ตอนที่แล้วบทที่ 5 จับเจ้านายทุ่ม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7 เสวี่ยโจวและกู่เหมย

บทที่ 6 ไออุ่นจากห้องครัว


ไม่กี่นาทีก่อน

ในห้องนอนบนชั้นสอง

ภายใต้ความมืดที่เงียบสงัด

โครกคราก~~

มีเสียงบางอย่างดังขึ้น

ร่างเพรียวบาง บนเตียงยันตัวลุกขึ้นนั่ง มองดูท้องของตนเองอย่างไม่สบอารมณ์ ด้วยสีหน้าทุกข์ใจ

ในความเป็นจริง ซูชิงเหม่ยหิวมาตั้งนานแล้ว แต่เธอเพิ่งถูกผู้ช่วยส่วนตัวเห็นร่างเปลือยเปล่าไปหมาดๆ แถมเธอยังพูดปฏิเสธว่าไม่หิวอย่างหยิ่งผยองต่อหน้าเขาอีกด้วย ดังนั้นเธอจึงรู้สึกเขินอายเกินกว่าที่จะลงไปหาอะไรทานที่ชั้นล่าง

เธอจึงได้แต่อดทนต่อความหิวและข่มตาลงเพื่อหวังให้นอนหลับไป

แต่ทว่า ไม่เพียงแต่เธอจะนอนไม่หลับเท่านั้น ท้องเจ้ากรรมยังส่งเสียงร้องประท้วงไม่หยุด

ซูชิงเหม่ยจึงไม่มีทางเลือกอื่น เธอจึงต้องลุกจากเตียงแล้วมองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว

เขาน่าจะหลับไปแล้วมั้ง?

เธอค่อยๆ เปิดประตู เดินออกไปอย่างเงียบ ๆ มองลงไปยังชั้นล่าง และพบว่าด้านล่างไม่ได้เปิดไฟเอาไว้ มีแต่ความมืดและความเงียบเท่านั้น

คงจะหลับแล้วจริงๆ ..

ซูชิงเหม่ยย่องลงไปชั้นล่างอย่างเงียบๆ เดินไปที่ห้องครัว เมื่อนึกถึงคำพูดของหลินโจวที่บอกว่าเขาทำข้าวราดแกงเนื้อเอาไว้ ปากเธอจึงอดไม่ได้ที่จะน้ำลายสอ

เธอเพิ่งหายจากอาการป่วยหนัก ช่วงนี้เธอจึงกินได้เฉพาะอาหารรสอ่อนๆ เธอไม่ได้กินอาหารมื้อหนักมาหลายวันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นั่นก็เนื้อวัวของโปรดเธอเลยนะ!

ซูชิงเหม่ย มองไปทางห้องนอนของหลินโจว ประตูถูกปิดสนิท อืม เขาคงจะหลับไปแล้วแน่ๆ

และเพื่อไม่ให้หลินโจวรู้ตัว ซูชิงเหม่ยจึงไม่ได้เปิดไฟ ใช้โทรศัพท์มือถือของเธอเป็นไฟฉาย มองหารอบๆ อยู่พักหนึ่ง และในที่สุดก็พบกับแกงเนื้อที่อยู่ในหม้อบนเตา

ถึงแม้ว่ามันจะเย็นชืดแล้ว แต่ก็ยังมีกลิ่นหอมอยู่

ซูชิงเหม่ยเปิดตู้แล้วหยิบจานและช้อนออกมา แต่ระหว่างนั้นจานกลับกระทบกันโดยไม่ตั้งใจ ทำให้เกิดเสียงดังขึ้น

ซูชิงเหม่ยสะดุ้งรีบนั่งลงพร้อมกับกอดจานไว้ ก่อนจะค่อยๆ ชะโงกหน้ามองไปยังทิศทางห้องของหลินโจว

ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว

ฟูววว ซูชิงเหม่ยพ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก เธอหิวมากจริงๆ เธอจึงรีบตักข้าวและแกงเนื้อในหม้อใส่จาน จากนั้นก็ยืนกินอย่างเอร็ดอร่อย

หลังจากกัดลงไปคำแรก ดวงตาของเธอก็เปล่งประกาย

อร่อยสุดๆ ไปเลย!

เสียดายที่เย็นไปนิด ถ้าได้กินตอนร้อนๆ ก็คงจะดี

ช่างเถอะ แบบนั้นมีหวังโดนตานั้นต้องจับได้แน่ๆ ตอนนี้เติมให้เต็มท้องก่อนก็พอแล้ว

ซูชิงเหม่ยไม่ชอบปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการกินข้าวต่อหน้าผู้ชายแปลกหน้าที่เพิ่งเห็นร่างกายของเธอทั้งหมด

แม้ว่าซูชิงเหม่ยจะรู้สึกขอบคุณชายคนนี้มาก แต่ในใจของเธอก็ยังคงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

โชคดีที่ตอนนี้มันดึกมากแล้ว เธอจึงสามารถแอบกินข้าวเงียบๆ คนเดียวเพื่อเติมเต็มท้องของเธอได้

ซูชิงเหม่ยกำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างตั้งใจ แต่จู่ๆ เธอก็ถูกใครบางคนกระโจนเข้าใส่จากด้านหลัง อีกฝ่ายกอดรัดร่างของเธอไว้แน่น แถมยังใช้แขนทั้งสองข้างล็อกร่างของเธอไว้

พวกเขาทั้งสองแนบชิดกันมาก จนซูชิงเหม่ยถึงกับสามารถได้สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของอีกฝ่ายข้างหูของเธอ

จากนั้นไอ้คนหยาบคายนั้นยังตะโกนใส่เธออีกว่า: "อย่าขยับ!"

ปอดของซูชิงเหม่ยแทบระเบิดออกมาเพราะความโกรธ นี่บ้านของฉันนะ จู่ๆ นายก็กระโจนใส่ฉัน แล้วยังกล้าห้ามไม่ให้ฉันขยับอีกเหรอ?

เธอจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: "ปล่อยฉันนะ"

ในที่สุดไอ้คนหยาบคายนั้นถึงได้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงรีบปล่อยเธอแล้วไปเปิดไฟ

ซูชิงเหม่ยอยากจะห้ามไม่ให้เขาเปิดไฟ แต่มันกลับสายเกินไป เธอทำได้เพียงรีบยันตัวลุกยืนขึ้น แต่ภาพลักษณ์ของเธอในเวลานี้กลับดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลย

ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าก็ไม่เรียบร้อย หากถูกแฟนคลับเห็นในตอนนี้ พวกเขาคงจะตกใจจนอ้าปากค้างแน่ๆ

นี่ใช่เทพธิดาผู้เย็นชาของพวกเราจริงๆ เหรอ?

ไม่ สภาพตอนนี้ควรเรียกว่าเทพธิดาเพี้ยนมากกว่า!

และสิ่งที่ทำให้เธอขายหน้ายิ่งกว่านั้นก็คือ หลินโจวพบว่าซูชิงเหม่ยกำลังแอบกินข้าวราดแกงเนื้อที่เขาทำเอาไว้

"นี่คุณลงมาทานข้าวงั้นเหรอครับ? "

ตอนนี้ซูชิงเหม่ยอย่างจะตายไปเลยจริงๆ เธอก้มหน้าลงและพยักหน้าเบาๆ

เธออยากรีบกลับขึ้นไปบนชั้นสอง แต่เพิ่งจะกินไปได้นิดเดียว ของก็ยังหิวอยู่

อีกอย่าง แกงเนื้อนั่นก็ยังอร่อยมาก!

เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดาย

เมื่อเห็นท่าทางลำบากใจของซูชิงเหม่ย หลินโจวก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า "คุณไปนั่งรอก่อนสักครู่นะครับ ผมจะไปอุ่นแกงให้ใหม่ ทานอาหารที่เย็นแล้วมันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ"

ซูชิงเหม่ยยังคงก้มหน้าอยู่ เธอตอบรับด้วยเสียงเบา จากนั้นก็รีบหนีออกไปจากห้องครัว เดินไปยังห้องนั่งเล่นและนั่งลง

ไม่นานก็มีเครื่องครัวกระทบกันดังมาจากในห้องครัว ภายใต้ค่ำคืนที่เงียบสงัดนี้ เสียงนั้นไม่ได้ดูน่ารำคาญแต่อย่างใด แต่กลับแฝงไว้ด้วยเป็นอายของวิถีชีวิตอันอบอุ่น

มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากค่ำคืนอันหนาวเย็นซึ่งเธอต้องอยู่อย่างความโดดเดี่ยว เผชิญกับข่าวลือที่ทำร้ายจิตใจเพียงลำพัง

ซูชิงเหม่ยรวบผมที่ยุ่งเหยิงของเธอขึ้น ไม่รู้ทำไม ตอนนี้เธอรู้สึกว่าบ้านอันกว้างขวางที่เคยเงียบเหงา กลับดูอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย

ในไม่ช้า หลินโจวก็ออกมาพร้อมกับข้าวราดแกงเนื้อร้อนๆ เขานำมันออกมาวางที่ด้านหน้าของซูชิงเหม่ย พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม: "เชิญทานได้เลยครับ"

ซูชิงเหม่ยมองดูข้าวราดแกงเนื้อที่หอมกรุ่นในจาน ก่อนจะหันมองไปยังหลินโจวอีกครั้ง แต่ไม่ได้หยิบช้อนส้อมขึ้นมา

เธอรู้สึกไม่ชินกับการทานอาหารต่อหน้าคนแปลกหน้าเลยจริงๆ โดยเฉพาะในยามค่ำคืนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง

มันรู้สึกอึดอัดมากจริงๆ !

"เป็นอะไรไปครับ? "

เมื่อเห็นว่าเธอไม่มีการเคลื่อนไหว หลินโจวก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความสับสน

“ฉันจะเอามันกลับไปกินที่ห้อง”

ซูชิงเหม่ยยกจานขึ้นมา แล้วเดินขึ้นไปที่ห้องของเธอบนชั้นสอง

หลินโจวอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เมื่อเห็นเธอรีบวิ่งขึ้นไปบนชั้นสองราวกับกำลังวิ่งหนี

กินข้าวในห้องนอน? มันมีใครทำแบบนั้นด้วยเหรอเนี่ย?

นี่มันบุคลิกแบบไหนกัน?

ในขณะที่หลินโจวกำลังสับสนอยู่นั้น ใบหน้าเล็กๆ ที่เย็นชาก็โผล่ออกมาจากชั้นสองและพูดกับหลินโจวว่า: "ขอบคุณค่ะ"

พูดจบ เธอก็รีบหลบกลับเข้าไปอย่างรวดเร็วราวลูกแมวน้อยขี้อาย

จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงปิดประตู

หลินโจวยักไหล่ นึกไม่ถึงว่าเทพธิดาผู้เย็นชาที่ได้รับการยอมรับในองค์การบันเทิงจะมีมุมแบบนี้ด้วย

บางทีความเย็นชาที่เธอแสดงออกมาอาจจะไม่ใช่นิสัยของเธอจริงๆ เธออาจจะเป็นคนที่ชอบเก็บตัวและมีนิสัยขี้อายก็ได้?

หลินโจวคิดถึงข่าวลืออื้อฉาวเกี่ยวกับซูชิงเหม่ยบนโลกออนไลน์ที่กล่าวหาว่าเธอใช้เส้นสายและมีความสัมพันธ์ลับๆ กับผู้ใหญ่ในวงการ แต่หลังเขาได้สัมผัสกับเธอภายในไม่กี่ชั่วโมงนี้ เขากลับไม่เชื่อว่าซูชิงเหม่ยจะเป็นผู้หญิงแบบนั้นไปได้

ดูจากท่าทางของเธอแล้ว ผู้หญิงคนนี้อาจไม่เคยมีความรักด้วยซ้ำ คนแบบเธอจะทำเรื่องฉาวโฉ่แบบที่คนบนโลกออนไลน์พูดกันได้อย่างไร?

เธอน่าจะโดนคู่แข่งเล่นงานมากกว่า

ท้ายที่สุดแล้ว ซูชิงเหม่ยก็โด่งดังขึ้นรวดเร็วมากเกินไป การจะถูกคนอิจฉาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

อย่างไรก็ตาม หลินโจวไม่ได้คิดอะไรมากอีก เขาเป็นแค่ผู้ช่วยส่วนตัว ส่วนเธอก็เป็นเจ้านาย วันนี้เขาได้ทำเรื่องเกินเลยกับเจ้านายมาเยอะแล้ว โชคดีแค่ไหนแล้วที่ยังไม่ถูกไล่ออก แล้วเขายังต้องสนใจเรื่องไร้สาระอะไรอีก?

หลินโจวหันกลับไปเก็บของในห้องครัว ตรวจดูจนแน่ใจว่าประตูบ้านถูกล็อกเรียบร้อย จากนั้นจึงกลับเข้าไปในห้องนอน

แม้จะล้มตัวลงนอนแล้ว แต่ก็ยังคงนอนไม่หลับ

วันนี้เกิดเรื่องมากมาย จากคนที่เคยมีภรรยา กลับมาเป็นโสดอีกครั้ง จากนั้นจู่ๆ ก็กลายมาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของนักร้องสาวชื่อดังอย่างกะทันหัน

และเขายังต้องอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันหญิงสาวผู้ซึ่งเปรียบเสมือนเทพธิดาภายในใจของผู้ชายนับไม่ถ้วนอีกด้วย

บางครั้ง ชีวิตก็เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ

จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของหลินโจวก็ส่งเสียงแจ้งเตือนติดๆ กัน

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู และเห็นว่าเป็นข้อความแจ้งเตือนจาก "เอสสเตชั่น"

“คุณได้รับการโดเนท 100 เหรียญมือสมัครเล่น”

“คุณได้รับการโดเนท 1,000 เหรียญมือสมัครเล่น”

"ยินดีด้วย ผลงานของคุณมีผู้เข้าชมครบ 1,000 ครั้ง!"

"ยินดีด้วย ผลงานของคุณมีผู้เข้าชมครบ 2,000 ครั้ง!"

หลินโจวรีบกดเข้าไปใน "เอสสเตชั่น" อย่างรวดเร็ว ตรวจสอบกล่องข้อความของเขา และพบว่าในขณะนี้เขาได้รับยอดโดเนทมาแล้วหลาย 10 ครั้ง และจำนวนผู้เข้าชมก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่า ในครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา กระแสตอบรับของเพลง "น่าเสียดายที่ไม่ใช่คุณ" เริ่มปรากฏออกมาเล็กน้อยแล้ว

นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะคนที่ชอบสิงอยู่ในหมวดดนตรีของ "เอสสเตชั่น" ส่วนใหญ่จะเป็นพวกนอนดึก ชอบใช้เวลาในยามค่ำคืนมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะคนที่ชอบฟังเพลงต้นฉบับ พอได้ยินเพลงดีๆ สักเพลงหนึ่งแล้ว พวกเขาก็มักจะส่งต่อและช่วยกันแนะนำต่อไปอย่างกระตือรือร้น

น่าจะเป็นเพราะมีคนประทับใจเพลง "เสียดายที่ไม่ใช่เธอ" และแนะนำให้เพื่อนฟัง หลังจากฟังแล้ว เพื่อนคนนั้นก็แนะนำให้คนอื่น ๆ เกิดเป็นกระแสเหมือนน้ำหลาก จึงทำให้วิดีโอเพลงของหลินโจวมียอดวิวพุ่งทะยานขึ้นในระยะเวลาอันสั้น

นอกจากนี้ ยังมีคนไม่น้อยที่ส่งข้อความส่วนตัวมาถึงหลินโจว แต่คนเหล่านี้ก็ไม่ได้ส่งข้อความมาเพื่อชื่นชมเขา

“ฮือๆ เพื่อนนายทำเกินไปแล้ว ไหนบอกว่าเป็นเพลงฮีลใจช่วยรักษาคนอกหักไง? ฉันยิ่งฟังยิ่งรู้สึกรวดร้าวยิ่งกว่าเดิม!”

“บ้าเอ๊ย! ฉันเพิ่งอกหักมีคนส่งเพลงนี้ให้ฟัง นี่แกกะจะย่ำยีกันให้ตายเลยใช่ไหม!”

“คำแนะนำนี่มันหลอกลวง! ฮีลใจ? นี่มันอาวุธสังหารคนอกหักชัดๆ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด