ตอนที่แล้วบทที่ 67 : กางอาณาเขต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 69: อุจิวะ โอบิโตะ คือใคร?

บทที่ 68 : พรมแดนไร้เขต


บทที่ 68 : พรมแดนไร้เขต

ซาโตรุอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง โลกตรงหน้าเขาเริ่มเปลี่ยนไป

มันกลายเป็นโลกของท้องฟ้าสีแดงโลหิตและดินแดนสีแดงเข้ม มีอีกาอยู่เต็มไปหมด และบางตัวก็กำลังแทะซากศพที่กระจายทั่วภูเขาและที่ราบ

นี่คือโลกสมมติของคาถาลวงตาอ่านจันทรานิรันดร์ และทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนถูกอิทาจิบงการได้ตามใจนึก

แต่เพียงชั่วครู่หลังจากที่โลกอ่านจันทรานิรันดร์ได้ถูกใช้งาน

*ชึ้บ*

อิทาจิก็ถูกดึงเข้าสู่พื้นที่ที่ดูเหมือนจักรวาลอันกว้างใหญ่

ด้านหลังอิทาจิ มีดวงตาสีดำและสีขาวขนาดใหญ่มากจนดูเหมือนหลุมดำ

"นี่มันคืออะไรกัน?"

ทุกคนในทีมที่เจ็ดกำลังลอยอยู่บนท้องฟ้า พวกเขามองดูพื้นที่ภายในทั้งหมดของไสยเวทไร้ขีดจำกัดด้วยสีหน้าสับสน

นี่คือพลังที่เหนือกว่าขอบเขตของนินจางั้นเหรอ?

พื้นที่นี้มันคืออะไรกัน?

นับเป็นครั้งแรกที่ทั้งสามคนได้เห็นคาถาที่แปลกประหลาดและเข้าใจยากเช่นนี้

“เป็นคาถาที่คล้ายกับคาถากำบังงั้นเหรอ?” คุเรไนเลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาสีแดงสดราวกับอัญมณีของเธอจ้องมองไปยังโลกแห่งไสยเวทย์ไร้ขีดจำกัดอย่างสงสัย

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นอะไรแปลกๆ เช่นนี้

ในตอนแรก เธอคิดว่าการกางอาณาเขตที่แปลกประหลาดนี้จะเป็นพื้นที่สมมุติที่ถูกสร้างขึ้นโดยคาถาลวงตา

แต่จักระในร่างกายของเธอยังมั่นคง ไม่มีการสั่นคลอนหรือลดลงแม้แต่น้อย

ดังนั้นหากไม่ใช่คาถาลวงตา สิ่งนี้ก็คงเป็นคาถากำแพงป้องกันอะไรสักอย่าง

แต่ปัญหาก็คือ

โดยรอบทุกจุดคือพื้นที่ว่างเปล่า ไม่มีทางเลยที่จะดึงทุกคนเข้าสู่พื้นที่ที่มีลักษณะคล้ายกับความว่างเปล่าในอวกาศเช่นนี้ได้

พวกเขาคล้ายกับยังอยู่ในจุดเดิม แต่ที่แห่งนี้ดูจะไม่ใช่เพียงสถานที่ผู้อื่นจู่ๆ ก็จะสามารถเข้ามาได้

หากไม่ใช่คาถากำแพงและคาถาลวงตา เช่นนั้นอธิบายสถานที่ที่คล้ายกับความว่างเปล่าในอวกาศนี้ได้ยังไงกัน?

คุเรไนรู้สึกสับสนมาก เธอรู้ดีเกี่ยวกับคาถาต่างๆ แต่เธอไม่เคยเห็นคาถาแปลกๆ ที่ถูกเรียกว่า "พรมแดนไร้เขต" มาก่อน

"นี่คือโลกภายในของไสยเวทย์ไร้ขีดจำกัด" ซาโตรุดูดอมยิ้มพลางมองอิทาจิด้วยรอยยิ้มบางเบา

เขาไม่ได้อธิบายอะไรมาก เพราะอธิบายแนวคิดเรื่องไสยเวทย์ไร้ขีดจำกัดนั้นยุ่งยาก

“ซาโตรุ นายแข็งแกร่งมากจริงๆ ถึงกับสามารถต่อต้านคาถาอ่านจันทรานิรันดร์ของฉันได้ด้วย” อิทาจิถูกลอยอยู่ในอากาศโดยไม่อาจทำอะไร กระทั่งขยับนิ้วก็ยังไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

“รู้สึกได้ทุกอย่าง แต่ทำอะไรไม่ได้”

จักระของอิทาจิมั่นคง ไม่มีร่องรอยของการถูกโจมตีด้วยคาถาลวงตายามนี้เขาเองก็ได้สัมผัสถึงแนวคิดทั้งหมดในโลกนี้แล้ว

ตั้งแต่การเกิดของมนุษย์ จนถึงการเติบโตของต้นกล้า ข้อมูลอันไม่มีที่สิ้นสุดได้หลั่งไหลเข้าสู่สมองของเขา

ในโลกภายในของไสยเวทย์ไร้ขีดจำกัด เขาสัมผัสได้ทุกสิ่ง แต่ถึงแม้เขารู้ทุกสิ่ง แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้

ข้อมูลมหาศาลประดังประเดเข้ามาในเวลาเพียง 0.1 วินาที จนทำให้อิทาจิต้องหยุดคิดไป

“ช่างน่าเศร้าที่รู้ทุกอย่าง แต่กลับรู้สึกว่าไร้พลังใช่ไหม?” ซาโตรุคว้าศีรษะของอิทาจิพร้อมเผยรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของ และจากนั้นจึงถามด้วยถ้อยคำถากถาง

เขาตั้งใจจะจัดการอิทาจิให้จบด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

ขณะที่ซาโตรุกำลังจะดึงสมองของอิทาจิออกมา มือของเขาก็หยุดชะงักไป เขาเหลือบมองซาสึเกะที่อยู่ไกลๆ

เกือบลืมไปเลย

เจ้าหมาป่าที่ฆ่าพ่อและแม่ตัวนี้เป็นแรงบันดาลใจและแรงผลักดันให้เด็กแสบอุจิวะแข็งแกร่งขึ้น

จะจัดการอิทาจิก็สามารถจัดการได้ทุกเมื่อ ถ้าเช่นนั้นปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ไปก่อนแล้วกัน เพราะเขาจะได้กลายเป็นคู่ต่อสู้ที่เพิ่มประสบการณ์ให้กับเด็กอุจิวะ

มันจำเป็นที่จะต้องมีความเกลียดชังเป็นหนึ่งในแรงผลักดัน เพื่อที่จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น

ยังไม่มีเคยมีใครใช้การกางอาณาเขตในโลกนินจา ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถจัดการกับมันได้

นอกจากพรมแดรไร้เขตแล้ว ซาโตรุยังมีอะไรอีกหลายอย่างด้วย

หลังจากที่เด็กแสบอุจิวะนั้นเข้มแข็งและพึ่งพาตัวเองได้ เขาก็จะได้ไม่มีเรื่องต้องห่วงแล้ว

“นายยังมีค่าพอที่จะอยู่ต่อ ยินดีด้วยล่ะที่รอดชีวิต” ซาโตรุปล่อยมือแล้วตบไหล่อิทาจิ

จากนั้นซาโตรุก็ทำอะไรบางอย่าง

*ฟุ้บ*

อาณาเขตหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทีมที่เจ็ดและคนอื่นๆ ก็กลับไปที่สวนสาธารณะเช่นเดิม

อิทาจิล้มลงกับพื้น ใบหน้าของเขาและดวงตาของเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา แต่จิตใจของเขายังคงเต็มไปด้วยความรู้ที่ไร้ประโยชน์

เขาจะจัดการความรู้อันไร้ประโยชน์ในสมองของเขาได้ยังไง เขาเองก็คิดไม่ออก

“อุจิวะ โอบิโตะ รีบพาพวกเขาออกไปเร็วเข้าสิ” ซาโตรุวางเท้าลงบนหลังศีรษะของอิทาจิ ทำให้ใบหน้าของอิทาจิแนบอยู่กับพื้น

“อุจิวะ?”

ทุกคนในทีมที่เจ็ดตกใจเล็กน้อย ซากุระและนารูโตะมองดูซาสึเกะโดยไม่รู้ตัว

อาจารย์ซาโตรุพูดอะไรนะ ใครคืออุจิวะ โอบิโตะกัน?

ถ้าจำไม่ผิด คงเหลือแค่สองคนในตระกูลอุจิวะ นั่นคือซาสึเกะและอิทาจิไม่ใช่เหรอ?

“อุจิวะ…โอบิโตะ?” ใบหน้าของคุเรไนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอรู้ว่าอุจิวะ โอบิโตะคือใคร เขาเป็นลูกศิษย์ของโฮคาเงะรุ่นสี่และเป็นเพื่อนของคาคาชิ

แต่ประเด็นคือโอบิโตะตายไปแล้ว

ทำไมซาโตรุถึงพูดถึงคนที่ตายไปนานแล้วล่ะ?

คุเรไนสับสนเล็กน้อย

“อาจารย์ซาโตรุ หมายความว่าไงกัน?” ซาสึเกะกำหมัดแน่นและจ้องมองซาโตรุอย่างเย็นชา

เขานั้นอยากรู้ว่าอุจิวะ โอบิโตะคือใคร

แต่สิ่งที่เขากังวลมากกว่านั้นคือดูเหมือนว่าอาจารย์ซาโตรุกำลังคิดที่จะปล่อยอิทาจิไป

“อย่าตื่นเต้นไปหน่อยเลย เธอสามารถฆ่าเขาได้เลยในตอนนี้นะถ้าเธอต้องการ” ซาโตรุหยิบคุไนขึ้นมาแล้วโยนมันต่อหน้าซาสึเกะ

"จัดการเลยสิ" ซาโตรุคว้าผมของอิทาจิ ยกอิทาจิขึ้นเขย่าแล้วพูดเบาๆ “อาจารย์ซาโตรุที่รักของเธอ จะช่วยเธอให้แก้แค้นสำเร็จเอง”

ซาโตรุมองไปที่ซาสึเกะ

หากแก้แค้นด้วยน้ำมือของผู้อื่น เจ้าเด็กอุจิวะคนนี้ก็จะสูญเสียเหตุผลในการแสวงหาความแข็งแกร่งและการมีชีวิตอยู่ไป

ซาสึเกะจับคุไนไว้และจ้องมองอิทาจิด้วยความโกรธพร้อมกับเนตรวงแหวนสีแดงสามหยดน้ำของเขา

ภาพค่ำคืนแห่งการฆ่าล้างตระกูลปรากฏขึ้นในความคิดของเขา

พ่อแม่ของเขาต่างเสียชีวิตอย่างอนาถ สมาชิกในตระกูลถูกฆ่าและไม่มีผู้รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว

เขาเป็นผู้ล้างแค้นและต้องใช้การตายของอิทาจิเพื่อเซ่นสังเวยแด่ตระกูลทั้งหมดที่เสียชีวิตไป

นี่เป็นแรงผลักดันหนึ่งเดียวในชีวิตของเขา

“อุจิวะ อิทาจิ!!!” ซาสึเกะวิ่งไปหาอิทาจิโดยมีคุไนอยู่ในมือ

ทันใดนั้นซาสึเกะก็พลันนึกถึงสิ่งที่ซาโตรุพูดเมื่อครู่

'อาจารย์ซาโตรุสามารถช่วยเธอแก้แค้นให้สำเร็จได้'

“ฮู่ว…แฮ่ก…แฮ่ก” ซาสึเกะหยุดกะทันหัน คุไนที่แหลมคมก็หยุดที่ลำคอของอิทาจิ เขาหอบหายใจอย่างแรง อารมณ์โกรธ เหตุผลและความเกลียดชังสลับกันไปมาอย่างสับสนในใจของเขา

ชีวิตของเขาจะมีความหมายอะไรหากเขายืมมือคนอื่นแก้แค้น?

“อย่าลังเลสิ ถ้าเธอต้องการแก้แค้นก็ทำเลยสิ เอาเลย แก้แค้นด้วยการยืมมือคนอื่นช่วย” ซาโตรุเขย่าอิทาจิด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยเล็กน้อย สายตาของเขาจ้องมองดูซาสึเกะที่กำลังลังเลอยู่ตรงหน้า

“ถ้าไม่มีกำลังก็บอกฉันได้เลย เดี๋ยวฉันจะฆ่าอิทาจิให้ทันที”

ซาโตรุคล้ายกับกำลังพูดแดกดันและเยาะเย้ยซาสึเกะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด