของเขา ต่อให้เป็นตอนก่อนที่จะใช้เซรั่มกลั่นร่างกายระดับกลาง ผิวหนังของตัวเองก็แข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้าอยู่แล้วโดยไม่ต้องกระตุ้นทักษะอะไร แล้วยิ่งเมื่อเสริมความแข็งแกร่งเพิ่มเข้าไปด้วยเซรั่มครั้งล่าสุด มันควรจะยิ่งเหนียวแน่นทนทานมากขึ้นไปอีกไม่ใช่หรือ? แหวนวงเล็ก ๆ นี่ทำมาจากวัสดุอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้แหลมคมขนาดนี้ แล้วนี่ไม่ได้หมายความว่ามันยังมีอาวุธที่ร่างของเขาป้องกันไม่ได้อยู่อย่างนั้นหรือ? ยิ่งคิด เดวิดก็เริ่มไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว

แต่ก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรเลยเถิดไปมากกว่านั้น เสียงของเฮเซลก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

“เอาล่ะ! การเชื่อมโยงระบบด้วยดีเอ็นเอก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว โปรแกรมถูกดาวน์โหลดและติดตั้งสำเร็จพร้อมใช้งาน นายต้องการจะลองดูเลยมั้ย?” เธอถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

“ยังก่อน!” แม้ว่าใจจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่เดวิดก็รู้ดีว่ามันยังไม่ถึงเวลาทดลองใช้แหวนวงนี้ อย่างแรกเลยเขาไม่มีอะไรที่จะเก็บเข้าไปข้างใน ส่วนอีกอย่าง! เดวิดยังไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าตัวเองจะต้องเดินทางไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ไหน?

“ครูฝึกครับ! ผมขอถามหน่อยได้มั้ยว่าต้องไปเรียนที่ไหน? แล้วทำไมถึงต้องไปด้วย?” เขาถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องควบคุมที่ไม่มีประตูปิดกั้นอย่างเป็นกิจลักษณะ เพราะนี่เป็นเพียงเรือเหาะขนาดเล็กเท่านั้น และเอ่ยถามคำถามกับครูฝึกเอลล่าด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย

“หือ? อ้อ! ยังไม่มีใครบอกอย่างนั้นหรือ? เธอจะถูกส่งไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่สำนัก ๆ หนึ่งชื่อว่า ‘ซิกนิส’ ศาสตราจารย์ใหญ่ได้ทำข้อตกลงกับเจ้าสำนักของที่นั่นเอาไว้นานมาแล้ว ดูเหมือนว่าเพื่อจะเป็นการยุติข้อพิพาทอะไรที่เก่าแก่มากสักอย่าง สำนักซิกนิสจะส่งลูกศิษย์ที่ดีที่สุดของพวกเขามาเรียนรู้ที่สถาบันของเรา เช่นเดียวกัน ทางสถาบันก็จะส่งนักเรียนที่ดีที่สุดในแต่ละชั้นปีไปฝึกกับพวกเขา ระยะเวลาก็ประมาณ 3 เดือน ถ้าฉันจำไม่ผิดนะ!” คำอธิบายดังออกมาจากปากของครูฝึกสาว น้ำเสียงที่ใช้ฟังดูนุ่มนวลกว่าปกติเล็กน้อย มันไม่ค่อยเคร่งเครียดดุดันเต็มที่เหมือนตอนที่อยู่ในชั้นเรียนเท่าไรนัก

“เอาล่ะ! ถึงแล้ว! ไปอยู่ที่โน่นก็ระวังตัวด้วยล่ะ ขอให้เธอโชคดีด้วยแล้วกัน”

เดวิดพยักหน้ารับและกล่าวขอบคุณ ก่อนจะรีบหันหลังเดินออกมาจากห้องควบคุมเพื่อลงจากเรือเหาะ ระหว่างทางเดินก็นึกถึงน้ำเสียงที่แฝงความห่วงใยในประโยคสุดท้ายที่ครูฝึกกล่าว การไปเรียนที่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ใช่มั้ยเนี่ย!?

ทันทีที่ออกมาจากเรือเหาะได้ เขาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในลานจอดเรือเหาะโดยสารระยะไกล และที่จอดอยู่ตรงหน้าคือเรือเหาะขนาดมหึมา มันมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เดวิดเคยเห็นมาเลยด้วยซ้ำ เมื่อกวาดตามองไปยังบันไดสำหรับขึ้นไปบนห้องโดยสาร ก็เห็นนักเรียนอีก 4 คนกำลังยืนรออย่างพร้อมเพรียงกันอยู่แล้ว

ในหมู่ของพวกเขา เฟรต้าเป็นคนหนึ่งที่ยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ ด้วย เดวิดคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องได้เจอกับเธออีก แต่สำหรับอีกคนที่เขาจะได้ มันทำให้ดวงตาของเดวิดแข็งกร้าว และปรากฏรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมดุร้ายขึ้นบนใบหน้าทันที

“เวเธอร์!” เขาพึมพำออกมาเบา ๆ ดูเหมือนว่าการแก้แค้นน่าจะสามารถทำได้เร็วกว่าที่คิด

อย่างมั่นคง! เดวิดก้าวเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกเขาอย่างช้า ๆ พยักหน้าให้ทุกคนเป็นการทักทาย ก่อนที่สายตาของเขาจะสบเข้ากับสายตาของชายหนุ่มผมบลอนด์ที่ยืนอยู่ห่างออกกลุ่มไปมากที่สุดอีกครั้ง เดวิดไม่ได้ปิดบังความอาฆาตแค้นของตัวเองเอาไว้เลย สายตาที่มองจ้องไปนั้นเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว

กลับกัน! สายตาที่มองมาของเวเธอร์นั้นไร้อารมณ์ความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น มันเหมือนกับเป็นแค่การเหลือบมองดูมดตัวหนึ่งเท่านั้น เป็นความจริงที่เขาเคยสนใจเดวิด แต่นั่นมันก็ผ่านไป 2 อาทิตย์แล้ว แม้ว่ามดตัวนี้จะแข็งแกร่งมากพอที่จะต้านทานและทำลายการโจมตีจากดวงตาของเขาได้ แต่ก็ยังเป็นแค่มดที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าปกติเท่านั้น พรสวรรค์ระดับนี้มีอยู่กลาดเกลื่อนในทวีปสกายไฮ ไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นเต้นอะไรเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นการแสดงออกของอีกฝ่าย รอยยิ้มของเดวิดก็อันดุร้ายแสยะกว้างมากขึ้น ดวงตาของเขาทอประกายที่ลึกลับและเหี้ยมเกรียมออกมาแวบหนึ่ง ก่อนจะควบคุมให้มันหายไปอย่างรวดเร็ว เดวิดรู้ดีว่านี่ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เขาสงบสติอารมณ์ของตัวเอง แล้วหันหน้าเดินเข้าไปเพื่อทักทายกับเฟรต้าด้วยรอยยิ้มที่สดใสไร้เดียงสาทันที เดวิดหวังว่าการพูดคุยกับเธอจะช่วยให้ตัวเองอารมณ์ดีขึ้นได้ไม่มากก็น้อย

แม้ว่าจะได้พบกันไม่กี่ครั้ง และการพบกันครั้งสุดท้ายก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่เฟรต้าก็ยังจำคนไข้คนแรกของตัวเองได้ รอยยิ้มอันสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เคร่งขรึมของเธอทันที

“เดวิดใช่มั้ย? ฉันว่าแล้วต้องเป็นนาย” เฟรต้าเป็นคนเอ่ยทักทายออกมาก่อนอย่างดีใจ การมีคนรู้จักร่วมเดินทางไปต่างถิ่นด้วยแบบนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดี ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมากนัก แต่มันก็ยังพอทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นกว่าเดิมมากไม่น้อย

“สวัสดีเฟรต้า! ใช่ฉันเอง พอดีโชคดีในการประลองนิดหน่อย เลยต้องถูกส่งตัวไปเรียนแลกเปลี่ยนด้วยอย่างช่วยไม่ได้นะ” เดวิดทักทายเธอกลับไป ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย และถามสิ่งที่สงสัยออกไปตรง ๆ

“ฉันแปลกใจเรื่องเธอมากกว่า นิสัยอย่างเธอไม่น่าจะเข้าร่วมการประลองเลยนี่ หรือว่าเบื่อที่จะนั่งอ่านหนังสืออยู่ในหอสมุดเงียบ ๆ แล้ว มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”

สีหน้าของเฟรต้ามืดมนลงทันที รอยยิ้มที่สดใสเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่นอย่างทันตา “เฮ้อ! นายรู้แค่ว่าฉันไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ต้อนรับของหอสมุดอีกแล้วก็พอ ได้เจอนายก็ดีแล้ว! บอกฉันมาตรง ๆ ว่าทำไมถึงไม่กลับไปให้ฉันช่วยทำลายสภาวะคอขวดให้อีก นายไปเจอที่ปรึกษาคนอื่นมาอย่างนั้นหรือ?” เธอเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามออกมาอย่างสงสัย แต่น้ำเสียงที่ใช้ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก

เป็นคำถามที่ทำให้เดวิดต้องกลอกตาไปมาอย่างช่วยไม่ได้ ทำลายสภาวะคอขวดด้วยการโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวในหอสมุด!? ใครจะบ้าพอที่จะกลับไปให้ที่ปรึกษาอย่างนี้ช่วยเหลือซ้ำอีก เขาจ้องหน้าเธอเขม็ง สายตาสื่อความหมายออกไปอย่างชัดเจนว่า ‘ต้องให้พูดจริง ๆ อย่างนั้นหรือ’

ดูเหมือนว่าเฟรต้าจะรับรู้สิ่งที่เดวิดต้องการจะบอกได้ เธอรีบเอามือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองเอาไว้ แต่ก็เป็นเหมือนเช่นเคย มันไม่มีประโยชน์อะไร และกลับทำให้เดวิดหัวเราะตามออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ตามไปด้วย บรรยากาศที่เคยเคร่งเครียดกดดันถูกเสียงหัวเราะของทั้งคู่ทำลายไปจนหมดสิ้นแล้ว ตัวแทนของนักเรียนชั้นปี 2 และชั้นปี 4 ต่างก็มีสีหน้าที่เหรอหรา พวกเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมถึงยังมีคนหัวเราะออกมาได้ในสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาจะต้องเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จัก และต้องไปอาศัยอยู่ที่นั่นนานพอสมควร เจ้าพวกนี้ไม่รู้จักวิตกกังวลกันบ้างเลยหรือยังไง?

หลังจากนั้นไม่นาน การพูดคุยกันของเดวิดกับเฟรต้าก็ต้องเงียบลง พวกเขารู้สึกได้ว่ากำลังมีคลื่นพลังของคนที่แข็งแกร่งเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาในทิศทางที่ยืนอยู่ และหลังจากที่เงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้าตามทิศทางที่คลื่นพลังแผ่เข้ามา ก็พบว่ามีคน 6 คนเดินอยู่บนท้องฟ้า และมุ่งหน้ามาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว

“สวัสดีครับ/ค่ะ ศาสตราจารย์อาวุโส” เมื่อพวกเขาทั้ง 6 คนร่อนลงบนพื้นดินตรงหน้า เหล่าตัวแทนนักเรียนทั้ง 5 คนก็ทักทายทำความเคารพออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ในกลุ่มของผู้ที่เพิ่งมาถึงทั้ง 6 คนนี้ มีอยู่ 3 คนที่เป็นศาสตราจารย์อาวุโสของทางสถาบัน ในขณะที่อีก 3 คนที่เหลือ เดวิดไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่ในเมื่อสามารถเดินทางเคียงคู่มากับศาสตราจารย์อาวุโสได้แบบนี้ ทั้งระดับชั้นและความแข็งแกร่งคงจะไม่ได้ต่างกันมากนักเลย

ศาสตราจารย์อาวุโสของสถาบันคนหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้ากลุ่ม พร้อมกับเอ่ยปากกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมจริงจัง “พวกเธอกำลังจะต้องเดินทางไปยังต่างสถาบันเพื่อทำหน้าที่นักเรียนแลกเปลี่ยน ขอให้ทุกคนพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองและทางสถาบันให้ได้ เมื่อเดินทางกลับมาแล้ว ทางสถาบันย่อมจะมีรางวัลตอบแทนที่เหมาะสมสำหรับการทำหน้าที่ครั้งนี้ให้ด้วยอย่างแน่นอน และยิ่งไปกว่านั้น การได้โอกาสเดินทางไปฝึกฝนที่สำนักซิกนิสในคราวนี้ก็ถือว่าเป็นรางวัลอยู่ในตัวเองแล้วด้วย พยายามเก็บเกี่ยวความรู้กลับมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” ใบหน้าของศาสตราจารย์อาวุโสท่านนี้มีรอยยิ้มออกมาบาง ๆ ในท้ายที่สุด ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นตัวแทนให้โอวาทเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินทางเท่านั้น

ริมฝีปากของเดวิดกระตุกเล็กน้อย เพราะเขากำลังควบคุมตัวเองไม่ให้เอ่ยถามข้อสงสัยที่ติดอยู่ในใจออกไป และรีบพยักหน้ารับโอวาทอย่างเชื่อฟังเช่นเดียวกับนักเรียนคนอื่น

แต่ในจังหวะนั้นนั่นเอง เดวิดก็รู้สึกว่าตัวเองขนลุกซู่ไปทั้งตัว สัญชาตญาณว่ากำลังถูกคุกคามทำงานขึ้นมาอย่างฉับพลัน แต่มันก็คงอยู่เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างช้า ๆ เพื่อสังเกตหาที่มาการคุกคามที่เกิดขึ้น และพบว่าผู้ต้องสงสัยเป็นศาสตราจารย์อาวุโสหญิงที่กำลังส่งสายตามองมาที่พวกเขาทั้ง 5 คนด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มประดับอยู่บาง ๆ

เดวิดรู้สึกสับสนขึ้นมาทันที เขาไม่เคยรู้สึกศาสตราจารย์หญิงคนนี้มาก่อน แม้ว่าสายตาของเธอที่จ้องเข้ามาจะให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาด แต่มันก็เป็นการจ้องมองไปที่ทุกคน ไม่ได้มุ่งเป้ามาที่ตัวเองเป็นพิเศษอะไร เดวิดรีบสลัดความคิดว้าวุ่นที่อยู่ในหัวออกไปก่อน เขาคิดอะไรบางอย่างออก แต่ถ้าจะให้มั่นใจคงต้องรอถามตาแก่ผมขาวตอนที่กลับมาเจอกันอีกครั้งเท่านั้น....

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด